LOGINธารธารายังจำได้ดีว่าวันนั้นอีกฝ่ายตำหนิติเตียนเธอว่าอย่างไรบ้าง แต่ที่มันน่าเศร้าคือเขายังมองว่าเธอเป็นพวกผิดเพศ เห็นเป็นคนแปลกหน้า และวางตัวเหินห่าง ให้เธอสำนึกในใจว่าเขาเป็นเจ้านาย ส่วนเธอก็เป็นเพียงผู้ใต้บังคับบัญชาที่ต้องทำงานแลกเงินเดือนของตระกูลอภิมหาเศรษฐีของเขาเท่านั้น
“กูไม่คิดจะปรองดองกับมัน” ปรเมศประกาศอย่างชัดถ้อยชัดคำทำให้ธารธาราเม้มปากแน่น
“แม่ง! ขี้เก๊ก วางฟอร์ม เรื่องมากว่ะ”
“เรื่องของกู!”
“เออ…เรื่องของมึงก็เรื่องของมึงเถอะสัด ว่าแต่ไปกับหน่วยอาสาไม่กี่วันมีสภาพเป็นหมอเถื่อนเลยนะมึง แล้วรอยที่ปากนั่นไปกัดกับใครมาวะ” เห็นสถานการณ์ไม่ดีแทนไทเลยชวนเปลี่ยนเรื่อง
“คนเมาแล้วกร่างกูเลยจัดให้มันหายซ่า” ปรเมศเอ่ยมาดนิ่งๆ แต่แววตาดุดันเอาจริง เรียกได้ว่าเป็นผู้ชายพันธุ์ดิบตัวจริงเสียงจริง จนเพื่อนพากันส่ายหัว
“ถ้ากูไม่สนิทกับมึงคงไม่เชื่อแน่ว่า ท่านรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ทายาทอภิมหาเศรษฐีหมื่นล้าน ผู้มีบุคลิกสุขุมลุ่มลึกอย่างมึงจะบ้าดีเดือดขนาดนี้”
“นั่นดิ แม่งโคตรเถื่อนเลยว่ะ ไอ้หมอเถื่อน!” ดนัยเอ่ยเสริมอย่างเห็นด้วยเป็นที่สุด
ขณะที่สี่หนุ่มกำลังกินเหล้าและพูดคุยตอบโต้กันด้วยถ้อยคำหยาบๆ ตามประสาเพื่อน ก็มีสาวสวยแวะเวียนมาทอดสะพานให้ไม่ได้ขาด ส่วนธารธารานั้นเอาแต่นั่งจ้องหน้าปรเมศอย่างลืมตัว เธอยอมรับว่าแทบจะละสายตาจากอีกฝ่ายไม่ได้ จากหน้าขาวๆ สะอาดสะอ้านตามแบบฉบับลูกผู้ดีมีตระกูล พอมีหนวดมีเคราก็ดูคมเข้ม ดิบๆ ออกแนวแบดบอยชวนคลั่งไปอีกแบบ ยิ่งมองยิ่งทำให้เธอรู้สึกอิจฉาผู้หญิงทุกคนที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเขา
ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้ธารธาราไร้การควบคุม เอาแต่จ้องหน้าหล่อๆ ของปรเมศ แถมยังมองเพลินชนิดไม่กะพริบตา ลืมตัวจนโดนเขาตวาดใส่อีกครา
“เชี่ยเอ๊ย! เมื่อไหร่มึงจะหยุดมองกูวะ!”
“อ้าว...ไอ้นี่ สาวมองตาปรอยเข้าหน่อยทำเป็นปากหมาเชียวนะมึง”
ภูธฤทธิ์เอ่ยแซวอย่างยิ้มๆ ทว่าคนพาลกลับไม่สนใจจะตอบโต้ ปรเมศจ้องหน้าใสๆ ทว่าแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์เขม็ง แล้วเค้นเสียงกระด้างเจือดุดันคาดคั้น
“กูถาม…ตอบ!”
“กูไม่ได้มองมึงเสียหน่อย”
“มึงกวนตีนกูเหรอ! ก็เห็นๆ อยู่ว่ามึงจ้องหน้ากูตาไม่กะพริบ”
“อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย มึงไม่ได้หล่อโดนใจจนกูต้องมองตาไม่กะพริบเสียหน่อย คนที่กูมองคือไอ้ภูต่างหากล่ะ มันหล่อกว่ามึงตั้งเยอะ”
วาจาที่หลุดออกมาจากปากสีระเรื่อทำให้ปรเมศถึงกับขบกรามแน่น ตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่มมาไม่เคยมีผู้หญิงหน้าไหนกล้าตอกหน้าเขาแบบนี้มาก่อน
“เฮ้ยไอ้น้ำวันนี้มึงพูดดีว่ะ อยากกินอะไรจ๊ะ เดี๋ยวป๋าภูจัดให้”
ภูธฤทธิ์เปิดยิ้มกว้าง ยักคิ้วเป็นเชิงเย้ยปรเมศ ก่อนจะเดินมากอดคอธารธารา แล้วทำท่าเหมือนจะหยิกแก้มใสๆ หากไม่เหลือบไปเห็นสายตาแปลกๆ ทว่าชวนขนลุกของปรเมศเสียก่อน แต่กระนั้นก็ยังไม่วายเลิกคิ้วกวนๆ ให้อีกฝ่าย ก่อนจะยีผมนุ่มสลวย แล้วเดินผิวปากไปนั่งลงที่เดิม
“อย่าให้กูเห็นว่ามึงมองหน้ากูอีกนะ ไม่งั้นมึงเจอดีแน่” ปรเมศเค้นเสียงขุ่นคลั่กพร้อมชี้หน้าธารธาราอย่างเอาเรื่อง ทำให้ดนัยที่นั่งจิบเหล้าอยู่เงียบๆ อดสวนขึ้นด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้
“อ้าว…ไอ้เชี่ยนี่แม่งกัดไม่ปล่อยว่ะ ไอ้น้ำมันเป็นผู้หญิงนะโว้ย หัดให้เกียรติมันบ้าง”
“กูไม่เคยนับว่ามันเป็นผู้หญิง เพราะคงไม่มีผู้หญิงคนไหนออกมาเที่ยวกลางคืนกับผู้ชายเป็นฝูงแบบนี้หรอก ผู้หญิงดีๆ เขาไม่ทำกัน” วาจาแดกดันทำให้คนฟังนึกน้อยใจ
“ถ้ามึงยังไม่รู้จักกูดีพอก็อย่าตัดสินกูที่ภายนอก”
“กูจะตัดสิน แล้วมึงจะทำไม” ปรเมศลอยหน้ายียวน ขณะเอื้อมมือข้ามโต๊ะมาผลักไหล่บางแรงๆ อย่างหาเรื่อง ทำเอาธารธาราต้องเอนตัวหนี แล้วเอ่ยเสียงเรียบ
“น้ำว่าน้ำกลับก่อนดีกว่า”
สรรพนามที่เธอใช้แทนตัวเองกับเพื่อนของเขาทำให้ปรเมศเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ปนหงุดหงิด
“เฮอะ...น้ำอย่างนั้นเหรอ”
“ก็เออสิวะ กูจะบอกอะไรให้นะเว้ย ไอ้น้ำมันพูดไม่เพราะกับคนปากหมาอย่างมึงคนเดียวเท่านั้นแหละ ส่วนกับพวกกูมันแทนตัวเองว่าน้ำอย่างนั้น น้ำอย่างนี้” แทนไทเอ่ยอย่างเย้ยๆ
“พวกมึงไม่ขนลุกเหรอวะที่มันออกแนวหญิงขนาดนั้น”
“ขนลุกบ้าอะไรล่ะ น่ารักจะตาย เนอะคนสวย”
ขาดคำแทนไทก็หยิกแก้มธารธาราซึ่งนั่งข้างกันอย่างหยอกเอิน ขณะยักคิ้วให้ไอ้คนที่เอาแต่จ้องหน้าเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาไม่รู้หรอกว่าทำไมปรเมศถึงดูโกรธขึ้งให้เขานักหนา แต่เขาโคตรพอใจเป็นบ้าที่เห็นคนมาดนิ่งเก็บอารมณ์เก่งอย่างมันกำลังจะฟิวส์ขาด
เอ๊ะ! หรือว่าไอ้เมศมันจะแอบหึงไอ้น้ำ บ้าไปแล้ว! คนเกลียดกันแอบหึงกันได้ด้วยเหรอวะ
“หึ…” ปรเมศทำเสียงบางอย่างในลำคอ
“ทำไมวะ มึงอิจฉาพวกกูหรือไง”
“เรื่องอะไรกูต้องอิจฉาพวกมึง” หลังจากเอ่ยเป็นเชิงปฏิเสธเสียงแข็งๆ คนพาลก็หันไปเล่นงานธารธาราต่อ “ไหนมึงบอกจะกลับไง มานั่งบื้ออยู่ทำไม”
การถูกขับไล่คล้ายรังเกียจจนไม่อาจใช้อากาศหายใจร่วมกันทำให้ธารธาราหมดสิ้นความอดทน เจ้าของร่างเพรียวระหงตั้งท่าจะลุกขึ้นแต่กลับถูกแทนไทฉุดข้อมือกลมกลึงให้นั่งลงที่เดิม
“ไอ้เชี่ยเมศมึงหยุดขับไสไล่ส่งไอ้น้ำ แล้วมองมันเป็นเพื่อนซักวันได้ไหมวะ” ดนัยเอ่ยปรามอย่างนึกหมั่นไส้กับความร้ายกาจของไอ้เพื่อนตัวแสบที่สาดใส่ธารธาราไม่หยุดหย่อน
“ถ้ามันกินเหล้าชนะกูได้ กูจะยอมรับมันเป็นเพื่อน” พ่อหนุ่มพันธุ์ดิบประกาศกร้าว ก่อนจะหันไปเลิกคิ้วท้าทายธารธาราด้วยท่าทางโอหัง
“ว่าไง…กล้าไหมล่ะ ใครน็อกก่อนถือว่าแพ้”
“เอาเลยไอ้น้ำ ถ้าเมาจนกลับไม่ไหว เดี๋ยวไปนอนกับกู” วาจาที่หลุดออกมาจากปากภูธฤทธิ์ทำให้ปรเมศเผลอชักสีหน้า ก่อนจะเอ่ยเสียงกระด้างเจือดุดัน
“กูถามมันไม่ได้ถามมึง!”
“เออ…กูเสือกเองแหละ” ภูธฤทธิ์กระแทกเสียงใส่อย่างนึกหมั่นไส้ ทว่าแทนที่จะสนใจวาจาแดกดันที่หลุดออกมาจากปากเพื่อนซี้ ปรเมศกลับหันไปคาดคั้นเอาคำตอบจากธารธาราอีกครา
“ว่าไง…กล้าพอไหมล่ะ”
“เออ…กูรับคำท้า”
ความใจกล้าของธารธาราทำให้สามหนุ่มที่เหลือต่างร้องเฮลั่นด้วยความถูกใจ ก่อนจะเรียกให้เด็กในร้านเอาเหล้ามาเพิ่ม แล้วการดวลเหล้าก็เริ่มขึ้น
“มึงคงเอาชนะกูยากหน่อยนะ เพราะกับคนที่กูเกลียดกูมักจะสู้ไม่มีถอยอยู่แล้ว” ครั้นสลับกันซัดเหล้าเข้าปากได้ไม่กี่แก้วปรเมศก็เอ่ยข่มขวัญคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“กูก็สู้ไม่มีถอยเหมือนกันนั่นแหละ เพราะกูก็เกลียดมึงไม่ต่างจากที่มึงเกลียดกู”
วาจาที่หลุดออกมาจากปากธารธาราทำให้คนที่ถูกผู้หญิงตอกหน้าว่าเกลียดเป็นครั้งแรกชะงักเล็กน้อย นัยน์ตากระด้างขึ้น ก่อนจะปรับสีหน้าให้ราบเรียบไร้อารมณ์ ส่วนแทนไทนั้นถึงขั้นตบเข้าที่หน้าขาดังป้าบด้วยความสะใจ
“มันต้องอย่างนี้สิวะไอ้น้ำ”
จากนั้นทั้งคู่ก็ดวลเหล้ากันแก้วแล้วแก้วเล่า โดยไม่มีทีท่าว่าจะมีใครยอมแพ้ หรือน็อกกลางอากาศ ทำให้สามหนุ่มที่นั่งเป็นกรรมการต่างพากันลุ้นจนตัวโก่ง
“มองหน้ากูทำไม แดกเหล้าในแก้วมึงไป หรือว่าจะยกธงขาวยอมแพ้ก็บอกมาดีๆ” ปรเมศเอ่ยเสียงดุๆ หลังจากสังเกตหลายครั้งแล้วว่าก่อนที่จะกระดกเหล้าลงคอธารธารามักจะจ้องหน้าเขาตาไม่กะพริบ นัยน์ตาหวานหยาดเยิ้มที่ขัดกับบุคลิกห้าวๆ นั้นทำให้เขานึกหงุดหงิด
“เรื่องอะไรกูจะยอมแพ้คนร้ายกาจอย่างมึง”
ร่างระหงของคุณแม่ยังสาวแถมยังห้าวเป้งเกินหญิงก้าวมาหยุดลงตรงหน้าคนที่กำลังกอดอกหลับตานิ่งๆ อยู่ตรงม้านั่งยาวในสวนสวยข้างลานลอดรถ คลี่ยิ้มบางๆ แล้วไล้แก้มสากอย่างอ่อนโยน หลุดหัวเราะคิกเมื่อคนที่เผลอหลับชักได้สติครางงึมงำในลำคอคล้ายขัดใจ ครั้นเธอจะละมือห่างเขากลับคว้าเอาไว้ แล้วจูบหนักๆ ลงบนหลังมือนุ่ม แต่แค่นั้นดูเหมือนยังไม่สาแก่ใจ เพราะพ่อเจ้าประคุณทำให้เธอหลุดอุทานหน้าตื่นด้วยการฉุดร่างอ้อนแอ้นลงไปนั่งแหมะบนตักแกร่ง แล้วร้อยรัดเอวคอดกิ่วด้วยวงแขนอุ่นอย่างไม่กริ่งเกรงว่าใครจะมาเห็น ฟอด!!!“คิดถึงจังเลยทูนหัว”หลังจากกดจมูกลงหอมแก้มนวลปลั่งของเมียรักฟอดใหญ่ ชายที่ใครต่อใครต่างขนานนามว่าผู้ทรงอิทธิพลแห่งน่านน้ำอันดามันก็เอ่ยอย่างอ้อนๆ“ปี่ก็คิดถึงคุณค่ะ แต่ปล่อยก่อนได้ไหมคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า อายเขาตายเลย”เจ้าของใบหน้าร้อนจี๋ที่ไม่ได้พบหน้าสามีมาสามวันเต็มๆ เพราะเขาบินไปทำธุระด่วนที่ฮ่องกง กระซิบบอกเสียงหวาน แล้วละล่ำละลัก พลางขืนกายออกจากวงแขนล่ำด้วยท่าทีขัดเขิน “ฮื่อ…เห็นก็ช่างเขาสิจ๊ะ ก็ผมคิดถึงคุณนี่นา ลงจากเครื่องได้ก็ให้ไอ้ยุทธมาส่งหาคุณเลยนะ” นอกจากจะไม่ทำตามที่เธอต้องการ ค
ห้าปีผ่านไปชีวิตคู่ของจอมพลกับปิยฉัตรยังคงหวานชื่นไม่สร่างซา ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยมาถึงห้าปี เขาไม่เคยรักเธอน้อยลง เช่นเดียวกับเธอที่ไม่เคยรักเขาน้อยลงเช่นกัน ความรักของทั้งคู่ยังคงหวานฉ่ำอย่างไม่น่าเชื่อ แถมใครที่มีโอกาสได้เห็นสองสามีภรรยาแสดงความรักต่อกันก็ต่างอ้าปากค้าง เพราะคิดไม่ถึงว่าผู้ชายบุคลิกดิบเถื่อน เย็นชา ดุดัน และแข็งกระด้าง จะปากหวานและช่างเอาอกเอาใจเมียรักได้มากมายจนชวนทึ่ง เช่นเดียวกับปิยฉัตรที่ทำให้หลายคนซึ่งมีโอกาสได้เห็นบทบาทในฐานะเมียของจอมพล ไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงห้าวๆ ลุยๆ บุคลิกค่อนไปทางผู้ชายจะอ่อนหวาน และช่างเอาอกเอาใจสามีได้อย่างน่าอัศจรรย์ ที่สำคัญคือจอมพลรักและหลงเมียมากจนเป็นที่กล่าวขาน แต่ที่นอกเหนือไปกว่านั้นคือเขาหวงเธอเอามากๆ หวงแม้กระทั่งกับลูกชายและลูกสาวของตัวเอง “แม่จ๋า หนูปิ่นอยากนอนกับแม่” เด็กหญิงปีย์วรา อาศิระ หรือหนูปิ่น หนูน้อยวัยสี่ขวบเอ่ยออดอ้อน พลางซบหน้าที่ถอดพิมพ์มาจากผู้เป็นพ่อเด๊ะแต่ตาสวยเหมือนแม่ลงตรงอกอุ่น น้ำคำออเซาะของลูกสาวสุดสวาททำให้คนเป็นพ่อที่นั่งเหยียดขาพิงหลังกับหมอนชะงักมือที่กำลังเลื่อนอ่านงานผ่านห
จากนั้นยุทธนาก็เดินมาบอกบ่าวสาวว่าถึงเวลาเข้าหอแล้ว ซึ่งนั่นก็ทำให้ทั้งคณะฮาครืนอีกรอบเพราะคำแซวต่างๆ นานา ก่อนที่คู่บ่าวสาวจะไปยังห้องสวีทของโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา “ขอบใจหนูปี่มากนะที่ยอมอดทนกับลูกชายนิสัยเสียของป๊า ยอมให้อภัยไอ้คนใจหมาอย่างมัน และยอมกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันกับมัน ป๊าดีใจนะที่หนูยอมกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกัน ยินดีต้อนรับสู่อาศิระอย่างเป็นทางการนะลูก”เจ้าสัวทรงพลเอ่ยเสียงติดจะสั่นเครือด้วยความตื้นตัน เพราะท่านเฝ้ารอที่จะได้เห็นทั้งคู่ครองรักและแต่งงานกันแบบนี้มานานแล้ว จากนั้นคนแก่ก็เดินเข้าไปสวมกอดลูกสะใภ้ “ทีนี้ก็เรียกป๊าว่าป๊าได้แล้วนะ”“ขอบคุณมากค่ะป๊า”ปิยฉัตรพนมมือไหว้อย่างอ่อนช้อยในจังหวะที่อีกฝ่ายคลายอ้อมแขน แล้วถอยห่างออกไป นัยน์ตากลมโตทั้งสองข้างคลอเคล้าไปด้วยหยาดน้ำใสๆ เพราะซาบซึ้งใจเหลือคณา “ส่วนแกก็ทำตัวให้มันดีๆ ด้วยล่ะไอ้ตัวแสบ อย่าเกเรจนเมียทิ้งอีกเป็นอันขาดเข้าใจไหม ป๊ารักแกนะโว้ย”ขาดคำผู้เป็นพ่อก็ขยับเข้าไปสวมกอดลูกชาย ตบหลังอีกฝ่ายเบาๆ ในจังหวะที่เขาเอ่ยขอบคุณด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณครับป๊า ผมก็รักป๊าเช่นกันครับ” จากนั้นก็เป็นน้องกั
ต่อจากนั้นไม่ถึงหนึ่งเดือน งานแต่งของทั้งคู่ก็ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการ ทั้งที่ปิยฉัตรค้านหัวชนฝาแต่สามีจอมเอาแต่ใจกลับไม่ยอมท่าเดียว ดังนั้นเธอจึงแก้เผ็ดโดยการเป็นฝ่ายเลือกชุดบ่าวสาวเอง และบังคับว่าเขาจะต้องใส่ชุดที่เธอเลือกให้โดยไม่มีข้อแม้ และนั่นก็คือที่มาที่ทำให้งานแต่งของทั้งคู่เป็นที่กล่าวขานไปทั้งประเทศ อีกทั้งคนมางานก็ต่างฮาครืน ระเบิดเสียงหัวเราะ หรือถ้าเป็นผู้รากมากดีหน่อยก็จะกลั้นขำจนหน้าดำหน้าแดง ก็จะไม่ให้งานแต่งของทั้งคู่เป็นประเด็นทอร์คออฟเดอะทาวน์ได้ยังไง ในเมื่อชุดเจ้าสาวแต่เจ้าสาวไม่ได้ใส่ เช่นเดียวกับชุดเจ้าบ่าวแต่เจ้าบ่าวไม่ได้ใส่ นั่นก็เพราะปิยฉัตรบังคับให้ทั้งคู่สลับชุดกัน ซึ่งในคราแรกนั้นจอมพลออกอาการโวยลั่น แต่พอเจอเธอขึงตา และแหวใส่ว่าจะไม่แต่งเท่านั้นแหละ พ่อเจ้าประคุณก็ว่าง่ายขึ้นมาทันทีประหนึ่งโดนสะกดจิต จับให้แต่งหญิงทั้งหน้า วิกผม และสวมชุดเจ้าสาวหรูหราฟูฟ่องก็ไม่ปริปากบ่น น่ารักเสียจนเธอต้องหอมแก้มให้รางวัลคนทำหน้าเหยเกเพราะสุขล้นนั้นหลายต่อหลายครั้ง ส่วนเธอน่ะเหรอโคตรสบาย ได้สวมชุดเจ้าบ่าวเป็นทักซิโด้สีขาวถือว่าเข้าทางถนัด แต่พุงที่ยื่นออกมา
“แต่คุณก็ส่งข้อความมาได้นี่นา” “การส่งข้อความถึงคุณมันยิ่งทำให้ผมคิดถึงคุณ อยากได้ยินเสียง อยากเห็นหน้า อาการคิดถึงเมียของผมมันไม่ต่างจากอาการลงแดงนักหรอกทูนหัว” ที่สุดจอมพลก็สารภาพออกมาในสภาพโหนกแก้มแดงก่ำ มันชวนมองจนคนที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นยิ้มร่า ก่อนจะทำใจกล้ายื่นหน้าไปจูบแก้มสากเร็วๆ หนึ่งที และนั่นก็ทำเอาจอมพลถึงกับตาโต อ้าปากค้าง หัวใจพองฟูคับอก “ขอบคุณนะคะที่คิดถึงฉัน” เธอเอ่ยเสียงหวานหยดจนคนฟังใจสั่น ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในโรงพยาบาลคงได้หาทางปล้ำคนท้องให้หนำใจ และถ้ารู้ว่าแค่เจ็บตัวนิดๆ หน่อยๆ แล้วจะได้ความน่ารักจากเมียขนาดนี้เขายอมเจ็บตัวทั้งปี“ก็เมียทั้งคนนี่ครับ” น้ำคำสั้นๆ ง่ายๆ แต่ความหมายโคตรดี๊ดีทำเอาคนฟังอุ่นซ่านไปทั้งใจ ปิยฉัตรยิ้มจนแก้มปริ ดวงตายิบหยี ก่อนจะฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้ แต่นิ่งไปสักพักถึงได้เอ่ยออกมา“จะเป็นคุณพ่อลูกสองแล้ว ต้องรู้จักปล่อยวางรู้ไหมคะ อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ขอให้มันเป็นเพียงอดีต โดยเฉพาะเรื่องของแม่คุณ และเรื่องของอรอุมา ต่อให้ผู้หญิงทั้งโลกจะเลว แต่ขอให้คุณมั่นใจได้ว่าไม่ใช่ปี่ ปี่ไม่มีวันหักหลังหรือทรยศคุณ เหมือนอย่างที่แม่ของคุณแล
เขาบอกจะไปแค่เกือบหนึ่งเดือน แต่นี่เลยหนึ่งเดือนมาเป็นอาทิตย์แล้วพ่อของอีหนูในท้องก็ยังไม่โผล่มาให้เห็น ทำเอาว่าที่คุณแม่ซึ่งจะคลอดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้ากระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก เธอหมั่นเช็กข้อความมือถือที่พ่อของลูกมักจะส่งมาสัพยอกหยอกเย้าเป็นประจำ แต่กลับไม่มีแม้แต่ข้อความเดียวในรอบอาทิตย์ ที่แย่ไปกว่านั้นคือเขาไม่โทรมาหา พอเธอตัดสินใจเป็นฝ่ายติดต่อไปก็ปรากฏว่าติดต่อไม่ได้ ความกังวลและเป็นห่วงจอมพลสารพัดทำให้ปิยฉัตรไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร ทานข้าวก็ไม่ค่อยลง นอนก็ไม่หลับ ทั้งที่ตั้งแต่ท้องมาเธอคลั่งไคล้การกินและการนอนหนักเอามากๆ และสภาพเสื่อมโทรมคงไปเตะตาของเพื่อนรักอย่างธารธาราเข้า อีกฝ่ายถึงได้ทิ้งสามีมาชวนเธอไปหาอะไรอร่อยๆ ยัดลงท้องในช่วงหัวคำของสุดสัปดาห์ “ไปกันยังคะคุณแม่” ธารธาราเอ่ยเย้าเล็กๆ ครั้นเห็นเธอพยักหน้าเนือยๆ ก็ตั้งท่าจะไปช่วยถือของที่วางอยู่ข้างกายให้ ทว่ายังไม่ทันจะได้ไปไหนโทรทัศน์ซึ่งแขวนอยู่เหนือศีรษะก็มีการรายงานข่าวด่วนที่ทำให้ทั้งคู่นิ่งจังงัง ‘เครื่องบินของสายการบินดังของอเมริกาไถลออกนอกรันเวย์ ขณะกัปตันกำลังนำเครื่องลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้ผ







