เวลาผ่านไปเร็วเหมือนโกหก รู้สึกเหมือนว่าตัวเองเพิ่งผ่านการรับน้องไปเมื่อวานนี้เอง แต่ในความเป็นจริงแล้วอีกไม่กี่วันก็ถึงวันสอบปลายภาคบ่งบอกว่าการเป็นเฟรชชี่ได้สิ้นสุดลงและต้องเตรียมตัวเป็นรุ่นพี่ปีสองแล้ว
แน่นอนว่า นี่คือสัญญาณแจ้งเตือนว่าเหลือเวลาอีกหนึ่งปีที่เขาอนุญาตให้ฉันจีบด้วยเช่นกัน แล้วรู้อะไรไหม...ฉันหน่ะพึ่งโดนเขาหักคะแนนไปยี่สิบคะแนนเพราะไม่ชอบชุดที่ฉันใส่ไปงานวันเกิดของใยไหมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งฉันก็ใส่ตรงตามธีมเกิร์ลกรุ๊ปที่เพื่อนบอกนะ กางเกงยีนส์ขาสั้นพอดีตัวสีดำกับเสื้อเกาะอกมีสายไขว้คล้องคอเข้าชุดกันคู่กับถุงน่องตาข่ายและรองเท้าบูททรงยาวช่วยให้ดูหลอกตาว่ากางเกงตัวจิ๋วไม่สั้นจนเกินไปเป็นชุดที่ใยไหมเลือกให้และใส่คู่กันกับฉัน ฉันว่านะ เขาหน่ะตั้งใจหาเรื่องหักคะแนนกันมากกว่า (เสียงแจ้งเตือนสายเรียกเข้า) "ฮัลโหล ยัยพรีม" "ว่าไงแก ออกมาหรือยัง" วันนี้ฉันมีนัดกับใยไหมชวนกันมาอ่านหนังสือเตรียมสอบวิชาสุดโหดที่คอนโดด้วยกันแบบโต้รุ่งจะได้ช่วยกันแชร์สิ่งที่ตัวเองไม่เข้าใจแต่อีกคนสามารถอธิบายให้ฟังได้ "ฉันมีธุระด่วนหน่ะ คงไปติวกับแกไม่ได้แล้วนะ" "อ้าวหรอ" "sorry นะแก" "ไม่เป็นไรๆ ยังมีอีกหลายวิชา" ถึงจะรู้สึกเศร้านิดหน่อยแต่ฉันก็ไม่อยากให้เพื่อนลำบากใจ วิชานี้ดันเป็นวิชาที่ยากที่สุดซะด้วยสิ แม้จะมีคะแนนเก็บค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจอยู่หน่อย แต่เป้าหมายของฉันคือทำข้อสอบให้ได้มากกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์เพื่อจะเอาไปสมัครชิงทุนแลกเปลี่ยนในปีหน้า เป็นอีกหนึ่งในความฝันของฉัน มีเพียงใยไหมและคุณพ่อคุณแม่เท่านั้นที่รู้ หลังจากวางสายจากเพื่อนสนิท ฉันก็นั่งปลอบใจอันห่อเหี่ยวของตัวเองอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะฮึกใจสู้ลุกไปหอบหนังสือกองโตที่เตรียมไว้มานั่งอ่านตรงห้องนั่งเล่น เพราะขืนอ่านบนเตียงนอนนุ่มๆ มีหวังหนังสือได้อ่านฉันแทนแน่ แต่ก่อนจะสู้ศึกอันแสนยาวนานครั้งใหญ่ แวะไปเติมกำลังใจนิดนิดหน่อยหน่อยดีกว่า nongpream🌷: จ๊ะเอ๋ lens.lff : ? nongpream🌷: แวะมาจีบค่ะ nongpream🌷: ทำอะไรอยู่คะ lens.lff : กำลังออกไปข้างนอก nongpream🌷: 😣 (สายเรียกเข้าแบบวิดิโอคอล) สงสัยพิมพ์คุยไม่ทันใจอีกแล้วสินะ เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ฉันแชทไปหาเขา เพราะสุดท้ายเขาจะกดโทรแบบเปิดกล้องกลับมาอย่างตอนนี้ แล้วแค่ออกไปข้างนอกจำเป็นต้องหล่อขนาดนี้เลยเชียวหรอ... "..." ริมฝีปากสวยฉีกยิ้มหวานส่งผ่านหน้าจอพร้อมโบกไม้โบกมือทักทายคนยิ้มยากอย่างเขา เป็นรอยยิ้มที่เขาชอบมอง และไม่ชอบให้เธอยิ้มแบบนี้ให้ใคร "เป็นอะไร" เขาหมายถึงอิโมจิหน้าตาเหมือนจะร้องไห้ที่เธอส่งมา "อิจฉาคนได้ไปเที่ยวค่ะ" "หึ" "อ่านหนังสือไป" "ชิ" ระหว่างรอไอ้แฝดมาเคาะห้องเรียก ผมก็นั่งคุยกับคนในจอให้ตัวเองไม่เหงา ไม่รู้เหมือนกันว่าขี้เหงาตั้งแต่เมื่อไหร่จะก่อนกลับมาเจอกันหรือตั้งแต่มีเธอเข้ามา ผมยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้สักที "พี่เลนส์" "อืม" "ขอกำลังใจหน่อยสิคะ" สีหน้าดูคล้ายกังวลนั่งทำหน้ายุ่งจนคิ้วผูกโบว์พันกันนั่งมองหนังสือกองโตตรงหน้า ทำผมอดสงสารไม่ได้เลยส่งกำลังใจเป็นกดสติ๊กเกอร์รูปชูสองนิ้วส่งให้ไปพร้อมกับยักคิ้วให้ข้างหนึ่งแบบที่ชอบทำใส่เธอ "แค่นี้เองหรอ" "อืม แค่นี้" "โธ่เอ๊ย! พรีมก็นึกว่าจะมี จุ๊บจุ๊บ งี้" เธอทำท่าทางทะเล้นใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่แก้มย้ำๆ เป็นรอยบุ๋ม จนน่ามันเขี้ยว ถ้าอยู่ใกล้ๆ คงได้หยิกแก้มนุ่มๆ สักที "แอบคาดหวังนะคะ" "ไม่แอบแล้วมั้ง" "แล้วมีมั้ยคะ" "ไม่มี" คำตอบของผมทำให้เธอมองค้อนวงกว้างและปล่อยให้ผมนั่งมองเธออ่านหนังสืออยู่อย่างนั้น จนรู้สึกว่าต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์โดยการเสนอตัวเองเข้าไปคอยช่วยอธิบายจุดที่เธอสงสัยในสิ่งที่ยังไม่ค่อยเข้าใจซึ่งผมเคยเรียนมาและสอบได้คะแนนเต็มมาแล้ว แต่ผมก็ได้คะแนนเต็มทุกวิชานั่นแหละ ก๊อก ก๊อก ก๊อก "พี่ไปก่อนนะ" "กลับดึกมั้ยคะ" "คงดึก" "ถึงห้องแล้วแชทบอกพรีมหน่อยนะ บ๊ายบายค่ะ" "อืม" เพราะวันนี้มีนัดกินข้าวและดื่มคลายเครียดกับพวกไอ้ติณกันนิดหน่อย ผมกับแฝดเลยเลือกที่จะเรียกรถนั่งไปพร้อมกันจะได้หมดกังวลเรื่องการขับรถ แน่นอนว่าทันทีที่เปิดประตูออกจากห้อง ผมก็โดนไอ้แฝดบ่นเป็นหมีกินผึ้งบอกว่าตัวเองยืนรอนานเคาะประตูจนมือเจ็บ ทั้งๆ ที่ผมนั่งรอคุณชายเขาอาบน้ำแต่งตัวกว่าหนึ่งชั่วโมง ได้แต่ส่ายหัวอย่างเบื่อหน่ายให้กับความขี้บ่นของน้องตัวเอง ปล่อยให้น้องที่เคารพเดินบ่นตามหลัง ส่วนผมก็เดินนำทำหูทวนลมไม่รู้ไม่ชี้ เดี๋ยวเบื่อก็หยุดพูดเองนั่นแหละ "แฝดมึงจะกลับเลยป่ะ" "พึ่งห้าทุ่ม มึงรีบหรอวะ" ถ้าเมื่อก่อนคงนั่งดื่มจนร้านปิดและกลับพร้อมคนอื่นๆ หรือไม่ก็นอนค้างที่นี่เพราะไอ้ติณทำห้องส่วนตัวไว้ให้ผมกับไอ้ฟิล์มโดยเฉพาะเผื่อวันไหนดื่มกันหนักจะได้เดินขึ้นไปนอนได้เลย แต่วันนี้ความรู้สึกอยากกลับพร้อมเพื่อนมันหายไปอย่างบอกไม่ถูก ไม่อยากกลับดึกไปมากกว่านี้ กลัวว่าจะมีคนแอบรอ... "กูง่วง" "มึง โก หก" "ไอ้ติณกูกลับก่อน" "อืม เจอกัน" ผมเมินคำพูดของไอ้ฟิล์มแล้วหันไปบอกลาเจ้าของร้านและคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ ก่อนจะกดเรียกรถเลือกจุดหมายปลายทางเป็นคอนโดของใครบางคน lens.lff : นอนยัง nongpream🌷: ยังค่ะ nongpream🌷: ถึงห้องแล้วหรอคะ lens.lff : อยู่ข้างล่าง lens.lff : ลงมารับหน่อย nongpream🌷: หืม lens.lff : สามนาที nongpream🌷: 🚀 ไม่ถึงสองนาทีคนตัวเล็กก็วิ่งกระหืดกระหอบออกมาจากลิฟต์ ในชุดนอนกางเกงขาสั้นสีขาวถึงจะไม่บางมากแต่ก็พอเห็นอะไรวับวับแวมแวมที่สร้างความหงุดหงิดใจให้ผมไม่น้อย "ทำไมลงมาชุดนี้" "ก็พี่เลนส์ให้เวลาพรีมน้อยมากเลย" โอเค ต่อไปผมจะให้เวลาเธอมากกว่านี้และจะไม่ลืมกำชับให้เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือใส่เสื้อคลุมลงมาด้วย หรือทางที่ดีต้องไม่ลืมคีย์การ์ดที่เคยเนียนขอมาไว้ พอคิดเองเออเองได้อย่างนั้น คนตัวโตก็ถอดเสื้อแจ๊คเก็ตของตัวเองส่งให้คนตัวเล็ก และบังคับด้วยสายตาให้เธอใส่ทับทันทีพร้อมกับยื่นมือไปช่วยรูดซิปขึ้นให้จนสุด "อ่านต่อ?" "ค่ะ พรีมอยากอ่านตรงนี้อีกนิด" "ตรงไหน" ผมพาตัวเองเดินไปหย่อนสะโพกนั่งลงบนโซฟาด้านหลังเธอ เพราะเธอนั่งที่พื้นตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือตรงหน้า เพียงแค่ผมโน้มตัวลงไปใกล้นิดหน่อย กลิ่นหอมๆ ก็เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของผมได้อย่างง่ายดาย ฟอด "ค่าติว"หลังจากที่ตัวเล็กเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ห้องที่ผมไม่สามารถเข้าไปด้วยได้ ทำได้เพียงแค่นั่งรออยู่หน้าประตูอย่างมีความหวัง พยายามเรียกสติของตัวเองกดโทรหาไอ้แฝดคนที่ผมคิดว่าเวลานี้น่าจะจัดการทุกอย่างแทนผมได้ ผมเล่าเหตุการณ์ให้แฝดฟังจนพอเข้าใจ และให้เป็นธุระไปส่งข่าวให้คุณพ่อคุณแม่ของพรีมทราบด้วยตัวเองจะได้คอยดูแลพวกท่าน รวมถึงจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินไฟล์ทที่เร็วที่สุดและที่พักในเครือใกล้โรงพยาบาล พาขึ้นเครื่องบินมาพร้อมกัน แน่นอนว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับตัวเล็กสร้างความตกใจให้ท่านทั้งสองคนมาก ยิ่งคุณแม่ด้วยแล้วถึงกับเป็นลมไปหลายรอบ จนไอ้ฟิล์มต้องขอให้ท่านทั้งสองคนพักอยู่ที่โรงแรม ก่อนที่มันจะมาหาผมด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกหน่วงในหัวใจ ที่เขาบอกว่า การมีพี่น้องฝาแฝด ความรู้สึกจะสื่อถึงกัน ถ้าอีกคนมีความสุข อีกคนจะสุขด้วย ถ้าอีกคนทุกข์ อีกคนก็ทุกข์ไม่ต่างกัน ผมว่าจริงนะ และเป็นแบบนี้ตลอดเวลาเกือบยี่สิบสี่ปี"ไอ้แฝด เป็นยังไงบ้างวะ""น้องยังไม่ฟื้น""มึงใจเย็นๆ" ไอ้ฟิล์มตบไหล่ปลอบใจเบาเบา ให้ผมพยายามตั้งสติ"กูว่า มึงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่าหว่ะ" เพราะผมอยู่ในชุดนี้มาเกือบสามวัน ต
"ฝนจะตก" "พี่กูอยู่ไทย" "กวนตีน" ทุกวันอาทิตย์ครอบครัวของผมจะต้องรวมตัวกันที่บ้านใหญ่ เพื่ออัพเดตเรื่องราวในช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกัน จิบชายามบ่ายเป็นเพื่อนมามี๊และน้องโฟ ตีกอล์ฟเป็นเพื่อนป๊า ปิดท้ายวันด้วยการกินมื้อเย็นด้วยกันพร้อมหน้าแน่นอนว่าพี่คนโตของบ้านอย่างผมต้องกลับมาทุกครั้งที่อยู่ไทยเป็นประจำอยู่แล้ว เพียงแต่ไอ้แฝดชอบกวนประสาทให้ผมด่าเล่นเท่านั้นแหละ "น้องโฟคิดถึงพี่เลนส์มากเลย" น้องสาวคนสวยวิ่งลงมาจากบันได โผลเข้ากอดคอผมอย่างออดอ้อน ทำผมเอ็นดูจนหันไปกดจมูกลงผมหนาเบาเบา "หึ พี่ก็คิดถึงน้องโฟ""แล้วพี่ละหมูอ้วน" "น้องโฟเจอพี่ฟิล์มบ่อยแล้วนี่นา" "หึ" "น่าน้อยใจมั้ย" เราสามคนพี่น้องนั่งคุยกันเรื่องทั่วๆ ไปที่ห้องนั่งเล่นระหว่างรอป๊าพามามี๊ลงมาจากห้องนอน ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนฟังไอ้แฝดถามน้องโฟมากกว่า น้องสาวของเราสองคนเป็นเด็กน่ารักมากแลพก็พูดเก่งมากเช่นกัน เธอเป็นเหมือนความสดใสของบ้านเราเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าคนที่จะมาดูแลน้องไปทั้งชีวิตจะต้องผ่านการคัดเลือกจากผมและไอ้ฟิล์มมาแล้ว คัดเลือกและดูความประพฤติมาตั้งแต่เด็กนั่นแหละ แต่ต้องขึ้นอยู่ว่าน้องจะยอมให้ดูแลด้วยรึป่
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่พี่เลนส์ทำงานอยู่ไทยเพราะสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาบินมาทำงานที่นี่และอยู่เป็นเพื่อนฉันแล้ว ตลอดระยะเวลาเกือบหกเดือนเจ้าของสายการบินอย่างเขาก็บินไปบินกลับระหว่างไทยกับอเมริกาเป็นว่าเล่น อยู่ไทยสองสัปดาห์ อีกสองสัปดาห์บินมาอเมริกาสลับไปอย่างนี้และช่วงเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาก็ไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกเหงาหรือว่าห่างกันเลยสักนิดถึงเวลาเราจะไม่ตรงกันเลยแต่เขาก็จะรอฉันตื่นแล้ววิดีโอคอลคุยกันทุกวัน บางวันถ้าฉันเข้านอนแล้วเขาก็ให้เปิดกล้องทิ้งไว้ส่วนเขาก็นั่งทำงานคอยมองฉันเงียบๆ ไม่ส่งเสียง"ไม่ใส่สร้อย?""พรีมกลัวตกหาย""กลัวคนรู้ว่ามีแฟน?""พบคนงอนหนึ่งอัตราแล้วน๊าา"อย่างตอนนี้ฉันกำลังแต่งตัวไปเรียนส่วนเขาก็กำลังเข้านอน แต่สั่งให้เปิดกล้องอยากจะดูว่าฉันใส่ชุดอะไรไปเรียนเรียบร้อยถูกใจเขาหรือเปล่า รู้สึกเหมือนมีสไตลิสต์ส่วนตัวคอยช่วยเลือกเสื้อผ้าให้เลย ที่สำคัญสิ่งที่ขาดไม่ได้และเขาจะงอแงทุกครั้งถ้าฉันไม่ใส่ก็คือสร้อยคอที่มีตัวย่อ 'PL' ชื่อของเราสองคนที่เขาให้เป็นของขวัญแสดงความยินดีที่ฉันสอบทุนได้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบหรือไม่อยากใส่หรอกนะ แต่เขาหน่ะชอบคิดไปไกล
"ตัวเล็ก" "คะ" แก้มนุ่มแดงราวกับลูกสตอเบอร์รี่พยายามหลบสายตาคู่คมที่มองไม่ห่าง"พี่ไม่อยากเป็นแฟนตัวเล็กแล้ว" ตากลมโตฉายความสงสัยปนความน้อยใจมาเห็นให้อย่างปิดไม่มิด ทั้งๆ ที่เขาพึ่งจูบสูบวิญญาณฉันไปแท้ๆ หน่ะหรอ"อยากเป็นผัวเลย" "ได้มั้ย" แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ความน้อยใจอยู่กับฉันนาน เสียงที่แหบพร่าบอกความต้องการของตัวเองพร้อมกับแววตาออดอ้อนแฝงความเอาแต่ใจจนทำให้ฉันรู้สึกหวามไหวมวนท้องไปหมดอยากจะมุดหนีไปจากตรงนี้ ติดตรงที่ใจดันคิดสวนทางกันนี่แหละ"เดี๋ยวก็ลบหนึ่งร้อยเลยนี่" ฉันเลยสู้โดยการเลียนแบบเขาที่จ้องแต่หาเรื่องมาหักคะแนนกัน ติดลบไปเลย ดูซิ! จะยังกล้าเล่นกับใจฉันอยู่มั้ย"ยอม"ปากร้อนฉกจูบลงมาที่ปากของฉันอีกครั้งโดยไม่รอให้ฉันอนุญาติเหมือนครั้งก่อน จูบของเขาครั้งนี้มันทั้งดูดดื่มทั้งเอาแต่ใจทั้งเจ้าเล่ห์คอยหลอกล่อให้ฉันเผลอไผลจนเขาสามารถรุกล้ำเข้ามาได้อย่างง่ายดายเขาพาฝูงผีเสื้อมาบินเล่นในร่างกายของฉัน"อะ อื้อ" ฉันไม่รู้ว่าเผลอตัวปล่อยใจไปกับรสจูบของเขานานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีเดรสตัวยาวที่ฉันใส่ก็ร่นขึ้นมากองอยู่บนหน้าท้องแบนราบ มือหนาลูบแผ่วเบาวนไปมาตามผิวเนียนลื่นบริเวณต้
"ทำไมมึงรีบบินจังวะ" "นัดลูกค้า" "นัดลูกค้า อาทิตย์หน้าไม่ใช่?""กูไม่ต้องเตรียมตัว?" "ปกติมึงไม่ไปล่วงหน้านานขนาดนี้" ไอ้แฝดพูดถูก ปกติถ้ามีงานผมจะบินไปล่วงหน้าอย่างมากคือสองวันเพราะมีเรียน แต่ตอนนี้ผมเรียนจบแล้ว และมีใครบางคนรออยู่ที่นั่นผมจึงรีบเดินทางไปตามที่รับปากเธอเอาไว้ วันนี้เลยให้แฝดทำหน้าที่เป็นคนขับรถพาผมมาส่งที่สนามบิน แต่ก็ลืมคิดไปว่า...ไอ้ฟิล์มมันพูดมาก เลยเลือกเปิดเพลงที่เราชอบเหมือนกันคลอเบาเบาเป็นการบอกทางอ้อมให้น้องรักหยุดพูด ซึ่งก็ได้ผลเพราะตอนนี้ไอ้แฝดกำลังร้องเพลงสบายอารมณ์ไปพร้อมกับเพลงที่เปิดให้ได้ยิน"ถึงแล้วแชทบอก" "ครับคุณน้องชาย" "ค่อยว่านอนสอนง่ายสมกับเป็นแฝดกูหน่อย" ไม่รู้ไอ้ฟิล์มมันกวนตีนเหมือนใคร? ผมใช้เวลากว่ายี่สิบชั่วโมงบนเครื่องบินที่มีที่นั่งส่วนตัวของผมโดยเฉพาะสามารถปิดที่กั้นเป็นห้องมีทีวีและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและปรับที่นั่งเป็นที่นอนได้สบายเลยทำให้ผมได้พักสายตาเต็มอิ่ม มีแรงพอพาเธอไปเดินเที่ยวได้ทันทีที่ไปถึงส่วนที่พัก ผมก็แอบเช่าห้องฝั่งตรงข้ามห้องของเธอเอาไว้แบบไม่มีกำหนดโดยที่เธอไม่รู้ เพราะเธอยื่นคำขาดไม่ให้ผมนอนห้องเดียวกั
ป๊อก!"โอ๊ย! พรีมเจ็บนะ" นิ้วเรียวยาวดีดลงบนหน้าผากมนไม่เต็มแรงนัก แต่ก็พอให้คนตัวเล็กรู้สึกเจ็บและเป็นรอยแดง จนตาคู่คมไหววูบอย่างรู้สึกผิด ค่อยๆ เป่าเบาเบาตรงรอยแดงเป็นการไถ่โทษ"คิดเองเออเอง" เสียงทุ้มแอบบ่นคนบนตักแกร่งเบาเบาอย่างลืมตัว"..." "หึ" ทำตากลมโตมองตาขวางพองขนขู่จนทำให้ผมเริ่มรู้สึกกลัว รีบอธิบายเคลียร์ตัวเองแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าที่เธอเข้าใจทั้งหมด...ผมถูกเธอกล่าวหา ผมกับมินินเป็นเพียงเพื่อนสนิทกันเท่านั้นไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้ ที่ผ่านมาใช่ว่าผมกับเพื่อนจะไม่เคยได้ยินข่าวลือที่คนอื่นต่างจับคู่ให้เราสองคน และเป็นไอ้ตริติณที่ถือโอกาสนี้ใช้ผมเป็นไม้กันหมาไม่ให้ใครเข้ามาจีบน้องตัวเองได้ ซึ่งผมก็ปล่อยเลยตามเลยเพราะไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่ตอนนี้ ต่างจากตอนนั้น..."พี่ยังไม่มีแฟน""แต่กำลังจะมี" "จิ๊ ปล่อยพรีมเดี๋ยวนี้เลย" แต่ดูเหมือนจะทำให้ลูกเสือโกรธมากกว่าเดิมสินะ สองแขนแกร่งจึงต้องออกแรงกระชับแขนกอดเธอให้แน่นขึ้น จนแทบอยากให้เธอละลายเข้าไปอยู่ในตัวจะได้ไม่หนีหายไปไหน"ไม่อยากรู้หรอว่าใคร" "เรื่องของพี่ค่ะ เพราะพรีมไม่ได้จีบพี่แล้ว" คนแสนงอนทำหน้าบึ้งตึงยืนกรานว่าเธอ