หนึ่งเดือนต่อมา
“เราใกล้จะถึงสุ่ยหลานรึยังต้านหลี่”
เสียงหวานเอ่ยถามคนสนิท ที่กำลังตั้งใจย่างปลาตัวใหญ่ให้แก่นาง ด้วยเวลาที่ล่วงเลยมานั้นมันเกินหนึ่งเดือนมาแล้วนั่นเอง หากไม่เพราะสามีต้องการกลั่นแกล้งนางระหว่างทาง ป่านนี้คงถึงที่หมายไปนานแล้ว
“ไม่น่าจะเกินบ่ายพรุ่งนี้ขอรับ ตามจริงท่านแม่ทัพมิใช่เพียงกลั่นแกล้งนายหญิง แต่ข้าน้อยคิดว่าหมู่บ้านรายทางที่ท่านแม่ทัพแวะเวียน ต่างมีสิ่งสำคัญซ่อนอยู่ขอรับ”
“ข้ารู้ แต่ทำงานเช่นเขามันโจ่งแจ้งจนเกินไป”
“เรื่องงานลับ ๆ มันหน้าที่นายหญิงมิใช่หรือขอรับ”
ต้านหลี่เย้าผู้เป็นนาย เขารู้ดีถึงเป้าหมายที่นายหญิงของเขาต้องการที่จะพบ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อพวกเขาจำต้องติดตามท่านแม่ทัพหวัง จะทำงานอย่างรวดเร็วเช่นที่ผ่านมาย่อมไม่อาจทำได้
“ช่างเถอะ! เป็นข้าที่ผิดเอง ดันมิน่าถนอมดั่งหยกงามทั่ว ๆ ไป”
หานชินแกล้งประชดชายหนุ่ม ทว่าดวงตาคู่งามกลับมองไปอีกด้าน ที่มีร่างสูงของใครอีกคนมองมาที่นางอยู่แล้วเช่นกัน
บ่ายวันถัดมาขบวนทัพได้หยุดพักใกล้กับหมู่บ้านเล็ก ๆ อย่างหมู่บ้านสุ่ยหลาน หัวหน้าหมู่บ้านได้ออกมาเชิญแม่ทัพหนุ่มและฮูหยินของเขา เข้าไปพักในหมู่บ้าน
ในยามค่ำคืนจึงมีงานฉลองต้อนรับแขก สุราอาหารพร้อมสรรพถูกนำออกมาเลี้ยงแขกอย่างมากมาย สองสามีภรรยาจำต้องนอนร่วมห้องกันในคืนนี้
แม้จะไม่เต็มใจแต่ทั้งคู่กลับเลือกที่จะเงียบ เพื่อให้ภารกิจของตนเองบรรลุเป้าหมาย หวังลู่ฉงรีบรับคำหัวหน้าหมู่บ้าน ด้วยเกรงอีกฝ่ายจะรู้ถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีของเขาและภรรยา ซึ่งอาจเป็นปัญหากวนใจได้ในภายหน้า หากเรื่องนี้รู้ถึงหูศัตรู
หานชินมองไหสุราด้วยดวงตาวาวโรจน์ นางชื่นชอบการดื่มสุรารสเลิศ กลิ่นหอมของดอกไม้ผสมผสานกับรสชาติหวานกลมกล่อมของสุราหมัก ทำให้หญิงสาวดื่มเข้าไปเสมือนกำลังกินน้ำหวานจากดอกไม้
หวังลู่ฉงถึงกับต้องคว้าจับข้อมือภรรยาเอาไว้ เมื่อเห็นใบหน้าที่สะท้อนกับแสงจากกองไฟเริ่มเปลี่ยนสี ดวงตาที่เคยสุกใสเริ่มฉ่ำเยิ้มขึ้นทุกขณะ
“อย่าดื่มมากไป นี่มันเหล้าป่า มิใช่สุราหวานในเมืองหลวงนะ”
ชายหนุ่มปรามภรรยา แต่ดูเหมือนคำพูดของเขาจะไม่เป็นผล เมื่อเห็นแววตามีคำถามจากหญิงสาว
“จะแบบไหนก็เหมือนนั้นแหละ หากดื่มแล้วไม่เมา มันจะเรียกสุราเช่นนั้นรึ”
หานชินเถียงสามีด้วยน้ำเสียงอ้อแอบ้างแล้ว บอกได้ว่าตอนนี้นางกำลังเมา หญิงสาวปลดมือของสามีออกจากการจับรั้ง ก่อนจะยกไหสุราออกไปเต้นรอบกองไฟกับชาวบ้าน
“ท่านแม่ทัพโปรดอภัยให้ฮูหยินด้วยเจ้าค่ะ ชุ่ยอิงอบรมนางได้ไม่ดีพอ”
“นางเป็นใครเล่าท่านป้า เราเพียงสามัญจึงจะหาญกล้าไปสั่งสอนนางได้”
“เอ่อ...เจ้าค่ะ”
ชุ่ยอิงมองใบหน้าที่เริ่มแดงก่ำของแม่ทัพหนุ่ม ก็ทำให้นางรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ภายในใจ คืนนี้คงเป็นคืนแรกของท่านแม่ทัพกับองค์หญิงของนาง ที่จะได้นอนรวมห้องกันเป็นครั้งแรก
นางหวังยิ่งนักว่าจะไม่มีผู้ใดต้องบาดเจ็บ นางภาวนาให้ทั้งคู่เมาหลับไปเสีย เรื่องความปลอดภัยนั้นนางและผู้ติดตามพร้อมที่จะอารักขาอย่างเต็มกำลัง
แม่ทัพหนุ่มเห็นอาการยืนไม่ตรงของภรรยา แล้วรู้สึกขัดใจอย่างไรไม่รู้ ยิ่งเห็นสายตาของบุตรชายหัวหน้าหมู่บ้าน ที่มองภรรยาของเขาเสมือนจะกลืนกิน
ความรู้สึกบางอย่างพลันแล่นเข้ามาในอก ร่างสูงลุกขึ้นยืนก่อนจะก้าวตรงไปยังภรรยา มือหนาคว้าร่างบางเอาไว้ ก่อนจะช้อนอุ้มร่างโอนเอนนั้นขึ้นสู่อ้อมแขน
ใบหน้าทะมึนตึงของแม่ทัพหนุ่ม ทำให้บุตรชายหัวหน้าหมู่บ้านจำต้องหลบเลี่ยงจากจุดนั้นเสีย ชายหนุ่มตั้งใจที่จะสานสัมพันธ์กับหญิงสาว ด้วยข่าวที่เขารู้มานั้นทำให้เขาหมายจะกลายเป็นหนึ่งในบุรุษงามของหญิงสาวให้ได้
“หยุดนะต้านหลี่ เจ้าจะลงมือต่อเจ้าเด็กปากมิสิ้นกลิ่นน้ำนมนั้นไม่ได้เป็นอันขาด หากยังไม่มีคำสั่งของนายหญิง”
ชุ่ยอิงปรามชายหนุ่มให้หยุดสิ่งที่คิดจะทำ คนภายนอกไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วพวกเขามีหน้าอะไรในตำหนักหานชิน
“แต่มันหาญกล้าใช้สายตาเช่นนั้นกับนายหญิงนะขอรับ”
“ไปทำงานของเจ้าเถอะ พรุ่งนี้เช้าค่อยรายงานนายหญิง”
“ขอรับ”
ร่างสูงก้าวหายไปในความมืด ส่วนแม่นมชุ่ยอิง พร้อมชายหนุ่มอีกสองคน ได้เดินตรวจตรารอบที่พักของผู้เป็นนาย
ภายในห้องนอนของแม่ทัพหนุ่มและภรรยา หวังลู่ฉงมองร่างบางที่กำลังแช่อยู่ในถังน้ำร้อน แม้บนกายของนางจะมีชุดสวมอยู่ แต่เนื้อผ้าสีขาวนั้นไม่ได้ปกปิดส่วนใดของนางได้เลย
แม่ทัพหนุ่มหายใจแรง ๆ ด้วยอารมณ์ที่เขาไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นในตอนนี้ สำหรับเขาแล้วต่อให้สตรีแก้ผ้าอยู่ตรงหน้า ความรู้สึกเช่นนี้ย่อมยากที่จะเกิด ยกเว้นเสียแต่เขาเองกำลังต้องการที่จะปลดปล่อยความเป็นบุรุษเช่นกัน
แล้วเหตุใดเวลานี้เขาจึงรู้สึกร้อนรุ่ม จนอาวุธประจำกายเจ็บร้าวเช่นนี้ ยิ่งพิศใบหน้าที่เปียกชื้นของภรรยา ท่อนมังกรของเขายิ่งแข็งชูชันดันเนื้อผ้าออกมาเด่นชัด
“หานชิน เจ้าจะนอนแช่น้ำอยู่เช่นนี้ไม่ได้ ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้”
แม่ทัพหนุ่มพยายามควบคุมเสียงของตนเองให้ปกติที่สุด ชายหนุ่มช้อนอุ้มร่างอ่อนปวกเปียกของภรรยาออกจากถังน้ำ ก่อนจะวางเท้าของนางให้ยืนกับพื้น โดยที่ให้นางพิงกายเขาเอาไว้เพื่อไม่ให้ล้มลง
ยิ่งได้เห็นสัดส่วนทั้งหมดของนาง ภายใต้ชุดที่แนบเนื้อ ลมหายใจของชายหนุ่มดูจะดังชัดเจนภายใต้ความเงียบสงัดในยามค่ำคืน หวังลู่ฉงปลดเปลืองอาภรณ์เปียกชื้นของภรรยาออกอย่างเร่งรีบ
แต่ทว่าร่างสูงจำต้องยืนนิ่ง เมื่อท่อนแขนเรียวงามของภรรยา ได้รวบกอดเอวสอบของเขาเอาไว้แน่น พร้อมทั้งบดเบียนร่างอวบอิ่มแนบชิดแทบจะเป็นเนื้อเดียวกับร่างเขาเลยก็ว่าได้
“ข้ายังไม่เมาสักหน่อย เจ้าคนบ้าดูถูกข้าเกินไปแล้ว”
เสียงอ้อแอต่อว่าเขาของนาง ทำให้ชายหนุ่มอดขำไม่ได้ นางอยู่ในเมืองหลวง ที่เพียบพร้อมไปด้วยของชั้นเลิศ มิเคยลิ้มรสอาหารหรือสุราจากที่ห่างไกล นางยังคิดว่าเหล้าป่าของชาวบ้านเป็นเสมือนน้ำผลไม้กระมัง
“ไหน...ยืนยันความคิดที่ว่า ไม่เมาของเจ้าให้ข้าดูสักหน่อยจะได้หรือไม่”
แม่ทัพหนุ่มเอ่ยกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงติดจะแหบแห้ง อย่างที่มันไม่ควรจะเป็น จะด้วยฤทธิ์สุราหรือเพราะกลิ่นกายหอมเย้ายวนของคนที่ยืนแนบร่างเขาอยู่ตอนนี้ก็ตามที
เขาเองก็อยากที่จะรู้ว่าความปากดีของภรรยา จะเก่งกาจอย่างที่นางยืนยันหรือไม่ หมับ! ชายหนุ่มร่างแข็งทื่อกะทันหัน เมื่อมือบางของภรรยากำลังลูบวนก่อกวนส่วนที่ดันกางเกงของเขาอยู่ในตอนนี้
สามเดือนต่อมา หลังจากการสืบสวนของศาล ผลสรุปของคดี ฉีชางพร้อมด้วยมารดาเลี้ยงของเขา ได้รับโทษประหาร ส่วนฮั่วเยว่อิงและมารดารวมถึงเฉินป๋อหยาถูกส่งไปใช้แรงงานในเหมือง ในฐานะนักโทษเป็นเวลาสิบปี ทางด้านเด็กน้อยเสี่ยวเป่า ฮั่วเสารับดูแลในฐานะลูก โดยทุกคนได้รับคำสั่งไม่ให้พูดเรื่องชาติกำเนิดแท้จริงกับเด็กน้อย เฉินห้าวหนานยืนมองเป้าหมาย ที่กำลังนั่งเหม่ออยู่ไม่ไกล เขาหอบลูกติดตามหญิงสาวมาจนถึงชายแดนตะวันออก ทว่าทางสำนักคุ้มภัยบอกแก่เขาว่านางอยู่ที่นี่ หลังจากทำการเจรจากับท่านตาและท่านยายของหญิงสาวเป็นที่เรียบร้อย เขาจึงได้มาหานางที่นี่ ชายหนุ่มวางบุตรชายเอาไว้บนพื้นหญ้า ก่อนจะทำให้เจ้าก้อนแป้งส่งเสียงร้องงอแง ฮั่วเหลียนชินหันหาที่มาของเสียงร้อง ที่นางคุ้นเคยในทันที ก่อนที่นางจะเดินตามเสียงนั้นเสมือนต้องมนต์ แม้ในใจจะคิดว่านางคงกำลงคิดถึงหลานชายจนหูแว่ว “ห้าวหยาง!” ร่างบางวิ่งเข้าอุ้มหลานชายขึ้นสู่อ้อมแขนในทันที หญิงสาวกดจมูกลงบนแก้มอวบอ้วนด้วยความคิดถึง “เจ้ามาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรกัน บิดาเจ้ารังแกเช่นนั้นรึ หลี
“ท่านแม่! ข้าเป็นลูกของท่านพ่อใช่หรือไม่ ข้ามิใช่ลูกเขาใช่ไหมขอรับ” เฉินป๋อหยาเอ่ยถามมารดา ด้วยน้ำเสียงแหบแห้งกว่าปกติหลายเท่านัก มารดาบอกแก่เขาว่าตนเป็นลูกของนางอย่างแท้จริง แต่เฉินห้าวหนานเป็นลูกชายของน้องสาว ที่แต่งมาเป็นอนุของบิดา ทว่าตอนนี้ไยทุกอย่างมันกลับกลายเป็นเขา ที่มิใช่สายเลือดสกุลเฉินไปได้ “แม่ขอโทษป๋อหยา’ ไม่ต้องมีคำอธิบายใด ๆ อีกแล้ว ทุกอย่างกระจ่างชัดจนชายหนุ่มทนรับมันต่อไปไม่ได้ ร่างสูงก้าวช้า ๆ ตรงไปยังประตูห้องจัดเลี้ยง เขาไม่ใช่คนสกุลเฉิน แต่เป็นลุกพ่อบ้านจวนสกุลฮั่ว หนำซ้ำคนผู้นั้นยังเป็นคนอยู่เบื้องหลังการตายของใครอีกหลายคน มารดาของเขาคือฆาตกรสังหารน้องสาวตนเอง เพื่อช่วงชิงลูกของนางมาเป็นของตนเอง ทุกอย่างมันร้ายแรงเกินกว่าที่เขาจะทนรับมันได้ ทว่าเพียงก้าวพ้นประตู เฉินป๋อหยาก็ถูกทหารรวบตัวเอาไว้ เพราะมีส่วนร่วมในการลอบสังหารฮูหยินในท่านแม่ทัพเฉินห้าวหนาน เฉินป๋อหยาไม่มีท่าทีขัดขืนใด ๆ ชายหนุ่มเหม่อลอยจนน่าตกใจ ก่อนที่เขาจะหันกลับเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง มารดาถูกคุมตัวนั่งเคียงข้างบิดาที่เขาเพิ่งรู้จัก อีกข้า
“หยุดนะห้าวหนาน วันนี้เป็นวันดีของน้องชาย เจ้าจะเอาเรื่องไร้สาระเช่นนี้ มาเล่าเพื่อสิ่งใดกัน” “อย่าได้ร้อนตัวสิขอรับท่านแม่ อย่างไรก็ฟังให้จบเสียก่อนจะดีกว่า” “นั่นสิ! เฉินฮูหยินให้หลานชายข้าเล่าต่อให้จบเถิด” ท่านเจ้ากรมการคลัง ได้พูดแทรกขึ้น เพราะเขาเองก็อยากจะฟังเรื่องนี้ให้จบ เพื่อความแน่ใจว่าสิ่งที่เขาเคยได้ยินมานั้น มันมิใช่สิ่งที่คิดไปเอง ซึ่งแขกในงานต่างแสดงความต้องการ เช่นเดียวกันกับท่านเจ้ากรม “เช่นนั้นต่อเลยนะขอรับ ในวันที่น้องสาวของนางคลอดบุตรชาย ตัวนางเองก็คลอดบุตรชายเช่นกัน อ่อ! ในตอนนั้น นางเลือกที่จะพาน้องสาวกลับไปคลอดยังบ้านเกิดมารดา อีกทั้งสามีที่เป็นแม่ทัพก็มิอาจปลีกตัวติดตามไปได้ ข่าวดีและร้ายได้เกิดขึ้นในวันเดียวกัน นั่นคือท่านแม่ทัพได้บุตรชายสองคน ทว่าเพียงสองชั่วยามภรรยาและลูกชายอีกคนได้สิ้นใจลงอย่างน่าอนาถ” “แล้วมันยังไง ก็แค่เมียเอกกับเมียน้อยคลอดลูกพร้อมกัน ส่วนเรื่องคลอดลูกแล้วตกเลือดจนตายก็นับเป็นเรื่องที่มีให้เห็นอยู่ไม่น้อย เด็กไม่แข็งแรงจะสิ้นใจก็ไม่แปลก” “แปลกตรงที่แท้จริงเมียเอกมิได
ตลอดสามวันที่เขาปล่อยข่าวว่าออกนอกเมืองไป มันทำให้เขาได้รู้เห็นเรื่องในบ้าน จนเรียกว่าเจ็บจนแทบจะกระอักเลือดเลยก็ว่าได้ “สัญญากับข้า อย่าได้แหวกหญ้าให้งูตื่น เพียงเพราะโทสะของท่าน” “ข้าสัญญา เจ้าก็ต้องรับปากข้า ว่าจะไม่เอาตนเองมาเสี่ยงเช่นนี้อีก เข้าใจหรือไม่” “เราเป็นอะไรกันเช่นนั้นรึ จึงต้องทำตามคำขอของท่าน ซึ่งมันมิใช่ส่วนรวมเช่นคำขอของข้าเลยสักนิด” “เจ้ากับลูกเป็นทุกสิ่งของข้า” “อย่าได้หมิ่นเกียรติข้าเกินไปนัก รู้ตนเองบ้างว่าท่านกับข้าเป็นใคร” “เพราะรู้ข้าถึงกล้ายอมรับมัน” “…” ฮั่วเหลียนชินมิอาจเอ่ยสิ่งใดตอบโต้ชายหนุ่มได้ นางทำเพียงก้าวเคียงข้าเขาไปเงียบ ๆ เพราะคร้านจะโต้แย้ง “ความรู้สึกมิใช่เงินตราก็ซื้อหาได้ ข้าคิดเช่นไรก็พูดออกไปเช่นนั้นมิได้โป้ปด ทุกอย่างสุดแท้แต่เจ้าจะมองเห็นเหลียนชิน” เฉินห้าวหนานเอ่ยขึ้นเบา ๆ พร้อมกระชับร่างบางให้แนบกายมากขึ้น ด้วยเกรงว่าเขาจะมิได้ชิดใกล้นางเช่นนี้อีก หลังจากกลับมาถึงจวน เฉินฮูหยินได้รีบมาที่เรือนของลูกสะใภ้ พร
“หึ ๆ ไม่นึกว่าวันนี้จะได้ยลโฉมคุณหนูใหญ่สกุลฮั่ว” เสียงจากด้านหลังหินก้อนใหญ่กลางสวน ไม่ได้ทำให้หญิงสาวทั้งสามรู้สึกตื่นเต้นเลยสักนิด ยิ่งอีกฝ่ายเรียกนางได้อย่างถูกต้อง นั่นแสดงว่าจิ้งจอกพิการทั้งสอง รนรานกลับไปหานายเก่าแล้ว และหากนางเดาไม่ผิดทั้งสองคนไร้ลมหายไปแล้วเช่นกัน “รวดเร็วทันใจดีแท้ หึ ๆ” หญิงสาวเอ่ยเบา ๆ กับสาวใช้ทั้งสอง ก่อนจะมองไปยังคนที่เผยตัวออกมาอย่างใจเย็น ทว่าเขายังคงปิดบังใบหน้าตนเองเอาไว้ “ไยต้องบิดบังใบหน้าด้วยเล่า ช่างไร้มารยาทในการพบเจอยิ่งนัก” “ไม่นึกเลยว่าเด็กขี้โรคเมื่อวันวาน จะกลายเป็นหญิงงามในวันนี้” “ขอบคุณที่ชม แต่ข้าก็ยังแปลกใจอยู่ดี ว่าเหตุใดกันเจ้าจึงมารอพบข้าที่นี่ อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องบังเอิญ มันย่อมไม่มีทางเป็นเช่นนั้นไปได้ เพราะความบังเอิญนี้มันเหมาะเจาะจนเกินไป” ฮั่วเหลียนชินกระชับอ้อมแขนรัดร่างอ้วนให้แน่นขึ้น นางสัมผัสได้ถึงไอสังหารที่อีกฝ่าย ตั้งใจปลดปล่อยออกมาเพื่อกดดันนาง อีกอย่างคือกำลังประเมินฝีมือของนางไปในตัว “จะกล่าวเช่นนั้นก็ย่อมได้ น่าเสียดา
สามวันถัดมา เฉินฮูหยินได้ให้สาวใช้มาแจ้งแก่ฮั่วเหลียนชิน ว่าจะพานางกับลูกไปไหว้พระ เพื่อขอพรให้กับครอบครัว หญิงสาวได้ตอบรับคำเชิญของแม่สามี หญิงสาวยกยิ้มร้าย เมื่อกล้าท้าทายนางก็พร้อมท้าชนเช่นกัน “บาดแผลของนายหญิง ยังไม่หายดีนะเจ้าคะ” “บาดแผลหนักกว่านี้พวกเราก็ผ่านกันมาแล้ว หากให้ผู้อื่นรู้ว่าข้าบาดเจ็บย่อมต้องเป็นสงสัยของทุกคน แค่เขารู้คนเดียวข้าก็หนักใจอยู่ไม่น้อย” ฮั่วเหลียนชินรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ เพราะถึงแม้ตอนนี้นางไม่รู้ว่าจะวางใจเฉินห้าวหนานได้มากแค่ไหน แม้เขาจะพูดกับนางอย่างตรงไปตรงมา ถึงความรู้สึกที่มีต่อน้องสาวของนาง ‘แม้ข้ามิได้รักนาง แต่ข้าก็มิคิดที่จะให้นางกับลูกตาย ห้าวหยางคือลูกชายของข้า ไยข้าจะชิงชังเขาได้เล่า แต่ข้าไม่นึกว่าการเดินทางของนาง จะเป็นการจากไปมิหวนคืนเช่นนี้’ “จิ้งจอกถูกปล่อยแล้วใช่หรือไม่” “เจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านพี่ฉงอานกำลังจับตาดูอยู่เจ้าค่ะ” “ดี! มองอยู่เงียบ ๆ รอให้สาวถึงปลาตัวใหญ่ ค่อยลงมือในคราเดียว” “สาวใช้จากเรือนหลีหยา มาป้วนเปี้ยนบ่อยยิ่งนักเจ