อาโปอ้อยอิ่งตระกองจับอวัยวะของอีกฝ่ายทำทีเปิดริมฝีปากอ้าขึ้น เขาทำทีจะส่งท่อนลำในกำมือเข้าปากแต่เปลี่ยนทิศทางไปที่อื่น เขาจับอวัยวะที่โด่ชูชันเต็มที่ถูวนรอบใบหน้าหลังจากนั้นนำมาตบเข้ากับใบหน้าของตนเองเบาๆ ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองใบหน้าของคนที่กำลังนั่งพาดแขนสองข้างกับพนักพิงโซฟา ใบหน้าหล่อเหลาแหงนขึ้นสะกดความอึดอัดเสียวซ่านที่ไม่ได้รับการปรนเปรอ
"ซี้ดดส์...." ฮิลล์เหลือบตาต่ำลงมองดูอาโปที่กำลังหยอกเย้าอวัยวะของตนเองเล่นราวกับมันเป็นเครื่องมือให้ความบันเทิงของอีกฝ่าย
"ขอร้องกูสิ" อาโปเอ่ยระหว่างใช่ลิ้นน้อยๆ ของตนตวัดแลบลงเลียส่วนหัวของอีกฝ่ายที่มวลความเสียวกำลังก่อตัวขึ้นภายในท้องเจ้าของมันจนปวดตึงไปหมด
"ซี้ดดส์ ฝันไปเถอะ!..." ฮิลล์แสยะยิ้ม
ฮึก! อั๊กๆ อึกๆ อั๊กๆ
ในเมื่อมันลีลานักเขาจึงเป็นคนลงเมื่อเสียเอง ฮิลล์จับลำท่อนของตนเองจ่อกระแทกเข้าไปในปากของอีกฝ่ายโดยไม่ให้มันได้ตั้งตัวก่อนจะกดหัวมันโยกขึ้นลงจนโยกคลอน
หัวของอาโปถูกจิกโยกเข้าออกตามแต่ใจของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง ตอนแรกๆ เขาแทบสำลักกับสิ่งที่คับแน่นอยู่ในโพลงปากของตน แต่พอปรับตัวได้เขาก็ห่อปากดันโคนลิ้นของตนเองลงแล้วให้ความร่วมมือเต็มที่ จนกระทั่งกรงนิ้วที่จิกผมตนเองปล่อยออกแล้วปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายบรรเลงต่อ ถึงจุดหนึ่งมือของร่างหนากว่าดันใบหน้าที่กำลังเอร็ดอร่อยกับท่อนของตนออกอย่างรวดเร็ว
แฮ่กๆๆๆ~
ใบหน้าแดงก่ำของอาโปเงยขึ้นมองหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าเขายกมือขึ้นมาเช็ดน้ำลายที่ไหลออกตามมุมปากได้รูป ทรวงอกกระเพื่อมขึ้นลงราวกับผ่านการวิ่งมาราธอนมาหมาดๆ ปลายหางตาทั้งสองข้างมีคราบน้ำตาไหลเปื้อน ฮิลล์ก้มลงไปจูบซับน้ำตาบริเวณที่ถูกแต้มด้วยขี้แมลงวันเม็ดเล็กตรงใต้หางตาอีกฝ่าย วันนี้มันทำดีนัก! เขาต้องตอบแทนมันเสียหน่อย
ร่างหนาของฮิลล์กระชากร่างบางกว่าของอาโปลุกขึ้น เขาผลักร่างนั้นให้หันหน้าไปแนบกระจกก่อนจะประกบมันจากข้างหลัง มือหนาจิกผมอีกฝ่ายให้แหงนหน้าขึ้นมารับจุมพิตดูดดื่มของตนเองส่วนมืออีกข้างก็อ้อมไปจับลำของมันที่กำลังตั้งโด่รูดขึ้นลงบ้าง
"อ่า อ๊าส์~" ริมฝีปากบวมแดงของอาโปเปล่งเสียงไม่ได้ศัพท์
"อ้อนวอน ขอร้องกู" ฮิลล์กระซิบข้างใบหูแดงก่ำ เขาจูบซับใบหูนั้นช้าๆ ก่อนจะลากริมฝีกปากลงมาซุกไซร้ต้นคอของร่างที่กำลังหันหน้าพิงกระจกโดยมีสองมือของมันช่วยประคองร่างมันเอง ใบหน้าหวานสะบัดไปมาแสดงอาการไม่ยอมแพ้
"อ๊าสสส์~ มะ...ไม่!" อาโปสะบัดใบหน้าแรงขึ้นอีกหลังจากริมฝีปากของร่างที่กำลังทาบอยู่ข้างหลังกำลังคลอเคลียกับลำคอของตนเอง มือหนาของมันกำลังรูดท่อนลำของเขาขึ้นลงช้าๆ ราวกับกำลังทรมานไม่ให้เขาได้ปลดปล่อย ร่างกายเขาตึงเครียดไปทุกส่วน เขาต้องการปลดปล่อย!
"แค่พูดออกมาแล้วกูจะช่วยมึง" อันที่จริงก็ช่วยตัวเขาเองด้วยแหละ
"อ่าาา อ๊าสส์ ชะ...ช่วย กะ....กู ที" อาโปเอ่ยเสียงกระเส่า อวัยวะของเขาปวดตึงไปหมด เขาไม่ไหวแล้ว
"ฮึ! มึงขอร้องกูเองนะ" ไม่ทันขาดคำฮิลล์ก็จ่ออวัยวะใหญ่โตแข็งแกร่งของตนเองเข้าไปในร่างของอีกฝ่าย
พลั่กๆ ตับๆ ตับๆ
'ซี้ดดดดส์'
'อ๊าสสสส์'
เสียงการทำสงครามผลัดกันเป็นผู้นำและผู้ตามดังสนั่นก้องห้อง จากโซฟา หน้ากระจกชมวิว ไปจนกลางพื้นห้องและจบลงที่เตียงกว้างผืนใหญ่
"อะ อ๊างงงส์"
"ฮึก อื้อ!" เสียงรัวกระแทกดังส่งสะโพกไปข้างหน้าอย่างแรงเป็นการส่งสัญญาณแห่งการจบศึกยกแรกของฮิลล์ดังขึ้น แต่เป็นการจบศึกครั้งที่สามของอาโปน่ะสิ
ร่างหนาของฮิลล์พลิกตัวลงหงายขึ้นแผ่หลาบนเตียงนุ่มของตนเอง ส่วนอาโปฟุบหน้าคว่ำลงกับเตียงอีกครั้ง ทั้งสองหอบหายใจไม่เป็นจังหวะ รอจนกระทั่งทั้งสองร่างปรับจังหวะลมหายใจให้เป็นปกติได้แล้ว ร่างหนากว่าจึงเอื้อมมือไปหยิบแว่นข้างเตียงมาสวม เขาเองมองถนัดมากกว่าหากใส่แว่น ร่างบางกว่าพลิกตัวเองหงายขึ้นบ้าง เขาใช้แขนชันขึ้นพยุงร่างของตนขึ้นมามองอีกฝ่าย
"มึงมันจิ้งจอกในคราบนักบุญ!" เขาเอ่ยกระแทกเสียงก่อนก้าวขาอันสั่นเทาของตนเองลงจากเตียงมุ่งหน้าออกไปเก็บเสื้อผ้าที่ถูกถอดปาไว้คนละทิศคนละทาง
ชิ! ดูภายนอกทุกคนอาจคิดว่าไอ้บ้านั่น สุขุม พูดน้อย เรียบร้อย อบอุ่น แต่ขอบอกไว้เลยนั่นแค่เปลือกภายนอกที่ถูกฉาบไว้ของมันต่างหาก ยกเว้นแต่พูดน้อยอ่ะเรื่องจริง แต่อย่าให้มันได้พูดเชียว คำพูดแต่ละคำคมยิ่งกว่ามีด ถ้าคำพูดฆ่าคนได้ไอ้หมอนี่คงเป็นฆาตกรร้อยศพอย่างไม่ต้องสงสัย
ฮิลล์ขยับกรอบแว่นมองตามร่างของคนที่กำลังเดินเปลือยกายออกจากห้องไป มุมปากหยักยิ้มขึ้นมา สายตาเขาจ้องมองอีกฝ่ายมาดมั่น มึงจะเก็บมาใส่ทำไมให้เสียเวลาสุดท้ายก็ต้องถอดอีก
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ผมนอนเหม่ออยู่อย่างนั้น แต่แล้วเสียงข้อความแจ้งเตือนก็ดังขึ้นติ๊ง!ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูทันที และแน่นอนว่ามันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากริว: “ว่างไหม?”หัวใจผมกระตุกวูบแปลก ๆ ก่อนจะรีบพิมพ์ตอบกลับไปฝุ่น: “มีอะไร?”รออยู่ครู่หนึ่ง ข้อความถัดไปก็เด้งขึ้นมาริว: “มาหาหน่อย”ผมนิ่วหน้า อะไรของเขาวะ?ฝุ่น: “นายอยู่บ้าน?”ริว: “หน้าห้องนาย”หน้าห้อง?!ผมเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงทันที กวาดตามองนาฬิกา…จะเที่ยงคืนแล้วหมอนี่มันคิดอะไรอยู่ถึงมาโผล่แถวนี้เวลานี้วะ?ผมหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาสวมก่อนจะเดินออกไปตามที่เขาบอกผมเปิดประตูออกไปก็เจอเขายืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ ใบหน้านิ่งเฉยเหมือนทุกครั้ง แต่มีบางอย่างในแววตาที่ดูไม่เหมือนเดิม“มาทำไม?” ผมถามพลางกอดอก“คุยกันหน่อย”“เรื่องอะไร?”“เรื่องของเรา”คำว่า ‘เรา’ ทำให้ผมชะงักไปนิดหน่อย“ไม่มีอะไรให้คุย” ผมบอกเสียงเรียบ “ฉันพูดไปหมดแล้ว”ริวไม่ได้ตอบอะไรในทันที เขาแค่ยกบุหรี่ขึ้นมาคาบไว้แล้วจุดไฟ สูดมันเข้าปอดก่อนจะพ่นควันออกมาช้า ๆ“…ฉันไม่ชอบความไม่แน่นอน” เขาพูดขึ้นในที่สุด“หืม?”“ฉันไม่ชอบอะไรที่คลุมเครือ” เขาเอียงหน้ามองผม “แล้วฉัน
ผมกอดอกมองสองพี่น้องเถียงกันอย่างไม่รู้จะทำยังไง เรื่องระหว่างผมกับริวมันซับซ้อนเกินกว่าจะอธิบายให้รุยเข้าใจได้"กูสองคนแค่จูบกันไอ้รุย ยังไม่ได้เอากัน"พวกยากูซ่านี่เชื่อถือไม่ได้จริงๆ ไม่ได้เอาพ่อง!"ถ้าจูบกันแล้วก็ต้องเป็นแฟนกันสิ จะมาแอบกินกันเฉยๆ เหมือนไอ้ฮิลล์ไม่ได้นะ" รุยเถียงต่อ"เราแค่จูบกันรุย นายอย่างี่เง่า" น้ำเสียงของไอ้ยากูซ่าขี้เก๊กเริ่มระอา"นายอย่ามาโมโหกลบเกลื่อน" รุยยังคงไม่ยอม"วุ้ยย! มึงจะอะไรนักหนากะอีแค่จูบ ใครๆ เขาก็จูบกันได้ตอนเมา" ผมพูดแทรกขึ้นมา ถ้าผมไม่มีปัญหาทุกอย่างก็น่าจะจบสินะ"พ่องมึงดิ จะมีกี่คนที่จูบพี่ของเพื่อนตอนเมา"มากกว่าจูบกูก็ทำกันมาล่ะ"เออ…มันก็แค่อุบัติเหตุ ใช่ไหม?" ประโยคหลังผมหันไปหาริว เพื่อขอกำลังสนับสนุน"อือ…" ริวพยักหน้า“กูไม่ใช่เด็กแล้วนะริว!"ปั่ก!"ฉันเป็นเพื่อนเล่นนายเหรอ..." ริวตบหัวรุย"อู้ยยส์...เจ็บนะ พะ..พี่" ไอ้รุยเริ่มกลัวเมื่อเห็นสายตาของพี่ชายตัวเองริวถอนหายใจก่อนล้วงกระเป๋าหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด เขาพ่นควันออกจากปากก่อนพูดประโยคที่สิ้นคิดที่สุดออกมา"คบก็คบสิ""ชะ...ช่ายย ห๊ะ!! เดี๋ยวๆ คบอะไร ใครคบกัน" ผมถามด้วยความตกใจ"
…ไซโคลน Talk…ผมยืนอยู่ริมหน้าต่างห้องพักในโรงแรม มองแสงไฟของโตเกียวที่ส่องสว่างอยู่เบื้องล่าง แต่ความคิดของผมกลับไม่ได้อยู่ที่ทิวทัศน์เหล่านั้นเลยโทรศัพท์ในมือสั่นอีกครั้ง แจ้งเตือนข้อความจากไต้ฝุ่น“มาถึงแล้ว”ผมกลืนน้ำลายลงคอช้า ๆ หัวใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ นิ้วโป้งแตะไปบนหน้าจอโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะรีบชักมือกลับราวกับของร้อนสารวัตร… มาถึงญี่ปุ่นแล้วจริง ๆผมถอนหายใจแรง กดโทรศัพท์ปิดเสียงก่อนจะโยนมันลงบนโต๊ะ ผมเงยหน้ามองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ เห็นภาพสะท้อนของชายหนุ่มที่พยายามทำเป็นไม่สนใจอะไร แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความว้าวุ่นผมคิดว่า… ถ้าออกมาห่างไกลขนาดนี้แล้ว ทุกอย่างจะดีขึ้นผมคิดว่า… ถ้าหายไปจากสายตาเขาแล้ว อีกฝ่ายก็คงไม่รู้สึกอะไรแต่เปล่าเลย…สารวัตรตามมาถึงที่นี่และที่สำคัญกว่านั้นคือ ผมไม่ได้แน่ใจว่าตัวเองอยากให้เขาหาเจอหรือไม่…สไนเปอร์ Talk…ผมยืนอยู่หน้าโรงแรมหรูใจกลางโตเกียว มองขึ้นไปยังชั้นบนสุดที่เป็นห้องพักของไซโคลนไต้ฝุ่นเป็นคนบอกผมว่าไซโคลนอยู่ที่นี่ และถึงแม้เขาจะไม่ได้บอกเลขห้องตรง ๆ แต่แค่มีข้อมูลนี้ก็มากพอแล้วผมกำโทรศัพท์แน่น สูดหายใจเข้าลึก ๆถ้าผมขึ้นไป
…สไนเปอร์ Talk…ผมมองจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้า แต่มันกลับเบลอไปหมดคดียังคงเดินหน้า งานทุกอย่างยังคงต้องทำเหมือนเดิม แต่มีบางอย่างในใจที่คอยฉุดรั้งให้ผมไม่มีสมาธิไซโคลนไม่อยู่แล้วจริง ๆเขาหายไปจากชีวิตผมแบบสมบูรณ์แบบ… ไม่มีร่องรอย ไม่มีการติดต่อกลับ ไม่มีแม้แต่เงาของเขาให้เห็นผมถอนหายใจ กวาดสายตามองโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างตัวจะโทรไปดีไหม?นิ้วผมเลื่อนไปที่ชื่อของเขา ก่อนจะชะงัก… และกดปิดหน้าจอไปถ้าเขาอยากให้ผมตามหา… เขาคงจะทิ้งอะไรไว้ให้ผมบ้างแต่เขาเลือกที่จะหายไปอย่างสมบูรณ์ แปลว่าเขาคงต้องการแบบนั้นจริง ๆ“เฮ้อ…” ผมเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า ก่อนจะได้ยินเสียงเคาะประตูห้องทำงาน“เข้ามา”จ่าแชมป์โผล่หน้าเข้ามา “สารวัตร ผมมีข่าวบางอย่าง”ผมเลิกคิ้ว “ข่าวอะไร?”“คนของเราสืบมาให้แล้วครับ…” จ่าแชมป์ส่งแฟ้มเอกสารให้ผม “คุณไซโคลนอยู่ที่ญี่ปุ่นจริง ๆ และดูเหมือนเขาจะตั้งใจอยู่ที่นั่นอีกนาน”ผมนิ่งไป ก่อนจะเปิดแฟ้มออกดู รายละเอียดที่ระบุอยู่ตรงหน้ามันชัดเจนจนผมปฏิเสธไม่ได้และมีรูปที่ไซโคลนไปไหนมาไหนกับริวอย่างสนิทสนม…ใจผมคล้ายๆ มีอะไรหนักๆ กดทับไว้จนเจ็บผม… กำลังจะเสียเขาไปแล้วจริง ๆ
…ไซโคลน Talk…ผมไม่ได้หลบหน้าเล่น ๆ แต่ผมเอาจริงหลังจากวันนั้น ผมไม่ได้ติดต่อกลับไปหาสารวัตรอีกเลย ไม่มีการส่งกาแฟ ไม่มีการไปหา ไม่มีแม้แต่ข้อความทิ้งไว้เหมือนทุกทีผมเคยคิดว่าตัวเองเป็นคนดื้อรั้นและไม่เคยยอมแพ้ แต่ครั้งนี้… บางทีผมอาจต้องเป็นฝ่ายปล่อยมือจริง ๆตอนแรกมันก็ยากอยู่หรอก กว่าจะห้ามตัวเองไม่ให้คิดถึง ไม่ให้เผลอกดโทรหาหรือส่งข้อความไป ผมต้องข่มใจตัวเองอยู่หลายครั้ง ต้องดื่มให้หนักขึ้น ต้องเอางานมากลบความคิด แต่สุดท้ายแล้ว… มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนักทุกคืนก่อนนอน ผมยังคงเผลอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา หวังว่าบางทีสารวัตรอาจจะเป็นฝ่ายส่งข้อความมาก่อน หรืออย่างน้อยอาจจะมีมิสคอลสักสายแต่ไม่มีเลย…เหมือนเขาหายไปจากชีวิตของผมโดยสมบูรณ์ผมเอนตัวพิงกระจกห้องพักโรงแรมในโตเกียว มองแสงไฟของเมืองที่ยังคงสว่างไสว ทว่าความเงียบในห้องมันกลับกดดันผมยิ่งกว่าความวุ่นวายข้างนอกผมคิดถึงสารวัตร…คิดถึงคนที่เอาแต่ทำหน้าเรียบเฉยเวลาถูกแหย่ คิดถึงคนที่บ่นว่าผมกวนประสาทแต่ก็ยังยอมให้มากวนอยู่ทุกวันผมไม่ได้อยากหนีมาไกลขนาดนี้หรอก แต่ผมรู้ว่า ถ้ายังอยู่ที่เดิม ผมคงไม่มีวันอดใจไม่ไหวแล้วกระโจนไปหาเขาอีกตาม
…สไนเปอร์ Talk…ไซโคลนไม่ได้พูดเล่น เขาเอาจริงหลังจากวันนั้น ผมก็ไม่ได้รับข้อความหรือสายโทรศัพท์จากไซโคลนอีกเลย ไม่มีการแวะมาหา ไม่มีใครส่งกาแฟมาให้ที่โรงพักตอนเช้า และแน่นอน… ไม่มีใครมารอผมเลิกงานอีกเลยผมคิดว่าตัวเองควรจะโล่งใจ เพราะนี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการเหรอ? ผมอยากให้ไซโคลนออกไปจากชีวิต อยากให้ไซโคลนอยู่ห่างจากปัญหาทั้งหมด เขาอยากปกป้องไซโคลนจากความวุ่นวายนี้…แต่ทำไมมันถึงรู้สึกไม่ใช่แบบนั้นวะ?ในช่วงแรกผมพยายามไม่คิดอะไรมาก มันก็ดีแล้วที่เขาได้ไปใช้ชีวิตปกติของตัวเอง ไม่ต้องมาลำบากกับผมแต่พอผ่านไปเป็นอาทิตย์ ไซโคลนก็ยังไม่ติดต่อมา“หมอนั่นคงจะลืมฉันไปแล้วจริง ๆ” ผมพึมพำช่วงเวลาที่ไม่มีไซโคลนอยู่รอบตัว ทำให้รู้ว่า… ชีวิตของผมขาดอะไรบางอย่างไปจริง ๆไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้าที่ปกติจะมีกาแฟจากร้านประจำส่งมาให้พร้อมโน้ตแซว ๆ จากไซโคลน หรือแม้แต่ช่วงเย็นที่ผมมักจะเจอเขามานั่งรออยู่ในห้อง พอไม่มีสิ่งเหล่านี้แล้ว วันเวลาของผมกลับดูเงียบเหงาอย่างน่าประหลาดผมทำงานเหมือนเดิม ใช้ชีวิตแบบเดิม ออกไปสืบคดีเหมือนเดิม แต่กลับรู้สึกว่าอะไรบางอย่างมันผิดแปลกไปหมด“สารวัตร… คุณโอเคหรือเปล่า?”เส