ホーム / มาเฟีย / รักสุดท้ายของอาชา / ความสุขที่สมบูรณ์แบบ

共有

ความสุขที่สมบูรณ์แบบ

last update 最終更新日: 2025-08-28 02:02:38

ตัดภาพมาที่ทางด้านอาชากับเหมยที่เดินทางมาถึงประเทศญี่ปุ่นในเวลาที่แตกต่างจากไทยทั้งสองมาถึงในวันที่หิมะเริ่มตกพอดีและเป็นช่วงเวลาที่ไม่ได้ตกหนักมากจนเกินไปทำให้เธอได้มองเห็นบรรยากาศที่สวยงามเกินคำบรรยายราวกับออกมาจากเทพนิยาย

สองร่างก้าวเท้าออกมาจากสนามบินชินชิโตเซะสู่โลกที่ปกคลุมไปด้วยความขาวบริสุทธิ์ของหิมะ เหมยสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่บริสุทธิ์จนขนลุกไปทั่วทั้งร่าง เธอหันไปมองอาชาที่กำลังยืนยิ้มอยู่ข้างๆ

“สวยจังเลยค่ะพี่อาชา เหมือนความฝันเลย” เหมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความตื่นเต้น

อาชาโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูเธอ “นี่ไม่ใช่ความฝันครับ มันคือโลกแห่งความจริงที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไป”

เมื่อมาถึงโรงแรม ทั้งสองก็ไม่รอช้าที่จะออกไปสำรวจเมืองที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ เหมยกับอาชาจูงมือกันเดินไปตามถนนที่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ผู้คนต่างแต่งกายด้วยชุดกันหนาวสีสันสดใส ทำให้บรรยากาศดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น

เหมยไม่เคยรู้สึกมีความสุขเท่านี้มาก่อนในชีวิต เธอได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้แสดงความรู้สึกอย่างที่ใจต้องการ และที่สำคัญที่สุดคือเธอได้มีอาชาอยู่เคียงข้าง

ในขณะที่เดินชมบ้านเมืองไปเรื่อยๆ อาชาก็พาเหมยมาหยุดอยู่ที่ร้านราเม็งร้านหนึ่งที่ดูอบอุ่นและเป็นกันเอง “ผมว่าเรามาลองราเม็งร้อนๆ กันดีกว่าครับ จะได้คลายความหนาว”

ทั้งสองนั่งลงบนที่นั่งเคาน์เตอร์ อาชานั่งอยู่ข้างเหมย ทำให้เหมยรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยยิ่งกว่าเดิม เธอมองไปรอบๆ ร้าน เห็นนักท่องเที่ยวและคนญี่ปุ่นที่กำลังทานราเม็งกันอย่างเอร็ดอร่อย ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกประทับใจในบรรยากาศที่เป็นกันเองแบบนี้

ราเม็งร้อนๆ ถูกนำมาเสิร์ฟ ทั้งสองเริ่มลงมือทานพร้อมกับพูดคุยกันอย่างออกรส เหมยเล่าเรื่องราวในอดีตของเธอให้เขาฟังอย่างเปิดใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน อาชาตั้งใจฟังทุกคำพูดของเธอ และเมื่อเหมยเล่าจบ เขาก็เอื้อมมือไปกุมมือของเธอไว้อย่างอ่อนโยน

“ขอบคุณที่เชื่อใจและเล่าเรื่องราวในชีวิตให้ผมฟังนะครับ” อาชาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง “ต่อจากนี้ไป คุณจะไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว ผมจะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไปคุณจะได้ทำนิยายที่คุณรักและมีผมอยู่ข้างๆเสมอ."

เหมยรู้สึกน้ำตาเอ่อล้นขึ้นมา เธอไม่คิดเลยว่าชีวิตของเธอจะมาถึงจุดนี้ จุดที่มีใครสักคนคอยปลอบโยนและอยู่เคียงข้างเธออย่างแท้จริงจากผู้หญิงที่กลัวการพบเจอผู้คนจนนำมาสู่หนทางที่ได้มาเจอคนคนหนึ่งที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปทั้งชีวิต

หลังจากที่อิ่มอร่อยกับราเม็งแล้ว ทั้งสองก็เดินกลับโรงแรมด้วยหัวใจที่พองโต อาชาเปิดประตูห้องให้เหมยเดินเข้าไปก่อน และเมื่อเข้ามาในห้อง เหมยก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่อยู่ตรงหน้า ห้องถูกประดับประดาด้วยดอกกุหลาบสีขาวและเทียนหอมส่งกลิ่นละมุน ทำให้บรรยากาศดูโรแมนติกอย่างที่สุด

อาชาเดินตามเข้ามาในห้อง เขาโอบกอดเหมยจากด้านหลัง พร้อมกับกระซิบข้างหูเธอด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “ผมอยากให้คืนนี้เป็นคืนที่พิเศษที่สุดสำหรับคุณครับ”

เหมยหันกลับมาสบตากับอาชาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรัก เธอยื่นมือไปประคองใบหน้าของเขา แล้วทั้งสองก็ค่อยๆ โน้มตัวเข้าหากัน ริมฝีปากแตะกันอย่างแผ่วเบา แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่ลึซึ้ง

แสงจันทร์สีนวลส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้อง เผยให้เห็นภาพที่โรแมนติกเกินบรรยาย เหมยอยู่ในชุดคลุมผ้าไหมสีขาวบริสุทธิ์ ส่วนอาชาอยู่ในชุดเสื้อยืดและกางเกงขายาว ทั้งสองนั่งอยู่บนโซฟาหน้าเตาผิงที่ไฟกำลังลุกโชนอย่างอบอุ่น

เหมยเอนศีรษะซบลงบนไหล่ของอาชาอย่างอ่อนโยน เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิงในเทพนิยาย ที่ได้มาพบกับเจ้าชายผู้ที่จะอยู่เคียงข้างเธอไปตลอดชีวิต

“พี่คิดว่าถ้าเราไม่ได้เจอกัน ชีวิตของเราจะเป็นยังไงคะ” เหมยเอ่ยถามขึ้นมาเบาๆ

อาชาใช้ปลายนิ้วเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าของเหมยออกอย่างแผ่วเบา “ผมคงยังต้องใช้ชีวิตอยู่กับความมืดมิดเหมือนเดิม และคงไม่มีวันได้สัมผัสกับความสุขอย่างแท้จริง”

เหมยเงยหน้าขึ้นมองอาชาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรัก เธอไม่คิดเลยว่าผู้ชายที่เคยใช้ชีวิตอยู่กับความรุนแรงและอันตราย จะมีมุมที่อ่อนโยนและโรแมนติกได้ถึงขนาดนี้

“ขอบคุณนะคะพี่อาชา ขอบคุณที่รักเหมย” เธอพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่อบอุ่น

อาชาไม่ตอบอะไร แต่ใช้แขนโอบกอดเหมยแน่นขึ้น ราวกับจะบอกว่าเธอนั้นมีความหมายกับเขามากแค่ไหน หลังจากนั้นเขาก็ประคองใบหน้าของเธอขึ้นมา

แล้วประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา สัมผัสที่เต็มไปด้วยความรักและความอ่อนโยนทำให้เหมยรู้สึกราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุนไปชั่วขณะ

จูบนั้นไม่ใช่แค่การแสดงความรัก แต่เป็นการเริ่มต้นของชีวิตใหม่ของพวกเขา ทั้งสองได้เป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งร่างกายและจิตใจ

หลังจากค่ำคืนอันแสนพิเศษผ่านไป ทั้งสองก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส อาชาพาเหมยไปทานอาหารเช้าที่ร้านอาหารเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ เหมยยังคงตื่นเต้นกับบรรยากาศที่สวยงามเกินคำบรรยายนี้ไม่หาย

“ผมยังมีความสุขไม่หายเลยครับเหมย ที่ได้เห็นรอยยิ้มของคุณแบบนี้” อาชาเอ่ยขึ้นมาด้วยความจริงใจ

เหมยยิ้มตอบ “เหมยก็มีความสุขเหมือนกันค่ะอาชา มีความสุขที่สุดในชีวิตเลย”

หลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว อาชาก็พาเหมยไปเดินเล่นรอบๆ เมือง ทั้งสองเดินจูงมือกันไปตามถนนที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ถ่ายรูปคู่กันและซื้อของที่ระลึกเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำ

และในระหว่างที่เดินอยู่ อาชาก็พาเหมยมาหยุดอยู่หน้าร้านขายดอกไม้เล็กๆ แห่งหนึ่ง เขาปล่อยมือจากเธอแล้วเดินเข้าไปในร้าน ไม่นานนักก็เดินออกมาพร้อมกับช่อดอกลิลลี่สีขาวช่อหนึ่ง แล้วยื่นให้เหมย

“สำหรับเจ้าหญิงของผมครับ” อาชาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

เหมยรับช่อดอกไม้มาด้วยความรู้สึกปลื้มใจจนพูดไม่ออก น้ำตาแห่งความสุขไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่ได้ อาชาเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้เธออย่างแผ่วเบา

“อย่าร้องไห้สิครับ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น “ผมไม่อยากเห็นน้ำตาของคุณ”

“นี่มันน้ำตาแห่งความสุขค่ะอาชา” เหมยตอบพร้อมกับยิ้ม “เหมยไม่เคยได้รับสิ่งดีๆ แบบนี้มาก่อนเลยค่ะ”

อาชาก้มลงไปจูบหน้าผากของเหมยอย่างแผ่วเบา แล้วโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนที่อบอุ่น

“ผมอยากให้ชีวิตที่เหลืออยู่ของคุณ มีแต่ความสุขนะครับ”

หลังจากใช้เวลาช่วงเช้าอยู่ด้วยกันแล้ว อาชาก็พาเหมยกลับมาที่โรงแรมเพื่อจัดกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางไปเที่ยวที่อื่นต่อ แต่ก่อนจะไป อาชาก็พาเหมยมาหยุดอยู่ที่หน้ารูปปั้นน้ำแข็งรูปหงส์คู่ที่เหมยเคยบอกว่าเหมือนกับพวกเขา

“ผมอยากให้หงส์คู่นี้เป็นสัญลักษณ์ของความรักของเราครับ” อาชาเอ่ย “เหมือนที่บอกไว้ ผมจะรักคุณตลอดไปเหมือนหงส์คู่นี้”

เหมยยิ้มพร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง เธอเอนศีรษะซบลงบนไหล่ของอาชา แล้วมองไปยังรูปปั้นหงส์คู่นั้นอย่างมีความสุข

สองสัปดาห์ที่ฮอกไกโดผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับความฝัน ทั้งอาชาและเหมยใช้เวลาทุกวินาทีร่วมกันอย่างคุ้มค่า พวกเขาเดินทางไปตามสถานที่ต่าง ๆ ทั้งซัปโปโร โอตารุ และฮาโกดาเตะ บรรยากาศของเมืองที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน แสงไฟระยิบระยับยามค่ำคืน และอาหารอร่อย ๆ ทำให้ความรักของพวกเขาเบ่งบานมากขึ้นทุกวัน

เมื่อถึงเวลาต้องเดินทางกลับ อาชาและเหมยก็กลับมาพร้อมกับความทรงจำที่ล้นหัวใจและรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุข แต่เหมือนจะมีข่าวดีหลังสามเดือนหลังจากกลับมาจากญี่ปุ่น

เหมยรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเริ่มมีบางอย่างที่ผิดปกติ เธอรู้สึกอ่อนเพลียมากกว่าปกติ และมีอาการแพ้ท้องคลื่นไส้ในตอนเช้า เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมากในตอนแรก

คิดว่าตัวเองอาจจะพักผ่อนไม่เพียงพอเพราะยังคงปรับตัวกับเวลาและอากาศของเมืองไทยอยู่ แต่เมื่ออาการเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีอาการอยากอาหารแปลก ๆ ที่ไม่เคยกินมาก่อน

สวนอาชาอาชาก็เดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าซีดเซียว เขาเอามือกุมท้องไว้แน่นแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำอย่างเร่งรีบ

"พี่อาชา! เป็นอะไรคะ" เหมยตะโกนถามด้วยความเป็นห่วง

ไม่มีเสียงตอบรับจากในห้องน้ำ นอกจากเสียงอาเจียนที่ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง เหมยรีบวางขวดนมแล้ววิ่งไปที่หน้าห้องน้ำ เธอยืนรออยู่พักใหญ่ จนกระทั่งอาชาเปิดประตูออกมาด้วยสภาพที่อิดโรย ใบหน้าซีดเผือดจนน่าตกใจ

"พี่อาชาเป็นอะไรคะ... ไปหาหมอไหม" เหมย ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

อาชาส่ายหน้าเบา ๆ แล้วยื่นมือไปประคองหน้าของเหมย "ไม่เป็นไรครับ...แค่รู้สึกพะอืดพะอมนิดหน่อย"

"นิดหน่อยที่ไหนคะ หน้าพี่ซีดขนาดนี้" เหมยไม่ยอม เธอรีบพยุงร่างของอาชาให้ไปนั่งพักบนโซฟาแล้วรีบไปเอายาและน้ำมาให้ทั้งที่ตัวเธอเองก็เพิ่งจะอาเจียนออกไปในช่วงเวลาเช้า

หลังจากที่ดื่มยาและพักได้สักครู่ อาชาก็ค่อย ๆ กลับมามีสีหน้าดีขึ้น เขาหันไปมองเหมยที่กำลังนั่งกุมมือเขาด้วยความกังวล

"เหมยไม่ต้องห่วงนะครับ พี่แค่อาจจะพักผ่อนน้อยไปหน่อย"

เหมยถอนหายใจอย่างโล่งอก "ต่อไปนี้พี่ต้องพักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ อย่าหักโหมงานมากไป"

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา อาการของอาชาก็เริ่มปรากฏขึ้นทุกเช้า เขาจะอาเจียนจนหน้ามืดและอ่อนเพลีย แต่เมื่ออาการดีขึ้น เขาก็จะกลับมาดูแลเหมยอย่างดีที่สุดเหมือนเดิม จนกระทั่งวันหนึ่งเหมยก็เกิดสงสัย ในอาการของเขา

ส่วนเหมยกลับมีอาการดีขึ้นกินได้นอนหลับหลังจากก่อนหน้านี้เธอก็มีอาการเวียนหัวและอ่อนเพลียประจำเดือนของเหมยขาดหายไปหนึ่งถึงสองเดือนแล้ว เธอจึงตัดสินใจพาเขาไปหาหมอด้วยกัน

ในบ่ายวันหนึ่งขณะที่อาชากำลังประชุมอยู่ที่บริษัท เหมยก็ตัดสินใจไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาลองตรวจดูด้วยตัวเองในห้องน้ำ

สองขีดสีแดงที่ปรากฏขึ้นบนที่ตรวจครรภ์ทำให้หัวใจของเหมยเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นปนกับความประหลาดใจ น้ำตาแห่งความสุขไหลอาบแก้ม เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าความฝันของเธอจะเป็นจริงในเวลาอันรวดเร็วขนาดนี้

เหมยอยากจะบอกข่าวดีนี้ให้อาชารับรู้เป็นคนแรก เธอจึงตัดสินใจจัดเตรียมเซอร์ไพรส์เล็ก ๆ เพื่อรอการกลับมาของเขา

หลังจากที่อาชากลับมาถึงบ้าน เขาเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นและต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าห้องถูกประดับประดาด้วยลูกโป่งและมีกล่องของขวัญ เล็ก ๆ วางอยู่บนโต๊ะ อาชารีบเดินเข้าไปหาเหมยที่กำลังยืนยิ้มอยู่ตรงหน้ากล่องของขวัญนั้น

"มีอะไรเหรอครับเหมย" อาชาถามด้วยน้ำเสียงสงสัย

เหมยยื่นกล่องของขวัญให้อาชา "เปิดดูสิคะพี่อาชา"

อาชารับกล่องมาเปิดดู ภายในกล่องมีรองเท้าเด็กสีขาวคู่เล็ก ๆ และซองจดหมายหนึ่งซอง เขารีบเปิดซองจดหมายออกอ่าน ภายในมีกระดาษที่เขียนด้วยลายมือของเหมยว่า

"อาชา...คุณกำลังจะได้เป็นคุณพ่อแล้วนะ"

อาชาเงยหน้าขึ้นมองเหมยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง และเมื่อเห็นเหมยพยักหน้ายืนยันพร้อมกับรอยยิ้มหวาน ๆ ที่เปื้อนน้ำตา อาชาก็เข้าสวมกอดเธอทันที

"เหมย..จริงเหรอครับ" อาชาถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ "ผม...ผมกำลังจะได้เป็นพ่อแล้วเหรอครับ"

เหมยพยักหน้าอีกครั้ง "ใช่ค่ะพี่อาชา เรากำลังจะมีลูกด้วยกันแล้วนะ"

อาชากอดเหมยแน่นขึ้นอีกครั้งราวกับไม่อยากให้เธอหายไปจากอ้อมแขน เขารู้สึกเหมือนตัวเองได้พบเจอความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต การมี เหมยอยู่เคียงข้างก็เป็นความสุขที่มากพอแล้ว

แต่การมีลูกที่เกิดจากความรักของเขากับเหมยกำลังจะลืมตาดูโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า มันคือสิ่งที่เติมเต็มชีวิตที่เคยขาดหายของเขาให้สมบูรณ์

"ผมรักคุณนะครับเหมย รักคุณและลูกของเรา" อาชาพูดพร้อมกับจูบที่หน้าผากของเหมยอย่างอ่อนโยน "ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิตผมนะครับ ขอบคุณจริง ๆ"

เหมยซบหน้าลงบนอกของอาชาด้วยความสุข เธอไม่คิดเลยว่าชีวิตของเธอจะมาถึงจุดนี้ จุดที่มีความสุขมากเกินกว่าที่เคยจินตนาการเอาไว้

จากคนที่เคยกลัวการใช้ชีวิตอยู่ในโลกกว้างคนเดียว วันนี้เธอได้มีครอบครัวที่อบอุ่นและมีคนที่รักเธอมากขนาดนี้อยู่เคียงข้างทั้งสองคนจึงจูงมือกันมาที่โรงพยาบาล

อาชาถูกพาตัวไปตรวจร่างกายอย่างละเอียด เหมยนั่งรออยู่ด้วยความกระวนกระวายใจ จนกระทั่งหมอเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า

"ยินดีด้วยนะครับ คุณพ่อแพ้ท้องแทนคุณแม่ครับ" หมอเอ่ยขึ้นด้วยความอารมณ์ดี

เหมยอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เธอหันไปมองอาชาที่กำลังยืนนิ่งเงียบด้วยความประหลาดใจ หมออธิบายว่าอาการนี้เป็นเรื่องปกติที่อาจเกิดขึ้นได้กับผู้ชายบางคนที่มีความผูกพันกับภรรยามาก ๆ ทำให้ฮอร์โมนในร่างกายทำงานผิดปกติไปชั่วคราว

เมื่อกลับมาถึงบ้าน เหมยก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ เธอหันไปมองอาชาที่กำลังอุ้มลูกน้อยอยู่ด้วยความรัก

"รู้อะไรไหมคะพี่อาชา" เหมยเอ่ยขึ้น

อาชาเงยหน้าขึ้นมองเหมย "อะไรครับ"

"เหมยรักพี่มากขึ้นอีกแล้วค่ะ" เหมยพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่อบอุ่น "พี่เป็นสามีที่ดีที่สุด และกำลังจะเป็นพ่อที่ดีที่สุดเลยค่ะ"...

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • รักสุดท้ายของอาชา   ตอนพิเศษ

    วันเวลาเดินเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็วก็เข้าปีที่ 3 เด็กๆโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกันเหมยที่ทำหน้าที่ดูแลลูกและหนูน้อยลิลลี่ในเวลาเดียวกันเธอทำทุกอย่างออกมาได้ดีมีแม่บ้านคอยช่วยเหลือบ้างเพราะเธอเองก็ยังทำงานที่เธอรักทำอะไรแต่เช้าครับขณะที่อยู่บนเตียงกว้างกับสามีสุดที่รักอย่างอาชาเขาที่ตื่นมาเห็นหน้าเหมือนเป็นคนแรกในทุกๆวันเช่นนี้เสมอ"กำลังคิดเรื่องพร็อพนิยายใหม่นะคะเดี๋ยวว่าจะแวะเข้าไปที่ไร่ชาสักอาทิตย์หน้าเผื่อไปหาบรรยากาศเปลี่ยนโหมดการทำงานหน่อย"เหมยยิ้มกว้างขณะที่นั่งอยู่บนเตียงหลังจากที่เธอล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ"ก็ดีสิครับ จะได้เปลี่ยนบรรยากาศด้วยตอนนี้ที่ร้านมีขนมใหม่ ๆ เยอะเลยนะ ผมก็อยากให้เหมยไปดูเหมือนกัน" อาชาส่งยิ้มแล้วก็ขยับมานอนบนตักของเหมยด้วยท่าทีออดอ้อนแม้จะแต่งงานกันมาเข้าปีที่ 3 แล้วเหยียบปีที่ 4 ทั้งคู่ก็ยังคงความหวานใส่กันและกันเสมออาชาไม่เคยรักเหมยน้อยลงเช่นเดียวกับเหมยที่ไม่เคยรักอาชาน้อยลงเลย"อาทิตย์นี้เห็นหนูน้อยลิลลี่ของเรากับอคินจะไปบ้านของคุณย่าน้ำฟ้านะคะเดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่ เหมยจะมารับเอง เห็นว่าบ่นคิดถึงหลาน ๆ" เหมยใช้มือลูบไปตามกลุ่มผมของอาชาแล้วก็ส่งยิ้มอา

  • รักสุดท้ายของอาชา   บทส่งท้าย

    แสงไฟสลัว ๆ ที่โถงทางเดินของโรงพยาบาลส่องให้เห็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนและนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ ทุกคนในที่นั้นต่างมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลและความหวังปะปนกันไป มีทั้งคุณหญิงวสุธรและคุณบุญรอด ผู้เป็นพ่อและแม่ของอาชา, คุณแม่น้ำฟ้าและคุณพ่อบุญทอง พ่อแม่ของเหมย, และหนูน้อยลิลลี่ ลูกสาววัย 5 ขวบเศษที่มาเฝ้ารอน้องชายคนใหม่ของเธออาชาเดินวนไปมาไม่หยุด เขากุมมือแน่นจนเหงื่อออกซึม ดวงตาจับจ้องไปที่ประตูห้องคลอดอย่างไม่คลาดสายตา ทุก ๆ นาทีที่ผ่านไปเหมือนเป็นชั่วโมงอันยาวนานสำหรับเขาคุณหญิงวสุธรลุกขึ้นจากเก้าอี้พลางวางมือบนบ่าของลูกชาย "ใจเย็น ๆ เถอะลูก เหมยเขาเข้มแข็งจะตาย"คุณบุญรอดเสริมขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้หนักแน่น "นั่นสิอาชา เราทุกคนอยู่ที่นี่พร้อมหน้าพร้อมตา ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกลูก"พ่อของอาชาตกไปที่บ่าของลูกชายเพื่อเป็นกำลังใจเพราะเขาก็เคยผ่านช่วงเวลานี้ในวันที่อาชาได้คลอดออกมาลืมตาดูโลกเช่นกัน"ครับพ่อ" อาชาหันไปตอบแต่ก็ไม่สามารถลดละสีหน้าความเป็นกังวลที่เป็นห่วงเหมยและลูกในท้องที่กำลังรออยู่ในห้องคลอดได้เลยส่วนอีกฟากหนึ่ง คุณพ่อบุญทองก็โอบกอดคุณแม่น้ำฟ้าไว้แน่น คุณแม่น้ำ

  • รักสุดท้ายของอาชา   ความสุขที่สมบูรณ์แบบ

    ตัดภาพมาที่ทางด้านอาชากับเหมยที่เดินทางมาถึงประเทศญี่ปุ่นในเวลาที่แตกต่างจากไทยทั้งสองมาถึงในวันที่หิมะเริ่มตกพอดีและเป็นช่วงเวลาที่ไม่ได้ตกหนักมากจนเกินไปทำให้เธอได้มองเห็นบรรยากาศที่สวยงามเกินคำบรรยายราวกับออกมาจากเทพนิยายสองร่างก้าวเท้าออกมาจากสนามบินชินชิโตเซะสู่โลกที่ปกคลุมไปด้วยความขาวบริสุทธิ์ของหิมะ เหมยสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่บริสุทธิ์จนขนลุกไปทั่วทั้งร่าง เธอหันไปมองอาชาที่กำลังยืนยิ้มอยู่ข้างๆ“สวยจังเลยค่ะพี่อาชา เหมือนความฝันเลย” เหมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความตื่นเต้นอาชาโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูเธอ “นี่ไม่ใช่ความฝันครับ มันคือโลกแห่งความจริงที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไป”เมื่อมาถึงโรงแรม ทั้งสองก็ไม่รอช้าที่จะออกไปสำรวจเมืองที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ เหมยกับอาชาจูงมือกันเดินไปตามถนนที่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ผู้คนต่างแต่งกายด้วยชุดกันหนาวสีสันสดใส ทำให้บรรยากาศดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นเหมยไม่เคยรู้สึกมีความสุขเท่านี้มาก่อนในชีวิต เธอได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้แสดงความรู้สึกอย่างท

  • รักสุดท้ายของอาชา   เจสซี่เสือ หวานๆๆ

    เสือยืนนิ่งอึ้งในห้องเก็บของที่มืดสลัว ความรู้สึกทั้งประหลาดใจ สับสน และตื่นเต้นปะปนกันไปหมด ริมฝีปากของเขายังคงรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาแต่ร้อนแรงของเจสซี่ หัวใจเต้นรัวราวกับกลองศึก“คุณเจสซี่...นี่คุณทำบ้าอะไรเนี่ย!” เสือหลุดปากออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประหม่า เขาพยายามผลักดันเจสซี่ออก แต่เธอกลับยิ่งกอดเขาไว้แน่นเจสซี่หัวเราะเบาๆ “ก็เจสซี่บอกแล้วไงคะ ว่าเจสซี่จะทวนความจำให้เสือ” เธอกระซิบข้างหูเขาอย่างหยอกล้อ “แล้วตอนนี้เสือจำได้หรือยังคะ ว่าใครเป็นคนทำแบบนี้กับเสือ”เสือหลับตาลงอย่างอ่อนใจ เขาพยายามรวบรวมสติทั้งหมดที่มี “คุณเจสซี่ครับ ปล่อยผมเถอะครับ” น้ำเสียงของเขาเริ่มสั่นเครือ “มันไม่ถูกต้อง”“ไม่ถูกต้องตรงไหนคะ” เจสซี่แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “หรือเสือคิดว่าเจสซี่ไม่ดีพอ? เจสซี่เป็นผู้หญิงที่ไม่ได้แย่นะคะ”“คุณดีเกินไปครับ” เสือสวนกลับทันควัน เขาหมายความอย่างนั้นจริงๆ เจสซี่เป็นผู้หญิงที่สวย ฉลาด และมาจากครอบครัวดีๆ . เขาเป็นแค่บอดี้การ์ด...เป็นได้เพียงแค่เงา ที่ไม่ควรมีตัวตนในชีวิตของใคร“เสือไม่ต้องมาหาข้ออ้างเลย” เจสซี่สวนกลับอย่างรู้ทัน “เจสซี่รู้ว่าเสือไม่ได้รังเกียจเจส

  • รักสุดท้ายของอาชา   การแต่งงานที่อบอุ่นและจุดเริ่มต้นของเสือกับเจสซี่

    สามเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหกเลิกและงานแต่งของเหมยและอาชาก็มาถึง เพื่อนสาวอย่างเจสซี่บินตรงมาจากออสเตรเลียรวมถึงพราวที่ขับรถจากเชียงรายเพื่อมาหาเพื่อนรักในวันพิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นอย่างอบอุ่นท่ามกลางแขกในงานมากหน้าหลายตาเสือและเหล่าบอดี้การ์ดทุกคนเข้าประจำจุดด้วยความพร้อมเพียงวันนี้บอดี้การ์ดของอาชาสวมใส่เสื้อทักซิโด้สีขาวแทนสีดำทำให้บรรยากาศยิ่งดูสดใสขึ้นไปอีกเท่าตัวนึงส่วนเหมยที่ได้สวมใส่ชุดเจ้าสาวแบบฝรั่งโดยมีเพื่อนสาวอย่างเจสซี่เป็นผู้ออกแบบและตัดเย็บเองกับมือเธอภูมิใจในไม้แขวนชุดนี้เหลือเกินเพราะคนที่เป็นไม้แขวนเสื้อตัวนี้ก็คือเหมยเพื่อนสาวที่เธอรักที่สุดพิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นสไตล์ฝรั่งและมีบาทหลวงมากล่าวคำพิธีมงคลต่างๆขณะที่อาชายืนรอเหมยให้เดินออกมากับพ่อบุญทองเขาก็ต้องตกตะลึงเพราะเหมยไม่เคยลองชุดเจ้าสาวให้เขาเห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียวเธอบอกว่าเป็นความลับเหมยในชุดเกาะอกสีขาวโชว์ให้เห็นคองามระหงชุดถุงมือสีขาวบางลายลูกไม้ผ้าคลุมผมเหมือนดั่งเจ้าหญิงชุดฟูฟ่องเล็กน้อยไม่ได้ดูมากไปและน้อยเกินไปต่างหูไข่มุกถูกประดับลงบนใบหูทั้งสองข้างสร้อยไข่มุกและตรงกลางฝังด้วยเพชรขนาด สิบห้ากะรัตดูไม่เ

  • รักสุดท้ายของอาชา   ความคิดถึง NC

    ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ก้าวเท้าอย่างแผ่วเบาเข้าไปในห้องนอน กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคยของเหมย ลอยมาแตะจมูก ยิ่งทำให้ใจที่คิดถึงแทบขาดของอาชาเต้นรัวแรง เขาปิดประตูอย่างเบามือที่สุดแล้วเดินตรงไปยังเตียงกว้างอย่างเงียบเชียบดวงตาคมกริบไล่มองร่างเล็กที่นอนขดอยู่ภายใต้ผ้าห่มสีขาวสะอาดตา แสงไฟสลัวจากโคมไฟหัวเตียงส่องกระทบใบหน้าหวานที่กำลังหลับใหล อย่างเป็นสุข เรียวปากบางอิ่มที่เผยอยิ้มเล็กน้อยในยามหลับใหลแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังมีความสุขในห้วงฝัน อาชากลัวเหลือเกินว่าถ้าหากไม่ใช่เขาที่ยืนอยู่ตรงนี้ แต่เป็นชายอื่นที่ล่วงล้ำเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเธอ เหมยจะเป็นอย่างไรความคิดเหล่านั้นทำให้แววตาของอาชาเต็มไปด้วยความหวงแหนและหึงหวง เขาทรุดตัวลงนั่งข้างเตียง ค่อยๆ เอื้อมมือไปลูบผมยาวสลวยที่กระจัดกระจายอยู่บนหมอนอย่างแผ่วเบา จากนั้นจึงเลื่อนปลายนิ้วไล้ไปตามโครงหน้าหวาน ไล่ลงมาตามลำคอระหง อาชาโน้มตัวลงไปกระซิบเสียงแผ่วข้างหูของเธอ "คิดถึงนะครับ...คิดถึงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว"คำกระซิบแผ่วเบาคล้ายจะปลุกให้เหมยรู้สึกตัว เธอขยับตัวเล็กน้อยแล้วลืมตาขึ้นช้าๆ แสงสลั

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status