การแต่งงานที่อบอุ่นและจุดเริ่มต้นของเสือกับเจสซี่

สามเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหกเลิกและงานแต่งของเหมยและอาชาก็มาถึง เพื่อนสาวอย่างเจสซี่บินตรงมาจากออสเตรเลียรวมถึงพราวที่ขับรถจากเชียงรายเพื่อมาหาเพื่อนรักในวันพิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นอย่างอบอุ่นท่ามกลางแขกในงานมากหน้าหลายตา

เสือและเหล่าบอดี้การ์ดทุกคนเข้าประจำจุดด้วยความพร้อมเพียงวันนี้บอดี้การ์ดของอาชาสวมใส่เสื้อทักซิโด้สีขาวแทนสีดำทำให้บรรยากาศยิ่งดูสดใสขึ้นไปอีกเท่าตัวนึง

ส่วนเหมยที่ได้สวมใส่ชุดเจ้าสาวแบบฝรั่งโดยมีเพื่อนสาวอย่างเจสซี่เป็นผู้ออกแบบและตัดเย็บเองกับมือเธอภูมิใจในไม้แขวนชุดนี้เหลือเกินเพราะคนที่เป็นไม้แขวนเสื้อตัวนี้ก็คือเหมยเพื่อนสาวที่เธอรักที่สุด

พิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นสไตล์ฝรั่งและมีบาทหลวงมากล่าวคำพิธีมงคลต่างๆขณะที่อาชายืนรอเหมยให้เดินออกมากับพ่อบุญทองเขาก็ต้องตกตะลึงเพราะเหมยไม่เคยลองชุดเจ้าสาวให้เขาเห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียวเธอบอกว่าเป็นความลับ

เหมยในชุดเกาะอกสีขาวโชว์ให้เห็นคองามระหงชุดถุงมือสีขาวบางลายลูกไม้ผ้าคลุมผมเหมือนดั่งเจ้าหญิงชุดฟูฟ่องเล็กน้อยไม่ได้ดูมากไปและน้อยเกินไปต่างหูไข่มุกถูกประดับลงบนใบหูทั้งสองข้างสร้อยไข่มุกและตรงกลางฝังด้วยเพชรขนาด สิบห้ากะรัตดูไม่เล็กและไม่ใหญ่เกินไป

เหมยและพ่อบุญทองเดินเคียงคู่กันออกมาท่ามกลางสายตาของแขกทั้งสองข้างจ้องมองเจ้าสาวแล้วต่างพากันตกตะลึง

"คุณอาชาตาถึงมากที่เลือกเจ้าสาวคนนี้ดูสิสวยขนาดนี้เหมือนนางฟ้าเลยอ่ะ" แขกทุกคนในงานต่างพากันซุบซิบว่าเจ้าสาวของอาชาสวยมาก

แม้แต่ตัวอาชาเองก็หันมามองเจ้าสาวของเขาที่วันนี้สวยจนเขาตกจะลืมจนเจ้าสาวเดินมาอยู่ตรงหน้าของอาชาเขายังคงมองเพ่งพินิจใบหน้าของเจ้าสาวผ่านผ้ากั้นด้วยความรักใคร่และแววตาที่หลงไหล

"วันนี้คุณสวยมากเลยสวยที่สุด" อาชาเอ่ยชมเหมยพร้อมกับรอยยิ้ม

"พ่อฝากลูกสาวพ่อด้วยนะ นับจากวันนี้คงต้องเป็นอาชาที่ดูแลเหมยแทนพ่อ" ผู้เป็นพ่อได้ยื่นมือลูกสาวส่งให้กับว่าที่ลูกเขยอย่างอาชาและกล่าวคำฝากฝัง

"ผมจะดูแลเธอด้วยชีวิตของผมและทั้งลมหายใจที่เหลือตลอดนี้มีไว้เพื่อเธอครับพ่อ" อาชาหันมาบอกผู้เป็นพ่อของเหมยอย่างหนักแน่น

เมื่อแสงสุดท้ายของวันลับขอบฟ้า งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสในช่วงค่ำคืนก็เริ่มต้นขึ้น บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุขสนุกสนาน แขกเหรื่อต่างพากันเต้นรำและพูดคุยกันอย่างออกรส

เจสซี่ในชุดราตรีเกาะอกสีแดงเพลิงที่ขับผิวขาวผ่องของเธอให้โดดเด่นสะดุดตา กำลังยืนจิบแชมเปญอย่างมีจริต เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อตามหาเป้าหมาย

ไม่นานนัก สายตาของเธอก็ปะทะเข้ากับร่างสูงสง่าของเสือ บอดี้การ์ดคนสนิทของอาชา ที่กำลังยืนประจำการอยู่มุมหนึ่งของงาน เสือยังคงมาดขรึมและสุขุมเหมือนเช่นเคย แต่แววตาของเขากลับดูมีเสน่ห์อย่างเหลือร้ายในสายตาของเจสซี่

ริมฝีปากบางของเจสซี่ยกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ เธอไม่รอช้า รีบสาวเท้าเดินตรงเข้าไปหาเสือทันที

“ไงคะเสือ ไม่เจอกันตั้งนานยังจำกันได้ไหมเอ่ย” เจสซี่ทักทายด้วยน้ำเสียงยั่วยวน พร้อมทั้งส่งสายตาหวานเชื่อมให้

เสือหันมามองเจสซี่เล็กน้อย ใบหน้ายังคงเรียบเฉย “คุณเจสซี่” เขาเอ่ยชื่อเธอสั้นๆ แต่ในใจกลับรู้สึกประหลาดใจกับการปรากฏตัวของเธอ เพราะจำได้ว่าเธอเพิ่งบินกลับออสเตรเลียไปไม่นานและมีภาพบางอย่างที่เธอเคยทำเอาไว้ในหัวของเขามันผุดขึ้นมา

“จำได้ด้วยเหรอคะ ดีใจจังเลย” เจสซี่ไม่สนใจท่าทีเย็นชาของเสือ เธอยื่นมือไปแตะแขนแกร่งของเขาอย่างจงใจ “คิดถึงเสือจังเลยนะรู้ไหม”

เสือรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ กับสัมผัสของเธอ พยายามดึงแขนออกอย่างสุภาพ แต่เจสซี่กลับยิ่งจับแน่นขึ้น

“คุณเจสซี่ครับ ในเวลางานผมไม่สะดวกคุยเรื่องส่วนตัว” เสือเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง พยายามรักษาระยะห่างเพราะเขาไม่อยากมีสัมพันธ์กับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้นยิ่งเห็นความบ้าบิ่นของผู้เป็นนายเขาก็ยิ่งอยากจะออกห่างจากผู้หญิงทุกคนแต่ดูเหมือนเจสซี่จะแตกต่าง

“โถ่! อย่าใจร้ายนักสิคะ เสือจำได้ไหมก่อนที่ เจสซี่จะไป เจสซี่ทำอะไรไว้กับเสือ” เจสซี่แกล้งทำเสียงงอน พร้อมทั้งส่งสายตากรุ้มกริ่มให้

เสือนิ่งไปชั่วขณะ ภาพเหตุการณ์ในอดีตผุดขึ้นมาในความทรงจำ วันนั้นเจสซี่แอบหอมแก้มและจูบเขาที่สนามบิน และทิ้งรอยลิปสติกสีแดงจางๆ ไว้ที่พวงแก้ม จนเขาต้องรีบเช็ดออกด้วยความประหม่าแถมยังรู้สึกเสียหน้าต่อหน้าเหมย

“ผมจำไม่ได้ครับ” เสือเลือกที่จะปฏิเสธ เพื่อตัดบทสนทนาเขาเลือกที่จะพูดกับเจสซี่ให้น้อยลงและหันมาปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองให้เยอะขึ้น

เจสซี่หัวเราะคิกคัก “จำไม่ได้เหรอคะ งั้นให้ เจสซี่ทวนความจำให้ไหมคะ” เธอยื่นหน้าเข้าไปใกล้เสือมากขึ้น จนลมหายใจอุ่นๆ รดรินอยู่ข้างแก้มของเขาเจสซี่เธอบุกเสือ ด้วยท่าทีร้อนแรงทุกการเยี่ยงย้ายของร่างกายดูทรงเสน่ห์และเย้ายวนจนเสือเองก็แทบจะหลุดการควบคุม

เสือถอยหลังหนีเล็กน้อย “คุณเจสซี่ครับ ผมขอตัวไปดูแลความปลอดภัยให้คุณอาชาก่อน” เขาตั้งท่าจะเดินหนี

แต่เจสซี่กลับรวดเร็วกว่า เธอคว้าแขนเสือไว้แน่น แล้วเขย่งปลายเท้าขึ้น หอมแก้มเสือฟอดใหญ่ ทิ้งรอยลิปสติกสีแดงสดไว้ที่เดิมเพื่อทบทวนความจำว่าเธอได้หมายตาเสื่อเอาไว้ตั้งแต่ต้นและคิดว่าเสือไม่มีสิทธิ์ไปเป็นของผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น

“แบบนี้แหละค่ะเสือ จะได้จำได้ ว่าเป็นของใคร” เจสซี่พูดอย่างผู้ชนะ พร้อมกับส่งยิ้มหวานหยดให้เสือเธอรู้สึกพึงพอใจที่ทำให้ผู้ชายเย็นชาอย่างเสือเสียอาการได้

เสือยืนนิ่งค้างไปชั่วขณะ ใบหน้าคมเข้มขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย เขาหันซ้ายหันขวาด้วยความประหม่า กลัวว่าจะมีใครเห็น แต่ก็ต้องพยายามวางมาดขรึมเอาไว้เหมือนเดิมเขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนทำอะไรบ้างปิ่นกับผู้ชายที่พยายามหลบหน้าเธอขนาดนี้

“คุณเจสซี่!” เสือเอ่ยเสียงเข้ม พยายามควบคุมอารมณ์

“คะขา? เรียกทำไมคะเสือ อยากให้ทวนความจำอีกรอบไหม?” เจสซี่ไม่สะทกสะท้าน แถมยังยิ้มเยาะอย่างสนุกสนานเธอเห็นหน้าตาของเสือเธอก็ยิ่งรู้สึกขบขันในใจ

ถึงเจสซี่จะเป็นสาวใจกล้าแต่เธอเป็นผู้หญิงที่เกิดและโตที่ต่างประเทศเธอสามารถใช้ชีวิตได้ทั้งในประเทศไทยและออสเตรเลียความคิดของเธอจึงเสรีมากกว่าผู้หญิงทั่วไป

เสือถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขารู้ดีว่าการโต้เถียงกับเจสซี่ในเวลานี้คงไม่มีประโยชน์อะไร จึงเลือกที่จะเดินหนีออกมาเงียบๆ โดยไม่หันกลับไปมองเธออีก

เจสซี่มองตามหลังเสือด้วยรอยยิ้มพอใจในชัยชนะ เธอยกแก้วแชมเปญขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดี “หึๆ คราวนี้แหละเสือ นายเสร็จฉันแน่”

ตลอดค่ำคืนนั้น เจสซี่ยังคงวนเวียนอยู่ใกล้ๆ เสือไม่ห่าง เธอใช้ทุกโอกาสที่มีในการเข้าหาเขา ไม่ว่าจะเป็นการเดินผ่านแล้วแกล้งชนเบาๆ

การหยิบเครื่องดื่มให้ หรือแม้แต่การชวนคุยเรื่องไร้สาระต่างๆ นานา เสือพยายามหลีกเลี่ยงและรักษาระยะห่างอย่างเต็มที่ แต่เจสซี่ก็เหมือนเงาตามตัว ที่ทำให้เขาแทบจะไม่มีพื้นที่ส่วนตัวเลย

เมื่อถึงช่วงโยนดอกไม้เจ้าสาว เหมยได้โยนช่อดอกไม้ไปในกลุ่มเพื่อนสาว ซึ่งแน่นอนว่าเจสซี่ก็รวมอยู่ในนั้นด้วย และด้วยความที่เธอเป็นนางแบบ จึงมีปฏิกิริยาที่ไวกว่าใครเพื่อน ทำให้เธอกระโดดรับช่อดอกไม้ได้อย่างง่ายดาย

“กรี๊ดดด! ฉันได้ดอกไม้! ฉันจะได้แต่งงานแล้ว!” เจสซี่กรีดร้องด้วยความดีใจ เธอชูช่อดอกไม้ขึ้นเหนือหัว แล้วหันไปมองเสือด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ “เห็นไหมคะเสือ นี่เป็นสัญญาณจากฟ้า ว่าเราต้องคู่กัน"เจสซี่หันมาบอกกับเสือด้วยท่าทางมั่นใจเธอรู้ว่าเธอจะต้องได้เสือมาเป็นพ่อของลูก

เสือที่ยืนอยู่ไม่ไกล ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาได้แต่ภาวนาให้งานเลี้ยงจบลงโดยเร็วที่สุดถ้าขืนเขายังอยู่ตรงนี้คงโดนเจสซี่เพื่อนของเหมยลากเขาไปกินแน่ๆ

"ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะพี่ คุณเจสซี่ออกจะ น่ารักและดูเหมือนว่าเธอจะชอบพี่มาก ๆ ด้วยนะฮ่า ฮ่า" บิ๊กบอดี้การ์ดคนนึงหันมาพูดกับเสือด้วยท่าทีเอ่ยแซว

"ถ้าเธอน่ารัก มึงก็ไปจีบเธอสิอยากได้ไหมล่ะ"เสือหันมามองส่งแววตาดุดันกลบเกลื่อนความเขินอายที่เกิดขึ้นภายในใจ

"ไม่เอ้า...!"บิ๊กบอกว่าไม่เอาเสียงสูงมากพร้อมกับหัวเราะแล้วพูดต่อว่า "ผมมาแย่งของพี่เสือหรอก" พูดจบบิ๊กก็รีบเดินหนีผู้เป็นลูกพี่ของตัวเองไปห่างๆเพราะเขารู้ว่าถ้าขืนยังอยู่ตรงนี้เขาคงได้โดนระเบิดลูกใหญ่ลงหัวแน่ๆ

"ไอ้บิ๊กไอ้เวร นี่ถ้าไม่ติดปฏิบัติหน้าที่อยู่นะมึงโดนกูแน่!" เสือขึ้นบัญชีดำบิ๊กเอาไว้แล้วนี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นงานแต่งเจ้านายของตัวเองไอ้บิ๊กคงโดนเขากระทืบแน่ๆเพราะปากไม่อยู่สุข

หลังจากงานเลี้ยงเลิกรา แขกเหรื่อทยอยเดินทางกลับกันจนหมด เหลือเพียงอาชา เหมย เสือ เจสซี่ และพราว ที่ยังคงอยู่ช่วยกันเก็บของและเคลียร์สถานที่

พราวที่สังเกตเห็นท่าทีของเจสซี่ที่มีต่อเสือมาตลอดทั้งคืน อดไม่ได้ที่จะแซวเพื่อนรักของเธอ

“นี่เจสซี่ แกจะรุกหนักไปถึงไหนเนี่ย สงสารคุณเสือเขาบ้าง” พราวแกล้งกระซิบข้างหูเจสซี่

เจสซี่หัวเราะเบาๆ “ใครใช้ให้คุณเสือหล่อเลือกได้ล่ะยะ ก็ต้องรุกหนักๆ แบบนี้แหละ ถึงจะได้มาครอบครองเอามาเป็นพ่อของลูกเพราะว่าเจ้านายเนี่ยก็หล่อไม่แพ้กับลูกน้องเลยนู่นจ๊ะเพื่อนฉันบุญวาสนาได้เจ้านายไปแล้ว แต่คนนี้ของฉันฉันจอง”เสียงหัวเราะคึกคักของเจสซี่ดังออกมาจากลานพิธี

ในขณะที่ทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับการเก็บของ เจสซี่ก็แอบเดินเข้าไปหาเสือที่กำลังยกเก้าอี้ไปเก็บในห้องเก็บของ เธอไม่มีทางปล่อยให้เสือหลุดมือง่ายๆแน่นอน

“ให้เจสซี่ช่วยไหมคะเสือ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน พร้อมทั้งยื่นมือไปจะช่วยจับเก้าอี้และเลื่อนมือมาจับที่มือหนาของเสือเป็นท่าทีบ่งบอกและเชื้อเชิญว่าเธอพร้อมจะให้เสือมาจีบเธอ

เสือปฏิเสธอย่างสุภาพ “ไม่เป็นไรครับคุณเจสซี่ ผมจัดการเองได้”เสือสะบัดมือออกแทบไม่ทันแต่ก็เหมือนว่าเจสซี่ไม่ได้สนใจเลย

เจสซี่ไม่ยอมแพ้ เธอยังคงเดินตามเสือไปติดๆ จนกระทั่งเสือต้องไปหยิบของที่อยู่ในห้องเก็บของ ซึ่งค่อนข้างมืดและคับแคบ เจสซี่ฉวยโอกาสนั้นเดินตามเข้าไปทันที

ทันทีที่เข้ามาในห้อง เจสซี่ก็รีบปิดประตูลงกลอนทันที ทำให้ห้องมืดสนิทและมีเพียงแสงไฟสลัวๆ จากด้านนอกลอดเข้ามาเล็กน้อย

“คุณเจสซี่! คุณทำอะไรของคุณ..!” เสือตกใจเล็กน้อย เขารีบเปิดไฟในห้องทันที แต่เจสซี่กลับผลักเขาเข้าไปติดกำแพง แล้วใช้มือทั้งสองข้างยันกำแพงไว้ กักขังเสือให้อยู่ในอ้อมแขนของเธอ

ผู้ชายอกสามสอกที่เจอผู้หญิงแบบเจสซี่ก็ต่างไปไม่เป็นทั้งนั้นเธอทรงเสน่ห์และเย้ายวนแทบจะละลายอยู่ตรงหน้า

“เจสซี่ก็แค่อยากคุยกับเสือเป็นการส่วนตัวไงคะ ทำไมต้องทำเป็นใจร้ายกับเจสซี่ขนาดนี้ด้วย กลัวอะไรเจสซี่หรอคะ” เจสซี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ ดวงตาหวานฉ่ำจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของเสือแล้วมือเรียวเล็กก็เกลี่ยไปตามเค้าโครงหน้าหล่อเหมือนฟ้าประทานอย่างยั่วยวน

เสือพยายามดันเจสซี่ออก “ผมไม่ได้กลัว คุณเจสซี่ครับ อย่าทำแบบนี้เลยครับ มันไม่เหมาะ”

“ไม่เหมาะตรงไหนคะ ในเมื่อเจสซี่ชอบเสือจริงๆ นะ” เจสซี่สารภาพออกมาอย่างตรงไปตรงมา เธอโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้เสือมากขึ้น จนปลายจมูกของทั้งคู่เกือบจะแตะกัน

เสือถึงกับทำตัวไม่ถูก ใบหน้าของเขาขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย หัวใจเต้นรัวอย่างควบคุมไม่ได้ เขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนที่กล้าและรุกหนักขนาดนี้มาก่อนในชีวิต

“ผม... ผมเป็นแค่บอดี้การ์ดของคุณอาชาครับ” เสือพยายามหาเหตุผลมาอ้าง

“แล้วไงคะ? เป็นบอดี้การ์ดแล้วจะมีความรักไม่ได้เหรอ? เสือไม่มีหัวใจเลยเหรอคะ” เจสซี่แกล้งทำเสียงงอน พร้อมทั้งใช้ปลายนิ้วลูบไล้ไปตามแนวขากรรไกรของเสืออย่างแผ่วเบา

สัมผัสของเธอทำให้เสือรู้สึกวาบหวามไปทั่วทั้งร่าง เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก พยายามรวบรวมสติทั้งหมดที่มี เพื่อที่จะไม่เผลอใจไปกับผู้หญิงตรงหน้า

“คุณเจสซี่ครับ ผมว่า...” เสือพยายามจะพูด แต่เจสซี่กลับไม่รอให้เขาพูดจบ เธอเขย่งปลายเท้าขึ้น แล้วจูบลงบนริมฝีปากของเสืออย่างแผ่วเบา แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่ร้อนแรง

เสือถึงกับตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนไปชั่วคราว ไม่คิดไม่ฝันว่าเจสซี่จะกล้าทำถึงขนาดนี้และไม่ได้กล้าธรรมดานี่เป็นการกล้าครั้งที่สอง ที่เธอเหมือนกำลังกระทำชำเราตัวเขา

เจสซี่ผละออกจากจูบอย่างอ้อยอิ่ง เธอมองเสือด้วยรอยยิ้มเย้ายวน “คราวนี้เสือจะจำเจสซี่ได้หรือยังคะเจสซี่ชอบคุณเสือนะคะ...”นำเสียงแผ่วเบาถูกกระซิบกระซาบชวนให้ขนลุกไปทั้งตัว

เสือยังคงนิ่งอึ้ง เขาไม่รู้จะตอบอะไรออกไปดีสถานการณ์นี้มันเกินกว่าที่เขาจะรับมือได้จริงๆ..