“เล่นที่อื่น มิใช่...อื้อ...ตะ...ตรงนี้”
“ท่านชอบให้เล่นตรงนี้หรอ...”
หญิงสาวเอ่ยถามสามีด้วยน้ำเสียงอ้อแอ มิเพียงคำพูดดวงตาฉ่ำเยิ้มจากฤทธิ์สุรา ยังช้อนขึ้นมองเขาพร้อมรอยยิ้มซุกซน แม่ทัพหนุ่มถึงกับขนลุกชันไปทั้งร่าง เมื่อมือบางเริ่มคลำขึ้นลงช้า ๆ เสมือนแก่นกายของเขาเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับนาง
แม่ทัพหนุ่มคำรามในลำคอ เมื่อความอดกลั้นของเขาเริ่มจะขาดลง หมับ! มือหนารีบกุมข้อมือเล็กเอาไว้ ก่อนที่นางจะขยับมือซุกซนมากไปกว่านี้
“หยุดได้แล้ว”
แม้ปากจะห้าม ทว่าชายหนุ่มกลับมิได้ผลักไสคนที่ยังวนเวียนจะจับส่วนล่างของเขา ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เสียงอ้อแอที่ดังอยู่กับอกนั้น บอกได้เป้นอย่างดีว่านางกำลังเมา มิใช่การเสแสร้ง สุราป่าเช่นนี้หากคนมิคุ้นเคย มักที่จะเมามายจนแทบสิ้นสติได้เลยทีเดียว แม้แต่ตัวเขาเองที่ดื่มมานับครั้งไม่ถ้วนยังรู้สึกมึนเมามิน้อย
“ยืนนิ่ง ๆ ข้าจะเปลี่ยนชุดให้ เจ้าจะได้พักผ่อน”
หานชินพยายามที่จะลืมตามองคนพูดให้ชัด ๆ แต่ก็ไม่อาจทำได้อย่างที่คิด ร่างบางโอนเอนเซจะล้มอยู่หลายหน จนในที่สุดแผ่นอกที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นสุราคือที่พักของนาง
“ทำไมหน้าอกของท่านมีขนเช่นนี้เล่า ข้ามิเคยรู้มาก่อนว่าหน้าอกของบุรุษมีขนนุ่ม ๆ แบบนี้ด้วย”
มิพูดเปล่ามือบางลูบไล้ตามแผ่นอกกว้าง ที่นางซบอยู่เมื่อครู่ด้วยความอยากรู้ หวังลู่ฉงเริ่มจะทนต่อการรุกรานของภรรยาไม่ไหวแล้วเช่นกัน ไหนจะเรือนร่างเปล่าเปลือยที่เขากำลังพยายามสวมใส่ชุดที่แห้งให้แก่นาง กลับกลายเป็นเขาที่กำลังถูกนางล่วงเกินทีล่ะน้อย
เป็นเขาเองที่ไม่รอบคอบ สวมเพียงชุดนอนแล้วอยู่ใกล้นาง มือบางที่ลูบนั่นจับนี่ของนาง ช่างปลุกเร้าความเป็นบุรุษของเขาได้ดีเหลือเกิน ไหนจะคำพูดคล้ายคนละเมอ สายตาไร้เดียงสาที่กำลังอยากรู้อยากเห็นของนางอีกเล่า
หวังลู่ฉงใช้สองมือจับสองข้างแก้มของภรรยาเอาไว้อย่างเบามือ ก่อนจะก้มลงประกบปากช่างชักนั้นเสีย ชายหนุ่มเริ่มตวัดเลียริมปากงามสลับดูดเม้มเบา ๆ แล้วค่อย ๆ ใช้ลิ้นดันริมฝีปากของภรรยาช้า ๆ เพื่อที่เขาจะได้ชิมรสหวานจากด้านใน
“อ้าปากให้พี่สิจ๊ะ น้องหญิง”
แม่ทัพหนุ่มกระซิบบอกภรรยาเบา ๆ โดยที่ริมฝีปากของเขามิได้ห่างจากเรียวปากสีหวานของภรรยาเลยแม้แต่น้อย หานชินที่อยู่ในอาการคล้ายคนละเมอ ทำตามอย่างว่าง่าย หญิงสาวเผยอปากเล็กน้อย ด้วยไม่เคยผ่านรสสัมผัสจากบุรุษใดมาก่อน
การกระทำอันอ่อนเดียงสาของหญิงสาว ทำให้แม่ทัพหนุ่มทั้งแปลกใจระคนตื่นเต้น จากที่เขาจงใจเพียงจะลงโทษภรรยาที่มิหยุดความซุกซน ตอนนี้เขาไม่อาจถอยกลับได้ทันแล้ว
หวังลู่ฉงมิรอช้าบดจูบเรียวปากอวบอิ่มนั้นอีกครั้ง ชายหนุ่มใช้ปลายลิ้นเกี่ยวกวัดรัดปลายลิ้นเล็กเอาไว้ ก่อนจะดูดดึงเข้าออกยาว ๆ อย่างมีชั้นเชิง
“อื้อ...”
เสียงครางอู้อี้ดังเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินเพียงเล็กน้อย เมื่อชายหนุ่มได้ใช้มือหนาตรึงท้ายทอยของนางเอาไว้ มิให้ขยับถอยห่างการช่วงชิงความหอมหวานจากปากของนาง
ปลายลิ้นสากกวัดระรัวลิ้นเล็กของหญิงสาว สลับตวัดขบเม้มริมฝีปากอวบอิ่มเบา ๆ มือสากลูบไล้แผ่นหลังเปล่าเปลือยขึ้นลงช้า ๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง
“คืนนี้ พี่จะลงโทษเด็กซน”
หวังลู่ฉงกระซิบข้างหูภรรยาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า หญิงสาวในตอนนี้ ดูเหมือนกำลังตกอาการเคลิบเคลิ้มจากการปลุกเร้าของเขาอยู่ ชายหนุ่มช้อนอุ้มภรรยาขึ้นสู้อ้อมแขน ก่อนจะก้าวตรงไปยังเตียงนอน
โดยที่สายตาจับจ้องวงหน้างามที่สะท้อนแสงเทียนสีนวล ส่งให้ความเย้ายวนของนางมีมากกว่ายามเดิมอีกหลายเท่า ใจของแม่ทัพหนุ่มในตอนนี้อยากที่จะกระโจนทีเดียวให้ถึงเตียงนอนเลยก็ว่าได้ ด้วยแก่นกายของเขาที่ถูกปลุกเร้าเสียจนเจ็บร้าว กำลังร่ำร้องการสัมผัสจากคนในอ้อมแขน
ทันทีที่หลังของหญิงสาวสัมผัสกับที่นอน ริมฝีปากหนาได้ประกบลงมาอีกครั้ง พร้อมกับมือหยาบกร้านได้ลากวนมาที่หน้าท้องแบนราบ ก่อนจะลูบตามผิวนุ่มขึ้นมายังเต้าเต่งตึง
นิ้วเรียวค่อย ๆ สะกิดที่ยอดประทุมถันเบา ๆ สลับไปมาสองข้างโดยที่ลิ้นสากยังคงเกี่ยวกวัดกับปลายลิ้นของหญิงสาวมิห่าง มือหยาบเคล้นคลึงเต้างามสลับใช้นิ้วบดบี้ปลายยอดสีหวาน
“อ๊ะ...อ๊า...”
หานชินที่มิเคยต้องมือชายใดมาก่อน ถึงกับสั่นสะท้านด้วยความเสียวซ่านไปทั้งกาย ร่างบางบิดเร้าอยู่ภายใต้การควบคุมของสามี เสียงครางกระเส่าดังลอดออกมาเพียงเล็กน้อย
ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออก แล้วค่อย ๆ จูบซับตามแก้มเนียนมาจนถึงติ่งหู ชายหนุ่มขบเม้มเบา ๆ ก่อนจะใช้ปลายลิ้นตวัดเลียลงมาที่ต้นคอขาวเนียน ชายหนุ่มดูดเบา ๆ ยังจุดชีพจรที่กำลังเต้นอยู่ภายใต้ริมฝีปากหนาของเขาในตอนนี้
หวังลู่ฉงค่อย ๆ ขยับใบหน้าไล่ต่ำลงมายังเนินอกอิ่ม โดยที่มือกร้านได้เลื่อนจากเต้าเต่งตึงลงไปที่ต้นขาเรียวแทน ชายหนุ่มลูบวนไปมาเบา ๆ ยิ่งทำให้คนใต้ร่างบิดเร้าด้วยความกระสันเสียว
“ขยับขาให้พี่สิจ๊ะ น้องหญิง”
หานชินทำตามอย่างว่าง่าย ด้วยอารมณ์ของนางในตอนนี้ มิอาจที่จะครองสติของตนเองได้อย่างครบถ้วน จากการเล้าโลมของสามีทำให้นางเชื่อฟังเขาแต่โดยดี
มือกร้านลูบเลื่อนมายังเนินเนื้ออวบอูม โดยที่ใบหน้าของเขายังวนเวียนอยู่ที่เต้างาม ปลายลิ้นสากตวัดผ่านหัวนมสีชมพู ก่อนจะดูดเม้มแรง ๆ ทำให้คนใต้ร่างแอ่นกายขึ้นตามริมฝีปากหนา
หญิงสาวสอดมือเข้าในกลุ่มผมดกดำ พร้อมออกแรงกดศีรษะของของสามี เพื่อให้สอดรับกับการที่นางแอ่นกายบดเบียดริมฝีปากหนา ชายหนุ่มส่งเสียงครางในลำคอเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ กับการตอบสนองทางกายของภรรยา
เมื่อนิ้วแกร่งได้แทรกลงไปตามกลีบบาง จนสัมผัสกับความฉ่ำเยิ้มของน้ำหวาน ชายหนุ่มเริ่มขยับปลายนิ้วขึ้นลงตามร่องกลีบอย่างช้า ๆ สะโพกงอนงามได้ขยับตามนิ้วของเขาเมื่อแสร้งจะถอยห่าง
สามเดือนต่อมา หลังจากการสืบสวนของศาล ผลสรุปของคดี ฉีชางพร้อมด้วยมารดาเลี้ยงของเขา ได้รับโทษประหาร ส่วนฮั่วเยว่อิงและมารดารวมถึงเฉินป๋อหยาถูกส่งไปใช้แรงงานในเหมือง ในฐานะนักโทษเป็นเวลาสิบปี ทางด้านเด็กน้อยเสี่ยวเป่า ฮั่วเสารับดูแลในฐานะลูก โดยทุกคนได้รับคำสั่งไม่ให้พูดเรื่องชาติกำเนิดแท้จริงกับเด็กน้อย เฉินห้าวหนานยืนมองเป้าหมาย ที่กำลังนั่งเหม่ออยู่ไม่ไกล เขาหอบลูกติดตามหญิงสาวมาจนถึงชายแดนตะวันออก ทว่าทางสำนักคุ้มภัยบอกแก่เขาว่านางอยู่ที่นี่ หลังจากทำการเจรจากับท่านตาและท่านยายของหญิงสาวเป็นที่เรียบร้อย เขาจึงได้มาหานางที่นี่ ชายหนุ่มวางบุตรชายเอาไว้บนพื้นหญ้า ก่อนจะทำให้เจ้าก้อนแป้งส่งเสียงร้องงอแง ฮั่วเหลียนชินหันหาที่มาของเสียงร้อง ที่นางคุ้นเคยในทันที ก่อนที่นางจะเดินตามเสียงนั้นเสมือนต้องมนต์ แม้ในใจจะคิดว่านางคงกำลงคิดถึงหลานชายจนหูแว่ว “ห้าวหยาง!” ร่างบางวิ่งเข้าอุ้มหลานชายขึ้นสู่อ้อมแขนในทันที หญิงสาวกดจมูกลงบนแก้มอวบอ้วนด้วยความคิดถึง “เจ้ามาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรกัน บิดาเจ้ารังแกเช่นนั้นรึ หลี
“ท่านแม่! ข้าเป็นลูกของท่านพ่อใช่หรือไม่ ข้ามิใช่ลูกเขาใช่ไหมขอรับ” เฉินป๋อหยาเอ่ยถามมารดา ด้วยน้ำเสียงแหบแห้งกว่าปกติหลายเท่านัก มารดาบอกแก่เขาว่าตนเป็นลูกของนางอย่างแท้จริง แต่เฉินห้าวหนานเป็นลูกชายของน้องสาว ที่แต่งมาเป็นอนุของบิดา ทว่าตอนนี้ไยทุกอย่างมันกลับกลายเป็นเขา ที่มิใช่สายเลือดสกุลเฉินไปได้ “แม่ขอโทษป๋อหยา’ ไม่ต้องมีคำอธิบายใด ๆ อีกแล้ว ทุกอย่างกระจ่างชัดจนชายหนุ่มทนรับมันต่อไปไม่ได้ ร่างสูงก้าวช้า ๆ ตรงไปยังประตูห้องจัดเลี้ยง เขาไม่ใช่คนสกุลเฉิน แต่เป็นลุกพ่อบ้านจวนสกุลฮั่ว หนำซ้ำคนผู้นั้นยังเป็นคนอยู่เบื้องหลังการตายของใครอีกหลายคน มารดาของเขาคือฆาตกรสังหารน้องสาวตนเอง เพื่อช่วงชิงลูกของนางมาเป็นของตนเอง ทุกอย่างมันร้ายแรงเกินกว่าที่เขาจะทนรับมันได้ ทว่าเพียงก้าวพ้นประตู เฉินป๋อหยาก็ถูกทหารรวบตัวเอาไว้ เพราะมีส่วนร่วมในการลอบสังหารฮูหยินในท่านแม่ทัพเฉินห้าวหนาน เฉินป๋อหยาไม่มีท่าทีขัดขืนใด ๆ ชายหนุ่มเหม่อลอยจนน่าตกใจ ก่อนที่เขาจะหันกลับเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง มารดาถูกคุมตัวนั่งเคียงข้างบิดาที่เขาเพิ่งรู้จัก อีกข้า
“หยุดนะห้าวหนาน วันนี้เป็นวันดีของน้องชาย เจ้าจะเอาเรื่องไร้สาระเช่นนี้ มาเล่าเพื่อสิ่งใดกัน” “อย่าได้ร้อนตัวสิขอรับท่านแม่ อย่างไรก็ฟังให้จบเสียก่อนจะดีกว่า” “นั่นสิ! เฉินฮูหยินให้หลานชายข้าเล่าต่อให้จบเถิด” ท่านเจ้ากรมการคลัง ได้พูดแทรกขึ้น เพราะเขาเองก็อยากจะฟังเรื่องนี้ให้จบ เพื่อความแน่ใจว่าสิ่งที่เขาเคยได้ยินมานั้น มันมิใช่สิ่งที่คิดไปเอง ซึ่งแขกในงานต่างแสดงความต้องการ เช่นเดียวกันกับท่านเจ้ากรม “เช่นนั้นต่อเลยนะขอรับ ในวันที่น้องสาวของนางคลอดบุตรชาย ตัวนางเองก็คลอดบุตรชายเช่นกัน อ่อ! ในตอนนั้น นางเลือกที่จะพาน้องสาวกลับไปคลอดยังบ้านเกิดมารดา อีกทั้งสามีที่เป็นแม่ทัพก็มิอาจปลีกตัวติดตามไปได้ ข่าวดีและร้ายได้เกิดขึ้นในวันเดียวกัน นั่นคือท่านแม่ทัพได้บุตรชายสองคน ทว่าเพียงสองชั่วยามภรรยาและลูกชายอีกคนได้สิ้นใจลงอย่างน่าอนาถ” “แล้วมันยังไง ก็แค่เมียเอกกับเมียน้อยคลอดลูกพร้อมกัน ส่วนเรื่องคลอดลูกแล้วตกเลือดจนตายก็นับเป็นเรื่องที่มีให้เห็นอยู่ไม่น้อย เด็กไม่แข็งแรงจะสิ้นใจก็ไม่แปลก” “แปลกตรงที่แท้จริงเมียเอกมิได
ตลอดสามวันที่เขาปล่อยข่าวว่าออกนอกเมืองไป มันทำให้เขาได้รู้เห็นเรื่องในบ้าน จนเรียกว่าเจ็บจนแทบจะกระอักเลือดเลยก็ว่าได้ “สัญญากับข้า อย่าได้แหวกหญ้าให้งูตื่น เพียงเพราะโทสะของท่าน” “ข้าสัญญา เจ้าก็ต้องรับปากข้า ว่าจะไม่เอาตนเองมาเสี่ยงเช่นนี้อีก เข้าใจหรือไม่” “เราเป็นอะไรกันเช่นนั้นรึ จึงต้องทำตามคำขอของท่าน ซึ่งมันมิใช่ส่วนรวมเช่นคำขอของข้าเลยสักนิด” “เจ้ากับลูกเป็นทุกสิ่งของข้า” “อย่าได้หมิ่นเกียรติข้าเกินไปนัก รู้ตนเองบ้างว่าท่านกับข้าเป็นใคร” “เพราะรู้ข้าถึงกล้ายอมรับมัน” “…” ฮั่วเหลียนชินมิอาจเอ่ยสิ่งใดตอบโต้ชายหนุ่มได้ นางทำเพียงก้าวเคียงข้าเขาไปเงียบ ๆ เพราะคร้านจะโต้แย้ง “ความรู้สึกมิใช่เงินตราก็ซื้อหาได้ ข้าคิดเช่นไรก็พูดออกไปเช่นนั้นมิได้โป้ปด ทุกอย่างสุดแท้แต่เจ้าจะมองเห็นเหลียนชิน” เฉินห้าวหนานเอ่ยขึ้นเบา ๆ พร้อมกระชับร่างบางให้แนบกายมากขึ้น ด้วยเกรงว่าเขาจะมิได้ชิดใกล้นางเช่นนี้อีก หลังจากกลับมาถึงจวน เฉินฮูหยินได้รีบมาที่เรือนของลูกสะใภ้ พร
“หึ ๆ ไม่นึกว่าวันนี้จะได้ยลโฉมคุณหนูใหญ่สกุลฮั่ว” เสียงจากด้านหลังหินก้อนใหญ่กลางสวน ไม่ได้ทำให้หญิงสาวทั้งสามรู้สึกตื่นเต้นเลยสักนิด ยิ่งอีกฝ่ายเรียกนางได้อย่างถูกต้อง นั่นแสดงว่าจิ้งจอกพิการทั้งสอง รนรานกลับไปหานายเก่าแล้ว และหากนางเดาไม่ผิดทั้งสองคนไร้ลมหายไปแล้วเช่นกัน “รวดเร็วทันใจดีแท้ หึ ๆ” หญิงสาวเอ่ยเบา ๆ กับสาวใช้ทั้งสอง ก่อนจะมองไปยังคนที่เผยตัวออกมาอย่างใจเย็น ทว่าเขายังคงปิดบังใบหน้าตนเองเอาไว้ “ไยต้องบิดบังใบหน้าด้วยเล่า ช่างไร้มารยาทในการพบเจอยิ่งนัก” “ไม่นึกเลยว่าเด็กขี้โรคเมื่อวันวาน จะกลายเป็นหญิงงามในวันนี้” “ขอบคุณที่ชม แต่ข้าก็ยังแปลกใจอยู่ดี ว่าเหตุใดกันเจ้าจึงมารอพบข้าที่นี่ อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องบังเอิญ มันย่อมไม่มีทางเป็นเช่นนั้นไปได้ เพราะความบังเอิญนี้มันเหมาะเจาะจนเกินไป” ฮั่วเหลียนชินกระชับอ้อมแขนรัดร่างอ้วนให้แน่นขึ้น นางสัมผัสได้ถึงไอสังหารที่อีกฝ่าย ตั้งใจปลดปล่อยออกมาเพื่อกดดันนาง อีกอย่างคือกำลังประเมินฝีมือของนางไปในตัว “จะกล่าวเช่นนั้นก็ย่อมได้ น่าเสียดา
สามวันถัดมา เฉินฮูหยินได้ให้สาวใช้มาแจ้งแก่ฮั่วเหลียนชิน ว่าจะพานางกับลูกไปไหว้พระ เพื่อขอพรให้กับครอบครัว หญิงสาวได้ตอบรับคำเชิญของแม่สามี หญิงสาวยกยิ้มร้าย เมื่อกล้าท้าทายนางก็พร้อมท้าชนเช่นกัน “บาดแผลของนายหญิง ยังไม่หายดีนะเจ้าคะ” “บาดแผลหนักกว่านี้พวกเราก็ผ่านกันมาแล้ว หากให้ผู้อื่นรู้ว่าข้าบาดเจ็บย่อมต้องเป็นสงสัยของทุกคน แค่เขารู้คนเดียวข้าก็หนักใจอยู่ไม่น้อย” ฮั่วเหลียนชินรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ เพราะถึงแม้ตอนนี้นางไม่รู้ว่าจะวางใจเฉินห้าวหนานได้มากแค่ไหน แม้เขาจะพูดกับนางอย่างตรงไปตรงมา ถึงความรู้สึกที่มีต่อน้องสาวของนาง ‘แม้ข้ามิได้รักนาง แต่ข้าก็มิคิดที่จะให้นางกับลูกตาย ห้าวหยางคือลูกชายของข้า ไยข้าจะชิงชังเขาได้เล่า แต่ข้าไม่นึกว่าการเดินทางของนาง จะเป็นการจากไปมิหวนคืนเช่นนี้’ “จิ้งจอกถูกปล่อยแล้วใช่หรือไม่” “เจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านพี่ฉงอานกำลังจับตาดูอยู่เจ้าค่ะ” “ดี! มองอยู่เงียบ ๆ รอให้สาวถึงปลาตัวใหญ่ ค่อยลงมือในคราเดียว” “สาวใช้จากเรือนหลีหยา มาป้วนเปี้ยนบ่อยยิ่งนักเจ