ระยะเวลาผ่านมาประมาณหนึ่งสัปดาห์ วันนี้เป็นวันแรกของการไปเรียน ญาณินตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ เพราะมีเรียนช่วงแปดโมงตรง เธอยังกะเวลาไม่ถูก จึงตื่นเร็วกว่าปกติ ถ้าหากว่าได้ไปเรียนดูสักระยะก็คงจะกะเวลาได้พอดีมากขึ้น
ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวอยู่ประมาณสามสิบนาที ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย หญิงสาวในคราบชุดนักศึกษาเดินออกมาจากซอยของหอพัก ก่อนจะตรงดิ่งไปยังสถานีรถไฟฟ้าเพื่อไปลงสถานีต่อไป
ทันทีที่มาถึงมหาวิทยาลัย ญาณินตรงดิ่งเข้ามานั่งรออาจารย์ในคลาสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยความที่เธอเป็นหญิงสาวแต่งตัวเชย ๆ ทั้งยังมีแว่นปกปิดความเป็นตัวตนที่แท้จริงเอาไว้ภายใน
นั่นจึงส่งผลให้เพื่อน ๆ ในห้องเรียนเดียวกัน ไม่มีใครให้ความสนใจมาที่เธอเลยสักคน ผิดกับสาวสวยที่มีดีกรีเป็นถึงดาราเน็ตไอดอลที่ใครต่างก็ให้ความสนใจและพูดชื่นชมกันอย่างไม่ขาดปาก
“นี่เธอ...อยู่คนเดียวเหมือนกันหรอกเหรอ?”
ในขณะที่ญาณินกำลังเบนสายตาออกไปทางนอกหน้าต่างเพื่อชมนกชมใจไปพลาง ๆ ระหว่างรออาจารย์ จู่ ๆ หญิงสาวแปลกหน้าก็เดินเข้ามาทักทายพร้อมทั้งหย่อนกายลงนั่งข้าง ๆ เธอ
“อืม ฉันไม่ค่อยมีเพื่อนน่ะ มาเรียนที่นี่ก็มาคนเดียว ไม่มีคนรู้จักเลยสักคน” ญาณินพูดตอบด้วยน้ำเสียงใสกังวาน ทั้งยังดูจริงใจจนอีกฝ่ายสนใจในตัวของเธอเป็นอย่างมาก
“เหมือนฉันเลย ฉันเป็นเด็กต่างจังหวะน่ะ เข้ามากรุงเทพฯ ก็มาคนเดียว เหงามาก เธอเป็นเพื่อนกับฉันได้ไหม?”
แตงกวา หญิงสาวเจ้าของหน้าตาน่ารัก เธอเอ่ยบอกความต้องการของตัวเองออกไปอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความที่เป็นเด็กต่างจังหวัด เธอเองก็เลยอยากจะมีเพื่อนเป็นคนในเมืองบ้าง แถมในตอนที่อยู่โรงเรียนเก่าเธอเองก็ไม่ได้มีเพื่อนเยอะมากเท่าไร เพราะไม่ได้ถูกเป็นที่ยอมรับเท่าที่ควร
“ถ้าเธอไม่ได้รังเกียจ เราก็เป็นเพื่อนกันได้อยู่แล้ว แค่จริงใจต่อกันก็พอ” ญาณินตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หากแต่แฝงไว้ด้วยความเป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด
โดยปกติแล้วเธอเองก็ไม่ได้เปิดใจให้คนนอกได้เข้ามาทำความรู้จักกับตัวเองสักเท่าไร ทว่าอย่างน้อย ๆ เข้ามหาวิทยาลัยแล้วก็ควรจะมีเพื่อนสนิทไว้คอยช่วยกันทำงานส่งอาจารย์สักคนสองคนก็ไม่ได้เสียหายอะไร
“แน่นอนสิ ฉันจริงใจกับทุกคนอยู่แล้ว แต่ส่วนมากจะชอบเจอคนที่เสแสร้งใส่...”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว ฉันไม่ใช่คนซับซ้อนอะไร ออกจะตรงไปตรงมาเลยด้วยซ้ำ มีอะไรก็พูดตรง ๆ กับฉันได้เลย เราจะได้เข้าใจ”
“อื้ม ถ้าอย่างนั้นนับตั้งแต่วันนี้ เราสองคนเป็นเพื่อนกันแล้วนะ”
“ก่อนจะเป็นเพื่อนกัน เธอชื่ออะไรเธอยังไม่บอกเลย ฉันชื่อญาณิน เรียกสั้น ๆ ว่าญาก็ได้”
หญิงสาวเจ้าของใบหน้างามแนะนำตัวคร่าว ๆ พร้อมทั้งหันมารอคำตอบจากปากของฝ่ายตรงข้ามอย่างใจจดใจจ่อ แต่ก่อนเธอไม่เคยถูกให้ความสนใจจากใคร พอขึ้นมหาวิทยาลัยแล้วมีคนมาทักทายและขอเป็นเพื่อนด้วยแบบนี้
ญาณินเองก็แอบดีใจ แม้ว่าจะยังไม่รู้ว่าตนจะเป็นเพื่อนที่ดีให้กับเธอคนนี้ได้หรือไม่กันแน่...
“อ้อ...ฉันชื่อแตงกวา ยินดีที่ได้รู้จักนะญา บอกเลยว่าฉันจะไม่ทำให้เธอเหงาแน่นอน”
“ไม่มีปัญหา เป็นตัวของตัวเองน่ะดีที่สุดแล้ว”
บทสนทนาของทั้งคู่เต็มไปด้วยความขำขัน แตงกวาเป็นคนอัธยาศัยดีในระดับหนึ่ง ซึ่งก็เป็นโชคดีของญาณิน เพราะเธอเป็นคนเงียบ ๆ เมื่อได้เพื่อนที่พอจะพูดเป็นพูดเก่ง ก็ช่วยในการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยได้เยอะพอสมควรเลยทีเดียว
เวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมงทั้งสองคนเรียนกันเสร็จ ก็รีบเดินกันออกมาจากตึกเรียนทันที เนื่องจากว่าช่วงเย็นมีเรียกรวมสำหรับการรับน้องปีหนึ่ง ที่เพิ่งจะเข้ามาเป็นนิสิตใหม่ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้
วิธีการรับน้องของที่นี่ค่อนข้างเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ไม่มีการใช้ความรุนแรงเหมือนอย่างที่เคยได้ยินมาปากต่อปากว่าการถูกรับน้องจะต้องน่ากลัวเพราะรุ่นพี่ส่วนมากมักบ้าอำนาจ แต่ความจริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น
ทุกคนใจดีแล้วก็เป็นมิตรกับเธอเอามาก ๆ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นจุดสนใจอย่างที่ควรเลยก็ตาม
การเรียนวันแรกสำหรับญาณินผ่านลุล่วงไปได้ด้วยดี เธอเดินกลับมาพักที่หอตามปกติ ก่อนที่จะนึกหาวิธีการหาเงินที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนไปทำงานไป ที่สำคัญจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อการเรียนของเธอเป็นอันขาด
ซึ่งก็ได้ข้อสรุปว่าเธอจำเป็นที่จะต้องหางานเสริมทำในระหว่างที่ยังเรียนอยู่ที่นี่ เพราะไม่อยากยื่นมือไปขอความช่วยเหลือจากผู้เป็นพ่อและแม่ หากเธอจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
เธอก็ต้องหารายได้เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ไม่ใช่เอาแต่รอเงินรายเดือนจากพวกท่านทั้งสองอย่างเดียว
เช้าวันถัดมา...
หญิงสาวเจ้าของร่างบางใช้เวลาในการเดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยประมาณยี่สิบนาที เธอนัดเจอกับแตงกวาที่บริเวณม้าหินอ่อนใต้คณะระหว่างรอให้ถึงเวลาเข้าเรียน หากเข้าไปรอในห้องตั้งแต่ตอนนี้ก็คงจะชุลมุนวุ่นวาย ซึ่งเธอไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก
“หวัดดีญา มาถึงนานหรือยังเนี่ย” แตงกวาเดินเข้ามาจากทางด้านหลังก่อนจะทักทายกลับ
“เราก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน ว่าแต่...นั่นใครเหรอ?” เมื่อหันไปเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาคนเดียว ซ้ำยังเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ดูด้วยตาเปล่าแล้วก็เดาออกได้ในทันทีว่าเป็นรุ่นพี่คณะวิศวกรรมศาสตร์ กำลังตามติดแตงกวาอย่างไม่หยุดหย่อน
“รุ่นพี่น่ะ”
“พี่ตามจีบแตงกว่าอยู่น่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ” ชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยตอบญาณินด้วยท่าทีเป็นกันเอง หวังตีสนิทเพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทของแตงกวา ในอนาคตอาจจะได้ขอความช่วยเหลือจากเธอก็เป็นได้
ตอนที่ 4“พี่ไม่มีเรียนหรือไง เดี๋ยวหนูจะขึ้นไปเรียนกับเพื่อนแล้วค่ะ พี่ไปได้แล้ว” แตงกวาเห็นว่าญาณินไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร เธอจึงรีบไล่รุ่นพี่คนนั้นให้กลับไปเรียนทันที อย่างน้อยได้อยู่กันสองคนก็น่าจะดีกว่ามีคนนอกเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย“แตงกวา จริง ๆ เธอไม่ต้องไล่พี่เขาไปก็ได้นะ เขามาจีบเธอนี่คงใจเสียหมดแล้วมั้งน่ะ” เมื่อรุ่นพี่ที่มาตามจีบเพื่อนสาวเดินจากไปตามคำขอของเธอ ญาณินก็รีบพูดความคิดเห็นของตนสวนขึ้นมาอย่างไว“ไม่เป็นไรหรอก บางทีฉันเองก็แอบรำคาญเหมือนกัน อยากอยู่กับเพื่อนแบบสองต่อสองบ้างน่ะ”“เพิ่งมาเรียนเมื่อวานวันแรก วันนี้แกก็มีหนุ่มมาติดซะแล้ว เนื้อหอมไม่เบาเลยนะแตงกวา” ญาณินพูดแซวอย่างทีเล่นทีจริงพร้อมทั้งปรากฏรอยยิ้มละไมบนใบหน้า“เปล่าสักหน่อย ฉันขึ้นมาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ที่รู้ว่าสอบติดได้ใหม่ ๆ แล้วพอมาอยู่ก็รู้สึกเบื่อ ก็เลยไปหางานพาร์ตไทม์ทำเล่น ๆ น่ะ แล้วก็ไปเจอที่เขานี่แหละ นับตั้งแต่นั้นมาเขาก็ตามจีบฉันมาเรื่อย ๆ เลย”“อ๋อ...เป็นแบบนี้นี่เอง”“คนอย่างฉัน เอาอะไรมาเนื้อหอม ฟลุกเจอมามากกว่า” หญิงสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ ก่อนจะหลบหลีกสายตาของญาณินไปชั่วขณะ แตงกวา
ตอนที่ 1 ท่ามกลางความเงียบสงบในยามเช้า อยู่ ๆ เสียงกดกริ่งก็พลันดังสวนขึ้นมาจนสามารถดึงความสนใจของแม่บ้านที่กำลังทำสวนในยามเช้า เธอเดินออกมาหาเพื่อดูว่าใครคือต้นเสียงดังกล่าว ก่อนจะพบเข้ากับบุรุษไปรษณีย์ที่ยืนรอตรงตู้จดหมายที่อยู่หน้ารั้ว“จดหมายมาส่งครับ ผมเห็นว่าเป็นมีเอกสารสำคัญด้วยเลยไม่กล้าเหน็บไว้ นี่ครับ” บุรุษไปรษณีย์คนนั้นเอ่ยบอกหญิงสาววัยกลางคนก่อนจะยืนซองเอกสารที่ว่าให้กับอีกฝ่ายหลังจากที่พูดจบอย่างรวดเร็ววินาทีนั้นเธอรับจดหมายปึกใหญ่ ๆ มาไว้ในมือ ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นชื่อจริงและนามสกุลจริงของคุณหนูปรากฏอยู่บนจดหมายที่บุรุษไปรษณีย์บอกเอาไว้ว่าสำคัญเป็นอย่างมาก“ขอบใจจ้ะ” เธอเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งปิดประตู หลังจากนั้นก็รีบสาวเท้าเดินกลับเข้ามาในคฤหาสน์หลังโต เพื่อส่งมอบจดหมายฉบับดังกล่าวให้กับผู้เป็นเจ้าของแต่ในขณะที่กำลังจะสาวเท้าเดินขึ้นไปชั้นบน อยู่ ๆ เสียงเรียกของคุณผู้หญิงก็พลันดังสวนขึ้นมาจนเธอชะงักงัน แล้วให้ความสนใจไปยังอีกฝ่ายแทบจะทันที“ทิพย์ นั่นจดหมายใครเหรอ?” ผู้เป็นนายเอ่ยถามด้วยความสงสัย ก่อนที่จะเบนสายตามองไปยังจดหมายในมือของทิพย์“มีเยอะเลยค่ะคุณผู้หญิง แต
ตอนที่ 2แม้ว่าเมื่อวานจะจบวันได้ไม่ดีนัก แต่เช้าวันใหม่ที่ญาณินรอคอยก็มาถึงเสียที เธอตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวย้ายเข้าไปอยู่หอ แต่ก่อนจะออกจากบ้าน พ่อและแม่ของเธอก็มายืนเกลี้ยกล่อมไม่อยากให้เธอออกไปจากบ้านหลังนี้“ตอนนี้เปลี่ยนใจยังทันนะยายณิณ ลูกไม่เคยทำอะไรเอง จะไหวจริง ๆ เหรอ”ผู้เป็นแม่ถามลูกสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบหากแต่แฝงไว้ด้วยความหวัง เธอเองก็เป็นห่วงญาณิน แต่ทว่าก็ไม่อยากขัดใจมากเท่าไรนัก เพราะได้ตัดสินใจลงไปแล้ว“อย่าพยายามเลยค่ะ ณินบอกแล้วไงคะว่าณินตัดสินใจแล้ว ของก็เก็บแล้ว รถก็เตรียมรอแล้ว แถมค่าหอ ค่าเรียนก็จ่ายมัดจำตามข้อตกลงไปก่อนแล้ว ถอยไม่ได้หรอกค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเถอะ เดี๋ยวจะสายเอา”ชายวัยกลางคนถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาแล้วบอกให้ลูกสาวรีบไป ด้วยความที่เลี้ยงมากับมือ พวกเขารู้ว่ายังไงก็ไม่บังคับญาณินไม่ได้อยู่แล้ว จึงจำใจต้องยอมให้ไปแต่โดยดี ถึงแม้ว่าผู้เป็นแม่จะยังคงอาลัยอาวรณ์อยู่มากเลยก็ตาม“อย่างนั้นณินลาตรงนี้เลยนะคะ ไม่ต้องไปส่งก็ได้ ไว้ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ณินจะโทร.มาบอกนะคะ”“อืม ตามนั้น ไปก็ไป...”บทสนทนาระหว่างพ่อแม่ลูกจบลงแต่เพียงเท่านั้น ญาณินขึ้น
ตอนที่ 4“พี่ไม่มีเรียนหรือไง เดี๋ยวหนูจะขึ้นไปเรียนกับเพื่อนแล้วค่ะ พี่ไปได้แล้ว” แตงกวาเห็นว่าญาณินไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร เธอจึงรีบไล่รุ่นพี่คนนั้นให้กลับไปเรียนทันที อย่างน้อยได้อยู่กันสองคนก็น่าจะดีกว่ามีคนนอกเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย“แตงกวา จริง ๆ เธอไม่ต้องไล่พี่เขาไปก็ได้นะ เขามาจีบเธอนี่คงใจเสียหมดแล้วมั้งน่ะ” เมื่อรุ่นพี่ที่มาตามจีบเพื่อนสาวเดินจากไปตามคำขอของเธอ ญาณินก็รีบพูดความคิดเห็นของตนสวนขึ้นมาอย่างไว“ไม่เป็นไรหรอก บางทีฉันเองก็แอบรำคาญเหมือนกัน อยากอยู่กับเพื่อนแบบสองต่อสองบ้างน่ะ”“เพิ่งมาเรียนเมื่อวานวันแรก วันนี้แกก็มีหนุ่มมาติดซะแล้ว เนื้อหอมไม่เบาเลยนะแตงกวา” ญาณินพูดแซวอย่างทีเล่นทีจริงพร้อมทั้งปรากฏรอยยิ้มละไมบนใบหน้า“เปล่าสักหน่อย ฉันขึ้นมาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ที่รู้ว่าสอบติดได้ใหม่ ๆ แล้วพอมาอยู่ก็รู้สึกเบื่อ ก็เลยไปหางานพาร์ตไทม์ทำเล่น ๆ น่ะ แล้วก็ไปเจอที่เขานี่แหละ นับตั้งแต่นั้นมาเขาก็ตามจีบฉันมาเรื่อย ๆ เลย”“อ๋อ...เป็นแบบนี้นี่เอง”“คนอย่างฉัน เอาอะไรมาเนื้อหอม ฟลุกเจอมามากกว่า” หญิงสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ ก่อนจะหลบหลีกสายตาของญาณินไปชั่วขณะ แตงกวา
ตอนที่ 3ระยะเวลาผ่านมาประมาณหนึ่งสัปดาห์ วันนี้เป็นวันแรกของการไปเรียน ญาณินตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ เพราะมีเรียนช่วงแปดโมงตรง เธอยังกะเวลาไม่ถูก จึงตื่นเร็วกว่าปกติ ถ้าหากว่าได้ไปเรียนดูสักระยะก็คงจะกะเวลาได้พอดีมากขึ้นใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวอยู่ประมาณสามสิบนาที ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย หญิงสาวในคราบชุดนักศึกษาเดินออกมาจากซอยของหอพัก ก่อนจะตรงดิ่งไปยังสถานีรถไฟฟ้าเพื่อไปลงสถานีต่อไปทันทีที่มาถึงมหาวิทยาลัย ญาณินตรงดิ่งเข้ามานั่งรออาจารย์ในคลาสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยความที่เธอเป็นหญิงสาวแต่งตัวเชย ๆ ทั้งยังมีแว่นปกปิดความเป็นตัวตนที่แท้จริงเอาไว้ภายในนั่นจึงส่งผลให้เพื่อน ๆ ในห้องเรียนเดียวกัน ไม่มีใครให้ความสนใจมาที่เธอเลยสักคน ผิดกับสาวสวยที่มีดีกรีเป็นถึงดาราเน็ตไอดอลที่ใครต่างก็ให้ความสนใจและพูดชื่นชมกันอย่างไม่ขาดปาก“นี่เธอ...อยู่คนเดียวเหมือนกันหรอกเหรอ?”ในขณะที่ญาณินกำลังเบนสายตาออกไปทางนอกหน้าต่างเพื่อชมนกชมใจไปพลาง ๆ ระหว่างรออาจารย์ จู่ ๆ หญิงสาวแปลกหน้าก็เดินเข้ามาทักทายพร้อมทั้งหย่อนกายลงนั่งข้าง ๆ เธอ“อืม ฉันไม่ค่อยมีเพื่อนน่ะ มาเรียนที่นี่ก็มาคนเดียว ไม่มีคนรู้จักเลยส
ตอนที่ 2แม้ว่าเมื่อวานจะจบวันได้ไม่ดีนัก แต่เช้าวันใหม่ที่ญาณินรอคอยก็มาถึงเสียที เธอตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวย้ายเข้าไปอยู่หอ แต่ก่อนจะออกจากบ้าน พ่อและแม่ของเธอก็มายืนเกลี้ยกล่อมไม่อยากให้เธอออกไปจากบ้านหลังนี้“ตอนนี้เปลี่ยนใจยังทันนะยายณิณ ลูกไม่เคยทำอะไรเอง จะไหวจริง ๆ เหรอ”ผู้เป็นแม่ถามลูกสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบหากแต่แฝงไว้ด้วยความหวัง เธอเองก็เป็นห่วงญาณิน แต่ทว่าก็ไม่อยากขัดใจมากเท่าไรนัก เพราะได้ตัดสินใจลงไปแล้ว“อย่าพยายามเลยค่ะ ณินบอกแล้วไงคะว่าณินตัดสินใจแล้ว ของก็เก็บแล้ว รถก็เตรียมรอแล้ว แถมค่าหอ ค่าเรียนก็จ่ายมัดจำตามข้อตกลงไปก่อนแล้ว ถอยไม่ได้หรอกค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเถอะ เดี๋ยวจะสายเอา”ชายวัยกลางคนถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาแล้วบอกให้ลูกสาวรีบไป ด้วยความที่เลี้ยงมากับมือ พวกเขารู้ว่ายังไงก็ไม่บังคับญาณินไม่ได้อยู่แล้ว จึงจำใจต้องยอมให้ไปแต่โดยดี ถึงแม้ว่าผู้เป็นแม่จะยังคงอาลัยอาวรณ์อยู่มากเลยก็ตาม“อย่างนั้นณินลาตรงนี้เลยนะคะ ไม่ต้องไปส่งก็ได้ ไว้ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ณินจะโทร.มาบอกนะคะ”“อืม ตามนั้น ไปก็ไป...”บทสนทนาระหว่างพ่อแม่ลูกจบลงแต่เพียงเท่านั้น ญาณินขึ้น
ตอนที่ 1 ท่ามกลางความเงียบสงบในยามเช้า อยู่ ๆ เสียงกดกริ่งก็พลันดังสวนขึ้นมาจนสามารถดึงความสนใจของแม่บ้านที่กำลังทำสวนในยามเช้า เธอเดินออกมาหาเพื่อดูว่าใครคือต้นเสียงดังกล่าว ก่อนจะพบเข้ากับบุรุษไปรษณีย์ที่ยืนรอตรงตู้จดหมายที่อยู่หน้ารั้ว“จดหมายมาส่งครับ ผมเห็นว่าเป็นมีเอกสารสำคัญด้วยเลยไม่กล้าเหน็บไว้ นี่ครับ” บุรุษไปรษณีย์คนนั้นเอ่ยบอกหญิงสาววัยกลางคนก่อนจะยืนซองเอกสารที่ว่าให้กับอีกฝ่ายหลังจากที่พูดจบอย่างรวดเร็ววินาทีนั้นเธอรับจดหมายปึกใหญ่ ๆ มาไว้ในมือ ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นชื่อจริงและนามสกุลจริงของคุณหนูปรากฏอยู่บนจดหมายที่บุรุษไปรษณีย์บอกเอาไว้ว่าสำคัญเป็นอย่างมาก“ขอบใจจ้ะ” เธอเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งปิดประตู หลังจากนั้นก็รีบสาวเท้าเดินกลับเข้ามาในคฤหาสน์หลังโต เพื่อส่งมอบจดหมายฉบับดังกล่าวให้กับผู้เป็นเจ้าของแต่ในขณะที่กำลังจะสาวเท้าเดินขึ้นไปชั้นบน อยู่ ๆ เสียงเรียกของคุณผู้หญิงก็พลันดังสวนขึ้นมาจนเธอชะงักงัน แล้วให้ความสนใจไปยังอีกฝ่ายแทบจะทันที“ทิพย์ นั่นจดหมายใครเหรอ?” ผู้เป็นนายเอ่ยถามด้วยความสงสัย ก่อนที่จะเบนสายตามองไปยังจดหมายในมือของทิพย์“มีเยอะเลยค่ะคุณผู้หญิง แต