ป๊อก!
"โอ๊ย! พรีมเจ็บนะ" นิ้วเรียวยาวดีดลงบนหน้าผากมนไม่เต็มแรงนัก แต่ก็พอให้คนตัวเล็กรู้สึกเจ็บและเป็นรอยแดง จนตาคู่คมไหววูบอย่างรู้สึกผิด ค่อยๆ เป่าเบาเบาตรงรอยแดงเป็นการไถ่โทษ "คิดเองเออเอง" เสียงทุ้มแอบบ่นคนบนตักแกร่งเบาเบาอย่างลืมตัว "..." "หึ" ทำตากลมโตมองตาขวางพองขนขู่จนทำให้ผมเริ่มรู้สึกกลัว รีบอธิบายเคลียร์ตัวเองแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าที่เธอเข้าใจทั้งหมด...ผมถูกเธอกล่าวหา ผมกับมินินเป็นเพียงเพื่อนสนิทกันเท่านั้นไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้ ที่ผ่านมาใช่ว่าผมกับเพื่อนจะไม่เคยได้ยินข่าวลือที่คนอื่นต่างจับคู่ให้เราสองคน และเป็นไอ้ตริติณที่ถือโอกาสนี้ใช้ผมเป็นไม้กันหมาไม่ให้ใครเข้ามาจีบน้องตัวเองได้ ซึ่งผมก็ปล่อยเลยตามเลยเพราะไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่ตอนนี้ ต่างจากตอนนั้น... "พี่ยังไม่มีแฟน" "แต่กำลังจะมี" "จิ๊ ปล่อยพรีมเดี๋ยวนี้เลย" แต่ดูเหมือนจะทำให้ลูกเสือโกรธมากกว่าเดิมสินะ สองแขนแกร่งจึงต้องออกแรงกระชับแขนกอดเธอให้แน่นขึ้น จนแทบอยากให้เธอละลายเข้าไปอยู่ในตัวจะได้ไม่หนีหายไปไหน "ไม่อยากรู้หรอว่าใคร" "เรื่องของพี่ค่ะ เพราะพรีมไม่ได้จีบพี่แล้ว" คนแสนงอนทำหน้าบึ้งตึงยืนกรานว่าเธอจะไม่ไปต่อ ฟอด "ไม่เป็นไร พี่จีบเอง" ผมจึงยืนยันว่าไม่มีทางปล่อยเธอไป และต่อจากนี้จะเป็นฝ่ายเข้าหาเธอเอง "พรีมก็จะไม่อยู่ให้พี่จีบแล้วค่ะ" ดูเหมือนว่าใครบางคนจะลืมว่าผมมีธุรกิจสายการบิน ถึงแม้ว่าจะเป็นของครอบครัว แต่อีกไม่กี่วันข้างหน้าผมก็กำลังจะเข้าไปบริหารเต็มตัว เพราะฉะนั้นสำหรับผม อเมริกาก็แค่ปากซอยเท่านั้นแหละ "..." "แค่อย่าให้ใครมาจีบก็พอ" คนตัวโตซบหน้าลงต้นแขนเล็กของคนน้องอย่างออดอ้อน "..." "ได้มั้ย" ก่อนจะถามย้ำด้วยน้ำเสียงงุ้งงิ้งเหมือนเด็กเอาแต่ใจไม่หลงเหลือความเย็นชาให้เห็น ส่งมือใหญ่ที่คอยลูบวนเอวบางเล่นออกแรงบีบเบาเบาเร่งรัดให้เธอตอบ ใช่! และคำตอบที่เขาอยากได้ยินมีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้น "อื้อ พรีมเจ็บนะ" "ถามไม่ตอบ" ริมฝีปากของคนเอาแต่ใจงับต้นแขนขาวด้วยความมันเขี้ยว แต่ลึกๆ ก็แอบทำโทษนิดหน่อย โทษฐานที่ไม่ยอมบอกกันสักนิดให้ผมได้มีเวลาวางแผนและเตรียมตัวกับเขาบ้าง "ไม่รับปากค่ะ" อื้อ คำตอบของเธอทำผมกัดฟันแน่น ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอแกล้งพูดเพื่อยั่วโมโห แต่ก็อดหงุดหงิดไม่ได้อยู่ดี เปลี่ยนจากนั่งกอดแน่นเป็นพลิกตัวร่างบางนอนลงบนโซฟาโดยมีผมตามลงไปประกบปากร้อนลงปากเชิดๆ จูบลงโทษคนแสนงอนที่เอาแต่พูดจาขัดใจกันไม่หยุด ยิ่งคิดว่าเธอจะไปจากกันผมก็ยิ่งดูดปากอวบอิ่มแรงมากขึ้น ยิ่งคิดว่าเธอจะยอมให้คนอื่นเข้ามาใกล้ ผมก็เผลอกัดปากเล็กเล็กจนกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในโพรงปากของเราสองคน ทำเสียงหวานร้องประท้วงด้วยเพราะเริ่มขาดอากาศหายใจ คนที่ตกอยู่ในสถานะคนง้อและคนที่ต้องตามจีบอย่างผมจึงต้องจำใจถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่งเปิดโอกาสให้คนตัวเล็กยกมือขึ้นมาบังปากหวานๆ ที่บวมเจ่อของตัวเองเอาไว้ พร้อมกับแอบออกคำสั่งที่หวังว่าผมจะต้องทำตาม "แค่จีบ ห้ามจูบค่ะ" ว่าที่แฟนเอาแต่ใจขนาดไหนยังไม่รู้อีกหรือไง จุ๊บ "ตอนพรีมจีบพี่ พี่ยังให้จูบ" ผมกดปากจูบผ่านฝ่ามือเล็กสบตากลมโตอย่างท้าทายอำนาจมืด ก่อนจะแกล้งทำหน้าใสซื่อเถียงออกไปตามความจริง ทีผมยังให้เธอจูบอยู่บ่อยๆ เลย จะว่าไปก็ทุกครั้งที่เจอกันนั่นแหละ ใจดีใช่มั้ยหล่ะ? แต่ดูเธอซิ...ใจร้ายชะมัด "พี่เลนส์!" และลูกเสือก็ติดกับดักพ่อเสืออย่างผม เผลอปล่อยมือออกจากปากเปิดโอกาสให้ผมฉกจูบปากหอมหวานได้อย่างง่ายดายอีกครั้ง และอีกครั้ง จุ๊บ "เกรี้ยวกราดจัง" "นิสัยไม่ดี" "หึ" ฟอด ฟอด "จิ๊" ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่าพี่เลนส์จะตีหน้ามึนได้ขนาดนี้ แถมยังเจ้าเล่ห์และกวนประสาทมากด้วย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโดนฉันวีนใส่เขาเลยไม่กล้าแสดงความเย็นชาออกมาให้เห็น หรือนี่คือตัวตนจริงๆ ที่เขาเก็บซ่อนมานานให้ฉันตายใจกันแน่ แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นแบบไหนก็ไม่เคยอ่อนโยนต่อใจดวงน้อยของฉันเลยสักนิด เป็นแบบนี้ ฉันจะใจแข็งได้นานเท่าไหร่กัน ไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้ก็กลับไปใจอ่อนย้วยเหมือนเดิมหรอกเหรอ ที่ฉันพูดว่าจะเป็นฝ่ายถอยเพราะว่าเหนื่อย ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ นะ ฉันหน่ะ...แค่อยากให้เขาแสดงออกว่าความรู้สึกของเราสองคนตรงกันบ้าง ชัดเจนขึ้นกว่านี้ ให้ฉันได้รู้สถานะของตัวเองว่าควรไปต่อหรือมูฟออนจากเขาสักที จะว่าไปถ้าสุดท้ายความรู้สึกเราไม่ตรงกัน เขาก็ไม่ผิดหรอกนะ ฉันแค่ไม่อยากค้างคาใจอยากเคลียร์ความรู้สึกตัวเองก่อนเดินทางเท่านั้นเอง "กลับไปเลยค่ะ พรีมง่วง" "ง่วงก็นอน เดี๋ยวพี่กล่อมเอง" เขาไม่เพียงแต่พูดแค่นั้น เพราะเขาพลิกตัวให้เราสองคนนอนตะแครงหันหน้าเข้าหากัน ให้ฉันนอนด้านในส่วนเขานอนด้านนอก มีแขนแกร่งให้ฉันหนุนแทนหมอน มือใหญ่จับศีรษะของฉันให้ซบเข้าแผงอกแกร่งพร้อมกับลูบผมหนาแผ่วเบา ส่วนมืออีกข้างก็ตบลงสะโพกมนราวกับกำลังกล่อมฉันให้หลับจริงๆ เขาเห็นฉันเป็นเด็กน้อยหรือยังไงกัน "เดินทางวันไหน" "วันที่พี่เลนส์รับปริญญา" เพราะทางมหาวิทยาลัยให้ไปรายงานตัวก่อนกำหนด ฉันจึงต้องเดินทางวันนั้น วันสำคัญของเขา "โอ๊ย! พรีมเจ็บ" เขาหยิกจมูกสวยๆ ของฉันอีกแล้ว เจ็บไปหมดแล้วนะ ขอหยิกคืนหน่อยเถอะ คิดได้แบบนั้นสองนิ้วเล็กก็แอบหยิกหน้าท้องแกร่งผ่านเสื้อเชิ้ตที่เขาใส่อยู่เต็มแรง แต่เหมือนทำอะไรเขาไม่ได้เลยสักนิด ไม่ยุติธรรมเลย "ไม่ถาม ก็ไม่บอก" "ก็พรีมไม่คิดว่าพี่จะอยากรู้นี่คะ" ถึงตอนนี้ฉันขอเถียงสู้สุดใจ จะว่าฉันเอาแต่ใจก็ช่าง "กินข้าวกับที่บ้านเสร็จ พี่ไปหา" คนตัวเล็กเงยหน้ามองคนตัวโตอย่างสงสัยโดยมีตาคู่คมมองอยู่ก่อน นี่เขาคิดว่าฉันไปเรียนที่ต่างจังหวัดหรือยังไงกันนะ พูดเหมือนขับรถเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ได้เห็นหน้ากัน แต่ก็ช่างเถอะ! อย่างน้อยก็ได้เห็นความใส่ใจของเขาบ้างแล้ว จะแกล้งให้หนักเลยคอยดู เพียงไม่นานเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนที่บอกว่าจะกล่อมกันก็ดังให้ได้ยินบ่งบอกว่าเขาหลับสนิท หลับก่อนฉันซะอีก ทำฉันไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวเลยสักนิดเพราะกลัวว่าเขาจะตื่น และคืนนี้เราสองคนก็ใช้โซฟาห้องนั่งเล่นนอนเบียดกันทั้งคืน ฉันหน่ะ ไม่เท่าไหร่หรอกมีทั้งแขนของเขาให้หนุนและกอดไว้แทนผ้าห่ม สงสารก็แต่เขาขายาวจนเลยโซฟาแบบนั้น คงจะเมื่อยน่าดูหลังจากที่ตัวเล็กเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ห้องที่ผมไม่สามารถเข้าไปด้วยได้ ทำได้เพียงแค่นั่งรออยู่หน้าประตูอย่างมีความหวัง พยายามเรียกสติของตัวเองกดโทรหาไอ้แฝดคนที่ผมคิดว่าเวลานี้น่าจะจัดการทุกอย่างแทนผมได้ ผมเล่าเหตุการณ์ให้แฝดฟังจนพอเข้าใจ และให้เป็นธุระไปส่งข่าวให้คุณพ่อคุณแม่ของพรีมทราบด้วยตัวเองจะได้คอยดูแลพวกท่าน รวมถึงจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินไฟล์ทที่เร็วที่สุดและที่พักในเครือใกล้โรงพยาบาล พาขึ้นเครื่องบินมาพร้อมกัน แน่นอนว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับตัวเล็กสร้างความตกใจให้ท่านทั้งสองคนมาก ยิ่งคุณแม่ด้วยแล้วถึงกับเป็นลมไปหลายรอบ จนไอ้ฟิล์มต้องขอให้ท่านทั้งสองคนพักอยู่ที่โรงแรม ก่อนที่มันจะมาหาผมด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกหน่วงในหัวใจ ที่เขาบอกว่า การมีพี่น้องฝาแฝด ความรู้สึกจะสื่อถึงกัน ถ้าอีกคนมีความสุข อีกคนจะสุขด้วย ถ้าอีกคนทุกข์ อีกคนก็ทุกข์ไม่ต่างกัน ผมว่าจริงนะ และเป็นแบบนี้ตลอดเวลาเกือบยี่สิบสี่ปี"ไอ้แฝด เป็นยังไงบ้างวะ""น้องยังไม่ฟื้น""มึงใจเย็นๆ" ไอ้ฟิล์มตบไหล่ปลอบใจเบาเบา ให้ผมพยายามตั้งสติ"กูว่า มึงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่าหว่ะ" เพราะผมอยู่ในชุดนี้มาเกือบสามวัน ต
"ฝนจะตก" "พี่กูอยู่ไทย" "กวนตีน" ทุกวันอาทิตย์ครอบครัวของผมจะต้องรวมตัวกันที่บ้านใหญ่ เพื่ออัพเดตเรื่องราวในช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกัน จิบชายามบ่ายเป็นเพื่อนมามี๊และน้องโฟ ตีกอล์ฟเป็นเพื่อนป๊า ปิดท้ายวันด้วยการกินมื้อเย็นด้วยกันพร้อมหน้าแน่นอนว่าพี่คนโตของบ้านอย่างผมต้องกลับมาทุกครั้งที่อยู่ไทยเป็นประจำอยู่แล้ว เพียงแต่ไอ้แฝดชอบกวนประสาทให้ผมด่าเล่นเท่านั้นแหละ "น้องโฟคิดถึงพี่เลนส์มากเลย" น้องสาวคนสวยวิ่งลงมาจากบันได โผลเข้ากอดคอผมอย่างออดอ้อน ทำผมเอ็นดูจนหันไปกดจมูกลงผมหนาเบาเบา "หึ พี่ก็คิดถึงน้องโฟ""แล้วพี่ละหมูอ้วน" "น้องโฟเจอพี่ฟิล์มบ่อยแล้วนี่นา" "หึ" "น่าน้อยใจมั้ย" เราสามคนพี่น้องนั่งคุยกันเรื่องทั่วๆ ไปที่ห้องนั่งเล่นระหว่างรอป๊าพามามี๊ลงมาจากห้องนอน ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนฟังไอ้แฝดถามน้องโฟมากกว่า น้องสาวของเราสองคนเป็นเด็กน่ารักมากแลพก็พูดเก่งมากเช่นกัน เธอเป็นเหมือนความสดใสของบ้านเราเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าคนที่จะมาดูแลน้องไปทั้งชีวิตจะต้องผ่านการคัดเลือกจากผมและไอ้ฟิล์มมาแล้ว คัดเลือกและดูความประพฤติมาตั้งแต่เด็กนั่นแหละ แต่ต้องขึ้นอยู่ว่าน้องจะยอมให้ดูแลด้วยรึป่
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่พี่เลนส์ทำงานอยู่ไทยเพราะสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาบินมาทำงานที่นี่และอยู่เป็นเพื่อนฉันแล้ว ตลอดระยะเวลาเกือบหกเดือนเจ้าของสายการบินอย่างเขาก็บินไปบินกลับระหว่างไทยกับอเมริกาเป็นว่าเล่น อยู่ไทยสองสัปดาห์ อีกสองสัปดาห์บินมาอเมริกาสลับไปอย่างนี้และช่วงเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาก็ไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกเหงาหรือว่าห่างกันเลยสักนิดถึงเวลาเราจะไม่ตรงกันเลยแต่เขาก็จะรอฉันตื่นแล้ววิดีโอคอลคุยกันทุกวัน บางวันถ้าฉันเข้านอนแล้วเขาก็ให้เปิดกล้องทิ้งไว้ส่วนเขาก็นั่งทำงานคอยมองฉันเงียบๆ ไม่ส่งเสียง"ไม่ใส่สร้อย?""พรีมกลัวตกหาย""กลัวคนรู้ว่ามีแฟน?""พบคนงอนหนึ่งอัตราแล้วน๊าา"อย่างตอนนี้ฉันกำลังแต่งตัวไปเรียนส่วนเขาก็กำลังเข้านอน แต่สั่งให้เปิดกล้องอยากจะดูว่าฉันใส่ชุดอะไรไปเรียนเรียบร้อยถูกใจเขาหรือเปล่า รู้สึกเหมือนมีสไตลิสต์ส่วนตัวคอยช่วยเลือกเสื้อผ้าให้เลย ที่สำคัญสิ่งที่ขาดไม่ได้และเขาจะงอแงทุกครั้งถ้าฉันไม่ใส่ก็คือสร้อยคอที่มีตัวย่อ 'PL' ชื่อของเราสองคนที่เขาให้เป็นของขวัญแสดงความยินดีที่ฉันสอบทุนได้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบหรือไม่อยากใส่หรอกนะ แต่เขาหน่ะชอบคิดไปไกล
"ตัวเล็ก" "คะ" แก้มนุ่มแดงราวกับลูกสตอเบอร์รี่พยายามหลบสายตาคู่คมที่มองไม่ห่าง"พี่ไม่อยากเป็นแฟนตัวเล็กแล้ว" ตากลมโตฉายความสงสัยปนความน้อยใจมาเห็นให้อย่างปิดไม่มิด ทั้งๆ ที่เขาพึ่งจูบสูบวิญญาณฉันไปแท้ๆ หน่ะหรอ"อยากเป็นผัวเลย" "ได้มั้ย" แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ความน้อยใจอยู่กับฉันนาน เสียงที่แหบพร่าบอกความต้องการของตัวเองพร้อมกับแววตาออดอ้อนแฝงความเอาแต่ใจจนทำให้ฉันรู้สึกหวามไหวมวนท้องไปหมดอยากจะมุดหนีไปจากตรงนี้ ติดตรงที่ใจดันคิดสวนทางกันนี่แหละ"เดี๋ยวก็ลบหนึ่งร้อยเลยนี่" ฉันเลยสู้โดยการเลียนแบบเขาที่จ้องแต่หาเรื่องมาหักคะแนนกัน ติดลบไปเลย ดูซิ! จะยังกล้าเล่นกับใจฉันอยู่มั้ย"ยอม"ปากร้อนฉกจูบลงมาที่ปากของฉันอีกครั้งโดยไม่รอให้ฉันอนุญาติเหมือนครั้งก่อน จูบของเขาครั้งนี้มันทั้งดูดดื่มทั้งเอาแต่ใจทั้งเจ้าเล่ห์คอยหลอกล่อให้ฉันเผลอไผลจนเขาสามารถรุกล้ำเข้ามาได้อย่างง่ายดายเขาพาฝูงผีเสื้อมาบินเล่นในร่างกายของฉัน"อะ อื้อ" ฉันไม่รู้ว่าเผลอตัวปล่อยใจไปกับรสจูบของเขานานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีเดรสตัวยาวที่ฉันใส่ก็ร่นขึ้นมากองอยู่บนหน้าท้องแบนราบ มือหนาลูบแผ่วเบาวนไปมาตามผิวเนียนลื่นบริเวณต้
"ทำไมมึงรีบบินจังวะ" "นัดลูกค้า" "นัดลูกค้า อาทิตย์หน้าไม่ใช่?""กูไม่ต้องเตรียมตัว?" "ปกติมึงไม่ไปล่วงหน้านานขนาดนี้" ไอ้แฝดพูดถูก ปกติถ้ามีงานผมจะบินไปล่วงหน้าอย่างมากคือสองวันเพราะมีเรียน แต่ตอนนี้ผมเรียนจบแล้ว และมีใครบางคนรออยู่ที่นั่นผมจึงรีบเดินทางไปตามที่รับปากเธอเอาไว้ วันนี้เลยให้แฝดทำหน้าที่เป็นคนขับรถพาผมมาส่งที่สนามบิน แต่ก็ลืมคิดไปว่า...ไอ้ฟิล์มมันพูดมาก เลยเลือกเปิดเพลงที่เราชอบเหมือนกันคลอเบาเบาเป็นการบอกทางอ้อมให้น้องรักหยุดพูด ซึ่งก็ได้ผลเพราะตอนนี้ไอ้แฝดกำลังร้องเพลงสบายอารมณ์ไปพร้อมกับเพลงที่เปิดให้ได้ยิน"ถึงแล้วแชทบอก" "ครับคุณน้องชาย" "ค่อยว่านอนสอนง่ายสมกับเป็นแฝดกูหน่อย" ไม่รู้ไอ้ฟิล์มมันกวนตีนเหมือนใคร? ผมใช้เวลากว่ายี่สิบชั่วโมงบนเครื่องบินที่มีที่นั่งส่วนตัวของผมโดยเฉพาะสามารถปิดที่กั้นเป็นห้องมีทีวีและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและปรับที่นั่งเป็นที่นอนได้สบายเลยทำให้ผมได้พักสายตาเต็มอิ่ม มีแรงพอพาเธอไปเดินเที่ยวได้ทันทีที่ไปถึงส่วนที่พัก ผมก็แอบเช่าห้องฝั่งตรงข้ามห้องของเธอเอาไว้แบบไม่มีกำหนดโดยที่เธอไม่รู้ เพราะเธอยื่นคำขาดไม่ให้ผมนอนห้องเดียวกั
ป๊อก!"โอ๊ย! พรีมเจ็บนะ" นิ้วเรียวยาวดีดลงบนหน้าผากมนไม่เต็มแรงนัก แต่ก็พอให้คนตัวเล็กรู้สึกเจ็บและเป็นรอยแดง จนตาคู่คมไหววูบอย่างรู้สึกผิด ค่อยๆ เป่าเบาเบาตรงรอยแดงเป็นการไถ่โทษ"คิดเองเออเอง" เสียงทุ้มแอบบ่นคนบนตักแกร่งเบาเบาอย่างลืมตัว"..." "หึ" ทำตากลมโตมองตาขวางพองขนขู่จนทำให้ผมเริ่มรู้สึกกลัว รีบอธิบายเคลียร์ตัวเองแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าที่เธอเข้าใจทั้งหมด...ผมถูกเธอกล่าวหา ผมกับมินินเป็นเพียงเพื่อนสนิทกันเท่านั้นไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้ ที่ผ่านมาใช่ว่าผมกับเพื่อนจะไม่เคยได้ยินข่าวลือที่คนอื่นต่างจับคู่ให้เราสองคน และเป็นไอ้ตริติณที่ถือโอกาสนี้ใช้ผมเป็นไม้กันหมาไม่ให้ใครเข้ามาจีบน้องตัวเองได้ ซึ่งผมก็ปล่อยเลยตามเลยเพราะไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่ตอนนี้ ต่างจากตอนนั้น..."พี่ยังไม่มีแฟน""แต่กำลังจะมี" "จิ๊ ปล่อยพรีมเดี๋ยวนี้เลย" แต่ดูเหมือนจะทำให้ลูกเสือโกรธมากกว่าเดิมสินะ สองแขนแกร่งจึงต้องออกแรงกระชับแขนกอดเธอให้แน่นขึ้น จนแทบอยากให้เธอละลายเข้าไปอยู่ในตัวจะได้ไม่หนีหายไปไหน"ไม่อยากรู้หรอว่าใคร" "เรื่องของพี่ค่ะ เพราะพรีมไม่ได้จีบพี่แล้ว" คนแสนงอนทำหน้าบึ้งตึงยืนกรานว่าเธอ