"ใยไหม แกหาของขวัญให้พี่ภัทรยัง"
"ของขวัญ?" "อ่าฮะ" "หาทำไมอะ" "เอ้า! ก็สัปดาห์หน้าพี่รหัสของเราสองคนรับปริญญาแล้วนะ" "จริงด้วย ฉันลืมไปเลย" "แต่ไม่ให้หรอก เปลืองเงิน" ใยไหมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วยกแก้วมัทฉะโคโคนัทขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ "ว่าแต่แกเถอะ หาหรือยัง" "แน่นอนสิ" เป็นเสื้อเชิ้ตสีดำธรรมดาแต่เป็นแบรนด์โปรดของเขา ไว้ให้เขาใส่ไปทำงานยังไงหล่ะ "ป่านนี้คะแนนแกเต็มพันแล้วมั้ง" ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีหน่ะสิ "เว่อมาก ติดลบละสิไม่ว่า" เขาหน่ะ เล่นหาเรื่องหักคะแนนฉันสามเวลาหลังอาหารเลย เท่านั้นยังไม่พอเพราะนอกจากจะลบครั้งละยี่สิบสามสิบแล้ว คุณเขาก็บวกคะแนนให้นะ ให้ทีละครึ่งคะแนนอย่างมากที่สุดคือสองคะแนน ทำเอาใจฉันห่อเหี่ยวถึงทุกวันนี้ "แล้วแกบอกพี่เขาหรือยัง เรื่องทุนแลกเปลี่ยนหน่ะ" "ยังเลย หาโอกาสไม่ได้เลยอะ" เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้ฉันรู้สึกหน่วงในหัวใจมาหลายวัน มันทั้งรู้สึกดีใจที่ได้ทำตามความฝันของตัวเอง แต่มันก็เศร้ามากเหมือนกันที่จะไม่ได้เจอเขาเป็นปีเลย ยิ่งเขาเรียนจบและต้องเข้าไปบริหารบริษัทเต็มตัวด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เรื่องของฉันกับเขาต่อจากนี้มืดลงทุกที ไทม์โซนก็คนละเวลา โอกาสที่ฉันจะทำคะแนนต่อนั้นมีน้อยมาก เรื่องเจอหน้าหน่ะเหรอ ปัดทิ้งไปได้เลย เฮ้อ...ยิ่งคิด ก็ยิ่งกลุ้ม "ฉันว่าแกควรจะรีบบอกพี่เขานะ" "ถ้าพี่เขาไม่รู้สึกกับแก เขาคงไม่เทียวไปเทียวมาให้แกจีบเขาหรอก" มาแกล้งหาเรื่องจับผิดฉัน แล้วเอาไปหักคะแนนละสิไม่ว่า "ยังไม่อยากกลับเลยอ่ะ" "ไปเดินดูของกันมั้ยละ เผื่อมีที่แกอยากซื้อให้พี่ภัทร" "ก็ได้ แต่ดูของฉันนะ ไม่ได้ซื้อให้เขา" "ตามใจ ไปกัน" ฉันกับใยไหมจูงมือกันเดินไปร้านนั้นดูร้านนี้ตามประสาผู้หญิง แต่ร้านที่ทำให้เราสองคนใช้เวลานานที่สุดคงจะเป็นร้านเครื่องสำอางร้านนี้นี่แหละ ทำเอาสองมือของฉันกับเพื่อนเต็มไปด้วยสีลิปและบลัชออนคอลเลคชั่นล่าสุดเกือบครบทุกเฉดเชียวละ สวยทุกสีจนเลือกไม่ถูก เพราะงั้นฉันเลยตัดปัญหาโดยการไม่ซื้อ "เวลาหมดเร็วชะมัดเลย" "นั่นสิ เสียดายเนอะ" มองนาฬิกาอีกทีก็เกือบหนึ่งทุ่มแล้วถึงเวลาต้องแยกย้ายกันกลับ ใยไหมบอกว่ามีรถมารับ ส่วนฉันก็พาตัวเองเดินไปยืนรอตรงร้านกาแฟเพื่อเรียกรถกลับ เพราะมือเต็มไปด้วยถุงช้อปปิ้งขืนกลับรถไฟฟ้ามีหวังแขนได้หลุดออกจากบ่าแน่ แต่แล้วสิ่งที่ฉันไม่เคยเตรียมใจเผื่อไว้เลยตลอดเกือบสองปีที่ผ่านมา ใช่ว่าฉันจะไม่รู้ว่าเขาฮอตมากให้รั้วมหาวิทยาลัยแต่ที่ฉันเคยเห็นเขาจะปฏิเสธผู้หญิงทุกคนที่เข้าหา และไม่เคยยิ้มให้ใครแบบนี้เลยสักครั้ง มีก็แต่กับคู่ชิปตั้งแต่มัธยมของเขาคนนี้ 'พี่มินิน' หรือข่าวลือที่ฉันเคยได้ยินมาตลอดหลายปีจะเป็นเรื่องจริง เขาสองคนไม่ใช่แค่คู่ชิปแต่คือคู่จริงแค่ไม่เปิดตัวจะรู้กันเฉพาะคนสนิทเท่านั้น คงมีแต่ฉันที่โลกสวยคิดว่าเขาสองคนเป็นเพื่อนสนิทกัน ยังดื้อดึงไปขอจีบเขาอีก น่าตลกชะมัด! คนหนึ่งก็สวยมากๆ อีกคนก็หล่อเท่ดูเหมาะสมกันสุดๆ ยิ่งเวลาเดินคล้องแขนคู่กันอย่างนี้ยิ่งดูน่ารักมากๆ เลย อย่างนี้สินะ ฉันถึงจีบเขาไม่ติดสักที 'เจ็บ' เขารู้สึกกันแบบนี้นี่เอง อยากจะหายตัวไปจากตรงนี้จัง แต่เหมือนว่าจะไม่ทันซะแล้วสิ พี่มินินดันเหลือบมาเห็นฉันเข้าแล้ว และกำลังดึงแขนใครบางคนเดินตรงมาหาฉันด้วย "น้องพรีม" "สวัสดีค่ะพี่มินิน" เชื่อเถอะ! ถ้ามีกระจกและมองเห็นหน้าตัวเองตอนนี้คงดูตลกมากแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็พยายามยิ้มอย่างมีมารยาท เพราะยังไงพี่มินินก็เป็นรุ่นพี่ที่น่ารัก แถมเมื่อตอนที่ได้ร่วมงานกันพี่มินินก็ดูแลฉันดีมากๆ ด้วย "มาช้อปปิ้งหรอจ๊ะ" "ค่ะ" จนถึงตอนนี้ฉันยังไม่กล้ามองตาเขาเลย กลัวใจตัวเองจะเก็บอาการไม่อยู่ กลัวน้ำตาจะไหลออกมา ได้แต่ยืนบีบมือตัวเองเงียบๆ ภายใต้รอยยิ้มที่พยายามปกปิดทุกอย่างเอาไว้ "มาคนเดียวหรอ" "ใยไหมเพิ่งกลับไปค่ะ" "แล้วน้องพรีมกลับยังไงจ๊ะ ให้เลนส์ไปส่งมั้ย" "อะ เอ่อ พรีมเรียกรถแล้วค่ะ" ฉันชูหน้าจอมือถือให้พี่มินินดู อย่างน้อยวันนี้โชคยังเข้าข้างกันบ้างเพราะไรเดอร์ส่งข้อความมาบอกว่าถึงแล้วพอดี ฉันเลยถือโอกาสนี้บอกลาพี่มินินและรีบพาตัวเองวิ่งออกมาจากสถานการณ์นี้ให้ดูเหมือนว่ารีบวิ่งมาขึ้นรถอย่างไงอย่างงั้น lens.lff : ถึงแล้วโทรหาด้วย ใครเขาอยากจะโทรไปหากัน! คนตัวเล็กเก็บมือถือลงกระเป๋าสะพายไม่อยากจะสนใจหรือคุยกับใครตอนนี้ ใจมันยังไม่พร้อม ไม่พร้อมรับความจริงตอนนี้ แกร๊ก! "..." ร่างบางบนโซฟากันมามองตามเสียงประตูที่ถูกเปิดเข้ามาอย่างถือวิสาสะ "ทำอะไร" ผมถามคนนั่งเงียบที่ไม่แม้แต่จะทักทายกันตั้งแต่เมื่อช่วงหัวค่ำ "ดูซีรีย์ค่ะ" "ถึงแล้วทำไมไม่โทรหา" ถ้าตอบว่าไม่เห็นข้อความจะฟาดก้นให้สักที เพราะข้อความถูกอ่านแล้ว "ไม่อยากโทรค่ะ" เธอตอบไม่เต็มเสียงนัก ก่อนจะสะบัดหน้าหนีกลับไปดูซีรีย์ที่เปิดค้างไว้ ท่าทางแบบนี้คงไม่ใช่แค่งอน แต่เธอโกรธผม "เป็นอะไร" "..." ผมเดินไปนั่งตรงโซฟาข้างคนหน้าบึ้งตึงจัดการช้อนตัวเธอขึ้นมานั่งซ้อนบนตักแกร่งพร้อมกับใช้สองแขนกอดเอวล็อคแขนเล็กไว้แน่นไม่มีทางให้เธอหนี แน่นอนว่าเธอขัดขืนขยับดิ้นไปดิ้นมาจนอะไรต่อมิอะไรบดเบียดกันทำอารมณ์ผมว้าวุ่นไปหมด ฟอด "พี่ถาม" "พี่เลนส์อย่ามายุ่งกับพรีมได้มั้ยคะ" "หมายความว่าไง" คิ้วเข้มขมวดเป็นปมแน่น เขาขับรถวนกลับมาหาไม่ได้ต้องการที่จะมาได้ยินคำพูดไม่เข้าหูแบบนี้ วันนี้ผมชวนมินินให้ไปช่วยเลือกของขวัญเป็นเพื่อน ของขวัญแสดงความยินดีที่ตัวเล็กสอบทุนแลกเปลี่ยนได้ ใช่...ผมรู้ และรอให้เธอเป็นฝ่ายบอกผมเอง แต่ก็ไม่ยอมบอกสักที ด้วยความที่มินินตื่นเต้นไปกับความลับของผมจนไม่ระวังทำให้ข้อเท้าพลิกเพราะตกส้นสูงห้านิ้วที่ชอบใส่ ผมในฐานะเพื่อนและเป็นคนชวนมินินมาทำธุระให้ก็ต้องรับผิดชอบโดยการให้ยืมแขนเป็นที่พยุงเวลาเดิน จนบังเอิญเจอคนตัวเล็กหน้าร้านกาแฟนั่นแหละ "หมายความตามที่พูด พรีมไม่อยากจีบพี่แล้ว เพราะงั้น..." "ทำไม" ไม่รอให้เธอพูดไม่เข้าหูต่อ พยายามถามหาเหตุผลอย่างใจเย็นทั้งที่ข้างในมันร้อนรนจนลุกเป็นไฟ แต่ถ้าเดาไม่ผิดอาการที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้คือ 'หึง' ผมกับเพื่อน และคงจะเข้าใจผิดจนคิดไปไกล "พรีมเหนื่อย ไม่อยากจีบแล้ว" อืม นึกอยากจะจีบก็ขอจีบ พอโกรธไม่พอใจก็ไม่อยากจีบ 'หึ' ได้เห็นดีกันแน่ครับน้องพรีม! "แค่นี้จะยอมแพ้?" มุมปากได้รูปยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ถามคนที่ยังไม่รู้ตัวว่าภัยกำลังใกล้เข้ามา "พี่เลนส์ไม่เคยรักใคร ไม่รู้หรอกค่ะว่าพรีมรู้สึกยังไง" "รู้ได้ยังไง?" "อ่อ ลืมไปค่ะ ต้องบอกว่าพี่เลนส์มีแฟนแล้ว ไม่..." "ใครมีแฟน" "ก็พี่เลนส์ไงคะ"หลังจากที่ตัวเล็กเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ห้องที่ผมไม่สามารถเข้าไปด้วยได้ ทำได้เพียงแค่นั่งรออยู่หน้าประตูอย่างมีความหวัง พยายามเรียกสติของตัวเองกดโทรหาไอ้แฝดคนที่ผมคิดว่าเวลานี้น่าจะจัดการทุกอย่างแทนผมได้ ผมเล่าเหตุการณ์ให้แฝดฟังจนพอเข้าใจ และให้เป็นธุระไปส่งข่าวให้คุณพ่อคุณแม่ของพรีมทราบด้วยตัวเองจะได้คอยดูแลพวกท่าน รวมถึงจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินไฟล์ทที่เร็วที่สุดและที่พักในเครือใกล้โรงพยาบาล พาขึ้นเครื่องบินมาพร้อมกัน แน่นอนว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับตัวเล็กสร้างความตกใจให้ท่านทั้งสองคนมาก ยิ่งคุณแม่ด้วยแล้วถึงกับเป็นลมไปหลายรอบ จนไอ้ฟิล์มต้องขอให้ท่านทั้งสองคนพักอยู่ที่โรงแรม ก่อนที่มันจะมาหาผมด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกหน่วงในหัวใจ ที่เขาบอกว่า การมีพี่น้องฝาแฝด ความรู้สึกจะสื่อถึงกัน ถ้าอีกคนมีความสุข อีกคนจะสุขด้วย ถ้าอีกคนทุกข์ อีกคนก็ทุกข์ไม่ต่างกัน ผมว่าจริงนะ และเป็นแบบนี้ตลอดเวลาเกือบยี่สิบสี่ปี"ไอ้แฝด เป็นยังไงบ้างวะ""น้องยังไม่ฟื้น""มึงใจเย็นๆ" ไอ้ฟิล์มตบไหล่ปลอบใจเบาเบา ให้ผมพยายามตั้งสติ"กูว่า มึงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่าหว่ะ" เพราะผมอยู่ในชุดนี้มาเกือบสามวัน ต
"ฝนจะตก" "พี่กูอยู่ไทย" "กวนตีน" ทุกวันอาทิตย์ครอบครัวของผมจะต้องรวมตัวกันที่บ้านใหญ่ เพื่ออัพเดตเรื่องราวในช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกัน จิบชายามบ่ายเป็นเพื่อนมามี๊และน้องโฟ ตีกอล์ฟเป็นเพื่อนป๊า ปิดท้ายวันด้วยการกินมื้อเย็นด้วยกันพร้อมหน้าแน่นอนว่าพี่คนโตของบ้านอย่างผมต้องกลับมาทุกครั้งที่อยู่ไทยเป็นประจำอยู่แล้ว เพียงแต่ไอ้แฝดชอบกวนประสาทให้ผมด่าเล่นเท่านั้นแหละ "น้องโฟคิดถึงพี่เลนส์มากเลย" น้องสาวคนสวยวิ่งลงมาจากบันได โผลเข้ากอดคอผมอย่างออดอ้อน ทำผมเอ็นดูจนหันไปกดจมูกลงผมหนาเบาเบา "หึ พี่ก็คิดถึงน้องโฟ""แล้วพี่ละหมูอ้วน" "น้องโฟเจอพี่ฟิล์มบ่อยแล้วนี่นา" "หึ" "น่าน้อยใจมั้ย" เราสามคนพี่น้องนั่งคุยกันเรื่องทั่วๆ ไปที่ห้องนั่งเล่นระหว่างรอป๊าพามามี๊ลงมาจากห้องนอน ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนฟังไอ้แฝดถามน้องโฟมากกว่า น้องสาวของเราสองคนเป็นเด็กน่ารักมากแลพก็พูดเก่งมากเช่นกัน เธอเป็นเหมือนความสดใสของบ้านเราเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าคนที่จะมาดูแลน้องไปทั้งชีวิตจะต้องผ่านการคัดเลือกจากผมและไอ้ฟิล์มมาแล้ว คัดเลือกและดูความประพฤติมาตั้งแต่เด็กนั่นแหละ แต่ต้องขึ้นอยู่ว่าน้องจะยอมให้ดูแลด้วยรึป่
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่พี่เลนส์ทำงานอยู่ไทยเพราะสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาบินมาทำงานที่นี่และอยู่เป็นเพื่อนฉันแล้ว ตลอดระยะเวลาเกือบหกเดือนเจ้าของสายการบินอย่างเขาก็บินไปบินกลับระหว่างไทยกับอเมริกาเป็นว่าเล่น อยู่ไทยสองสัปดาห์ อีกสองสัปดาห์บินมาอเมริกาสลับไปอย่างนี้และช่วงเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาก็ไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกเหงาหรือว่าห่างกันเลยสักนิดถึงเวลาเราจะไม่ตรงกันเลยแต่เขาก็จะรอฉันตื่นแล้ววิดีโอคอลคุยกันทุกวัน บางวันถ้าฉันเข้านอนแล้วเขาก็ให้เปิดกล้องทิ้งไว้ส่วนเขาก็นั่งทำงานคอยมองฉันเงียบๆ ไม่ส่งเสียง"ไม่ใส่สร้อย?""พรีมกลัวตกหาย""กลัวคนรู้ว่ามีแฟน?""พบคนงอนหนึ่งอัตราแล้วน๊าา"อย่างตอนนี้ฉันกำลังแต่งตัวไปเรียนส่วนเขาก็กำลังเข้านอน แต่สั่งให้เปิดกล้องอยากจะดูว่าฉันใส่ชุดอะไรไปเรียนเรียบร้อยถูกใจเขาหรือเปล่า รู้สึกเหมือนมีสไตลิสต์ส่วนตัวคอยช่วยเลือกเสื้อผ้าให้เลย ที่สำคัญสิ่งที่ขาดไม่ได้และเขาจะงอแงทุกครั้งถ้าฉันไม่ใส่ก็คือสร้อยคอที่มีตัวย่อ 'PL' ชื่อของเราสองคนที่เขาให้เป็นของขวัญแสดงความยินดีที่ฉันสอบทุนได้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบหรือไม่อยากใส่หรอกนะ แต่เขาหน่ะชอบคิดไปไกล
"ตัวเล็ก" "คะ" แก้มนุ่มแดงราวกับลูกสตอเบอร์รี่พยายามหลบสายตาคู่คมที่มองไม่ห่าง"พี่ไม่อยากเป็นแฟนตัวเล็กแล้ว" ตากลมโตฉายความสงสัยปนความน้อยใจมาเห็นให้อย่างปิดไม่มิด ทั้งๆ ที่เขาพึ่งจูบสูบวิญญาณฉันไปแท้ๆ หน่ะหรอ"อยากเป็นผัวเลย" "ได้มั้ย" แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ความน้อยใจอยู่กับฉันนาน เสียงที่แหบพร่าบอกความต้องการของตัวเองพร้อมกับแววตาออดอ้อนแฝงความเอาแต่ใจจนทำให้ฉันรู้สึกหวามไหวมวนท้องไปหมดอยากจะมุดหนีไปจากตรงนี้ ติดตรงที่ใจดันคิดสวนทางกันนี่แหละ"เดี๋ยวก็ลบหนึ่งร้อยเลยนี่" ฉันเลยสู้โดยการเลียนแบบเขาที่จ้องแต่หาเรื่องมาหักคะแนนกัน ติดลบไปเลย ดูซิ! จะยังกล้าเล่นกับใจฉันอยู่มั้ย"ยอม"ปากร้อนฉกจูบลงมาที่ปากของฉันอีกครั้งโดยไม่รอให้ฉันอนุญาติเหมือนครั้งก่อน จูบของเขาครั้งนี้มันทั้งดูดดื่มทั้งเอาแต่ใจทั้งเจ้าเล่ห์คอยหลอกล่อให้ฉันเผลอไผลจนเขาสามารถรุกล้ำเข้ามาได้อย่างง่ายดายเขาพาฝูงผีเสื้อมาบินเล่นในร่างกายของฉัน"อะ อื้อ" ฉันไม่รู้ว่าเผลอตัวปล่อยใจไปกับรสจูบของเขานานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีเดรสตัวยาวที่ฉันใส่ก็ร่นขึ้นมากองอยู่บนหน้าท้องแบนราบ มือหนาลูบแผ่วเบาวนไปมาตามผิวเนียนลื่นบริเวณต้
"ทำไมมึงรีบบินจังวะ" "นัดลูกค้า" "นัดลูกค้า อาทิตย์หน้าไม่ใช่?""กูไม่ต้องเตรียมตัว?" "ปกติมึงไม่ไปล่วงหน้านานขนาดนี้" ไอ้แฝดพูดถูก ปกติถ้ามีงานผมจะบินไปล่วงหน้าอย่างมากคือสองวันเพราะมีเรียน แต่ตอนนี้ผมเรียนจบแล้ว และมีใครบางคนรออยู่ที่นั่นผมจึงรีบเดินทางไปตามที่รับปากเธอเอาไว้ วันนี้เลยให้แฝดทำหน้าที่เป็นคนขับรถพาผมมาส่งที่สนามบิน แต่ก็ลืมคิดไปว่า...ไอ้ฟิล์มมันพูดมาก เลยเลือกเปิดเพลงที่เราชอบเหมือนกันคลอเบาเบาเป็นการบอกทางอ้อมให้น้องรักหยุดพูด ซึ่งก็ได้ผลเพราะตอนนี้ไอ้แฝดกำลังร้องเพลงสบายอารมณ์ไปพร้อมกับเพลงที่เปิดให้ได้ยิน"ถึงแล้วแชทบอก" "ครับคุณน้องชาย" "ค่อยว่านอนสอนง่ายสมกับเป็นแฝดกูหน่อย" ไม่รู้ไอ้ฟิล์มมันกวนตีนเหมือนใคร? ผมใช้เวลากว่ายี่สิบชั่วโมงบนเครื่องบินที่มีที่นั่งส่วนตัวของผมโดยเฉพาะสามารถปิดที่กั้นเป็นห้องมีทีวีและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและปรับที่นั่งเป็นที่นอนได้สบายเลยทำให้ผมได้พักสายตาเต็มอิ่ม มีแรงพอพาเธอไปเดินเที่ยวได้ทันทีที่ไปถึงส่วนที่พัก ผมก็แอบเช่าห้องฝั่งตรงข้ามห้องของเธอเอาไว้แบบไม่มีกำหนดโดยที่เธอไม่รู้ เพราะเธอยื่นคำขาดไม่ให้ผมนอนห้องเดียวกั
ป๊อก!"โอ๊ย! พรีมเจ็บนะ" นิ้วเรียวยาวดีดลงบนหน้าผากมนไม่เต็มแรงนัก แต่ก็พอให้คนตัวเล็กรู้สึกเจ็บและเป็นรอยแดง จนตาคู่คมไหววูบอย่างรู้สึกผิด ค่อยๆ เป่าเบาเบาตรงรอยแดงเป็นการไถ่โทษ"คิดเองเออเอง" เสียงทุ้มแอบบ่นคนบนตักแกร่งเบาเบาอย่างลืมตัว"..." "หึ" ทำตากลมโตมองตาขวางพองขนขู่จนทำให้ผมเริ่มรู้สึกกลัว รีบอธิบายเคลียร์ตัวเองแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าที่เธอเข้าใจทั้งหมด...ผมถูกเธอกล่าวหา ผมกับมินินเป็นเพียงเพื่อนสนิทกันเท่านั้นไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้ ที่ผ่านมาใช่ว่าผมกับเพื่อนจะไม่เคยได้ยินข่าวลือที่คนอื่นต่างจับคู่ให้เราสองคน และเป็นไอ้ตริติณที่ถือโอกาสนี้ใช้ผมเป็นไม้กันหมาไม่ให้ใครเข้ามาจีบน้องตัวเองได้ ซึ่งผมก็ปล่อยเลยตามเลยเพราะไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่ตอนนี้ ต่างจากตอนนั้น..."พี่ยังไม่มีแฟน""แต่กำลังจะมี" "จิ๊ ปล่อยพรีมเดี๋ยวนี้เลย" แต่ดูเหมือนจะทำให้ลูกเสือโกรธมากกว่าเดิมสินะ สองแขนแกร่งจึงต้องออกแรงกระชับแขนกอดเธอให้แน่นขึ้น จนแทบอยากให้เธอละลายเข้าไปอยู่ในตัวจะได้ไม่หนีหายไปไหน"ไม่อยากรู้หรอว่าใคร" "เรื่องของพี่ค่ะ เพราะพรีมไม่ได้จีบพี่แล้ว" คนแสนงอนทำหน้าบึ้งตึงยืนกรานว่าเธอ