วันเวลาเดินเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็วก็เข้าปีที่ 3 เด็กๆโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกันเหมยที่ทำหน้าที่ดูแลลูกและหนูน้อยลิลลี่ในเวลาเดียวกันเธอทำทุกอย่างออกมาได้ดีมีแม่บ้านคอยช่วยเหลือบ้างเพราะเธอเองก็ยังทำงานที่เธอรัก
ทำอะไรแต่เช้าครับขณะที่อยู่บนเตียงกว้างกับสามีสุดที่รักอย่างอาชาเขาที่ตื่นมาเห็นหน้าเหมือนเป็นคนแรกในทุกๆวันเช่นนี้เสมอ
"กำลังคิดเรื่องพร็อพนิยายใหม่นะคะเดี๋ยวว่าจะแวะเข้าไปที่ไร่ชาสักอาทิตย์หน้าเผื่อไปหาบรรยากาศเปลี่ยนโหมดการทำงานหน่อย"เหมยยิ้มกว้างขณะที่นั่งอยู่บนเตียงหลังจากที่เธอล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ
"ก็ดีสิครับ จะได้เปลี่ยนบรรยากาศด้วยตอนนี้ที่ร้านมีขนมใหม่ ๆ เยอะเลยนะ ผมก็อยากให้เหมยไปดูเหมือนกัน"
อาชาส่งยิ้มแล้วก็ขยับมานอนบนตักของเหมยด้วยท่าทีออดอ้อนแม้จะแต่งงานกันมาเข้าปีที่ 3 แล้วเหยียบปีที่ 4 ทั้งคู่ก็ยังคงความหวานใส่กันและกันเสมออาชาไม่เคยรักเหมยน้อยลงเช่นเดียวกับเหมยที่ไม่เคยรักอาชาน้อยลงเลย
"อาทิตย์นี้เห็นหนูน้อยลิลลี่ของเรากับอคินจะไปบ้านของคุณย่าน้ำฟ้านะคะเดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่ เหมยจะมารับเอง เห็นว่าบ่นคิดถึงหลาน ๆ" เหมยใช้มือลูบไปตามกลุ่มผมของอาชาแล้วก็ส่งยิ้ม
อาชาเงยหน้าขึ้นมองเหมยด้วยความเอ็นดูเขาก็พยักหน้าเป็นการวาดตกลงเหมยจะได้พักผ่อนบ้างทุก ๆ สุดสัปดาห์เด็ก ๆ จะสลับกันไปที่บ้านปู่กับย่าและตากับยายเสมอเพื่อให้ทั้งสองบ้านไม่คิดถึงหลานๆมากจนเกินไป
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา เหมยขับรถมายังคาเฟ่ไร่ชาพรหมเทพของอาชาเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศในการเขียนนิยายเรื่องใหม่ของเธอ คาเฟ่แห่งนี้ตกแต่งด้วยไม้และกระจกบานใหญ่ที่เปิดรับแสงแดดอุ่น ๆ
และวิวไร่ชาเขียวขจีที่ทอดตัวอยู่เบื้องหน้า เธอเลือกนั่งที่มุมประจำริมหน้าต่าง สั่งชาเขียวร้อน ๆ หนึ่งแก้ว แล้วเปิดแล็ปท็อปเพื่อเริ่มงาน
ในขณะที่เหมยกำลังเพ่งสมาธิไปที่หน้าจอและนิ้วมือที่รัวอยู่บนแป้นพิมพ์ มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาหา เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนส์ ขาด ๆ ดูมีสไตล์และมาดเซอร์อย่างมีเสน่ห์ เขาหยุดยืนอยู่ข้างโต๊ะของเหมยพร้อมกับยิ้มบาง ๆ
"ขอโทษนะครับ...ไม่ทราบว่าคุณคือคุณเหมยใช่ไหมครับ" ชายหนุ่มกล่าวถามด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม
เหมยเงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์ด้วยความประหลาดใจ "ใช่ค่ะ...มีอะไรหรือเปล่าคะ"
"ผมตามอ่านนิยายของคุณมานานแล้วครับ ผมชื่อต้นไม้ เป็นนักดนตรีอิสระ วันนี้มาเล่นดนตรีที่นี่พอดี...ไม่คิดว่าจะได้เจอตัวจริง" ต้นไม้ตอบพร้อมกับส่งรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความจริงใจ "ผมขอนั่งด้วยได้ไหมครับ...อยากจะคุยเรื่องนิยายของคุณหน่อย"
เหมยรู้สึกเกรงใจแต่ก็พยักหน้าตอบรับ ต้นไม้เลื่อนเก้าอี้มานั่งตรงข้ามกับเธอทันที เขาพูดคุยถึงตัวละครในนิยายและฉากที่เขาชื่นชอบอย่างออกรส ทำให้เหมยรู้สึกประหลาดใจที่เขาติดตามผลงานของเธออย่างจริงจัง
ระหว่างนั้น อาชาที่กำลังดูแลลูกค้าอยู่หน้าเคาน์เตอร์ก็เหลือบมาเห็นเหมยกำลังนั่งคุยอยู่กับชายหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะคุยกันอย่างถูกคอ
รอยยิ้มและความสนิทสนมของทั้งคู่ทำให้ดวงตาคมกริบของอาชาหรี่ลงทันที เขารู้สึกเหมือนมีคลื่นความไม่พอใจก่อตัวขึ้นในใจ
อาชาเดินตรงเข้ามาที่โต๊ะของเหมยด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง แต่แววตาของเขาเย็นเฉียบดุจนกเหยี่ยวที่กำลังจ้องเหยื่ออยู่ไม่คลาดสายตา ต้นไม้เห็นท่าทางนั้นจึงรีบกล่าวคำทักทาย "สวัสดีครับคุณอาชา ผมชื่อต้นไม้ครับ เป็นเพื่อนของคุณเหมย"
"ผมเป็นสามีของเหมยครับ" อาชาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบแต่แฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อาจเข้าใจได้ ทำให้ต้นไม้ถึงกับชะงักไปเล็กน้อย
ต้นไม้รีบกล่าวขอโทษและลุกขึ้นยืนในทันที "ขอโทษด้วยนะครับ...ผมไม่ทราบจริง ๆ ว่าคุณเหมยแต่งงานแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
เมื่อต้นไม้เดินออกไปแล้ว อาชาก็ทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ เหมยทันที ใบหน้าของเขาดูไม่สู้ดีนัก "ใครครับ"
"เขาเป็นนักดนตรี...แล้วก็เป็นแฟนนิยายของเหมยค่ะ" เหมยรีบตอบ
อาชาเงียบไปครู่หนึ่ง เขามองหน้าเหมยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหึงหวง "แล้วเขาไม่รู้ เหรอว่าคุณแต่งงานแล้ว"
เหมยยิ้มบาง ๆ แล้ววางมือบนมือของอาชา "เขาก็เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองค่ะ...เหมยไม่รู้ว่าเขารู้จักเหมยได้ยังไง"
"แล้วคุณคุยอะไรกับเขาบ้าง" อาชายังคงจ้องมองเหมยด้วยสายตาที่ไม่วางใจ
เหมยหัวเราะเบา ๆ แล้วเอนศีรษะซบลงบนไหล่ของอาชา "คุยเรื่องนิยายค่ะ...ไม่ต้องหึงหรอกนะคะ ที่รัก"
อาชาโอบกอดเหมยไว้แน่น เขามองไปยังต้นไม้ที่กำลังเดินออกไปจากคาเฟ่ด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง "ผมไม่ได้หึง...แต่ผมไม่ชอบให้ใครมาวอแวกับภรรยาของผม"ปากบอกว่าไม่คิดอะไรแต่ใจของอาชาพร้อมจะเชือดเฉือนแฟนคลับอย่างต้นไม้ให้ละลายกลายเป็นเถ้าถ่านตรงหน้า
เหมยเงยหน้าขึ้นมองอาชาด้วยรอยยิ้มที่อ่อนหวาน "เหมยก็ไม่ชอบให้ใครมาวอแวกับสามีของเหมยเหมือนกันค่ะ"
เหมยเองก็ตอบสวนกลับอย่างรวดเร็วทันควันเธอก็หยอกล้อใส่อาชาเพราะสามีที่หล่อเราและดูหน้าดึงดูดตลอดเวลาก็ใช่ว่าจะดีสำหรับเธอเพราะสาวๆมากหน้าหลายตาต่างพากันกรี๊ดกร๊าดทุกครั้งที่เห็นอาชาเดินผ่านพร้อมกับลูกชายอย่างอาคินที่หน้าตาน่ารักน่าชัง
"ผมจะมีใครได้ภรรยาผมสวยและน่ารักขนาดนี้"อาชาพูดเอาใจเหมยแต่ทั้งหัวใจของเขาก็มีเพียงแต่เหมือนคนเดียว
"ให้มันจริงเถอะค่ะ อย่าให้เหมยจับได้นะไม่งั้นโดนแน่"หมวยส่งยิ้มหวาน
"คราบ......"อาชาลากเสียงยาวเหยียด
ทั้งสองคนสบตากันด้วยความรักที่เต็มเปี่ยมและอบอุ่น และความรู้สึกหึงหวงของอาชาก็หายไปในพริบตาเมื่อเขาได้สัมผัสถึงความรักที่ภรรยามีให้วันนี้เป็นวันที่เด็ก ๆ ไม่อยู่ที่บ้านทั้งสองจึงอยากจะเติมความหวานด้วยการหนีเด็กๆไปนอนที่รีสอร์ทแถวเชียงใหม่เพื่อเพิ่มความหวานให้ชีวิตคู่
ในที่สุด วันที่ทั้งสองคนรอคอยก็มาถึง เมื่อ เด็ก ๆ ออกเดินทางไปกับคุณตาคุณยายแล้ว บ้านที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง เหมยและอาชาจัดการเก็บกระเป๋าเดินทางอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพากันขับรถออกจากบ้านมุ่งหน้าสู่เชียงใหม่
การเดินทางครั้งนี้เป็นไปอย่างเรียบง่ายและอบอุ่น พวกเขาเปิดเพลงที่ชอบฟังด้วยกันตลอดทาง พูดคุยถึงเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตที่ผ่านมาตั้งแต่ตอนที่พบกันครั้งแรกจนถึงวันนี้ที่ทั้งสองคนมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบแล้ว
"ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าเราจะได้มีโอกาสแบบนี้อีกครั้ง" เหมยกล่าวพร้อมกับหันไปยิ้มให้อาชานานมากแล้วที่ทั้งสองไม่ได้เติมความหวานให้กับชีวิตเมื่อมีโอกาสได้ใช้ทั้งสองจึงหันมายิ้มด้วยความสุขใจ
"ผมดีใจครับ...ที่เราได้กลับมาใช้เวลาอยู่ด้วยกันสองคนอีกครั้งหรือเราจะมีอีกสักคนดีไหม" อาชาตอบพร้อมกับเอื้อมมือไปกุมมือของเหมยไว้แน่นเ
ขาเองก็อยากจะมีลูกอีกสักคนนึงแม้จะมีสองแสบอย่างหนูน้อยลิลลี่ที่เริ่มโตแล้วขึ้นประถมศึกษาปีที่สอง ได้แล้วตอนนี้ ส่วนลูกชายก็เริ่มพูดชัดและหัดเรียนพิเศษที่บ้านกับคุณแม่เหมยเหมือนเป็นครูส่วนตัวไปในตัว
"พอก่อนเลยค่ะ แค่นี้เหมยก็ปวดหัวจนหัวจะหลุดแล้ว" เหมยหลุดหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงความซนของสองแสบเธอก็แทบจะไม่มีเวลาเขียนหนังสือขนาดมีพี่เลี้ยงคอยดูแลด้วยก็ยังแทบวิญญาณหลุดออกจากร่างเพราะความน่ารักดื้อตามสไตล์เด็กๆทำให้บ้านมีสีสันแต่ก็ทำให้เหนื่อยไม่น้อย
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!" ขนาดนั้นเลยหรอครับนี่ผมกะว่าจะมีลูกให้ครบโหลดตั้งทีมฟุตบอลสักหน่อยอาชาส่งเสียงหัวเราะร่าเมื่อภรรยาตัวน้อยปฏิเสธการมีลูกอีกคน
"มันเหนื่อยมากจริง ๆ นะคะเหมยไม่ได้พูดเล่นสักหน่อย" เหมยทำเสียงติดงอนเมื่อโดนสามีหัวเราะใส่แต่เธอก็รู้ว่าอาชาหยอกเชิญเล่นก็เท่านั้น
"ผมรู้คราฟ งั้นเราออกเดินทางกันเถอะผมจองรีสอร์ทกลางเขาเอาไว้เหมือนจะได้เปลี่ยนบรรยากาศเผื่อมีอะไรให้คิดแล้วก็จะได้สบายใจด้วยผมรักเหมยนะ"
อาชาบอกรักเหมยแล้วทั้งสองก็ขับรถพุ่งตรงไปที่รีสอร์ทตามเป้าหมายที่วางแผนเอาไว้ทันทีหลังจากที่เตรียมอุปกรณ์การเดินทางอยู่สักพักใหญ่
เมื่อมาถึงรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาและไร่ชา อาชาจองห้องพักสไตล์วิลล่าส่วนตัวที่มีสระว่ายน้ำเล็ก ๆ ให้ทั้งสองคนได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ บรรยากาศเงียบสงบและเป็นธรรมชาติทำให้เหมยรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"ที่นี่สวยมากเลยค่ะพี่อาชา...พี่อาชารู้จักที่นี่ได้ยังไง" เหมยถามด้วยความตื่นเต้น
"ผมมาดูไร่ชาแถวนี้บ่อยครับ...และผมก็อยากพาเหมยมาที่นี่" อาชาตอบพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน
ตลอดทั้งวัน ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างเรียบง่าย อาชากับเหมยว่ายน้ำด้วยกัน อ่านหนังสือเล่มโปรด หรือแม้แต่นั่งคุยกันที่ริมระเบียงพลางจิบไวน์ในยามเย็น ทั้งสองคนได้ย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่ยังคงเป็นเพียงคนรักกัน ได้พูดคุยถึงความฝันและอนาคตที่เคยวาดเอาไว้ร่วมกัน
ในคืนนั้น ขณะที่เหมยกำลังง่วนอยู่กับการอ่านบทนิยายในมือถือของเธอ เธอก็รู้สึกได้ถึงอ้อมกอดที่อบอุ่นของสามี อาชานั่งลงข้างเธอพร้อมกับโน้มตัวลงไปจูบที่ผมของเธอเบา ๆ
"ทำไมยังไม่นอนคะ...เดี๋ยวก็เป็นหมีแพนด้าหรอก" อาชากล่าวแซวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
เหมยหัวเราะเบา ๆ "ยังไม่ค่อยง่วงค่ะ...ขออ่านอีกสักหน่อยนะคะ"
อาชาดึงมือถือออกจากมือของเหมยแล้ววางลงบนโต๊ะข้างเตียง เขาใช้มือประคองใบหน้าของภรรยาให้หันมาสบตากับเขา "ผมรู้ว่าคุณชอบงานเขียนมาก...แต่ผมก็อยากให้คุณพักผ่อนบ้างนะครับ"
เหมยรู้สึกซาบซึ้งใจกับความห่วงใยของอาชา เธอซบใบหน้าลงไปที่อกของเขา "เหมยขอบคุณนะคะ...อาชาทำให้เหมยรู้สึกเหมือนเจ้าหญิงในนิยายเลย"
อาชาหัวเราะ "คุณเป็นเจ้าหญิงของผมอยู่แล้วครับ"
ค่ำคืนนี้เริ่มต้นด้วยการจุมพิตที่อบอุ่นและยาวนานอาชาเริ่มแมทกระชับมิตรกับเหมยจากจูบอบอุ่นแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนแรง มือหนาเริ่มเคลื่อนไหวตามร่างอรชร ถึงแม้จะผ่านการมีลูกแต่ก็ยังคงสวยงามและกระชับเต่งตึง
อาชาจุมพิตที่ซอกคอของเหมยอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่คุ้นเคยปลุกเร้าความรู้สึกที่หลับใหลมานานให้ตื่นขึ้น เหมยแอ่นกายรับสัมผัส
ฮืม...เสียงครวญครางในลำคออย่างพึงพอใจของทั้งสองเปล่งออกมาเคล้าความต้องการที่พุ่งสวนกระแสด้วยความร้อนแรง
มือเรียวเลื่อนไปสวมกอดรอบคอของเขา อาชาอุ้มภรรยาขึ้นมาในท่าเจ้าสาวและพาไปที่เตียงอย่างช้าๆ เพื่อสานสัมพันธ์ที่ยังคงค้างคา
เขานึกหวนไปในวันแรกความรู้สึกอย่างไรก็ยังเป็นอย่างนั้นไม่มีจืดจาง อาชาจ้องมองไปในดวงตาสวยด้วยความต้องการที่ล้มปรี่ แท่งเอ็นร้อนตั้งผงาดพร้อมทำงานเมื่อมองเห็นร่างกายสุดเซ็กซี่ของเมียตัวน้อย
ผมต้องการคุณเหมย...
ใบหน้าคมก้มลงจูบซับตามพวงแก้ม ก่อนจะไล้ลงมาที่ลำคอขาวผ่อง ปลายนิ้วสัมผัสแผ่วเบาไปตามสัดส่วนโค้งเว้า ปลุกเร้าให้ความต้องการของภรรยาพุ่งสูงขึ้นไม่ต่างกัน
"พี่อาชา...อ้าส์ เสียว..." แม้จะไม่ได้มีสัมพันธ์สวาทที่เนิ่นนานแต่ความพุ่งพล่านก็ติดง่ายเหมือนถ่านไฟเก่าที่โยนเพียงเศษไม้แห้งๆเข้าไปมันก็พร้อมจะจุดติดขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ต่างจากความรู้สึกของเหมยในตอนนี้ที่เธอกำลังถูกปนเปอด้วยรสสวาทจากสามี
แท่งเอ็นร้อนที่ผงาดค้ำยันอยู่บนหน้าท้องแกร่งถูกมือบางลูบไล้ไปมาอย่างจงใจ อาชาครางต่ำในลำคอด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะค่อยๆ สอดแทรกความร้อนแรงเข้าสู่เรือนร่างที่โอบรับไว้อย่างเต็มที่ ทั้งสองต่างเงียบงัน มีเพียงเสียงหอบหายใจและเสียงผิวเนื้อที่กระทบกันอย่างเร่งเร้า
ไม่มีคำพูดใดๆ นอกจากการกระทำที่เป็นเครื่องยืนยันความรักที่ลึกซึ้ง ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความเสน่หาและความปรารถนาที่ไม่อาจเก็บงำ มันคือการเติมเต็มซึ่งกันและกันอย่างสมบูรณ์
เขาประคองใบหน้าสวยขึ้นมาจูบอีกครั้ง ความอ่อนโยนที่แฝงด้วยความร้อนแรงทำเอาเธอถึงกับหลงใหลในรสจูบของเขาไม่รู้ลืม เขากระซิบชิดริมฝีปากนุ่ม
"ผมจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนเป็นคนแรกของเราอีกครั้ง...อ้าส์ โคตรเสียวเลย เอากับเมีย...ซี๊ด.."
เสียงครางต่ำในลำคอของเธอเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุด อาชาเร่งจังหวะให้เร็วและหนักหน่วงขึ้น ความรู้สึกที่พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่ขาดสายราวกับคลื่นทะเลที่ซัดสาดเข้าฝั่ง
ความเงียบที่แผ่คลุมอยู่ในห้องไม่ได้เกิดจากความว่างเปล่า แต่เต็มไปด้วยคลื่นพลังงานที่ก่อตัวขึ้นอย่างหนาแน่น เหมยไม่ได้เพียงแค่ถูกปนเปอด้วยรสสวาทจากอาชา
พะ พี่ อาชา... อะ อะ เสียว ...ซี๊ด..
แต่เธอกำลังโอบรับและตอบสนองต่อทุกการ กระทำอย่างสุดจิตสุดใจ แรงสั่นสะเทือนที่ถ่ายทอดจากร่างกายสู่ร่างกายรูสวาทที่ตอดรัดจนแท่งเอ็นร้อนโหยหาความเสียวกระสันจนอยากจะแตกให้คารูสวาทเมียตัวน้อย
"เหมย..ต้องการพี่..อาชา...อ้าส์...."เหมยเริ่มหว่านเสน่ห์ยั่วยวนผู้เป็นสามีที่กำลังคึกเหมือนม้าศึก
"เดี๋ยวนี้ใครสั่งใครสอนให้ทำแบบนี้ ฮึ..!"เสียงแหบพร่าถูกเปล่งออกมาเมื่อถูกสัมผัสลูบไล้ไปตามหน้าอกแกร่ง
ปลายนิ้วเรียวของเธอบรรจงลูบไล้ไปตามมัดกล้ามเนื้อที่เกร็งแน่นของแผ่นหลังกว้าง พลางจิกเล็บลงบนผิวเนื้อเพื่อระบายความปรารถนาที่พุ่งพล่านภายใน
เสียงครางต่ำในลำคอของอาชาคือดนตรีที่ปลุกเร้าให้เธอเร่งจังหวะการตอบสนองให้รุนแรงยิ่งขึ้น ร่างกายของเขากลายเป็นเครื่องดนตรีชิ้นเอกที่ปลุกเร้าทุกอณูความรู้สึกของเธอให้ตื่นขึ้น
ทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหวเข้าหา เหมยจะแอ่นสะโพกรับอย่างเต็มที่ราวกับต้องการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เสียงเนื้อกระทบกันดังก้องกังวานในความเงียบยามค่ำคืน
ราวกับเสียงกลองที่บรรเลงบทเพลงรักอันร้อนแรง เส้นผมของเธอเปียกชื้นแนบไปกับแผ่นหลังของเขา ผิวเนื้อที่เสียดสีกันก่อให้เกิดประกายไฟที่เผาผลาญทุกความรู้สึกให้ลุกโชน
ไม่มีคำสัญญา ไม่มีคำมั่นสัญญา มีเพียงแต่การกระทำที่หนักแน่นและเร่าร้อน อาชาจุมพิตซับเหงื่อบนลำคอระหง พลางเลื่อนริมฝีปากลงไปตามแนวไหปลาร้าและไหล่บางเพื่อปลุกเร้าให้เธอหลงใหลในสัมผัสของเขามากยิ่งขึ้น
เหมยเงยหน้าขึ้นรับจูบนั้นอย่างเต็มใจ ริมฝีปากที่ประกบกันอย่างดูดดื่มคือสะพานที่เชื่อมโยงความรู้สึกระหว่างกันและกัน
ลมหายใจที่แผ่วเบาและร้อนระอุของทั้งคู่ผสมผสานกันเป็นหนึ่งเดียว เหมยสอดมือเข้าไปในกลุ่มผมของเขา พลางบีบขยี้อย่างแรงเพื่อระบายความต้องการที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
แท่งเอ็นร้อนที่กระแทกเข้ามาแต่ละครั้งทำให้เธอรู้สึกราวกับจะถูกปลดปล่อยสู่ห้วงอวกาศอันไร้ขอบเขต อาชาจ้องมองดวงตาที่พร่ามัวไปด้วยไฟราคะของเธอ พลางยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ
เขาเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นและรุนแรงขึ้นราวกับม้าพยศที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ เสียงหอบหายใจของเหมยขาดห้วงและฟังดูร้อนรุ่มราวกับเปลวไฟที่เผาไหม้ในทรวงอกของเธอ
เธอปล่อยให้ร่างกายของเธอถูกครอบครองโดยเขาอย่างสมบูรณ์ ปลดปล่อยทุกความรู้สึกให้เป็นอิสระจากกรอบและความยับยั้งชั่งใจ
ในห้วงเวลาแห่งความสุขสมนั้น เธอรู้สึกได้ถึงแรงรักที่เขามอบให้ แรงปรารถนาที่หนักแน่นราวกับจะฝังตัวลงไปในทุกอณูของร่างกายเธอ
มันเป็นความรู้สึกที่ปลุกเร้าจิตวิญญาณของเธอให้ตื่นขึ้นและทำให้เธอรู้สึกมีชีวิตชีวามากที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา และในที่สุดเมื่อถึงจุดสูงสุดที่ไม่อาจยับยั้งได้อีกต่อไป ทั้งสองก็ปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดออกมาพร้อมกันราวกับธารน้ำร้อนที่ทะลักออกมาจากเขื่อนที่กักเก็บไว้มายาวนาน
ความเงียบกลับมาเยือนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันคือความเงียบที่เปี่ยมไปด้วยความอิ่มเอมใจ อาชาเอนกายทับร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของเหมยไว้ พลางกระซิบข้างหูของเธอด้วยเสียงแหบพร่าว่า
"รักคุณนะ"
ทั้งสองปลดปล่อยทุกอารมณ์ความรู้สึกที่มีใส่กันและกันโดยไม่มีอะไรกั้นขวาง ความร้อนรุ่มที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างเป็นสัญญาณว่าจุดสูงสุดใกล้เข้ามาทุกทีน้ำรักสีขาวขุ่นพ่นออกจนรูสวาท เหมยอุ่นวาบและสัมผัสถึงความเสียวซ่าน
"นานมากแล้วที่เราสองคนไม่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันผมขอบคุณเหมยนะที่อยู่เคียงข้างผมและให้โอกาสผมได้มีครอบครัวที่น่ารักและมีภรรยาเช่นคุณ" ในช่วงเวลานี้อาชาได้เอ่ยคำหวานต่อหน้าภรรยาตัวเล็กทั้งสองโอบกอดกันด้วยความรักและโหยหาซึ่งกันและกัน
ไม่ต้องไปในดวงตาคู่นี้มันแสดงออกถึงความรักและความอ่อนโยนที่อาชามีให้เธอเสมอแม้ว่าบางครั้งจะเป็นคนที่หึงแต่ปากไม่ยอมพูดว่าหึงแต่เป็นการแสดงออกแทนซึ่งเธอไม่เคยโกรธหรือไม่พอใจกับสิ่งที่สามีทำเลย
ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ทั้งคู่มอบความรักให้แก่กันและกันอีกครั้ง ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความโหยหา อ่อนโยน และความรักที่ล้นปรี่ ราวกับเป็นคืนแรกที่พวกเขารักกัน เสียงกระซิบที่แผ่วเบาเคล้าคลอไปกับเสียงหอบหายใจ
"เหมยรักอาชานะคะ" "ผมก็รักคุณ...รักที่สุดเลย"
"ผมก็รักเหมยและลูกที่สุด...อาชาหันมาตอบภรรยาตัวน้อยหลังเสร็จกิจกรรมรำลึกความหลังซึ่งกันและกัน
เวลาแห่งความสุขดำเนินไปอย่างยาวนาน และจบลงด้วยความอิ่มเอมใจ เหมยซบหน้าลงกับอกแกร่งของสามีอย่างมีความสุข อาชาจูบหน้าผากของเธออย่างอ่อนโยนก่อนจะกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น...ทั้งคู่หลับไปพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
ในเช้าวันต่อมา ขณะที่ทั้งสองคนกำลังนั่งดื่มกาแฟด้วยกันที่ริมระเบียง เหมยก็กล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม "อาชาคะ...เหมยว่าเหมยได้พล็อตเรื่องใหม่แล้วค่ะ"
อาชาหันไปมองเหมยด้วยความประหลาดใจ "เรื่องอะไรครับ"
เหมยยิ้มกว้าง "เรื่องราวความรักระหว่างเจ้าหญิงกับเจ้าชายในโลกยุคปัจจุบันค่ะ...เรื่องราวความรักที่งดงามและไม่มีวันสิ้นสุด"
อาชาหัวเราะและโอบกอดเหมยไว้แน่น "ผมชอบครับ...และผมก็จะเป็นเจ้าชายของคุณไปตลอดชีวิต"
เหมยยิ้มอย่างมีความสุข เธอรู้ดีว่าความสุขที่แท้จริงในชีวิตของเธอไม่ใช่ความสำเร็จในหน้าที่การงานหรือเงินทอง แต่คือการมีครอบครัวที่อบอุ่นและมีสามีที่รักและเข้าใจเธออย่างหมดใจ
จบบริบูรณ์ ส่วนภาคของเสือและเจสซี่หากจะเป็นอย่างไรต่อไปจะเขียนในภาพที่ 2 เล่มที่ 2 เผื่อทุกคนอยากติดตามนะคะกราบขอบพระคุณทุกคนที่ติดตามตัวละครมาจนถึงตอนจบฝากให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้นักเขียนได้สร้างสรรค์ผลงานต่อไปนะคะขอบคุณค่ะ❤️