ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ก้าวเท้าอย่างแผ่วเบาเข้าไปในห้องนอน กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคยของเหมย ลอยมาแตะจมูก ยิ่งทำให้ใจที่คิดถึงแทบขาดของอาชาเต้นรัวแรง เขาปิดประตูอย่างเบามือที่สุดแล้วเดินตรงไปยังเตียงกว้างอย่างเงียบเชียบ
ดวงตาคมกริบไล่มองร่างเล็กที่นอนขดอยู่ภายใต้ผ้าห่มสีขาวสะอาดตา แสงไฟสลัวจากโคมไฟหัวเตียงส่องกระทบใบหน้าหวานที่กำลังหลับใหล อย่างเป็นสุข เรียวปากบางอิ่มที่เผยอยิ้มเล็กน้อยในยามหลับใหล แสดงให้เห็นว่าเธอกำลังมีความสุขในห้วงฝัน อาชากลัวเหลือเกินว่าถ้าหากไม่ใช่เขาที่ยืนอยู่ตรงนี้ แต่เป็นชายอื่นที่ล่วงล้ำเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเธอ เหมยจะเป็นอย่างไร ความคิดเหล่านั้นทำให้แววตาของอาชาเต็มไปด้วยความหวงแหนและหึงหวง เขาทรุดตัวลงนั่งข้างเตียง ค่อยๆ เอื้อมมือไปลูบผมยาวสลวยที่กระจัดกระจายอยู่บนหมอนอย่างแผ่วเบา จากนั้นจึงเลื่อนปลายนิ้วไล้ไปตามโครงหน้าหวาน ไล่ลงมาตามลำคอระหง อาชาโน้มตัวลงไปกระซิบเสียงแผ่วข้างหูของเธอ "คิดถึงนะครับ...คิดถึงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว" คำกระซิบแผ่วเบาคล้ายจะปลุกให้เหมยรู้สึกตัว เธอขยับตัวเล็กน้อยแล้วลืมตาขึ้นช้าๆ แสงสลัวทำให้เธอเห็นใบหน้าของอาชาไม่ชัดเจนนัก แต่กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยก็ทำให้เธอรู้ว่าใครกำลังอยู่ตรงหน้า ดวงตาคู่สวยของเธอเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยด้วยความตกใจระคนดีใจ "คุณ...อาชา" เหมยเรียกชื่อเขาเสียงแง่วเบา "คุณกลับมาแล้วเหรอคะ" อาชาพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น เขาโน้มตัวลงไปจุมพิตที่หน้าผากของเหมยอย่างอ่อนโยน "ครับ...กลับมาหาคุณเหมยแล้ว" เหมยยันกายขึ้นนั่งอย่างงุนงง ไม่คิดไม่ฝันว่าอาชาจะกลับมาเซอร์ไพรส์เธอถึงที่บ้านสวนแบบนี้ "ทำไมไม่บอกกันก่อนเลยล่ะคะ เหมยจะได้ไปรับที่สนามบิน" "อยากมาหาแบบเงียบๆ อยากเห็นว่าคุณเป็นยังไงบ้าง" อาชาตอบแล้วโอบกอดร่างบางเข้ามาแนบชิด พลางซบใบหน้าลงที่ซอกคอหอมกรุ่นของเธอ "ให้รางวัลคนดีหน่อยนะครับ" เขาค่อยๆ เลื่อนมือไปปลดกระดุมชุดนอนผ้าซาตินของเหมยทีละเม็ดอย่างเชื่องช้า ดวงตาที่เต็มไปด้วยความรักของอาชาทำให้หัวใจของเหมยเต้นระรัว เธอยอมให้เขากระทำโดยไม่ขัดขืน ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นที่คิดถึงเธอ เธอก็คิดถึงเขาไม่แพ้กัน ในที่สุดผ้าซาตินสีขาวก็ถูกปลดออกจากเรือนร่างอรชร เหมยหลับตาลงรับสัมผัสจากเขาอย่างเต็มใจ อาชาจุมพิตซ้ำแล้วซ้ำเล่าบนดวงหน้าหวาน ก่อนจะไล่ลงมายังลำคอระหง สูดดมความหอมอย่างไม่รู้จักพอ จากนั้นจึงเคลื่อนไปที่ยอดอกสี หวาน ดูดกลืนและเม้มเบาๆ จนเหมยต้องแอ่นอกขึ้นรับ อืม....! เสียว....อ้าส์.... คำรามในลำคอด้วยความพอใจ มืออีกข้างของอาชาซุกซนไล่ไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกาย ลูบไล้ลงมาถึงหน้าท้องนวลเนียน และในที่สุดก็ลงไปที่จุดรวมอารมณ์ อาชาค่อยๆ ใช้นิ้วบรรเลงบทเพลงแห่งรักอย่างช้าๆ สร้างความปั่นป่วนในกายของเธอ ติ่งเสียวถูกขยี้ด้วยนิ้วมือหนา เขี่ยวนไปมาเพื่อเพิ่มความเร่าร้อน เหมยสะท้านและบิดเร่าเธอเสียวจนแทบจะขาดใจ อาชาโน้มตัวลงกระซิบที่ข้างหูเธอว่า "พร้อมหรือยังครับ...คนดี" อะ อะ ซี๊ด.....! "ไม่ไหวแล้วค่ะ คุณอาชา" เหมยครวญครางแล้ว เหมยพยักหน้า เธอกำลังสั่นไปทั้งร่างด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้น "ผมก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ...." อาชาก็แข็งจนจะปริแตก หัวบานราวดอกเห็ดใหญ่เมื่อลูกชายกำลังแข็งตัว อาชาไม่รอช้าเขาเคลื่อนตัวขึ้นมาประทับกายอยู่เหนือร่างบาง เขาค่อยๆ สอดใส่ความแข็งแกร่งเข้าไปในส่วนที่โหยหา อารมณ์ที่ถูกอัดอั้นมานานถูกปลดปล่อยออกมาด้วยกัน "โอ้ว...แน่นมาก เหมย เมียจ๋า...ขอผัวกระแทกให้หายคิดถึงหน่อย อ้าส์ อย่าขมิบ เดี๋ยวผัวแตก...เมียจ๋า.." อาชาเปลี่ยนสรรพนามแท่งเอ็นเกร็งโดนรูสวาทที่คับแน่นบีบรัดตอดจนแทบขยับไม่ได้ เขาถึงครวญครางด้วยความเสียวซ่าน "เปล่า.. เหมย อ้าส์...เปล่าขมิบ." เสียวเหมยที่โดนอารมณ์สวาทครอบงำ เธอโดนแท่งเอ็นขนาดใหญ่กำลังเตรียมบรรเลงเพลงรักกับเธอด้วยความเร้าร้อนแรง เมื่ออาชาโน้มตัวลงไปใกล้ เหมยก็รู้สึกราวกับหัวใจจะทะลุออกมานอกอก ไออุ่นจากร่างกายเขาแผ่ซ่านเข้ามาโอบล้อมเธอไว้ ดวงตาของเธอมองสบเข้ากับดวงตาคมกริบของเขาที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความปรารถนาและรักใคร่ "คุณ...อาชา" เสียงของเหมยสั่นพร่าอย่างควบคุมไม่ได้เธอตื่นเต้นพอ ๆ กับครั้งแรกที่เป็นของกันและกันตรงสระน้ำเสียอีก อาชายิ้มรับ พลางเลื่อนมือไปสัมผัสที่แก้มเนียนของเธอ "อยากให้คุณมีความสุข" ริมฝีปากของเขาค่อยๆ ประกบลงบนเรียวปากอิ่มของเหมยอย่างอ่อนโยนในตอนแรก ก่อนที่ความร้อนแรงจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เหมยหลับตาพริ้มตอบรับจุมพิตของเขาอย่างเต็มที่ มือของเธอเลื่อนขึ้นไปโอบรอบลำคอของอาชาอย่างแนบแน่น เมื่ออาชาผละออก เหมยก็หอบหายใจเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยของเธอฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความสุข "คิดถึงเหลือเกิน คนดีของเหมย" เหมยกระซิบเสียงแผ่วเบาเหมยอยากสร้างบรรยากาศเอาใจคนตัวสูง อาชาโอบกอดร่างบางเข้ามาแนบชิด พลางกระซิบตอบที่ข้างหูของเธอ "ผมก็เหมือนกัน... และคืนนี้เราจะชดเชยเวลาที่หายไปทั้งหมด" อาชาประคองใบหน้าหวานของเหมยไว้ในมือ ดวงตาคมกริบของเขาเต็มไปด้วยความรักที่ไม่มีวันจางหาย เขาค่อยๆ เลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้เหมย ริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกันอย่างแผ่วเบา เป็นจูบที่เต็มไปด้วยความรัก ความคิดถึง และความสุขที่เอ่อล้น "ผมรักคุณนะเหมย" อาชากระซิบเสียงแผ่ว เหมยหลับตาพริ้ม น้ำตาแห่งความสุขไหลรินอาบแก้ม เธอไม่ตอบอะไร เพียงแค่กอดเขาไว้แน่นขึ้น ราวกับกลัวว่าเขาจะหายไปอีกครั้ง อาชาเริ่มขยับสะโพกแกร่งขยับตามจังหวะราวกับที่โหยหา อารมณ์ที่ถูกอัดอั้นมานานถูกปลดปล่อยออกมาด้วยกัน ทั้งสองคนเคลื่อนไหวเป็นจังหวะเดียวกันอย่างสอดคล้อง "เหมย อ้าส์ ขอเอาแรง ๆ นะ.." อาชาไม่รอให้เหมยอนุญาตเขาซัดสุดแรง จนเหมยที่นอนใต้ร่างโดนกระแทกหัวสั่นคลอนตามจังหวะ อะ อะ อะ!! "เบา ๆ หน่อยค่ะ เสียว..ไม่ไหวแล้วคุณอาขาขา... อ้าส์." เหมยกอดรัดร่างสูงเอาไว้แน่นจนอาชาอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปจูบแลกลิ้นกันไปมาส่วนด้านล่างยังคงสาวเข้าออกอย่างเร่าร้อน ดั่งบทเพลงรักที่บรรเลงในค่ำคืนอันเงียบสงบ เสียงหอบหายใจและเสียงครางแผ่วเบาผสมปนเปกันไปทั่วห้อง แสงสลัวจากโคมไฟหัวเตียงส่องให้เห็นหยาดเหงื่อที่ผุดพรายบนเรือนกายทั้งสอง แต่ละครั้งที่เคลื่อนไหว ความรักและความคิดถึงที่เก็บงำมานานก็ถูกถ่ายทอดสู่กันและกัน เมื่อบทเพลงแห่งรักบรรเลงถึงบทสุดท้าย ทั้งสองคนกอดเกี่ยวกันอย่างแนบแน่น อาชาจูบซับเหงื่อบนหน้าผากของเหมยแล้วลูบไล้เส้นผมของเธออย่างอ่อนโยน "ดีใจจัง...ที่คุณยังรอผม" เขาเอ่ยเสียงแผ่ว พลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เหมยซบหน้าลงที่อกแกร่งของเขา ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข "เหมยก็ดีใจ...ที่ได้เจอคุณอีกและกลับมาอย่างปลอดภัยค่ะ" เหมยไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เธอรู้เพียงแค่ว่าช่วงเวลาที่อาชาอยู่ตรงนี้ เธอจะเก็บเกี่ยวความสุขทุกวินาทีให้มากที่สุด ส่วนเรื่องราวในวันพรุ่งนี้...ปล่อยให้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน เช้าวันรุ่งขึ้น แสงแดดอุ่นยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องนอนปลุกให้เหมยรู้สึกตัว เธอปรือตาขึ้นแล้วมองร่างสูงใหญ่ที่กำลังนอนหลับอยู่ข้างกายอย่างไม่รู้เบื่อ ใบหน้าคมคายที่ยามหลับใหลดูอ่อนโยนกว่าปกติทำให้เหมยอยากจะแอบจุมพิตที่ใบหน้าของเขาแต่ก็กลัวว่าเขาจะตื่นเสียก่อน....วันเวลาเดินเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็วก็เข้าปีที่ 3 เด็กๆโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกันเหมยที่ทำหน้าที่ดูแลลูกและหนูน้อยลิลลี่ในเวลาเดียวกันเธอทำทุกอย่างออกมาได้ดีมีแม่บ้านคอยช่วยเหลือบ้างเพราะเธอเองก็ยังทำงานที่เธอรักทำอะไรแต่เช้าครับขณะที่อยู่บนเตียงกว้างกับสามีสุดที่รักอย่างอาชาเขาที่ตื่นมาเห็นหน้าเหมือนเป็นคนแรกในทุกๆวันเช่นนี้เสมอ"กำลังคิดเรื่องพร็อพนิยายใหม่นะคะเดี๋ยวว่าจะแวะเข้าไปที่ไร่ชาสักอาทิตย์หน้าเผื่อไปหาบรรยากาศเปลี่ยนโหมดการทำงานหน่อย"เหมยยิ้มกว้างขณะที่นั่งอยู่บนเตียงหลังจากที่เธอล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ"ก็ดีสิครับ จะได้เปลี่ยนบรรยากาศด้วยตอนนี้ที่ร้านมีขนมใหม่ ๆ เยอะเลยนะ ผมก็อยากให้เหมยไปดูเหมือนกัน" อาชาส่งยิ้มแล้วก็ขยับมานอนบนตักของเหมยด้วยท่าทีออดอ้อนแม้จะแต่งงานกันมาเข้าปีที่ 3 แล้วเหยียบปีที่ 4 ทั้งคู่ก็ยังคงความหวานใส่กันและกันเสมออาชาไม่เคยรักเหมยน้อยลงเช่นเดียวกับเหมยที่ไม่เคยรักอาชาน้อยลงเลย"อาทิตย์นี้เห็นหนูน้อยลิลลี่ของเรากับอคินจะไปบ้านของคุณย่าน้ำฟ้านะคะเดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่ เหมยจะมารับเอง เห็นว่าบ่นคิดถึงหลาน ๆ" เหมยใช้มือลูบไปตามกลุ่มผมของอาชาแล้วก็ส่งยิ้มอา
แสงไฟสลัว ๆ ที่โถงทางเดินของโรงพยาบาลส่องให้เห็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนและนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ ทุกคนในที่นั้นต่างมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลและความหวังปะปนกันไป มีทั้งคุณหญิงวสุธรและคุณบุญรอด ผู้เป็นพ่อและแม่ของอาชา, คุณแม่น้ำฟ้าและคุณพ่อบุญทอง พ่อแม่ของเหมย, และหนูน้อยลิลลี่ ลูกสาววัย 5 ขวบเศษที่มาเฝ้ารอน้องชายคนใหม่ของเธออาชาเดินวนไปมาไม่หยุด เขากุมมือแน่นจนเหงื่อออกซึม ดวงตาจับจ้องไปที่ประตูห้องคลอดอย่างไม่คลาดสายตา ทุก ๆ นาทีที่ผ่านไปเหมือนเป็นชั่วโมงอันยาวนานสำหรับเขาคุณหญิงวสุธรลุกขึ้นจากเก้าอี้พลางวางมือบนบ่าของลูกชาย "ใจเย็น ๆ เถอะลูก เหมยเขาเข้มแข็งจะตาย"คุณบุญรอดเสริมขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้หนักแน่น "นั่นสิอาชา เราทุกคนอยู่ที่นี่พร้อมหน้าพร้อมตา ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกลูก"พ่อของอาชาตกไปที่บ่าของลูกชายเพื่อเป็นกำลังใจเพราะเขาก็เคยผ่านช่วงเวลานี้ในวันที่อาชาได้คลอดออกมาลืมตาดูโลกเช่นกัน"ครับพ่อ" อาชาหันไปตอบแต่ก็ไม่สามารถลดละสีหน้าความเป็นกังวลที่เป็นห่วงเหมยและลูกในท้องที่กำลังรออยู่ในห้องคลอดได้เลยส่วนอีกฟากหนึ่ง คุณพ่อบุญทองก็โอบกอดคุณแม่น้ำฟ้าไว้แน่น คุณแม่น้ำ
ตัดภาพมาที่ทางด้านอาชากับเหมยที่เดินทางมาถึงประเทศญี่ปุ่นในเวลาที่แตกต่างจากไทยทั้งสองมาถึงในวันที่หิมะเริ่มตกพอดีและเป็นช่วงเวลาที่ไม่ได้ตกหนักมากจนเกินไปทำให้เธอได้มองเห็นบรรยากาศที่สวยงามเกินคำบรรยายราวกับออกมาจากเทพนิยายสองร่างก้าวเท้าออกมาจากสนามบินชินชิโตเซะสู่โลกที่ปกคลุมไปด้วยความขาวบริสุทธิ์ของหิมะ เหมยสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่บริสุทธิ์จนขนลุกไปทั่วทั้งร่าง เธอหันไปมองอาชาที่กำลังยืนยิ้มอยู่ข้างๆ“สวยจังเลยค่ะพี่อาชา เหมือนความฝันเลย” เหมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความตื่นเต้นอาชาโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูเธอ “นี่ไม่ใช่ความฝันครับ มันคือโลกแห่งความจริงที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไป”เมื่อมาถึงโรงแรม ทั้งสองก็ไม่รอช้าที่จะออกไปสำรวจเมืองที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ เหมยกับอาชาจูงมือกันเดินไปตามถนนที่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ผู้คนต่างแต่งกายด้วยชุดกันหนาวสีสันสดใส ทำให้บรรยากาศดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นเหมยไม่เคยรู้สึกมีความสุขเท่านี้มาก่อนในชีวิต เธอได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้แสดงความรู้สึกอย่างท
เสือยืนนิ่งอึ้งในห้องเก็บของที่มืดสลัว ความรู้สึกทั้งประหลาดใจ สับสน และตื่นเต้นปะปนกันไปหมด ริมฝีปากของเขายังคงรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาแต่ร้อนแรงของเจสซี่ หัวใจเต้นรัวราวกับกลองศึก“คุณเจสซี่...นี่คุณทำบ้าอะไรเนี่ย!” เสือหลุดปากออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประหม่า เขาพยายามผลักดันเจสซี่ออก แต่เธอกลับยิ่งกอดเขาไว้แน่นเจสซี่หัวเราะเบาๆ “ก็เจสซี่บอกแล้วไงคะ ว่าเจสซี่จะทวนความจำให้เสือ” เธอกระซิบข้างหูเขาอย่างหยอกล้อ “แล้วตอนนี้เสือจำได้หรือยังคะ ว่าใครเป็นคนทำแบบนี้กับเสือ”เสือหลับตาลงอย่างอ่อนใจ เขาพยายามรวบรวมสติทั้งหมดที่มี “คุณเจสซี่ครับ ปล่อยผมเถอะครับ” น้ำเสียงของเขาเริ่มสั่นเครือ “มันไม่ถูกต้อง”“ไม่ถูกต้องตรงไหนคะ” เจสซี่แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “หรือเสือคิดว่าเจสซี่ไม่ดีพอ? เจสซี่เป็นผู้หญิงที่ไม่ได้แย่นะคะ”“คุณดีเกินไปครับ” เสือสวนกลับทันควัน เขาหมายความอย่างนั้นจริงๆ เจสซี่เป็นผู้หญิงที่สวย ฉลาด และมาจากครอบครัวดีๆ . เขาเป็นแค่บอดี้การ์ด...เป็นได้เพียงแค่เงา ที่ไม่ควรมีตัวตนในชีวิตของใคร“เสือไม่ต้องมาหาข้ออ้างเลย” เจสซี่สวนกลับอย่างรู้ทัน “เจสซี่รู้ว่าเสือไม่ได้รังเกียจเจส
สามเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหกเลิกและงานแต่งของเหมยและอาชาก็มาถึง เพื่อนสาวอย่างเจสซี่บินตรงมาจากออสเตรเลียรวมถึงพราวที่ขับรถจากเชียงรายเพื่อมาหาเพื่อนรักในวันพิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นอย่างอบอุ่นท่ามกลางแขกในงานมากหน้าหลายตาเสือและเหล่าบอดี้การ์ดทุกคนเข้าประจำจุดด้วยความพร้อมเพียงวันนี้บอดี้การ์ดของอาชาสวมใส่เสื้อทักซิโด้สีขาวแทนสีดำทำให้บรรยากาศยิ่งดูสดใสขึ้นไปอีกเท่าตัวนึงส่วนเหมยที่ได้สวมใส่ชุดเจ้าสาวแบบฝรั่งโดยมีเพื่อนสาวอย่างเจสซี่เป็นผู้ออกแบบและตัดเย็บเองกับมือเธอภูมิใจในไม้แขวนชุดนี้เหลือเกินเพราะคนที่เป็นไม้แขวนเสื้อตัวนี้ก็คือเหมยเพื่อนสาวที่เธอรักที่สุดพิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นสไตล์ฝรั่งและมีบาทหลวงมากล่าวคำพิธีมงคลต่างๆขณะที่อาชายืนรอเหมยให้เดินออกมากับพ่อบุญทองเขาก็ต้องตกตะลึงเพราะเหมยไม่เคยลองชุดเจ้าสาวให้เขาเห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียวเธอบอกว่าเป็นความลับเหมยในชุดเกาะอกสีขาวโชว์ให้เห็นคองามระหงชุดถุงมือสีขาวบางลายลูกไม้ผ้าคลุมผมเหมือนดั่งเจ้าหญิงชุดฟูฟ่องเล็กน้อยไม่ได้ดูมากไปและน้อยเกินไปต่างหูไข่มุกถูกประดับลงบนใบหูทั้งสองข้างสร้อยไข่มุกและตรงกลางฝังด้วยเพชรขนาด สิบห้ากะรัตดูไม่เ
ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ก้าวเท้าอย่างแผ่วเบาเข้าไปในห้องนอน กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคยของเหมย ลอยมาแตะจมูก ยิ่งทำให้ใจที่คิดถึงแทบขาดของอาชาเต้นรัวแรง เขาปิดประตูอย่างเบามือที่สุดแล้วเดินตรงไปยังเตียงกว้างอย่างเงียบเชียบดวงตาคมกริบไล่มองร่างเล็กที่นอนขดอยู่ภายใต้ผ้าห่มสีขาวสะอาดตา แสงไฟสลัวจากโคมไฟหัวเตียงส่องกระทบใบหน้าหวานที่กำลังหลับใหล อย่างเป็นสุข เรียวปากบางอิ่มที่เผยอยิ้มเล็กน้อยในยามหลับใหลแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังมีความสุขในห้วงฝัน อาชากลัวเหลือเกินว่าถ้าหากไม่ใช่เขาที่ยืนอยู่ตรงนี้ แต่เป็นชายอื่นที่ล่วงล้ำเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเธอ เหมยจะเป็นอย่างไรความคิดเหล่านั้นทำให้แววตาของอาชาเต็มไปด้วยความหวงแหนและหึงหวง เขาทรุดตัวลงนั่งข้างเตียง ค่อยๆ เอื้อมมือไปลูบผมยาวสลวยที่กระจัดกระจายอยู่บนหมอนอย่างแผ่วเบา จากนั้นจึงเลื่อนปลายนิ้วไล้ไปตามโครงหน้าหวาน ไล่ลงมาตามลำคอระหง อาชาโน้มตัวลงไปกระซิบเสียงแผ่วข้างหูของเธอ "คิดถึงนะครับ...คิดถึงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว"คำกระซิบแผ่วเบาคล้ายจะปลุกให้เหมยรู้สึกตัว เธอขยับตัวเล็กน้อยแล้วลืมตาขึ้นช้าๆ แสงสลั