"แล้วทำไมไม่บอกพรีมตั้งแต่แรกละคะ พรีมจะได้ไม่แบ่งให้พี่กิน"
"ขี้งก" นิ้วเรียวยาวเคาะปลายจมูกเชิดรั้นอย่างมันเขี้ยวให้กับท่าทางเอาแต่ใจที่พึ่งจะมีให้เห็น ทำก็ทำให้กิน ยังจะมาหวงของของเขาอีก "ชิ" คนตัวเล็กยืนกอดอกทำหน้ามุ่ย "อยากได้อะไร" "พรีมขอได้ทุกอย่างเลยมั้ยคะ" ตากลมโตเป็นประกายระยิบระยับ ไหนๆ ก็มีโอกาสแล้ว ขอลองหว่านไปก่อนดีมั้ย เพราะคงไม่มีโอกาสดีดีแบบนี้อีกแล้วละ "ลองขอดูก่อน" "อืม..." คิดหนักเหมือนกันนะ เพราะลึกๆ ความกลัวมันดันมีมากกว่าความกล้านี่ละสิ "ขอจีบได้ป่าวคะ" แต่สุดท้ายฉันก็กลั้นหายใจพูดออกไป มือเย็นเฉียบถูกกำแน่นด้วยความตื่นเต้น "..." จากที่ตื่นเต้นอยู่แล้ว ใจดวงน้อยกลับไหววูบตกไปอยู่ที่ตาตุ่มในทันใด เพราะตาคมเหมือนเหยี่ยวนั่นจ้องกลับมาด้วยสายตาเกินคาดเดา ทำเอาขนลุกซู่ อยากหายตัวได้ขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย ไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือคิดผิดที่เอ่ยปากขอเขาแบบนี้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันจะเก็บทุกอย่างไว้ในใจเหมือนเดิม แล้วขอให้เขาพาไปเที่ยวแทนก็ดี... "คิดว่าจีบติด?" สองขายาวค่อยๆ ก้าวเข้าหาทีละก้าว ส่วนสองขาเรียวค่อยๆ ก้าวถอยหลังด้วยความประหม่า "ถ้า ถ้าพี่เลนส์ให้พรีมจีบ" ฉันตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ เอาหน่า! มาถึงขนาดนี้แล้วไม่สามารถเอาคำพูดคืนกลับมาได้ เพราะงั้นลองสู้อีกสักตั้งแล้วกัน "..." เขาจ้องเข้ามานัยน์ตาฉันนิ่งราวกับอยากค้นหาความในใจที่ซ่อนอยู่ และใช่ ฉันไม่เก่งมากพอที่จะซ่อนทุกอย่างเอาไว้ได้ นอกจากพยายามหลบสายตาไม่ให้เขาอ่านความคิดฉันได้ "ให้จีบมั้ยคะ" สองมือเล็กยันไว้ที่ขอบอ่างล้างจานเพื่อตั้งหลัก เพราะถอยหนีจนเจอทางตันเข้าให้ ตั้งแต่เล็กจนโตครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกจนมุมขนาดนี้ "จีบได้" "อนุญาตแล้วห้ามคืนคำนะคะ" ขอย้ำให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้หลอกกัน "ให้เวลาสองปี" สองปี! ฉันก็อายุครบยี่สิบปีนิดๆ ส่วนเขาก็เรียนจบ ให้เวลานานเหมือนกันนะ แล้วอย่างนี้เรียกว่ามีความหวังหรือไม่มีความหวังกันละ หรือที่จริงแล้วเขาคิดว่าฉันไม่มีทางทำสำเร็จกันแน่ "ล แล้วถ้าพรีมจีบพี่ไม่ติดละ" "ยังไม่บอก" เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ ใกล้มาก จนปลายจมูกโด่งแตะกับปลายจมูกเชิดรั้น ระยะห่างของเราสองคนตอนนี้ เป็นระยะที่อันตรายต่อหัวใจของฉันมาก จะเหมือนหนึ่งในฉากโรแมนติกของซีรีย์หรือเปล่านะ? แต่แล้วเขาก็ทำในสิ่งที่ทำให้ใจของฉันเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง สองมือออกแรงจับขอบอ่างแน่นขึ้นกว่าเดิม ยืนหลับตาปี๋แทบหยุดหายใจ เมื่อปลายจมูกโด่งเฉียดสัมผัสผิวแก้มนุ่มที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างชัดเจน ก่อนจะหยุดลงกระซิบตรงข้างหูด้วยน้ำเสียงแหบพร่า พร้อมกับสองแขนแกร่งทำหน้าที่กักกันฉันไว้ "หึ แค่นี้กลัว แต่จะจีบ?" "พรีม..." "พรีมจะเริ่มจีบพรุ่งนี้ค่ะ" วันนี้ขอกลับไปตั้งหลักก่อนแล้วกัน "พรุ่งนี้วันหยุด" "พี่เลนส์ให้พรีมจีบเฉพาะวันทำการหรอคะ" "เด็กบ๊อง" นิ้วเรียวยางเคาะลงปลายจมูกเชิดรั้นด้วยความมันเขี้ยวอีกครั้ง ก่อนจะปล่อยเธอให้ยืนหน้าแดงอยู่อย่างนั้น แล้วเดินล้วงกระเป๋าพาตัวเองหนีเข้ามาในห้องนอน เพราะกลิ่นหอมหอมและผิวนุ่มๆ ที่ผมเผลอสัมผัสเพียงแผ่วเบาก็ทำให้อารมณ์ของผมพลุ่งพล่านจนต้องเข้ามาดับความร้อนรุ่มโดยการอาบน้ำให้อะไรอะไรที่กำลังตึงเครียดผ่อนคลายลงสักหน่อย ทั้งที่อยากจะลองแกล้งเพียงนิด อยากรู้ว่าลูกเสือตัวนี้จะใจกล้าขนาดไหน สุดท้ายเป็นผมเองที่กลายเป็นคนเดือดร้อน แกล้งเอง ว้าวุ่นเอง นักเลงพอ! ก๊อก ก๊อก ก๊อก "พี่เลนส์คะ ลงไปส่งพรีมหน่อยได้มั้ยคะ" เสียงหวานและเสียงเคาะประตูดังขึ้นเรียกความสนใจให้ร่างสูงที่ยืนอยู่ใต้เรนชาวเวอร์รีบเดินมาหยิบผ้าขนหนูที่แขวนไว้พันเอวสอบอย่างหมิ่นเหม่ออกมาหาคนตัวเล็ก ความปลอดภัยของคอนโดเขาสูงมาก ไม่ว่าจะเข้าหรือออกต้องมีคีย์การ์ดกดลิฟต์และประตูทุกครั้ง เขาไม่ได้ลืม...เพียงแต่เขาไม่ได้คิดเผื่อไว้ว่าคืนนี้ต้องไปส่งเธอ คนที่ขอจีบเขา ห้องเขาก็เหมือนถ้ำเสือให้เสืออย่างเขาได้พักผ่อน ถ้าคืนนี้จะมีลูกเสือตัวเล็กๆ มานอนด้วยสักคืนคงไม่เป็นไร "..." "ดะ ดึกแล้ว ไปส่งพรีมหน่อยได้มั้ยคะ" ผิวขาวๆ มีหยดน้ำเกาะตามกล้ามแน่นๆ ซิคแพ็คเป็นลอนเรียงกันอย่างชัดเจน ไหนจะไลน์วีเชฟที่พาสายตากลมโตมองไล่ลงไป ทำเอาคนตัวเล็กหายใจไม่ทั่วท้องแทบล้มทั้งยืน ออกมาทั้งทีจะใส่ให้มันมิดชิดกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้ "พี่ง่วง" "ลงไปส่งพรีมเฉยๆ ก็ได้ค่ะ พรีมเรียกรถกลับเอง" "..." ผมเลือกที่จะไม่ตอบเธอไปมากกว่านั้น เพราะคิดหาข้ออ้างมาพูดให้เธอนอนค้างที่นี่คืนนี้ไม่ทัน ผมก็ผู้ชายคนหนึ่งแต่ไม่เคยเอ่ยปากพูดแบบนี้กับใคร ที่ผ่านมาทุกอย่างจบในหนึ่งชั่วโมงและไม่สานอะไรต่อไปมากกว่านั้น เลยเดินไปล้มตัวนอนบนเตียงกว้างขนาดใหญ่สีดำเอาเสียดื้อๆ ดึงผ้าห่มผืนใหญ่ขึ้นมาปิดคลุมอะไรต่อมิอะไรที่กำลังจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งเดี๋ยวจะพาให้ใครบางคนตกใจเอาเสียเปล่าๆ และไม่ลืมที่จะปิดตาลงเหมือนว่าง่วงเต็มทีอย่างที่บอกเธอไป "ถ้างั้นพรีมขอยืมคีย์การ์ดได้มั้ยคะ พรุ่งนี้พรีมจะรีบมาคืนแต่เช้า" คนตัวโตพลิกตัวนอนตะแคงแสร้งทำเป็นคิ้วขมวดหงุดหงิดที่มีเสียงงุ้งงิ้งมารบกวนการพักผ่อนของเขา จนเธอไม่กล้าที่จะส่งเสียงหรือพูดอะไรไปมากกว่านี้ กลัวว่าเขาจะรำคาญกันจนยกเลิกคำขอของเธอ ได้แต่ยืนมองเขาเงียบๆ คนตัวเล็กค่อยๆ โน้มตัวยื่นหน้าเข้าไปทีละนิดละนิดมองใบหน้าขาวใสผิวเหมือนเด็กทรงผมที่เคยถูกเซ็ตเป็นทรงลงมาปกคลุมหน้าผากกว้างรับกับขนตาที่เป็นแพรยาวราวกับต่อขนตามาอย่างไงอย่างงั้น ก่อนละลองใช้นิ้วเรียวสวยแตะที่ปลายจมูกโด่งเล่นค่อยๆ ลากลงมาหยุดตรงริมฝีปากสีชมพูดูสุขภาพดี ผู้ชายอะไรดูแลตัวเองได้ดีขนาดนี้ โดยไม่รู้เลยว่าเสือซุ่มอย่างเขารับรู้ในทุกสัมผัสของเธอ "ว้าย" "..." เพราะเธอกำลังเพลินกับการเล่นส่วนต่างๆ บนใบหน้าหล่อๆ เลยไม่ทันได้ระวังตัว จนมือใหญ่ดึงแขนเล็กให้เสียการทรงตัวพร้อมกับรวบร่างบางให้ลงมานอนในอ้อมแขนใช้ขายาวก่ายขาเรียวเอาไว้ซบหน้าลงบนเส้นผมหอมๆ ราวกับเธอเป็นหมอนข้างใบโปรด แค่นี้เขาก็สามารถล็อคตัวเธอไว้ไม่ให้หนีกลับไปตั้งหลักได้แล้ว ในเมื่อเธอบอกว่าจะเริ่มจีบเขาพรุ่งนี้ แล้วจะเทียวไปเทียวมาให้เสียเวลาทำไมกันหลังจากที่ตัวเล็กเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ห้องที่ผมไม่สามารถเข้าไปด้วยได้ ทำได้เพียงแค่นั่งรออยู่หน้าประตูอย่างมีความหวัง พยายามเรียกสติของตัวเองกดโทรหาไอ้แฝดคนที่ผมคิดว่าเวลานี้น่าจะจัดการทุกอย่างแทนผมได้ ผมเล่าเหตุการณ์ให้แฝดฟังจนพอเข้าใจ และให้เป็นธุระไปส่งข่าวให้คุณพ่อคุณแม่ของพรีมทราบด้วยตัวเองจะได้คอยดูแลพวกท่าน รวมถึงจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินไฟล์ทที่เร็วที่สุดและที่พักในเครือใกล้โรงพยาบาล พาขึ้นเครื่องบินมาพร้อมกัน แน่นอนว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับตัวเล็กสร้างความตกใจให้ท่านทั้งสองคนมาก ยิ่งคุณแม่ด้วยแล้วถึงกับเป็นลมไปหลายรอบ จนไอ้ฟิล์มต้องขอให้ท่านทั้งสองคนพักอยู่ที่โรงแรม ก่อนที่มันจะมาหาผมด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกหน่วงในหัวใจ ที่เขาบอกว่า การมีพี่น้องฝาแฝด ความรู้สึกจะสื่อถึงกัน ถ้าอีกคนมีความสุข อีกคนจะสุขด้วย ถ้าอีกคนทุกข์ อีกคนก็ทุกข์ไม่ต่างกัน ผมว่าจริงนะ และเป็นแบบนี้ตลอดเวลาเกือบยี่สิบสี่ปี"ไอ้แฝด เป็นยังไงบ้างวะ""น้องยังไม่ฟื้น""มึงใจเย็นๆ" ไอ้ฟิล์มตบไหล่ปลอบใจเบาเบา ให้ผมพยายามตั้งสติ"กูว่า มึงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่าหว่ะ" เพราะผมอยู่ในชุดนี้มาเกือบสามวัน ต
"ฝนจะตก" "พี่กูอยู่ไทย" "กวนตีน" ทุกวันอาทิตย์ครอบครัวของผมจะต้องรวมตัวกันที่บ้านใหญ่ เพื่ออัพเดตเรื่องราวในช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกัน จิบชายามบ่ายเป็นเพื่อนมามี๊และน้องโฟ ตีกอล์ฟเป็นเพื่อนป๊า ปิดท้ายวันด้วยการกินมื้อเย็นด้วยกันพร้อมหน้าแน่นอนว่าพี่คนโตของบ้านอย่างผมต้องกลับมาทุกครั้งที่อยู่ไทยเป็นประจำอยู่แล้ว เพียงแต่ไอ้แฝดชอบกวนประสาทให้ผมด่าเล่นเท่านั้นแหละ "น้องโฟคิดถึงพี่เลนส์มากเลย" น้องสาวคนสวยวิ่งลงมาจากบันได โผลเข้ากอดคอผมอย่างออดอ้อน ทำผมเอ็นดูจนหันไปกดจมูกลงผมหนาเบาเบา "หึ พี่ก็คิดถึงน้องโฟ""แล้วพี่ละหมูอ้วน" "น้องโฟเจอพี่ฟิล์มบ่อยแล้วนี่นา" "หึ" "น่าน้อยใจมั้ย" เราสามคนพี่น้องนั่งคุยกันเรื่องทั่วๆ ไปที่ห้องนั่งเล่นระหว่างรอป๊าพามามี๊ลงมาจากห้องนอน ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนฟังไอ้แฝดถามน้องโฟมากกว่า น้องสาวของเราสองคนเป็นเด็กน่ารักมากแลพก็พูดเก่งมากเช่นกัน เธอเป็นเหมือนความสดใสของบ้านเราเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าคนที่จะมาดูแลน้องไปทั้งชีวิตจะต้องผ่านการคัดเลือกจากผมและไอ้ฟิล์มมาแล้ว คัดเลือกและดูความประพฤติมาตั้งแต่เด็กนั่นแหละ แต่ต้องขึ้นอยู่ว่าน้องจะยอมให้ดูแลด้วยรึป่
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่พี่เลนส์ทำงานอยู่ไทยเพราะสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาบินมาทำงานที่นี่และอยู่เป็นเพื่อนฉันแล้ว ตลอดระยะเวลาเกือบหกเดือนเจ้าของสายการบินอย่างเขาก็บินไปบินกลับระหว่างไทยกับอเมริกาเป็นว่าเล่น อยู่ไทยสองสัปดาห์ อีกสองสัปดาห์บินมาอเมริกาสลับไปอย่างนี้และช่วงเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาก็ไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกเหงาหรือว่าห่างกันเลยสักนิดถึงเวลาเราจะไม่ตรงกันเลยแต่เขาก็จะรอฉันตื่นแล้ววิดีโอคอลคุยกันทุกวัน บางวันถ้าฉันเข้านอนแล้วเขาก็ให้เปิดกล้องทิ้งไว้ส่วนเขาก็นั่งทำงานคอยมองฉันเงียบๆ ไม่ส่งเสียง"ไม่ใส่สร้อย?""พรีมกลัวตกหาย""กลัวคนรู้ว่ามีแฟน?""พบคนงอนหนึ่งอัตราแล้วน๊าา"อย่างตอนนี้ฉันกำลังแต่งตัวไปเรียนส่วนเขาก็กำลังเข้านอน แต่สั่งให้เปิดกล้องอยากจะดูว่าฉันใส่ชุดอะไรไปเรียนเรียบร้อยถูกใจเขาหรือเปล่า รู้สึกเหมือนมีสไตลิสต์ส่วนตัวคอยช่วยเลือกเสื้อผ้าให้เลย ที่สำคัญสิ่งที่ขาดไม่ได้และเขาจะงอแงทุกครั้งถ้าฉันไม่ใส่ก็คือสร้อยคอที่มีตัวย่อ 'PL' ชื่อของเราสองคนที่เขาให้เป็นของขวัญแสดงความยินดีที่ฉันสอบทุนได้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบหรือไม่อยากใส่หรอกนะ แต่เขาหน่ะชอบคิดไปไกล
"ตัวเล็ก" "คะ" แก้มนุ่มแดงราวกับลูกสตอเบอร์รี่พยายามหลบสายตาคู่คมที่มองไม่ห่าง"พี่ไม่อยากเป็นแฟนตัวเล็กแล้ว" ตากลมโตฉายความสงสัยปนความน้อยใจมาเห็นให้อย่างปิดไม่มิด ทั้งๆ ที่เขาพึ่งจูบสูบวิญญาณฉันไปแท้ๆ หน่ะหรอ"อยากเป็นผัวเลย" "ได้มั้ย" แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ความน้อยใจอยู่กับฉันนาน เสียงที่แหบพร่าบอกความต้องการของตัวเองพร้อมกับแววตาออดอ้อนแฝงความเอาแต่ใจจนทำให้ฉันรู้สึกหวามไหวมวนท้องไปหมดอยากจะมุดหนีไปจากตรงนี้ ติดตรงที่ใจดันคิดสวนทางกันนี่แหละ"เดี๋ยวก็ลบหนึ่งร้อยเลยนี่" ฉันเลยสู้โดยการเลียนแบบเขาที่จ้องแต่หาเรื่องมาหักคะแนนกัน ติดลบไปเลย ดูซิ! จะยังกล้าเล่นกับใจฉันอยู่มั้ย"ยอม"ปากร้อนฉกจูบลงมาที่ปากของฉันอีกครั้งโดยไม่รอให้ฉันอนุญาติเหมือนครั้งก่อน จูบของเขาครั้งนี้มันทั้งดูดดื่มทั้งเอาแต่ใจทั้งเจ้าเล่ห์คอยหลอกล่อให้ฉันเผลอไผลจนเขาสามารถรุกล้ำเข้ามาได้อย่างง่ายดายเขาพาฝูงผีเสื้อมาบินเล่นในร่างกายของฉัน"อะ อื้อ" ฉันไม่รู้ว่าเผลอตัวปล่อยใจไปกับรสจูบของเขานานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีเดรสตัวยาวที่ฉันใส่ก็ร่นขึ้นมากองอยู่บนหน้าท้องแบนราบ มือหนาลูบแผ่วเบาวนไปมาตามผิวเนียนลื่นบริเวณต้
"ทำไมมึงรีบบินจังวะ" "นัดลูกค้า" "นัดลูกค้า อาทิตย์หน้าไม่ใช่?""กูไม่ต้องเตรียมตัว?" "ปกติมึงไม่ไปล่วงหน้านานขนาดนี้" ไอ้แฝดพูดถูก ปกติถ้ามีงานผมจะบินไปล่วงหน้าอย่างมากคือสองวันเพราะมีเรียน แต่ตอนนี้ผมเรียนจบแล้ว และมีใครบางคนรออยู่ที่นั่นผมจึงรีบเดินทางไปตามที่รับปากเธอเอาไว้ วันนี้เลยให้แฝดทำหน้าที่เป็นคนขับรถพาผมมาส่งที่สนามบิน แต่ก็ลืมคิดไปว่า...ไอ้ฟิล์มมันพูดมาก เลยเลือกเปิดเพลงที่เราชอบเหมือนกันคลอเบาเบาเป็นการบอกทางอ้อมให้น้องรักหยุดพูด ซึ่งก็ได้ผลเพราะตอนนี้ไอ้แฝดกำลังร้องเพลงสบายอารมณ์ไปพร้อมกับเพลงที่เปิดให้ได้ยิน"ถึงแล้วแชทบอก" "ครับคุณน้องชาย" "ค่อยว่านอนสอนง่ายสมกับเป็นแฝดกูหน่อย" ไม่รู้ไอ้ฟิล์มมันกวนตีนเหมือนใคร? ผมใช้เวลากว่ายี่สิบชั่วโมงบนเครื่องบินที่มีที่นั่งส่วนตัวของผมโดยเฉพาะสามารถปิดที่กั้นเป็นห้องมีทีวีและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและปรับที่นั่งเป็นที่นอนได้สบายเลยทำให้ผมได้พักสายตาเต็มอิ่ม มีแรงพอพาเธอไปเดินเที่ยวได้ทันทีที่ไปถึงส่วนที่พัก ผมก็แอบเช่าห้องฝั่งตรงข้ามห้องของเธอเอาไว้แบบไม่มีกำหนดโดยที่เธอไม่รู้ เพราะเธอยื่นคำขาดไม่ให้ผมนอนห้องเดียวกั
ป๊อก!"โอ๊ย! พรีมเจ็บนะ" นิ้วเรียวยาวดีดลงบนหน้าผากมนไม่เต็มแรงนัก แต่ก็พอให้คนตัวเล็กรู้สึกเจ็บและเป็นรอยแดง จนตาคู่คมไหววูบอย่างรู้สึกผิด ค่อยๆ เป่าเบาเบาตรงรอยแดงเป็นการไถ่โทษ"คิดเองเออเอง" เสียงทุ้มแอบบ่นคนบนตักแกร่งเบาเบาอย่างลืมตัว"..." "หึ" ทำตากลมโตมองตาขวางพองขนขู่จนทำให้ผมเริ่มรู้สึกกลัว รีบอธิบายเคลียร์ตัวเองแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าที่เธอเข้าใจทั้งหมด...ผมถูกเธอกล่าวหา ผมกับมินินเป็นเพียงเพื่อนสนิทกันเท่านั้นไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้ ที่ผ่านมาใช่ว่าผมกับเพื่อนจะไม่เคยได้ยินข่าวลือที่คนอื่นต่างจับคู่ให้เราสองคน และเป็นไอ้ตริติณที่ถือโอกาสนี้ใช้ผมเป็นไม้กันหมาไม่ให้ใครเข้ามาจีบน้องตัวเองได้ ซึ่งผมก็ปล่อยเลยตามเลยเพราะไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่ตอนนี้ ต่างจากตอนนั้น..."พี่ยังไม่มีแฟน""แต่กำลังจะมี" "จิ๊ ปล่อยพรีมเดี๋ยวนี้เลย" แต่ดูเหมือนจะทำให้ลูกเสือโกรธมากกว่าเดิมสินะ สองแขนแกร่งจึงต้องออกแรงกระชับแขนกอดเธอให้แน่นขึ้น จนแทบอยากให้เธอละลายเข้าไปอยู่ในตัวจะได้ไม่หนีหายไปไหน"ไม่อยากรู้หรอว่าใคร" "เรื่องของพี่ค่ะ เพราะพรีมไม่ได้จีบพี่แล้ว" คนแสนงอนทำหน้าบึ้งตึงยืนกรานว่าเธอ