เมื่อทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี อาชา รีบเดินทางกลับประเทศไทยทันที เขาคิดถึงเหมยใจแทบขาด การมาดูธุรกิจครั้งนี้เหมือนเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ เมฆินทร์
เป็นการลดศัตรูคู่ อาฆาต ที่เฝ้าคอยจะทิ่มแทงกันมาตลอดหลายสิบปีตั้งแต่รุ่นพ่อจนมาถึงรุ่นเขา และตอนนี้มันกำลังจบที่รุ่นของเขา "นายคิดว่าทำอย่างนี้ถูกต้องแล้วใช่ไหมครับ" เสือหันมาถาม อาชา ที่กำลังนั่งอยู่บนเครื่องบินส่วนตัว "ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ควรต้องทำ การที่ฉันเสียดิวไปหนึ่งดิวไม่ได้แปลว่าฉันจะเสียทรัพย์สินทุกอย่างไป" สิ่งที่ อาชา พูดทำให้ เสือ ได้คิดตาม อาชา อดคิดถึงเมียตัวน้อยไม่ได้ เขาจึงเปิดกล้องที่แอบซ่อนไว้ในบ้านของเหมยมานาน และได้เห็นเมียตัวน้อยในชุดกระโจมอกอาบน้ำ ผมเปียกเล็กน้อย หยดน้ำที่เกาะอยู่ตามร่างกายที่สวยงาม ทำให้ อาชา อยากจะกระโจนเข้ากอดร่างบางที่อยู่ในหน้าจอมือถือ "เดี๋ยวเราจะได้เจอกันเร็ว ๆ นี้เหมย" อาชา คิดในใจพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ เครื่องบินของ อาชา จอดที่ประเทศไทย ใช้เวลาเพียงไม่นานสิ่งที่เขาทำคือรีบมาหาเหมยที่บ้านสวนของเธอ เขากลับมาโดยที่ไม่ได้บอกเธอและอยากจะไปหาเหมยอย่างเงียบ ๆ ทางด้านเหมยที่กำลังเริ่มปั่นต้นฉบับนิยาย ด้วยความรักที่ผ่านมาและการที่ต้องพบเจออะไรมากมายทำให้เธอมีพล็อตมากมายในหัวที่อยากจะเขียนและสื่อถึงผู้อ่านของเธอ เธอเขียนไปก็ยิ้มไปในขณะที่หัวใจของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คือเพื่อนสาวของเธอทั้งสองคนที่ห่างหายไปอย่าง พราว และ เจสซี่ เหมยรีบวางมือจากการทำงานและไปรับสายเพื่อนรักทั้งสองที่วิดีโอคอลมาพร้อมกันเหมือนจงใจมาแกล้งเธอ "ยังไงคะเพื่อนสาว เราไม่ได้คุยกันนานเป็นเดือนเลยนะ สบายดีหรือเปล่า" เจสซี่ เป็นคนเอ่ยขึ้นมาคนแรก "ฉันสบายดี แล้วเธอล่ะเป็นยังไงบ้าง คิดถึงแกมากเลยอ่ะ ฉันมีเรื่องอยากจะเล่าให้แกฟังตั้งเยอะแยะเลย" เหมยบอกเพื่อนด้วยท่าทีอย่างมีความสุข "ยายพราว ฉันก็อยากจะบอกว่าฉันกำลังจะแต่งงานแล้วนะ" เหมยที่หันไปบอก พราว ที่กำลังนั่งกินมาม่าอยู่หน้ากล้อง เธอถึงกับสำลักมาม่าแทบออกจมูก "แต่งงาน!" สองสาวที่อยู่ในกล้องก็ต่างประสานเสียงเป็นเสียงเดียวกัน "แต่งกับใคร?" พราว ถึงกับรีบเอ่ยขึ้นมา เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าน่าจะต้องเป็นผู้ชายที่มาง้อเพื่อนเธอเมื่อตอนที่เหมยหนีมาอยู่บ้านพักตากอากาศแน่ ๆ "ใช่ผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า" เจสซี่ ถาม "คนที่ทุกคนคิดก็คือคุณอาชา!" เหมยที่พูดถึง อาชา ก็อมยิ้มไม่หยุด เธอรู้สึกว่าเธอโชคดีมาก ๆ ที่ได้เจอคนที่เธอรัก "มันตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ ทำไมพวกฉันถึงพัฒนาการช้าไปหรือไง" พราว ที่พูดอยู่ก็ถึงกับทำตาโตนั่งคิดตาม "ก็ไหนตอนแรกเห็นงอน ไหงตอนนี้ดันไปตอบตกลงแต่งงานกับเขาซะอย่างนั้น" พราว หันมาพูดอีกครั้ง "แกรู้เรื่องของพี่ธงกันหรือยังอ่ะ" เหมยเปลี่ยนเรื่องพูด "ฉันพอจะได้ยินแว่ว ๆ นะ แต่ไม่ได้คิดว่าจะหนักขนาดนั้น" เจสซี่ ที่อยู่ออสเตรเลียยังได้ยินข่าวของ ธง เลย พราว เองก็พยักหน้า "พวกแกได้ข่าวของพี่ธงอีกไหม" เหมยเองก็รู้สึกผิด เธอรู้อยู่เต็มอกว่าคนที่จัดการได้เด็ดขาดขนาดนี้ก็คือ อาชา ว่าที่สามีในอนาคตของเธอ แต่เขาทำไปเพราะต้องการปกป้องเธอ "ก็ได้ข่าวว่าตกอับสุด ๆ พ่อไม่ยอมให้กลับเข้าบ้านแล้วก็เห็นว่าเงินก็ไม่มีจะใช้เลยนะ" พราว ที่ได้ข่าวมาจากพวก สกาย และ ต๊อบ เพราะทั้งสองอยู่เชียงรายบินไปกลับสายงานใกล้ ๆ กันจึงได้พอรู้ข่าวกันบ้าง "แต่อย่าไปสนใจเลย ฉันว่ามาแสดงความยินดีกับแกแล้วก็คุณอาชาดีกว่านะ" เจสซี่ บอกเพื่อนรักทั้งสองด้วยท่าทีตื่นเต้นมีความสุข "แล้วได้ฤกษ์แต่งหรือยังอ่ะ ฉันจะได้ตัดชุดเจ้าสาวให้กับเธอ" เจสซี่ เธอเป็นทั้งดีไซเนอร์และนางแบบ และเธออยากจะออกแบบชุดเจ้าสาวให้เพื่อนรัก "ก็รอคุณอาชากลับมาจากสิงคโปร์ เราก็น่าจะมีข่าวดีเร็ว ๆ นี้แหละ" เหมยที่มีความสุขยิ้มจนแก้มแทบแตก สามสาวพากันวิดีโอคอลคุยกันอยู่ร่วมชั่วโมงจนทุกคนหายคิดถึงก็วางสายไป อาชา ที่รีบกลับมาหาเหมยที่บ้านสวนกว่าจะมาถึงก็ปาเข้าไปเกือบสี่ทุ่มแล้ว เหมยน่าจะเข้านอนไปเป็นที่เรียบร้อย เขาเลือกที่จะจอดรถเอาไว้ไกล ๆ แล้วเดินเท้าเข้ามาเงียบ ๆ เพื่อมาเซอร์ไพรส์ทำให้ว่าที่ภรรยาแปลกใจ "อายจะย่องเข้าไปเงียบ ๆ อย่างนั้นจริง ๆ เหรอครับ" เสือ หันมาถามผู้เป็นเจ้านาย "จริง ๆ เข้าไปปกติก็ได้" แต่ผู้เป็นนายก็เลือกที่จะย่องเงียบเข้าไปหาว่าที่ภรรยา "เอาน่า แกนั่งเฝ้ารถให้ฉันก่อน เดี๋ยวฉันเข้าไปข้างในได้แกก็ไปเปิดโรงแรมแถวนี้พักก็ได้" อาชา หันมาบอกบอดี้การ์ดที่ทำหน้าหงิกงอยิ่งกว่าผู้หญิงประจำเดือนไม่มาซะอีก "ครับเจ้านาย" เสือ ที่ไม่มีทางเลือกมากนักก็ต้องตามใจผู้เป็นนายวัยสี่สิบแต่ทำตัวเหมือนหนุ่มสิบแปด เขาถึงกับส่ายหัวไปมาในความเจ้าเล่ห์เพทุบายของ อาชา เขาคิดถึงเหมยใจแทบขาด ตอนนี้หัวใจของ อาชา เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข เขาอยากจะให้เหมยได้รับรู้ว่าเขาคิดถึงมากแค่ไหน ของฝากมากมายที่ซื้อมาจากสิงคโปร์ถูกเก็บไว้บนรถหรูอย่างดีโดยมี เสือ ผู้เป็นราชรถคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ขณะที่ร่างบางกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงกว้างสีขาวด้วยห้วงนิทราที่หลับสนิท เหมยเธอกำลังนอนฝันหวานเข้าไปในห้วงลึกของการหลับใหล เธอไม่ได้ยินเสียงคนย่องเบาหรือคนที่กำลังพยายามเปิดประตูเข้ามาหาเธอ ผู้ชายคนเดียวที่มีดอกกุญแจก็คือ อาชา เธอไม่เคยให้เขาเอาไว้แต่เขานั้นได้ทำการงัดแงะและปั๊มกุญแจประตูเอาไว้ตอนที่ให้ เสือ แอบมาติดกล้องที่บ้านของเธอ มันจึงเป็นทางที่สะดวกมากที่ อาชา จะย่องเบาเข้ามาหาเธอได้อย่างสบาย ๆ อาชา ที่เดินเข้ามาจนถึงห้องสุดท้ายนั่นคือห้องนอนของว่าที่ภรรยาอย่างเหมยที่กำลังนอนหลับฝันหวานโดยที่ไม่รู้ว่าตอนนี้มีผู้ชายร่างสูงใหญ่กำลังจ้องเธอด้วยความหิวกระหาย "หลับสบายเลยนะแม่คนดี ถ้าเป็นคนอื่นจะเป็นยังไง" อาชา ที่มองร่างเหมยผ่านแสงไฟหัวเตียงเล็กน้อยในชุดนอนผ้าสีขาวซาตินสุดเซ็กซี่ในสายตาของอาชา เขาคิดว่าหากคนที่ยืนตรงนี้ไม่ใช่เขาแล้วเป็นคนอื่นเหมยจะเป็นยังไง...วันเวลาเดินเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็วก็เข้าปีที่ 3 เด็กๆโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกันเหมยที่ทำหน้าที่ดูแลลูกและหนูน้อยลิลลี่ในเวลาเดียวกันเธอทำทุกอย่างออกมาได้ดีมีแม่บ้านคอยช่วยเหลือบ้างเพราะเธอเองก็ยังทำงานที่เธอรักทำอะไรแต่เช้าครับขณะที่อยู่บนเตียงกว้างกับสามีสุดที่รักอย่างอาชาเขาที่ตื่นมาเห็นหน้าเหมือนเป็นคนแรกในทุกๆวันเช่นนี้เสมอ"กำลังคิดเรื่องพร็อพนิยายใหม่นะคะเดี๋ยวว่าจะแวะเข้าไปที่ไร่ชาสักอาทิตย์หน้าเผื่อไปหาบรรยากาศเปลี่ยนโหมดการทำงานหน่อย"เหมยยิ้มกว้างขณะที่นั่งอยู่บนเตียงหลังจากที่เธอล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ"ก็ดีสิครับ จะได้เปลี่ยนบรรยากาศด้วยตอนนี้ที่ร้านมีขนมใหม่ ๆ เยอะเลยนะ ผมก็อยากให้เหมยไปดูเหมือนกัน" อาชาส่งยิ้มแล้วก็ขยับมานอนบนตักของเหมยด้วยท่าทีออดอ้อนแม้จะแต่งงานกันมาเข้าปีที่ 3 แล้วเหยียบปีที่ 4 ทั้งคู่ก็ยังคงความหวานใส่กันและกันเสมออาชาไม่เคยรักเหมยน้อยลงเช่นเดียวกับเหมยที่ไม่เคยรักอาชาน้อยลงเลย"อาทิตย์นี้เห็นหนูน้อยลิลลี่ของเรากับอคินจะไปบ้านของคุณย่าน้ำฟ้านะคะเดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่ เหมยจะมารับเอง เห็นว่าบ่นคิดถึงหลาน ๆ" เหมยใช้มือลูบไปตามกลุ่มผมของอาชาแล้วก็ส่งยิ้มอา
แสงไฟสลัว ๆ ที่โถงทางเดินของโรงพยาบาลส่องให้เห็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนและนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ ทุกคนในที่นั้นต่างมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลและความหวังปะปนกันไป มีทั้งคุณหญิงวสุธรและคุณบุญรอด ผู้เป็นพ่อและแม่ของอาชา, คุณแม่น้ำฟ้าและคุณพ่อบุญทอง พ่อแม่ของเหมย, และหนูน้อยลิลลี่ ลูกสาววัย 5 ขวบเศษที่มาเฝ้ารอน้องชายคนใหม่ของเธออาชาเดินวนไปมาไม่หยุด เขากุมมือแน่นจนเหงื่อออกซึม ดวงตาจับจ้องไปที่ประตูห้องคลอดอย่างไม่คลาดสายตา ทุก ๆ นาทีที่ผ่านไปเหมือนเป็นชั่วโมงอันยาวนานสำหรับเขาคุณหญิงวสุธรลุกขึ้นจากเก้าอี้พลางวางมือบนบ่าของลูกชาย "ใจเย็น ๆ เถอะลูก เหมยเขาเข้มแข็งจะตาย"คุณบุญรอดเสริมขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้หนักแน่น "นั่นสิอาชา เราทุกคนอยู่ที่นี่พร้อมหน้าพร้อมตา ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกลูก"พ่อของอาชาตกไปที่บ่าของลูกชายเพื่อเป็นกำลังใจเพราะเขาก็เคยผ่านช่วงเวลานี้ในวันที่อาชาได้คลอดออกมาลืมตาดูโลกเช่นกัน"ครับพ่อ" อาชาหันไปตอบแต่ก็ไม่สามารถลดละสีหน้าความเป็นกังวลที่เป็นห่วงเหมยและลูกในท้องที่กำลังรออยู่ในห้องคลอดได้เลยส่วนอีกฟากหนึ่ง คุณพ่อบุญทองก็โอบกอดคุณแม่น้ำฟ้าไว้แน่น คุณแม่น้ำ
ตัดภาพมาที่ทางด้านอาชากับเหมยที่เดินทางมาถึงประเทศญี่ปุ่นในเวลาที่แตกต่างจากไทยทั้งสองมาถึงในวันที่หิมะเริ่มตกพอดีและเป็นช่วงเวลาที่ไม่ได้ตกหนักมากจนเกินไปทำให้เธอได้มองเห็นบรรยากาศที่สวยงามเกินคำบรรยายราวกับออกมาจากเทพนิยายสองร่างก้าวเท้าออกมาจากสนามบินชินชิโตเซะสู่โลกที่ปกคลุมไปด้วยความขาวบริสุทธิ์ของหิมะ เหมยสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่บริสุทธิ์จนขนลุกไปทั่วทั้งร่าง เธอหันไปมองอาชาที่กำลังยืนยิ้มอยู่ข้างๆ“สวยจังเลยค่ะพี่อาชา เหมือนความฝันเลย” เหมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความตื่นเต้นอาชาโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูเธอ “นี่ไม่ใช่ความฝันครับ มันคือโลกแห่งความจริงที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไป”เมื่อมาถึงโรงแรม ทั้งสองก็ไม่รอช้าที่จะออกไปสำรวจเมืองที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ เหมยกับอาชาจูงมือกันเดินไปตามถนนที่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ผู้คนต่างแต่งกายด้วยชุดกันหนาวสีสันสดใส ทำให้บรรยากาศดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นเหมยไม่เคยรู้สึกมีความสุขเท่านี้มาก่อนในชีวิต เธอได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้แสดงความรู้สึกอย่างท
เสือยืนนิ่งอึ้งในห้องเก็บของที่มืดสลัว ความรู้สึกทั้งประหลาดใจ สับสน และตื่นเต้นปะปนกันไปหมด ริมฝีปากของเขายังคงรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาแต่ร้อนแรงของเจสซี่ หัวใจเต้นรัวราวกับกลองศึก“คุณเจสซี่...นี่คุณทำบ้าอะไรเนี่ย!” เสือหลุดปากออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประหม่า เขาพยายามผลักดันเจสซี่ออก แต่เธอกลับยิ่งกอดเขาไว้แน่นเจสซี่หัวเราะเบาๆ “ก็เจสซี่บอกแล้วไงคะ ว่าเจสซี่จะทวนความจำให้เสือ” เธอกระซิบข้างหูเขาอย่างหยอกล้อ “แล้วตอนนี้เสือจำได้หรือยังคะ ว่าใครเป็นคนทำแบบนี้กับเสือ”เสือหลับตาลงอย่างอ่อนใจ เขาพยายามรวบรวมสติทั้งหมดที่มี “คุณเจสซี่ครับ ปล่อยผมเถอะครับ” น้ำเสียงของเขาเริ่มสั่นเครือ “มันไม่ถูกต้อง”“ไม่ถูกต้องตรงไหนคะ” เจสซี่แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “หรือเสือคิดว่าเจสซี่ไม่ดีพอ? เจสซี่เป็นผู้หญิงที่ไม่ได้แย่นะคะ”“คุณดีเกินไปครับ” เสือสวนกลับทันควัน เขาหมายความอย่างนั้นจริงๆ เจสซี่เป็นผู้หญิงที่สวย ฉลาด และมาจากครอบครัวดีๆ . เขาเป็นแค่บอดี้การ์ด...เป็นได้เพียงแค่เงา ที่ไม่ควรมีตัวตนในชีวิตของใคร“เสือไม่ต้องมาหาข้ออ้างเลย” เจสซี่สวนกลับอย่างรู้ทัน “เจสซี่รู้ว่าเสือไม่ได้รังเกียจเจส
สามเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหกเลิกและงานแต่งของเหมยและอาชาก็มาถึง เพื่อนสาวอย่างเจสซี่บินตรงมาจากออสเตรเลียรวมถึงพราวที่ขับรถจากเชียงรายเพื่อมาหาเพื่อนรักในวันพิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นอย่างอบอุ่นท่ามกลางแขกในงานมากหน้าหลายตาเสือและเหล่าบอดี้การ์ดทุกคนเข้าประจำจุดด้วยความพร้อมเพียงวันนี้บอดี้การ์ดของอาชาสวมใส่เสื้อทักซิโด้สีขาวแทนสีดำทำให้บรรยากาศยิ่งดูสดใสขึ้นไปอีกเท่าตัวนึงส่วนเหมยที่ได้สวมใส่ชุดเจ้าสาวแบบฝรั่งโดยมีเพื่อนสาวอย่างเจสซี่เป็นผู้ออกแบบและตัดเย็บเองกับมือเธอภูมิใจในไม้แขวนชุดนี้เหลือเกินเพราะคนที่เป็นไม้แขวนเสื้อตัวนี้ก็คือเหมยเพื่อนสาวที่เธอรักที่สุดพิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นสไตล์ฝรั่งและมีบาทหลวงมากล่าวคำพิธีมงคลต่างๆขณะที่อาชายืนรอเหมยให้เดินออกมากับพ่อบุญทองเขาก็ต้องตกตะลึงเพราะเหมยไม่เคยลองชุดเจ้าสาวให้เขาเห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียวเธอบอกว่าเป็นความลับเหมยในชุดเกาะอกสีขาวโชว์ให้เห็นคองามระหงชุดถุงมือสีขาวบางลายลูกไม้ผ้าคลุมผมเหมือนดั่งเจ้าหญิงชุดฟูฟ่องเล็กน้อยไม่ได้ดูมากไปและน้อยเกินไปต่างหูไข่มุกถูกประดับลงบนใบหูทั้งสองข้างสร้อยไข่มุกและตรงกลางฝังด้วยเพชรขนาด สิบห้ากะรัตดูไม่เ
ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ก้าวเท้าอย่างแผ่วเบาเข้าไปในห้องนอน กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคยของเหมย ลอยมาแตะจมูก ยิ่งทำให้ใจที่คิดถึงแทบขาดของอาชาเต้นรัวแรง เขาปิดประตูอย่างเบามือที่สุดแล้วเดินตรงไปยังเตียงกว้างอย่างเงียบเชียบดวงตาคมกริบไล่มองร่างเล็กที่นอนขดอยู่ภายใต้ผ้าห่มสีขาวสะอาดตา แสงไฟสลัวจากโคมไฟหัวเตียงส่องกระทบใบหน้าหวานที่กำลังหลับใหล อย่างเป็นสุข เรียวปากบางอิ่มที่เผยอยิ้มเล็กน้อยในยามหลับใหลแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังมีความสุขในห้วงฝัน อาชากลัวเหลือเกินว่าถ้าหากไม่ใช่เขาที่ยืนอยู่ตรงนี้ แต่เป็นชายอื่นที่ล่วงล้ำเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเธอ เหมยจะเป็นอย่างไรความคิดเหล่านั้นทำให้แววตาของอาชาเต็มไปด้วยความหวงแหนและหึงหวง เขาทรุดตัวลงนั่งข้างเตียง ค่อยๆ เอื้อมมือไปลูบผมยาวสลวยที่กระจัดกระจายอยู่บนหมอนอย่างแผ่วเบา จากนั้นจึงเลื่อนปลายนิ้วไล้ไปตามโครงหน้าหวาน ไล่ลงมาตามลำคอระหง อาชาโน้มตัวลงไปกระซิบเสียงแผ่วข้างหูของเธอ "คิดถึงนะครับ...คิดถึงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว"คำกระซิบแผ่วเบาคล้ายจะปลุกให้เหมยรู้สึกตัว เธอขยับตัวเล็กน้อยแล้วลืมตาขึ้นช้าๆ แสงสลั