Se connecter“ผมจะไม่เอาเรื่องมันก็ได้ แต่อย่าให้มันมาเหยียบที่นี่อีก” ปรเมศเอ่ยอย่างเฉียบขาด ก่อนจะยื่นมือออกไปรับกระดาษชำระจากลูกน้อง เช็ดเลือดชั่วๆ ที่เปื้อนมือของตัวเองออก แล้วปากระดาษชำระลงที่พื้นต่อหน้าคู่กรณี ตบท้ายด้วยการเลิกคิ้วท้าทายพร้อมกับใช้เท้าบดขยี้อย่างโอหัง
ท่าทางกวนๆ ของคุณหมอหนุ่มมาดดิบทำเอาอีกฝ่ายออกอาการฟึดฟัด อยากจะกระโจนเข้ามาเล่นงาน แต่การ์ดของร้านล็อกตัวเอาไว้เสียก่อน
“มึงใหญ่มาจากไหนถึงกล้ามาสั่งกู!”
“กูใหญ่กว่า ‘พ่อมึง’ ก็แล้วกันล่ะ” ปรเมศเค้นเสียงกระด้างเจือดุดันลอดไรฟัน ปกติเขาไม่ชอบพูดจาข่มใครนักหรอก แต่ครั้งนี้มันเหลืออดจริงๆ
เป็นที่รู้กันในกลุ่มเพื่อนว่าหากปรเมศทำท่ากำหมัดและขบกรามแน่นอย่างนี้ อีกไม่เกินห้านาทีแม่งได้ราบเป็นหน้ากลองแน่ และดูเหมือนว่าแทนไทจะขยาดกับความดิบเถื่อนที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทางเป็นผู้ดีจ๋าทุกกระเบียดนิ้วของเพื่อนรัก เขาจึงเดินเข้ามาดึงแขนอีกฝ่ายไว้พร้อมเอ่ยห้ามปราม และการกระทำนั้นก็ทำให้สองหนุ่มที่เหลือต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก คืนนี้พวกเขาคงไม่ต้องรอเคลียร์ค่าเสียหายให้ทางร้าน
ปรเมศเริ่มควบคุมอารมณ์และใจเย็นลง แต่อันธพาลหนุ่มยังทำท่าจะระรานไม่เลิก
“เฮอะ…ไม่แน่จริงนี่หว่า” หลานชายท่านผู้ว่าฯ ลอยหน้ายียวนกวนประสาท ก่อนที่เพื่อนคนหนึ่งจะเดินมากระซิบกระซาบบางอย่าง ส่งผลให้มันชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะทำท่าฮึดฮัด แล้วหมุนตัวเดินลิ่วจากไปแบบไม่เหลียวหลัง เดาว่ามันคงรู้แล้วล่ะว่าปรเมศเป็นใคร ใหญ่มาจากไหน
ความชุลมุนวุ่นวายจบลงด้วยการที่ไม่มีใครต้องเสียเลือดเสียเนื้อมากไปกว่านั้น กลุ่มไทยมุ่งสลายตัวกลับไปกิน ดื่ม เต้น และสรวลเสเฮฮาตามเดิม
ส่วนสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มที่มีประเด็นกับไอ้อันธพาลหนุ่มเพราะแย่งธารธารายังคงยืนมองหน้าคุณหมอสาวมาดทอมแต่ใจเป็นหญิงตาละห้อย
“พี่คะ…พี่เลือกพี่ชายคนนี้จริงๆ เหรอคะ”
“อือ…”
ธารธาราพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะหลุดอุทานออกมาเมื่อปรเมศคว้าเข้าที่ข้อมือกลมกลึง แล้วลากให้ก้าวเดินตามกันไปด้วยสภาพทุลักทุเล ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้เสวนากับใครหน้าไหนทั้งสิ้น ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ไม่ทั้งนั้น!
ครั้นแม่สาวน้อยจะตามตื๊ออย่างไม่ยอมแพ้ ดนัยก็เอ่ยขัดเสียงเย็น
“ไม่ต้องตามไปหรอกน้อง เพื่อนพี่มันชอบผู้ชาย ไม่ได้ชอบเด็กที่ยังโตไม่เต็มวัยอย่างน้อง” นอกจากวาจาที่หลุดออกมาจากปากหยักจะทำให้เธอผิดหวังแล้ว สาวน้อยยังหน้าแดงซ่านด้วยความอับอาย ก่อนจะเชิดหน้าขึ้น แล้วทำปากยื่นสวนกลับอย่างอวดดี
“หนูโตแล้ว ไม่ใช่เด็ก”
“งั้นเหรอ…แต่พี่ว่ายังไม่โตนะ กลับไปกินนมนอนเถอะไป”
ดนัยเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ ขณะกวาดสายตาคมกริบมองตั้งแต่หัวจรดเท้าของอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจ ตบท้ายด้วยวาจาที่ทำให้คนฟังแทบจะกรี๊ดลั่น
จากนั้นคุณหมอหนุ่มมาดขรึมก็เดินล้วงกระเป๋าก้าวตามหลังเพื่อนไป ทิ้งให้สาวน้อยหน้ามนเม้มปากและกำหมัดแน่นด้วยความคับข้องใจ
ครั้นทุกคนกลับมานั่งลงที่โต๊ะดังเดิม การดวลเหล้าที่ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ปรเมศเป็นคนรินเหล้าให้ธารธาราเองกับมือ ก่อนจะยื่นแก้วของตนมาตรงหน้าพร้อมเอ่ยเป็นเชิงชักชวน
“เอ้า...ชน”
“ขอบใจนะที่มึงช่วยกู” หลังจากยกแก้วขึ้นชนกับแก้วของเขา เธอก็เอ่ยออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ ถึงแม้ปรเมศจะเป็นคนเย็นชาปากร้าย แต่เขาก็มีน้ำใจและรู้จักปกป้องผู้อื่น
“อย่าเข้าใจผิด กูเปล่าช่วยมึง ก็แค่หมั่นไส้ไอ้กร๊วกนั่นก็เลยสั่งสอนมันนิดหน่อย” พ่อคนฟอร์มจัดไหวไหล่พร้อมเอ่ยหน้าตาย
“แต่ยังไงกูก็ต้องขอบใจที่มึงยอมรับกูเป็นเพื่อน”
“เฮ้ย! ได้ไง อย่ามาลักไก่ กูยังไม่รับมึงเป็นเพื่อนโว้ย เรายังดวลเหล้ากันไม่จบเสียหน่อย เมื่อกี้กูก็แค่พูดส่งๆ ไปอย่างนั้นแหละ” ปรเมศเอ่ยแย้งเสียงเข้ม
วาจาที่หลุดออกมาจากปากหยักทำให้คนที่หลงดีใจทำหน้าเจื่อน แทนไทเห็นท่าทีผิดหวังของธารธาราก็นึกสงสารจึงตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ ก่อนจะเอ่ยแซวเพื่อนซี้ตัวแสบด้วยความหมั่นไส้
“เฮ้ย! ไอ้เมศปากหมาคนเดิมกลับมาแล้วเหรอวะ แสดงว่าเมื่อกี้ก็แค่ร่างอวตารงั้นสิ”
“นั่นดิ ไอ้กูก็นึกว่ามึงจะทำตัวเป็นฮีโร่ปกป้องเพื่อนอย่างไอ้น้ำ แต่ที่ไหนได้ยังปากแข็งไม่ยอมรับมันเป็นเพื่อนซะงั้น” ภูธฤทธิ์ร่วมผสมโรงอย่างยิ้มๆ
“เรื่องอะไรกูจะรับมันเป็นเพื่อนง่ายๆ มันกับกูยังดวลเหล้ากันไม่รู้ผลแพ้ชนะซะหน่อย”
“เออ…งั้นพวกมึงสองคนก็รีบแดกๆ เข้าไป พวกกูง่วงจะตายชัก” คนที่นั่งเงียบมาตลอดอย่างดนัยโพล่งขึ้นพร้อมกับหาวจนน้ำตาเล็ด สภาพอ่อนเพลียไม่ต่างจากแทนไทและภูธฤทธิ์ เพราะเมื่อคืนนี้ทั้งสามคุณหมอมีเคสผ่าตัดร่วมกัน กว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน แถมวันนี้ยังต้องตื่นมาเข้าเวรแต่เช้าอีก
จากนั้นปรเมศและธารธาราก็ผลัดกันยกแก้วเหล้าสาดลงคอ ตอนแรกดูกระตือรือร้น แต่พอผ่านไปนานเข้าทั้งคู่ต่างออกอาการเนือยๆ ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้สมองสั่งการช้าลง และลิ้นชักจะพันกัน แต่ที่ทำให้สามคุณหมอหนุ่มซึ่งนั่งจิบเหล้าเป็นกรรมการต่างอมยิ้มด้วยความพอใจคือทั้งคู่ดูพูดกันถูกคอ ชนแก้วกันไปคุยกันไป บ้างมีเสียงหัวเราะคิกคักผสานเสียงห้าวกระด้าง ทว่าโคตรชวนฟัง
“รู้สึกว่าพอเหล้าเข้าปากพวกมึงจะดูปรองดองกันพิลึก” แทนไทเอ่ยแซวอย่างอารมณ์ดี
“ปรองดองบ้านมึงดิ แหกตาดูซะบ้าง พวกกูแค่ดวลเหล้ากันโว้ย” พ่อคนปากแข็งที่ยังพอมีสติอยู่เอ่ยแย้ง ทำเอาคนฟังส่ายหน้าอย่างยิ้มๆ ขนาดมันเมาจนลิ้นพันกันมันยังไม่วายมาทำปากดีฟอร์มจัดอีก
จากนั้นสามหนุ่มก็กลั้นขำเอาไว้แทบไม่อยู่ เมื่อปรเมศชวนธารธาราคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อย ซึ่งไม่ว่าเขาจะเอ่ยเรื่องไหนก็ดูเหมือนเธอจะรู้ไปเสียหมด
ซัดเหล้าเข้าปากได้อีกไม่กี่แก้วธารธาราก็เอ่ยเสียงอ้อแอ้ว่าขอพักยก ก่อนจะฟุบลงกับโต๊ะอย่างหมดสภาพ ส่วนปรเมศนั้นเอนหลังพิงพนักโซฟา แล้วนั่งหลับตานิ่งๆ เป็นที่รู้กันว่าท่าทางแบบนี้เมาชัวร์
“เฮ้ย! ไอ้เมศ มึงไหวป่ะเนี่ย” ภูธฤทธิ์เอ่ยถาม
“หวาย…” เสียงยานคางของไอ้คนปากแข็งทำให้คนฟังส่ายหน้าเบาๆ ปกติถ้าสภาพเมาค่อนข้างหนักแบบนี้หนึ่งในสามจะต้องไปส่งที่คอนโด แต่ด้วยคืนนี้ทั้งสามคุณหมอต่างเพลียพอกันจึงไม่อาจไปส่งได้
ก่อนที่ภูธฤทธิ์จะหันไปมองคนที่เมาหนักแบบไม่รู้เรื่องยิ่งกว่าเพื่อนซี้ของเขาด้วยความเป็นห่วง จากนั้นก็ถามย้ำปรเมศอีกหน
“แน่ใจนะว่ามึงไหว”
“กูบอกว่าไหวก็ไหวสิวะ” หลังจากสะบัดศีรษะแรงๆ ปรเมศก็เอ่ยตอบโต้อย่างขึงขัง พยายามจะครองสติตัวเองไม่ให้มีสภาพเมาจนน่าทุเรศอย่างสุดความสามารถ
“งั้นพวกกูฝากมึงเอาไอ้น้ำกลับด้วยนะ”
“พวกมึงจะรีบกลับไปไหน กูสองคนยังดวลเหล้ากันไม่จบเลย”
“เออ…มึงสองคนก็แดกๆ กันไปเถอะ พรุงนี้ค่อยไปเล่าให้พวกกูฟังก็ได้ว่าใครชนะ แล้วก็อย่าลืมไปส่งไอ้น้ำด้วยล่ะ” ท้ายประโยคภูธฤทธิ์ไม่ลืมที่จะเอ่ยกำชับ
“ทำไมต้องให้มันกลับกับกูด้วยวะ กูเอาบิ๊กไบค์มานะโว้ย” ปรเมศเอ่ยท้วงเสียงดังพร้อมทำหน้ายุ่ง ทำเอาคนฟังกลอกตาขึ้นฟ้าแล้วกระแทกเสียงใส่ไอ้คนเรื่องมาก
“มึงก็ให้มันซ้อนท้าย แค่นั้นจบ”
“ไม่!” การปฏิเสธอย่างสิ้นเยื่อขาดใยทำให้คนที่ฟุบอยู่กับโต๊ะถึงกับเม้มปากแน่น อยากจะลุกขึ้นมาแล้วตะโกนใส่หน้าไอ้คนใจร้ายนักว่ากูกลับเองก็ได้ แต่มิอาจทำอย่างใจปรารถนาเพราะมึนหัวสุดๆ
“งั้นพวกมึงก็ตกลงกันเอาเองว่าจะกลับยังไง พวกกูสามคนง่วงจะตายจะห่าอยู่แล้ว…ไปล่ะ” ภูธฤทธิ์ทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป โดยมีแทนไทกับดนัยก้าวตามหลังไปติดๆ
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงปีหน้าน้ำก็จะให้ลูกเข้าโรงเรียน”ถึงที่สุดดูเหมือนว่าทั้งคู่จะยังหาข้อสรุปกับเรื่องนี้ไม่ได้ ธารธาราก็เลยตัดสินใจเอ่ยเป็นเชิงมัดมือชกเสียงแข็งๆ และมองหน้าหล่อๆ ทว่างอง้ำเหมือนเด็กถูกขัดใจอย่างเอาเรื่อง “โธ่…น้ำ” พ่อคนขี้หวงยังไม่วายโอดครวญ พร้อมทำหน้าละห้อยเรียกคะแนนสงสารจากภรรยา แต่นอกจากธารธาราจะไม่เห็นใจแล้วเธอยังถลึงตาใส่ “ไม่ต้องมาอ้อนเลย ถ้ายังเรื่องมากเอาแต่คัดค้านและปกป้องลูกอยู่ล่ะก็ น้ำจะไม่ยอมให้นอนด้วย ลูกก็ไม่ต้องทำแล้ว ลูกหมูสามตัวที่อยากได้เพิ่มก็ไม่ต้องเอา” ได้ทีคุณแม่ลูกสามที่แอบโหดก็เอ่ยออกมาด้วยท่าทางขึงขัง แววตาดุๆ นั้นบ่งบอกว่าเอาจริงจนคนเป็นสามีหงอ “น้ำก็…” พ่อเจ้าประคุณยังไม่วายพ้อหน้างอ“ไม่ต้องมาน้ำก็เลยนะพ่อตัวดี! จะเอาไหมลูกหมูสามตัวที่ขอเพิ่ม ถ้าจะเอาก็ต้องยอมให้ลูกไปโรงเรียนในปีหน้า ไม่งั้นก็ไม่ต้องทำมันแล้วลูก ชุดพยาบาลสาวยั่วสวาท ชุดครูระเบียบแอบหื่น ชุดแม่บ้านจอมร่าน ที่แอบไปซื้อมาก็เอาไปเผาทิ้งเลยนะ น้ำไม่ยอมให้ทำลูกหรอก ดื้อหัวแข็งแบบนี้ก็ช่วยตัวเองไปเลย น้ำไม่เอาด้วยแล้ว” คราวนี้เธอขึ้นเสียงใส่คุณพ่อสุดดื้ออย่างเหลืออด คำพูดทำนอง
“เอ่อ…น้ำ แบบว่า…” คนถูกจับได้ไล่ทันถึงกับพูดไม่ออก “หรือเมศจะเถียงว่ามันไม่จริง”ได้ทีเธอก็ไล่บี้ พร้อมจ้องหน้าสามีตัวดีอย่างคาดโทษ เล่นเอาคนมีชนักติดหลังแทบสะดุ้งเฮือก ทว่ายังปั้นหน้ายิ้มจืดเจื่อนทำเป็นใจดีสู้เสือ แล้วเปล่งเสียงหวานๆ เป็นเชิงอ้อน “โธ่…เมียจ๋า”“ไม่ต้องมาทำเป็นอ้อนเลยนะ ลูกหลับแล้วน้ำจะชำระความกับเมศเป็นรายต่อไป” ธารธาราขึงตาใส่พ่อคนที่มักจะอ้อนให้เธอใจอ่อน แล้วตบท้ายด้วยการคาดโทษ“ชำระความบนเตียงใช่ไหม งั้นโอเคเลย” นอกจากจะไม่สลดกับความผิดที่ได้ก่อเอาไว้เท่าที่ควรแล้ว พ่อเจ้าประคุณคนหน้าตายแต่หื่นขึ้นสมองยังไม่วายสัพยอกด้วยวาจาชวนกระดากอายเป็นที่สุด พอเธอจะฟาดเข้าให้เขาก็เบี่ยงตัวหลบ ทำให้ลูกๆ ต่างประสานเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊าก เพราะคิดว่าพ่อกับแม่กำลังหยอกเล่นกัน หลังจากเด็กๆ กินอาหารฝีมือแม่ได้ไม่นานก็หนังท้องตึงหนังตาหย่อน งอแงจนธารธาราและสามีต้องพาไปนอนกลางวัน กล่อมกันได้ไม่นานลูกหมูสามตัวก็สิ้นฤทธิ์หลับปุ๋ย เห็นลูกหลับแล้วปรเมศก็พยักหน้าเป็นเชิงชักชวนภรรยา แล้วทั้งสองก็เกี่ยวก้อยกันเดินออกมาจากห้องนอนของลูกๆ หลังจากปิดประตูห้องนอนของทั้งคู่ ปรเมศก็โอบ
ธารธารากำลังจะอ้าปากต่อว่า ทว่าแขนที่โดนมือเล็กป้อมกระตุกยิกๆ ก็ทำให้คุณแม่คนสวยที่กำลังจะแยกเขี้ยวใส่สามีเปลี่ยนมาเป็นยิ้มหวานหยด “เอกเป็นคนชวนพ่อไปหาแม่เองครับ” เด็กชายอธิปกยืดอกปกป้องพ่อที่กำลังจะโดนแม่ดุอย่างกล้าหาญ ส่วนอีกสองแฝดก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน “โทก็ชวนพ่อเหมือนกันครับ”“ตรีก็ด้วยค่า”“พวกเราหิว แล้วก็คิดถึงแม่ด้วยครับ” คราวนี้เป็นคนที่หิวจัดกว่าใครอื่นอย่างทินวิทย์ที่เอ่ยอธิบายว่าทำไมต้องขัดคำสั่งแม่ ตบท้ายด้วยการออดอ้อนอย่างน่ารักน่าชัง ก่อนเสียงใสๆ อีกสองเสียงจะเอ่ยอย่างเห็นด้วย“ใช่ครับ” “ช่ายค่า”“น่ารักที่สุดเลย มาให้แม่หอมคนละทีเสียดีๆ”จากที่จะเล่นงานสามีตัวดีที่ชอบตามใจลูก ธารธาราก็เปลี่ยนเรื่องไปเสียดื้อๆ ทำให้ปรเมศลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “น้ำอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า” หลังจากยืนดูเมียกับลูกต่างกอดและหอมกัน บ้างมีเสียงหัวเราะสอดประสานก้องกังวาน คนที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลกก็เอ่ยถามเมียรักเสียงนุ่มละมุน “ไม่ค่ะ น้ำยังไงก็ได้ แล้วเด็กๆ ล่ะคะลูก อยากกินอะไรเอ่ย” ธารธาราส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะก้มลงถามลูกทั้งสามคนอย่างอ่อนโยน ท่าที
ถึงแม้จะแต่งงานกันมาสี่ปี ความรักของปรเมศและธารธาราก็ยังคงเป็นที่อิจฉาและกล่าวขานถึงของคนรอบข้าง แถมลูกหมูตัวแสบทั้งสามยังเป็นที่รักและเอ็นดูของคนที่พบเห็น เวลามาโรงพยาบาลทีไรเป็นต้องถูกพยาบาลสาวๆ มาขอถ่ายรูป ขอกอด ขอหอม เรียกได้ว่าฮอตเหมือนพ่อไม่มีผิด “พ่อครับ เมื่อไหร่แม่จะมา โทหิวข้าวแล้ว” คนที่เล่นของเล่นรอแม่จนเบื่อเดินไปเกาะแขนบิดาที่กำลังนั่งทำงานอย่างขะมักเขม้น ทว่ายังไม่ทันที่ปรเมศจะตอบเจ้าตัวแสบที่ชอบเรียกร้องความสนใจก็มีคนช่วยจัดการแทนอย่างรู้หน้าที่จนเขาเผลอยิ้มกว้างออกมา “โทอย่าไปกวนพ่อ กลับมาเล่นกับพี่ เดี๋ยวแม่ก็มาแล้ว” พี่ใหญ่ที่มีบุคลิกเหมือนผู้เป็นพ่อ แถมยังหน้าตาเหมือนพิมพ์เดียวกัน หันไปเรียกน้องชายเสียงขรึมพร้อมโชว์ของเล่นในมือ “แต่โทหิวข้าวนี่นา” คนเป็นน้องหันไปมองพี่ชายฝาแฝด แล้วเอ่ยเสียงอ่อยๆ พร้อมลูบท้องให้ดูน่าสงสาร จากนั้นก็เดินไปหาอีกฝ่าย ไม่นานเสียงใสๆ ก็ดังขึ้น “ตรีก็หิว อยากกินหนมด้วย” ขาดคำน้องน้อยแฝดคนสุดท้องก็วางตุ๊กตาเจ้าหญิงเอลซ่าในมือลงอย่างหมดความสนใจ ก่อนจะเดินมาเกาะแขนบิดา แล้วเงยหน้าอ้อนเสียงหวาน “พ่อจ๋า…”“จ๋า…ว่าไงคะ นางฟ้าตัวน้
หากแต่ธารธารากลับต้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เมื่ออยู่ๆ อีกฝ่ายก็ปลดขาเรียวเสลาที่ตวัดรัดรอบเอวสอบออกเสียดื้อๆ จากนั้นก็ให้ลงไปยืนบนพื้น ทว่าไม่นานก็ต้องหลุดอุทานออกมา เมื่อคนลีลาท่ามากที่ยังไม่ยอมจับจูงเธอไปสู่จุดสูงสุดของความหฤหรรษ์ จับร่างอ้อนแอ้นให้หันหน้าเข้าหาโต๊ะ โดยที่มือทั้งสองค้ำโต๊ะเอาไว้เป็นหลักยึด จากนั้นก็เคลื่อนกายทรงพลังประกบซ้อนหลัง แล้วย่อตัวลงเสียบเสยความอลังการเข้าสู่ความคับแคบทว่าร้อนผ่าวในคราเดียวจนสุดลำ เรียกเสียงร้องอู้ ปากอิ่มห่อเข้าหากันเป็นรูปตัวโอ “โอ้วววว…อ๊า…ซี้ดดดดด…”จากนั้นธารธาราก็แอ่นสะโพกผายมาทางเบื้องหลัง อำนวยความสะดวกให้สามีได้อัดกระหน่ำเข้าหาอย่างล้ำลึก ร้องครางเกือบเป็นตะโกนประหนึ่งคนสติไม่สมประดี ในวินาทีที่พ่อตัวดีลดจังหวะการร่วมรักจากเร่าร้อนให้เป็นเชื่องช้าบาดอารมณ์ แถมยังจับขาข้างหนึ่งของเธอไปพาดตรงขอบโต๊ะ เปิดทางให้เขาขยับสับสอดได้อย่างถนัดถนี่ ปรเมศถอนความโอฬารอันแข็งกร้าวออกมา แล้วตอกอัดเข้าหาอย่างดิบเถื่อน ทำอย่างนั้นย้ำๆ ซ้ำๆ จนคนตัวเล็กดีดดิ้น และจิกข่วนโต๊ะจนเล็บแทบฉีก จากนั้นพ่อคนไม่ได้โตแต่ตัวก็สับสะโพกเข้าใส่พูเนื้อหยาดเย
“ไม่ใช่แค่ใส่ให้ดู แต่ใส่ให้ผัวรัก ใส่ให้ผัวหลง”คนเจ้าเล่ห์ขยิบตาให้ด้วยท่าทางกรุ้มกริ่มชวนใจละลาย ฉุดข้อมือกลมกลึงให้ผุดลุกขึ้น แล้วรุนหลังเมียเข้าไปยังมุมแต่งตัว จากนั้นก็ถอยออกมารอยลโฉมสาวใช้ของเขาอย่างใจจดใจจ่อ หลังจากสวมชุดสุดวาบหวิวที่สามีมัดมือชกเข้าไป ธารธาราก็แทบจะถอดออก แล้วเอาไปเผาไฟทิ้งเสียให้มันรู้แล้วรู้รอด ในวินาทีที่เหลือบเห็นสภาพอันน่ากระดากอายของตัวเองในกระจก ใบหน้างามก็ร้อนซู่จนเกือบจะไหม้ เพราะนมแทบจะทะลักออกมา เนื่องจากสองเต้าเขย่าโลกดันเนื้อผ้าอันน้อยนิดจนกระดุมปริแยก ส่วนก้นก็แทบจะโผล่พ้นชายกระโปรงสุดแสนจะสั้น เห็นกางเกงในอยู่รำไร คุณหมอสาวที่สามีอยากให้แปลงร่างเป็นสาวใช้กัดปากเดินไปเดินมาอย่างชั่งใจ แต่ด้วยความที่อยากเอาใจอีกฝ่าย สุดท้ายธารธาราก็ต้องกลั้นใจเดินออกมาจากมุมแต่งตัวด้วยท่าทางกระมิดกระเมี้ยน ทันใดนั้นลมหายใจของเธอก็ต้องสะดุด รู้สึกเหมือนร่างกายอ่อนระทวยจนเกือบลงไปกองกับพื้น เมื่อเหลือบไปเห็นคนที่นั่งเอาหลังพิงหัวเตียงโดยชันเข่าข้างหนึ่งขึ้น ส่งสายตาหวานฉ่ำมาให้ ในสภาพที่มีเสื้อเชิ้ตสีขาวติดกายแต่กระดุมกลับถูกเจ้าตัวปลดออกทั้งแถบ แผงอกล่ำๆ เปลื







