LOGINไตรฉัตรมองไปรอบๆ ภายในห้องของเหมือนแพร คอนโดหรูชั้นสี่สิบจากสายตาเขาประเมินว่าชั้นนี้น่าจะมีไม่เกินสี่ห้อง การตกแต่งบ่งบอกถึงเจ้าของห้องได้อย่างดี เรียบหรูแต่บางมุมก็แอบหวาน ต่างจากบุคลิกที่เธอแสดงออกอยู่ตอนนี้กันอย่างสิ้นเชิง ถ้าเป็นเมื่อก่อนใช่ เธอเป็นแบบนั้นแหละ
"ชงกาแฟใส่กาไว้ให้แล้ว รินเอานะ" คนพูดไม่สนใจคนที่ยังเดินดูรอบๆ ห้องของเธออยู่ เธอเดินหายไปห้องใหญ่หลังห้องรับแขก ไตรฉัตรเดินเลยไปที่เคาน์เตอร์บาร์เห็นโถกาแฟที่ตั้งไว้ เขารินมันใส่แก้ว ไม่แน่ใจคนตัวเล็กจะต้องการหรือเปล่า จึงยังไม่ได้รินเผื่อ เดินมายืนพิงกระจกบานใหญ่มองวิวจากตึกสูง ในมือยังถือแก้วกาแฟเอาไว้ เหมือนแพรเดินออกมาพร้อมถุงกระดาษใบใหญ่ เสื้อเขาน่าจะอยู่ด้านใน เธอเปลี่ยนชุดด้วย เสื้อยืดตัวใหญ่กับกางเกงผ้าขาสั้น เขาไม่ได้เห็นเธอแบบนี้มานานมาก คนตัวเล็กมีตะกร้าใบน้อยถือติดมือออกมาด้วย เธอนั่งที่โซฟาเบดตัวใหญ่ วางตะกร้าลงเขาจึงได้เห็นว่ามันเป็นอุปกรณ์ล้างเครื่องสำอาง "กาแฟไหม" คนตอบทำเสียงปฏิเสธในลำคอ แล้วก็จัดแจงเอาผ้าคาดผมคาดศีรษะไว้ไม่ให้ผมลงมาเกะกะแล้วก็มัดมวยหลวมๆ ไว้ที่กลางศีรษะ เขาเห็นเธอหลับตาค่อยๆ ดึงขนตาปลอมออก "อุ๊ย ตกใจหมด" เธอร้องตกใจเพราะเมื่อลืมตาขึ้นมา ก็เห็นไตรฉัตรมายืนอยู่ข้างๆ "แดงเลย เหมือนจะบวม" เขามองหน้าเธอ แล้วก็เอ่ยออกมา เหมือนแพรทำหน้าไม่เข้าใจ คนตัวใหญ่จึงทิ้งตัวลงนั่งข้างเธอ วางแก้วกาแฟไว้ที่โต๊ะกลาง แล้วก็จับหน้าเธอให้หันมา "อะไรของนาย กินเสร็จแล้วก็กลับไปได้แล้ว" เธอรีบเบือนหน้ากลับมาที่กระจกบานเล็ก แต่เขาก็ใช้มือล็อกปลายคางไว้ให้หันหน้ามา "ปากเจ่อเลย เจ็บหรือเปล่า" เหมือนแพรตกใจคำพูดเขาอีกทั้งนึกอายเรื่องที่เกิดขึ้น จนเผลอทำตาโต รีบดันมือใหญ่ออก หันใบหน้าร้อนผ่าวของตัวเองกลับมา "กินเสร็จแล้วก็กลับได้แล้ว ฉันจะพักผ่อน" คนพูดไม่พูดเปล่า รั้งให้คนตัวโตลุกขึ้น เมื่อเขาลุกขึ้นยืนเธอก็ดันให้ไตรฉัตรเดินไปทางประตู ไม่ลืมที่เธอจะคว้าถุงกระดาษใบนั้นติดมือมาด้วย เกือบจะถึงประตูห้องบานใหญ่แล้วเชียว อยู่ๆ ไอ้บ้าฉัตรมันก็หันหน้ามา เพราะแรงที่ยังดันคนตัวใหญ่อยู่ทำให้เธอถลาเข้าไปชนกับอกเขาอย่างจัง "โอ๊ย" มือบางรีบยกขึ้นจับจมูกโด่งตัวเอง ถึงแม้จะไม่มีซิลิโคลนแต่มันก็กระแทกอกเขาอย่างจัง ไตรฉัตรจับมือเธอออกแล้วก็สำรวจใบหน้าหวาน ว่าเจ็บตรงไหน "อะไรอีก กลับไปได้แล้ว" เหมือนแพรยกมือขึ้นดันตัวเขาให้ออกห่าง แต่คนตัวใหญ่ยังกอดเอวไว้ "จะบอกว่าอาทิตย์หน้าที่จะไปหาคุณสาวิตรีน่ะ เดี๋ยวมารับ จะได้ไม่ต้องขับรถไปเอง" "ไม่ต้อง ชอบขับไปเองสบายกว่า" "นั่งไปเฉยๆ ไม่สบายกว่าหรือไง" "ก็บอกว่าไม่เอา" "โอ๊ย นายปล่อยได้แล้ว วุ่นวายรุ่มร่ามไปหมด" คนถูกว่ากลับหัวเราชอบใจ "เอาคืนไง ตอนเรียนเธอยังชอบมารุ่มร่ามกับฉัน" "ฉันไม่เคยไป..." อยู่ๆ เหมือนแพรก็ต้องหน้าแดง เมื่อจะเถียงเขาเรื่องที่เขาทำกับเธอ "เคยอะไร" ไตรฉัตรดันคนตัวเล็กถอยหลังไปเพียงก้าว แผ่นหลังของเธอก็แนบผนังห้อง ใบหน้าคมคายก้มลงมาจนเกือบจะแนบชิดริมฝีปากเธออีกครั้ง "ไตรฉัตร ตอนนั้นนายเป็นคนปฏิเสธฉันนะ เพราะงั้นก็อย่ามาทำดีกับฉัน อย่ามาทำแบบนี้ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับนายอีกแล้ว" พูดจบเธอก็สะบัดหน้าหนีไม่ยอมสบตาคนตรงหน้า แขนแกร่งที่โอบเอวเธอไว้ คลายออก เขาง้างหมัดขึ้นมาแล้วก็ชกไปที่กำแพงข้างๆ ใบหน้าของเธออย่างแรง เหมือนแพรเผลอหลับตาตอนที่หมัดลงกระแทกกับกำแพงจนเธอได้ยินเสียงนิ้วเขาดัง "ทำบ้าอะไรของนายน่ะ" เพราะความตกใจ เธอรีบไปจับมือเขาดึงออกมาจากกำแพง เพราะเขายังค้างมือไว้อย่างนั้น เขาดึงมือออกไม่ยอมให้เธอจับและก็ไม่ยอมให้เห็น แต่เธอเห็นรอยเลือดเล็กๆ ที่ผนังห้องของเธอ คนตัวโตกำลังจะเดินออกจากห้อง เธอรีบขวางเขาไว้ แต่เขาใช้มืออีกข้างดันไหลเธอให้หลบทาง เธอได้แต่ยืนงงอยู่ตรงนั้น จนเสียงประตูห้องที่เปิดและถูกปิดลง "เป็นบ้าอะไร" เหมือนแพรยังบ่นกับตัวเอง พลางยกมือขึ้นมาที่ระดับสายตา เพราะถุงกระดาษที่เธอคว้ามาจากโซฟาเมื่อครู่ยังอยู่ในมือตัวเองสวนลำธารบ้านลุงเอี่ยม ในวันที่ลูกสาวคนโตของบ้านกำลังจะมีคนมาสู่ขอ พ่อเอี่ยมและแม่ศรีในฐานะเจ้าของบ้านก็ตระเตรียมต้อนรับทั้งจัดบ้านใหม่อย่างที่เคยเอ่ยกับลูกสาว ชุดสวยที่ใส่ต้อนรับแขกราวกับมีเทศกาลงานบุญ อีกทั้งซุ้มที่เคยต้อนรับนักท่องเที่ยวให้มาเช่าเล่นน้ำ วันนี้ก็ถูกกันเอาไว้ครึ่งหนึ่งเพื่อต้อนรับแขกจากกรุงเทพ เดิมทีพ่อเอี่ยมจะปิดทั้งหมด แต่ก็กลัวลูกค้าที่เข้ามาแล้วจะเสียเที่ยวจึงได้เปิดไว้บางส่วนต้อนรับลูกค้าด้วย อาหารทั้งไทย อีสาน ถูกจัดเตรียมเอาไว้ครบครัน ปรางทิพย์มาถึงพร้อมอาจารย์วิทย์ในช่วงสาย ทีแรกเธอจะมาก่อนแต่ไตรวิทย์ก็ไม่อยากให้เธอขับรถมาคนเดียว เพราะเขาต้องมาพร้อมกับพ่อแม่ และยังมีสมาชิกอย่างไตรฉัตรกับภรรยาที่ตามมาพักผ่อนด้วย ไม่เว้นแม้แต่มิลินที่ยังขอติดสอยห้อยตามมาด้วย ขาดก็แต่ไตรคุณที่วันนี้ต้องเข้าไปที่โรงแรม เพราะมีลูกค้าสำคัญเข้ามาพักที่โรงแรม ทำให้เขาต้องไปต้อนรับ "แม่ บ้านเรามีงานบุญหรือ" ปรางทิพย์เอ่ยถามตอนที่ลงรถมาเห็นแม่ศรีในชุดผ้าไหม "ก็ต้องแต่งตัวให้ดีหน่อยซิ ดูแกซิทำตัวมอซอ ไปเปลี่ยนชุดซะไป" คนโดนว่ามอซอแทบจะทำหน้าไม่ถูก เพราะไตรวิทย์ยืนอยู่ข้างๆ เธอหั
อีกวันที่ล่วงผ่านปรางทิพย์เพิ่งได้มีโอกาสสะสางข้อความตั้งแต่เกิดเรื่องจนวันนี้ข้อความที่ถูกส่งเข้ามาเกือบร้อยข้อความไม่ว่าจะเป็นจากครอบครัวหรือเพื่อน กระทั่งน้องๆ พยาบาลที่โรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นข้อความที่ถามไถ่หรือตลอดจนข้อความให้กำลังใจ เธอไล่ตอบอยู่นานจนครบทุกข้อความ และถึงได้โทรหาแม่ศรีบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้แม่ได้สบายใจ เย็นวันนั้นไตรวิทย์จึงได้พาเธอกลับมาทานข้าวที่บ้าน คุณแม่ประไพรยังต้อนรับเธออย่างอบอุ่นอยู่เสมอ แค่เห็นหน้าผู้มากวัยก็รีบเข้ามาสวมกอด "หมดทุกข์หมดโศกแล้วนะลูก" อ้อมกอดที่อบอุ่นแทบไม่ต่างจากลูกชาย "ไปๆ กินข้าวกันดีกว่า ยายมิลินยังไม่มาอีกหรือ" คุณนายประไพรรีบเกณฑ์บรรดาลูกๆ ของท่านเข้าห้องอาหาร แต่ก็ยังไม่ลืมมองหาคนอีกคน "มาแล้วค่ะ คุณป้า" แค่เพียงถามหา เสียงใสลากยาวก็ขานรับทันที เพราะมาถึงพอดีที่คุณป้าถามหา "อ้าวมาพอดี ไปๆ ทานข้าวกันลูก" แต่คนตัวเล็กกลับตรงเข้าไปหาคุณหมอปรางทิพย์สวมกอดเอาไว้ดุจให้กำลังใจ "เจ๊ปราง" มือที่สวมกอดพร้อมน้ำเสียงออดอ้อนโดยไม่ต้องเอ่ยเรื่องราวอะไร ปรางทิพย์ก็เข้าใจได้ "ขอบใจมากนะมิลิน" "โอเคแล้วใช่เปล
ผู้ชายตัวสูงสองคนที่ใส่สูทสีดำเรียบร้อย แม้อีกคนจะดูเตี้ยกว่าเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ทำให้ท่าทางภูมิฐานนั้นลดน้อยลงเลย คนตัวสูงถือพวงหรีดดวงไม้สดสีขาวเข้ามาด้วย ข้อความบนนั้นมีเพียง ด้วยความอาลัย ไม่ได้บ่งบอกชื่อว่าเป็นใคร ศาลาเล็กภายในวัดของชุมชน ที่ไม่ใหญ่โตมากนัก ศาลาก็ไม่ได้ติดแอร์อย่างวัดใหญ่มีชื่อเสียง ผู้คนภายในงานก็ล้วนเป็นชาวบ้านแถวนั้น การแต่งกายของสองคนที่เดินมาจนถึงหน้าศาลา เรียกสายตาของคนในงานให้หันไปสนใจ เจ้าภาพของงานรีบเดินออกมาต้อนรับแขกไม่คุ้นหน้า "คุณมางานนี้หรือ รู้จักกับน้องชายฉันหรือคะ" น้ำเสียงตะกุกตะกักเอ่ยถาม ผู้ชายชุดดำสองคนอย่างไม่มั่นใจ แต่เมื่อเขาส่งพวงหรีดให้ เธอก็รีบรับแล้วส่งต่อให้ใครอีกคนที่ยืนมองอยู่ด้านหลัง แต่เหมือนไตรวิทย์และณัฐกรจะจำผู้หญิงคนนี้ได้ดี เธอคนนี้ที่อยู่ในภาพข่าวเกือบทุกสำนัก "เอ๊ะ คุณทนายณัฐกร" น้ำเสียงออกจะตื่นเต้นไม่น้อยที่เห็นณัฐกร ทั้งที่สองคนยังไม่ทันได้แนะนำตัวกลับมีคนจำคุณทนายได้เสียก่อน "อ๋อครับ สวัสดีครับ ผมมาแสดงความเสียใจด้วยน่ะครับ แล้วนี่คุณไตรวิทย์ เป็นแฟนของคุณหมอปรางทิพย์ครับ" แค่ณัฐกรแนะนำตัว ผู้หญิงคนนั้นก็ห
ไตรวิทย์ขมวดคิ้วฟังที่ณัฐกรเอ่ยแล้วก็ยังไม่อยากจะคิดในแง่ร้ายนัก จนเมื่อณัฐกรกดโทรศัพท์ตัวเองคล้ายหาอะไรสักอย่าง แล้วก็ส่งโทรศัพท์นั้นให้ไตรวิทย์ ภาพข่าวดูจากสถานที่น่าจะเป็นโรงพยาบาล แล้วสักครู่ภาพก็ตัดมาที่ญาติของผู้เสียชีวิตและคนข้างๆ ที่เขาคุ้นตาเป็นอย่างดี พัสรา แต่วันนี้เธอเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นแถมยังเป็นทนายให้กับฝ่ายนั้นอีกด้วย เสียงสัมภาษณ์ของนักข่าวที่ถามถึงเหตุการณ์ ญาติผู้เสียชีวิตก็เล่าเหตุการณ์ตามที่เกิดขึ้นจนกระทั่งหมอปรางเข้ามาช่วยคนเจ็บด้วยการทำซีพีอาร์ แต่สุดท้ายคนเจ็บก็เสียชีวิต โดยญาติคนไข้ยังติดใจเรื่องการเสียชีวิตเพราะหมอที่เข้ามาช่วยมีอาการเมา เพิ่งออกจากผับ ส่วนทนายพัสเพียงให้สัมภาษณ์ว่าทุกอย่างคงเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพียงเท่านั้น อะไรก็จะไม่ร้ายแรงเท่าคอมเมนต์ของคนที่เรียกชาวเน็ต แต่ไตรวิทย์สะดุดตากับคอมเมนต์หนึ่งจนต้องใช้นิ้วจิ้มเพื่อดูโปร์ไฟล์ของคอมเมนต์นั้น อีกหน่อยใครจะกล้าช่วย คนดีๆ หมอดีๆ คงต้องอยู่เฉยๆ ดูคนขาดใจตายไปต่อหน้า คอมเมนต์ตอบกลับเจ้าปัญหานั้น ที่เขาสนใจ หมอดีๆ คงไม่เคยถูกคนไข้ฟ้องร้องหรอกมั้ง ไตรวิทย์ส่งโทรศัพท์นั้นให้ณัฐ
ไตรวิทย์ลากปรางทิพย์ออกมาจากพัสราได้แล้ว เพียงครู่เดียวมิลินก็รีบวิ่งตามมา ทิ้งให้ผู้หญิงคนที่ตัวเองไม่รู้จักไว้ตรงนั้น "มากันยังไง" ไตรวิทย์เอ่ยถามมิลิน เพราะดูท่าคนที่เขาจับแขนไว้อยู่คงจะไม่มีทางตอบแน่ "บังเอิญเจอกันที่นี่ค่ะ" มิลินเอ่ยตอบพร้อมกับมองหน้าเจ๊คนสวยที่ยังมีใบหน้าบึ้งตึง "ไปกลับบ้าน ค่อยไปคุยกันที่บ้าน" "ไม่กลับ ไม่คุย" ปรางทิพย์สะบัดแขนอย่างแรงจะให้พ้นการเกาะกุมของมือใหญ่ แต่มันก็ไม่หลุดง่ายๆ "บอกให้กลับบ้าน" ไตรวิทย์เน้นเสียง "ฉันขับรถมา" เมื่อเขาเสียงแข็ง เธอเองก็เริ่มเสียงแข็งขึ้นไม่แพ้กัน แถมยังเปลี่ยนวิธีเรียกตัวเองให้ดูห่างเหินอีกด้วย "จอดไว้นี่แหละ กลับบ้าน" คราวนี้ไตรวิทย์ไม่สนใจว่าคนตัวเล็กจะเถียงหรือดื้ออีก เขาออกแรงรั้งให้เธอเดินตาม แต่เธอก็ยังขืนตัวไว้ "จะให้อุ้มใช่ไหม" ได้ผลปรางทิพย์ยอมเดินแต่น้ำหนักที่ก้าวออกจะหนักกว่าปกติ รถของไตรวิทย์ขับออกมาได้เพียงนิดเดียว ถนนที่วิ่งขนาบกับคลองเล็กๆ ก่อนจะออกถนนใหญ่ ไตรวิทย์ชะลอรถลงเพราะรถคันหน้าเริ่มเคลื่อนตัวช้าเหมือนด้านหน้าจะมีอุบัติเหตุ จนเมื่อรถเขาขับผ่านกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ริมถ
ปรางทิพย์ไม่แน่ใจว่าคุณพัสเตรียมเรื่องจะเปิดสำนักงานกฎหมายเสร็จไปถึงไหนแล้ว แต่ช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา เธอได้ยินชื่อผู้หญิงคนนี้จากปากแฟนของตัวเองบ่อยเหลือเกิน ถึงแม้เขาจะคุยโทรศัพท์ให้เธอได้ยินก็ตาม แต่เมื่อนึกถึงการเจอกันครั้งแรกของคุณพัสนั่นแล้ว ก็ทำเธอหงุดหงิดทุกที ในทุกวันที่ปรางทิพย์ออกเวรจากโรงพยาบาลเธอก็จะกลับคอนโดของไตรวิทย์ทันที ไม่ได้ตรงมาที่ร้านกาแฟเหมือนอย่างวันนี้ เพราะถ้าไม่เพราะมีเอกสารด่วนเกี่ยวกับการยื่นภาษีที่เธอต้องเข้าไปเซ็นด้วยตนเอง เมื่อมาถึงแล้วก็อดไม่ได้ที่เธอจะต้องอยู่ช่วยน้องๆ จนกระทั่งร้านปิด รถยนต์คันเก่าของเธอที่วันนี้ต้องจอดหลังร้าน เพราะตอนที่มาถึงบริเวณหน้าร้านไม่มีที่จอดเหลืออยู่เลย แล้วตอนที่ขับออกมาจากถนนหลังร้าน รถคันของเธอต่อท้ายรถอีกคัน จึงทำให้รถยนต์คันหรูของไตรวิทย์ที่ขับผ่านไม่ทันได้เห็น แล้วเธอก็ลืมส่งข้อความบอกเขาด้วยว่าวันนี้เข้ามาที่ร้านกาแฟ เธอขับออกถนนมาได้แล้วก็ตามรถของไตรวิทย์มาติดๆ แม้จะถูกแซงไปหลายคันแล้ว แต่รถคันหรูของเขามันออกจะสะดุดตาอยู่เธอจึงยังเห็นคันของเขาในสายตา จนถึงทางแยกที่จะต้องเลี้ยวไปทางคอนโด เธอกำลังจะตบไฟเลี้







