เสียงตึงเครียดของอาชาและเมฆินทร์ดังไปทั่วห้อง ท่ามกลางบรรยากาศที่พร้อมจะปะทุอยู่ดี ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
หนูน้อยลิลลี่ที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดหนังสือในห้องสมุดก็เดินกลับมาพร้อมกับหนังสือภาพเล่มโปรดในมือ "คุณลุงอาชาขา ลิลลี่อยากให้คุณลุงอ่านนิทานเรื่องนี้ให้ฟังก่อนนอนกลางวันค่ะ" ลิลลี่เงยหน้ามองอาชาด้วยดวงตากลมโตไร้เดียงสา น้ำเสียงใสซื่อของลิลลี่ดึงสติของอาชาให้กลับมา เขาสูดหายใจลึกๆ พยายามระงับโทสะที่คุกรุ่น เมฆินทร์เองก็ลดรอยยิ้มยียวนลงเล็กน้อยเมื่อเห็นเด็กน้อยเดินเข้ามา "ได้สิครับคนเก่ง" อาชาย่อตัวลงรับหนังสือจากลิลลี่ พลางเอื้อมมือไปลูบผมหนูน้อยอย่างอ่อนโยน "เดี๋ยวคุณลุงไปอ่านให้ฟังที่ห้องนะครับ" เหมยที่เดินตามมาก็พยกหัว 1 ครั้งและรีบจูงมือหนูลิลลี่ที่อยู่กับอาชาเพื่อจะกลับไปนอนอ่านนิทานด้วยกัน "ลิลลี่คะคุณลุงทำงานไปฟังนิทานกับคุณครูดีกว่า เดี๋ยวคุณครูจะนอนเป็นเพื่อน"เหมยที่พูดตลอดให้หนูลิลลี่เชื่อฟัง อาชาหันไปมองเมฆินทร์ด้วยสายตาเย็นชา "ผมคงต้องขอตัวพาหลานไปพักผ่อนก่อน หวังว่าคุณจะเข้าใจนะ เมฆินทร์" "ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณเหมยงั้นเราไปพร้อมกันเลยดีกว่า"อาชาที่พูดกันท่าไม่ให้เมฆินทร์ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ผู้หญิงของตัวเองก็เอ่ยปากชวนเหมยไปอ่านนิทานให้กับหนูน้อยลิลลี่ฟัง "ได้สิคะคุณอาชา" ไม่ตอบรับคำเชิญนั้นอย่างง่ายดายเพราะมันเป็นกิจวัตรประจำวันที่มักจะทำร่วมกันของทั้งสองคนอยู่เสมอ เมฆินทร์เพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย มองตามอาชาที่จูงมือลิลลี่เดินออกไปจากห้องอย่างไม่ลดละสายตา ถังลี่ที่ยืนอยู่ข้างกายเมฆินทร์ถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก บรรยากาศเมื่อครู่ตึงเครียดจนเขากลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ เมื่ออาชาพาลิลลี่เข้าไปในห้องพักแล้ว เขาก็หันไปหาเสือที่ยืนรออยู่หน้าห้อง "ไอ้เสือ เฝ้าไอ้เมฆินทร์มันไว้ให้ดี อย่าให้คลาดสายตาแม้แต่วินาทีเดียว" "ครับนาย" เสือรับคำสั่งอย่างหนักแน่น "ถังลี่วันนี้กูสนุกพอแล้วกลับดีกว่า..!" เมฆินทร์ชวนบอดี้การ์ดคู่ใจกลับบ้านอย่างอารมณ์ดีเพราะได้กวนประสาทกวนใจอาชาอย่าง 100% ในวันนี้ นี่แหละแผนของเขาแม้จะยังไม่ได้รู้ผลเรื่องการเซ็นมหาวิทยาลัยกับมิสเตอร์จางแต่เขาขอได้ปั่นป่วนให้อาชาได้ป่วนหัวเล่นสักหน่อยดีกว่า "ครับนาย" ถังลี่ยืนคุมเชิงตลอดเส้นทางที่เขาพาเจ้านายอย่างเมฆินทร์กลับขึ้นรถไปเพราะบอดี้การ์ดทุกคนจับจ้องมาที่เมฆินทร์ราวกับเสือหิวกระหายพร้อมที่จะฉีกเนื้อเป็นชิ้นๆตลอดเวลา หลายวันผ่านไป เมฆินทร์ยังคงแวะเวียนมาที่คาเฟ่ไร่ชาพรหมเทพไม่ขาด ทั้งซื้อขนมซื้อของฝากแม้กระทั่งมานั่งทำงานชิวๆอยู่ที่คาเฟ่ของอาชาเหมือนเป็นการเย้ยหยัน นายครับวันนี้ไอ้เมฆินมันมากับลูกน้องมันอีกแล้วเสือที่เข้ามารายงานอาชาอย่างเช่นทุกวัน "พวกมันคิดจะลองดีกับกูจริงๆ ใช่ไหม..?ไม่เป็นไรต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองอย่าให้ขาดตกบกพร่อง ถ้ามันตุ๊กติ๊กยิงได้เลย"อาชาสั่งเสียงเหี้ยม "ครับนาย"เสือรับคำสั่ง เหมยเริ่มสังเกตเห็นว่าอาชาดูจะหงุดหงิดง่ายขึ้นเมื่อเมฆินทร์ปรากฏตัว บ่อยครั้งที่เขาจะเข้ามาแทรกบทสนทนา หรือไม่ก็หาเรื่องชวนเหมยไปทำกิจกรรมอื่นทันทีที่เมฆินทร์เดินเข้ามาใกล้ วันหนึ่ง เหมยกำลังนั่งจิบชาอยู่คนเดียวที่โต๊ะริมหน้าต่าง เมฆินทร์ก็เดินตรงเข้ามาพร้อมกับช่อดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ในมือ "คุณเหมยครับ ผมเห็นดอกไม้สวยๆ เลยอยากเอามาฝาก" เมฆินทร์ยื่นช่อดอกไม้ให้เหมยด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น "มันดูอ่อนโยนเหมือนคุณเลยครับ" เหมยรับดอกไม้มาอย่างงงๆ "ขอบคุณค่ะคุณเมฆินทร์" เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าเขาจะเตรียมดอกไม้มาให้ ในขณะนั้นเอง อาชาก็เดินเข้ามาจากด้านหลัง สีหน้าของเขาขรึมลงทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า "มีอะไรกันหรือเปล่าครับ" อาชาเอ่ยถามเสียงเรียบ ดวงตาจับจ้องไปที่ช่อดอกไม้ในมือเหมย เหมยรีบตอบ "คุณเมฆินทร์เอาดอกไม้มาฝากน่ะค่ะ" อาชาก้าวเข้ามาใกล้โต๊ะมากขึ้น "ดอกไม้สวยดีนะครับ" เขากล่าวพลางยื่นมือไปหยิบดอกไม้ช่อหนึ่งขึ้นมาดมช้าๆ ก่อนจะวางกลับลงไป เมฆินทร์มองอาชาด้วยรอยยิ้มท้าทาย "ก็แค่ดอกไม้เองครับคุณอาชา ไม่เห็นต้องทำหน้าดุขนาดนั้นเลย" "ผมก็แค่เป็นห่วงความปลอดภัยของแขกในไร่" อาชาตอบกลับเสียงเข้ม "เผื่อบางคนอาจจะแพ้เกสรดอกไม้" เหมยรู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศที่กำลังตึงเครียด เธอรีบเปลี่ยนเรื่อง "คุณอาชาจะรับชาเพิ่มไหมคะ เดี๋ยวเหมยชงให้ค่ะ" "ไม่เป็นไรครับ" อาชาหันมายิ้มให้เหมยเล็กน้อย "ลิลลี่กำลังรอคุณเหมยไปอ่านนิทานให้ฟังอยู่พอดีเลยครับ" เหมยพยักหน้า "ค่ะ เหมยขอตัวก่อนนะคะคุณเมฆินทร์" เธอลุกขึ้นยืนและเดินตามอาชาไปทันที เมฆินทร์มองตามทั้งสองคนที่เดินจากไปอย่างไม่ลดละ ดวงตาของเขาฉายแววครุ่นคิดบางอย่าง หลังจากที่อาชาพาเหมยและลิลลี่ไปส่งที่ห้องพักแล้ว เขาก็เดินกลับมายังคาเฟ่อีกครั้ง สีหน้าของเขายังคงไม่สบอารมณ์ "นายเมฆินทร์มันไม่เลิกง่ายๆ แน่ครับนาย" เสือเดินเข้ามาหาอาชา อาชาพยักหน้า "กูรู้" เขากัดฟันกรอด "มันตั้งใจจะยั่วโมโหกู" "แล้วนายจะทำยังไงครับ" เสือถาม อาชายกมือขึ้นกุมขมับ "กูไม่รู้ว่ามันต้องการอะไรกันแน่ แต่มันต้องไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจอย่างเดียวแล้ว" เขานึกถึงท่าทีของเมฆินทร์ที่มีต่อเหมยแล้วก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ "นายครับ เราควรจะกันมันออกจากคุณเหมยให้เด็ดขาดไหมครับ" เสือเสนอ อาชาลังเลเล็กน้อย "กูก็อยากทำอย่างนั้นนะเสือ แต่ฉันไม่อยากให้เหมยไม่สบายใจ" เขาสูดหายใจลึกๆ "แต่ถ้ามันยังไม่หยุด ฉันก็คงต้องทำอะไรสักอย่าง" ในอีกด้านหนึ่ง เมฆินทร์กำลังนั่งจิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์ เขายิ้มอย่างมีเลศนัยเมื่อนึกถึงใบหน้าของอาชาที่แสดงความหึงหวงออกมาอย่างชัดเจน "ถังลี่ แกคิดว่าฉันควรจะทำยังไงต่อไปดี" เมฆินทร์เอ่ยถามลูกน้องคนสนิท "แล้วแต่นายเลยครับ" ถังลี่ตอบ "แต่ถ้าจะให้คุณอาชาหัวเสียมากขึ้น ก็ต้องใช้คุณเหมยเป็นตัวกระตุ้นแหละครับ" เมฆินทร์หัวเราะเบาๆ "แกนี่ฉลาดจริงๆ ถังลี่" เขาวางแก้วกาแฟลง "ฉันว่า...ได้เวลาที่ฉันจะบุกหนักขึ้นอีกหน่อยแล้ว" เมฆินทร์จะใช้แผนการใดเพื่อรุกคืบเข้าหาเหมย และอาชาจะปกป้องเหมยจากแผนการของเมฆินทร์ได้อย่างไร.......เสียงตึงเครียดของอาชาและเมฆินทร์ดังไปทั่วห้อง ท่ามกลางบรรยากาศที่พร้อมจะปะทุอยู่ดี ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา หนูน้อยลิลลี่ที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดหนังสือในห้องสมุดก็เดินกลับมาพร้อมกับหนังสือภาพเล่มโปรดในมือ"คุณลุงอาชาขา ลิลลี่อยากให้คุณลุงอ่านนิทานเรื่องนี้ให้ฟังก่อนนอนกลางวันค่ะ" ลิลลี่เงยหน้ามองอาชาด้วยดวงตากลมโตไร้เดียงสาน้ำเสียงใสซื่อของลิลลี่ดึงสติของอาชาให้กลับมา เขาสูดหายใจลึกๆ พยายามระงับโทสะที่คุกรุ่น เมฆินทร์เองก็ลดรอยยิ้มยียวนลงเล็กน้อยเมื่อเห็นเด็กน้อยเดินเข้ามา"ได้สิครับคนเก่ง" อาชาย่อตัวลงรับหนังสือจากลิลลี่ พลางเอื้อมมือไปลูบผมหนูน้อยอย่างอ่อนโยน "เดี๋ยวคุณลุงไปอ่านให้ฟังที่ห้องนะครับ"เหมยที่เดินตามมาก็พยกหัว 1 ครั้งและรีบจูงมือหนูลิลลี่ที่อยู่กับอาชาเพื่อจะกลับไปนอนอ่านนิทานด้วยกัน"ลิลลี่คะคุณลุงทำงานไปฟังนิทานกับคุณครูดีกว่า เดี๋ยวคุณครูจะนอนเป็นเพื่อน"เหมยที่พูดตลอดให้หนูลิลลี่เชื่อฟังอาชาหันไปมองเมฆินทร์ด้วยสายตาเย็นชา "ผมคงต้องขอตัวพาหลานไปพักผ่อนก่อน หวังว่าคุณจะเข้าใจนะ เมฆินทร์""ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณเหมยงั้นเราไปพร้อมกันเลยดีกว่า"อาชาที่พูดกันท่าไม่ให้เ
บรรยากาศระหว่างอาชาและเมฆินทร์ยังคงคุกรุ่นราวกับมีไฟฟ้าสถิตย์ แม้เหมยจะเดินจากไปแล้ว แต่ความตึงเครียดก็ยังคงอยู่เต็มเปี่ยม"ฉันเตือนนายแล้วนะ เมฆินทร์" อาชากล่าวเสียงเย็น "อย่าคิดจะทำอะไรไม่ดีที่นี่"เมฆินทร์ยิ้มมุมปาก "คุณอาชาครับ ผมมาเที่ยว มาพักผ่อน ไม่ได้มาสร้างปัญหาอะไร" เขาเว้นจังหวะ "แต่ถ้ามีอะไรที่น่าสนใจ...ผมก็ไม่พลาดที่จะคว้าไว้หรอกนะ" สายตาของเขาจงใจกวาดมองไปทางที่เหมยเพิ่งจากไปอาชากำหมัดแน่น พยายามระงับอารมณ์ที่พุ่งพล่าน "คนของฉันไม่ใช่ของเล่นของนาย""ผมก็ไม่ได้บอกว่าเป็นของเล่นนี่ครับ" เมฆินทร์ตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน "แต่คุณเหมยดูเป็นคนน่าสนใจจริงๆ นั่นแหละ"เสือที่ยืนอยู่ข้างกายอาชาขยับตัวเล็กน้อย แผ่รังสีข่มขู่ไปยังถังลี่ที่ยืนอยู่ข้างเมฆินทร์เช่นกัน ถังลี่เองก็จ้องกลับอย่างไม่ยอมแพ้"กลับไปซะ..! เมฆินทร์" อาชาสั่งเสียงห้วน "ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน"เมฆินทร์หัวเราะเบาๆ "ใจเย็นๆ สิครับเพื่อนเก่า เราเพิ่งเจอกันเองนะ" เขาหยิบถุงกระดาษสีน้ำตาลออกมาจากด้านหลัง "พอดีผมมีของขวัญมาฝากคุณหนูลิลลี่ด้วยน่ะครับ"อาชามองถุงในมือเมฆินทร์อย่างระแวง "ไม่จำเป็น.!""แหม อย่าใจร้ายอย่า
"เออ ครับ" อาชาตอบสั้น ๆ และหันไปพยักหน้าให้เสือเสริมเก้าอี้และโต๊ะมาเพื่อให้นั่ง ข้าง ๆ เหมย "งั้นผมขอร่วมวงด้วยเลยก็แล้วกันนะครับคุณเมฆินทร์" อาชานั่งลงแล้วหันหน้าไปมองเมฆินทร์ด้วยสายตาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ "แหม คุณอาชาเพื่อนรัก อย่าพูดห่างเหินอย่างนั้นสิครับ เดี๋ยวคุณเหมยก็คิดว่าเราไม่ได้เป็นเพื่อนกันหรอก" เมฆินทร์หาช่องว่างพูดกระแทกแดกดันใส่อาชา บรรยากาศบนโต๊ะยังคงอบอวลไปด้วยความตึงเครียดที่ซ่อนเร้น อาชาพยายามวางตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี แต่สายตาคมกริบของเขายังคงจับจ้องไปที่เมฆินทร์เป็นระยะ ขณะที่เมฆินทร์เองก็ยังคงรักษาท่าทีเป็นมิตร แต่แฝงไปด้วยความมั่นใจที่ยากจะเข้าถึง "หนูลิลลี่เรียนเป็นยังไงบ้างครับ" เมฆินทร์หันไปถามหนูลิลลี่ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ทำให้หนูลิลลี่รู้สึกสบายใจที่จะตอบ "ดีค่ะ คุณครูเหมยใจดีมากเลยค่ะ สอนเข้าใจง่ายด้วย" หนูลิลลี่ตอบอย่างกระตือรือร้น "งั้นเหรอครับ" เมฆินทร์เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองเหมย "เห็นไหมครับคุณเหมย ศิษย์รักชมขนาดนี้ ต้องเก่งจริงแน่ ๆ" เหมยยิ้มเล็กน้อยด้วยความเขินอาย "ลิลลี่ก็เก่งอยู่แล้วค่ะ" อาชายิ้มเล็กน้อยอย่างภูมิใจ "ลิลลี่เป็นเด
เมฆินทร์ที่เคยลั่นวาจาไว้ว่าจะมาหาอาชาเพื่อดื่มด่ำกับไร่ชาที่คาเฟ่ วันนี้เขาก็ได้ก้าวเข้ามาในไร่ชาของอาชาจริง ๆ บรรยากาศยามบ่ายคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาถ่ายรูปและเซลฟี่ รถเข้าออกวันละไม่ต่ำกว่า 40-50 คัน"ที่นี่เหรอวะ ถังลี่ ไร่ชาพรหมเทพ? บรรยากาศก็ดูดีใช้ได้เลยนะ" เมฆินทร์ที่มาพร้อมกับถังลี่ บอดี้การ์ดคู่ใจเอ่ยขึ้น เขากล้าหาญและเด็ดเดี่ยว เดิมทีตั้งใจจะนำบอดี้การ์ดมาด้วยหลายคน แต่ไม่อยากให้ผู้คนแตกตื่น จึงเลือกมากับถังลี่เพียงสองคน"ใช่ครับนาย ที่นี่แหละไร่ชาของพรหมเทพ" ถังลี่ยืนประกบอยู่ด้านหลัง"งั้นมึงสั่งกาแฟกับชามาให้กูอย่างละแก้ว วันนี้กูก็อยากกินขนมหวานด้วย เผื่อจะได้ปะทะกับเจ้าของคาเฟ่" คำพูดของเมฆินทร์ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนที่เขาเตรียมพร้อมจะปะทะคืออาชา เพราะวันนี้เขากล้ามาเหยียบถึงถิ่นบอดี้การ์ดคนอื่น ๆ ที่เห็นว่าศัตรูมาเหยียบถึงถิ่นก็รีบเข้าไปรายงานเสือ เพื่อให้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล เพราะวันนี้มีนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ"พี่เสือ ไอ้เมฆินทร์มันมาพร้อมกับลูกน้องคนนึง" บอดี้การ์ดชุดดำรีบวิ่งเข้ามาบอก"จัดคนของเราเฝ้ารอบ ๆ อย่าให้มีปัญหา เดี๋ยวไปกูเ
ไม่กี่วันก่อนจะต้องไปสอนพิเศษให้หนูลิลลี่ที่บ้านของอาชา เหมย มีนัดสำคัญที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติ เธอได้รับเชิญให้ไปออกบูธพบปะแฟนคลับในงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ "พี่เหมยคะเดี๋ยวจะมีแฟนคลับมาขอลายเซ็นหนังสือพี่เหมยนั่งรอตรงนี้นะเดี๋ยวตุ๊กตาจะไปเตรียมของมาให้พี่อยากได้อะไรบอกตุ๊กตานะคะน้องรีเซฟชั่นคนที่คอยเคลียร์ทุกอย่างให้กับเหมยเป็นคนน่ารักมากชื่อตุ๊กตาวิ่งทำโน่นทำนี่ไม่หยุดขอบใจมากจ้ะตุ๊กตาเดี๋ยวถ้าพี่อยากได้อะไรพี่บอกนะหลังจากนั้นไม่นานเหล่าบรรดาแฟนคลับก็เริ่มทยอยมาพูดคุยและขอลายเซ็นจากเหมยหลังจากที่นวนิยายเล่มล่าสุดของเธอได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม บรรยากาศภายในงานคึกคักไปด้วยผู้คน เหมย ใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่ที่บูธของเธอ แจกลายเซ็นและพูดคุยกับแฟนๆ อย่างสนุกสนาน จนกระทั่งถึงเวลาที่เธอต้องพักเข้าห้องน้ำเหมย เดินออกมาจากบูธ สองมือถือแก้วกาแฟเย็นที่เพิ่งซื้อมาอย่างเร่งรีบ เพราะเธอรู้ว่ามีแฟนคลับจำนวนมากรออยู่ที่บูธ เธอพยายามเดินหลบหลีกฝูงชนที่เดินกันขวักไขว่ แต่แล้ว..."โอ๊ะ!"เสียงอุทานดังขึ้นพร้อมกับแรงปะทะ ร่างของเห
ผ่านไปไม่นานผลงานของเสือก็ออกฤทธิ์ เพราะนายธวัชชัยโทรตามให้ธงไปดูเครื่องซีลชาในไร่ทันที เพราะถ้าหากไปช้าอาจจะทำให้เครื่องมีปัญหาหนัก“ฮัลโหลครับคุณธวัชชัย” นายธงรีบรับโทรศัพท์“คุณธงอยู่ไหนครับเนี่ย ผมให้เด็กไปหาที่ห้องก็ไม่เจอ พอดีเครื่องซีลมีปัญหาน่าจะต้องรีบเข้ามาดูเลย” ธวัชชัยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ตอนนี้เลยเหรอครับ แต่นี่มันนอกเวลางานแล้วนะครับคุณธวัชชัย” ธงรีบปฏิเสธ“ผมเข้าใจครับ แต่เราเป็นช่างรีแพร์ ช่างซ่อมบำรุง ต่อให้นอกเวลางาน หากเครื่องมีปัญหาเราก็ต้องจัดการทันที อย่าให้มันลุกลามครับ นั่นเป็นหน้าที่ของเรา” สิ่งที่ธวัชชัยพูดทั้งหมดเกิดขึ้นจริง ทำให้ธงเถียงไม่ออก เพราะด้วยเงินเดือนที่มากเป็นแสนๆ ของเขา หมายถึงต้องแลกมาซึ่งเวลาชีวิตและพร้อมสแตนด์บายตลอดเวลาในการทำงาน“ก็ได้ครับ อีกครึ่งชั่วโมงผมจะไปถึง” ธงวางสายจบก็เตรียมจะร่ำลาพ่อแม่ของเหมย เขารู้สึกโกรธมากที่ครั้งนี้อาชาก็ทำกับเขาแบบเดิม“พ่อกับแม่ ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ พอดีมีงานเร่งด่วนเข้ามา” ธงพูดจบก็ยกมือไหว้พ่อแม่ของเหมยแล้วขับรถออกจากไร่ไปทันทีเสือที่เห็นดังนั้นก็ถ่ายรูปขณะที่ธงกำลังขับรถออกไปส่งไปให้กับอาชาเพื