Mag-log inหลายวันต่อมา
แสงแดดยามเที่ยงส่องลอดหน้าต่างเข้ามาในร้านอาหาร พิมพ์มาดาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาระหว่างรออาหาร นิ้วเรียวเคาะแป้นพิมพ์ข้อความอย่างคล่องแคล่ว พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ที่แต้มอยู่บนมุมปาก รอยยิ้มนั้นดูสดใสและมีชีวิตชีวากว่าหลายวันที่ผ่านมา ดวงตาที่เคยเศร้าสร้อยกลับเปล่งประกายความสุขเล็กๆ จนเกรชที่นั่งทานส้มตำอยู่ตรงข้ามเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง
Phimmada: สวัสดีค่ะ..คุณวิน วันนี้ที่นี่แดดเปรี้ยงเลยค่ะ แล้วที่นั่นเป็นอย่างไรบ้างคะ?
“ยิ้มอะไรคนเดียวฮึ พิมพ์?” เกรชแซวขึ้นด้วยน้ำเสียงทะเล้น พลางเลิกคิ้วมองเพื่อนอย่างจับผิด ก่อนจะรีบชำเลืองมองข้อความที่เพื่อนแอบคุยกับหนุ่ม พิมพ์มาดาเห็นดังนั้นก็รีบเอามือปิดหน้าจอโทรศัพท์ทันทีด้วยท่าทางมีพิรุธ
“มีหนุ่มคนใหม่แล้วเหรอ ถึงว่าล่ะ...หายเศร้าเป็นปลิดทิ้งเชียวนะ” เกรชยังคงแซวไม่เลิก
พิมพ์มาดาหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อยก่อนจะรีบหุบรอยยิ้ม แต่ก็ไม่วายเหลือไว้ซึ่งความสุขเล็กๆ ที่ยังคงฉายประกายอยู่ในแววตา
“บ้า! หนุ่มที่ไหนกันล่ะ..ไม่มี๊ แค่ก็...เพื่อนคุยกันน่ะ” พิมพ์มาดาเสียงสูงเล็กน้อย พยายามกลบเกลื่อน
ในขณะที่เกรชจ้องมองเพื่อนรักด้วยสายตาที่ไม่เชื่อสนิทใจ
“ชิ!!!..ยิ้มหวานซะขนาดนี้เนี่ยนะ? เพื่อนแบบไหนกันจ๊ะ ไหนบอกมาซิ๊” เธอส่งสายตาล้อเลียนอย่างเปิดเผย
พิมพ์มาดาถอนหายใจแกล้งรำคาญ แต่ในใจกลับรู้สึกขอบคุณธาวินอย่างเงียบๆ ที่เข้ามาทำให้ความรู้สึกของเธอดีขึ้นมากจากหลายวันที่ผ่านมา
“ก็...เพื่อนที่รู้จักในแอปที่เธอแนะนำให้ชั้นโหลดเมื่ออาทิตย์ก่อนนั่นแหละ” เธอตอบเสียงเบา แต่เกรชกลับเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
“จริงดิ! ไหนเล่ามาซิๆ เป็นใครยังไง” เธอโน้มตัวเข้ามาใกล้เพื่อนอย่างรวดเร็วด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ในขณะที่เพื่อนซี้กำลังซักไซ้รายละเอียด พิมพ์มาดาก็ก้มลงพิมพ์ข้อความตอบกลับธาวินด้วยรอยยิ้มเล็กๆ ที่หุบไม่ลง ระหว่างนั้นเอง การแจ้งเตือนข้อความใหม่ในมือถือของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง ธาวินที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
“แป๊บ ๆ เค้าตอบมาล่ะ” พิมพ์มาดาหันมาบอกกับเพื่อนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบก้มลงไปอ่านข้อความด้วยใจจดใจจ่อ
Thawin: ที่นิวยอร์กฝนตกปรอยๆ ครับ อย่าลืมทานมื้อเที่ยงนะครับ ผมเป็นห่วง
พิมพ์มาดาอมยิ้มกับความเป็นห่วงที่แสนจะอบอุ่นและน่ารักของธาวิน ความรู้สึกดีใจเล็กๆ แล่นริ้วไปทั่วหัวใจ ราวกับมีผีเสื้อกระพือปีกเบาๆ ในอก ความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ของเขา ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้อีกต่อไป รอยยิ้มบางๆ นั้นยังคงประดับอยู่บนใบหน้าหวาน แม้เพื่อนสนิทอย่างเกรชจะยังคงจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ก็ตาม
Phimmada: ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ กำลังจะทานพอดีเลยค่ะ แล้วคุณวินล่ะคะ ที่นั่นดึกแล้ว นอนหรือยังคะ พิมพ์รบกวนหรือเปล่า?
Thawin: เปล่า ๆ ครับไม่ได้รบกวนอะไรเลย ผมเพิ่งเสร็จจากการทำงานวิจัยครับ กว่าจะเสร็จก็ดึกแทบทุกคืนเลย
Phimmada: เก่งจังเลยค่ะ เอาใจช่วยขอให้งานวิจัยของคุณวิน ผ่านเร็ว ๆ นะคะ
Thawin: ขอบคุณครับ กำลังใจจากคุณพิมพ์สำคัญที่สุดเลย
Phimmada: ฝันดีนะคะ พิมพ์ไม่กวนแล้ว พักผ่อนเยอะๆ นะคะ
Thawin: ทานมื้อเที่ยงให้อร่อยนะครับ แล้วคุยกันใหม่นะครับ
พิมพ์มาดาวางโทรศัพท์ลงตรงหน้าข้างๆ จาน เธออมยิ้มให้กับตัวเองอย่างเขินอายปนสุขใจ เกรชยังคงจ้องมองเธอด้วยสายตาคาดคั้น
“สรุปว่ายังไงยะ เล่ามาเดี๋ยวนี้!” เกรชเร่งเร้าด้วยน้ำเสียงอยากรู้สุดๆ
พิมพ์มาดาหัวเราะเบาๆ อย่างมีความสุข ก่อนจะตอบคำถามของเพื่อนอย่างอารมณ์ดี
“ก็ไม่มีอะไรหรอกเกรช แค่..คุยกันเล่น ๆ แก้เหงาน่ะ” แต่รอยยิ้มที่ยังคงแต้มอยู่บนใบหน้าของเธอก็ฟ้องว่า ผู้ชายในแอปที่เพื่อนรักคุยด้วย คงจะไม่ได้คุยกันธรรมดาเสียแล้ว ความรู้สึกพิเศษบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ในใจของเธอ
หลังเลิกงาน
พิมพ์มาดากลับมาถึงห้องพักด้วยความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง แต่ถึงกระนั้นความคิดถึงใครบางคนที่เข้ามาวนเวียนในห้วงความคิดตลอดทั้งวัน ก็ทำให้เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอย่างเป็นนิสัย ราวกับเป็นกิจวัตรที่ขาดไม่ได้ไปเสียแล้ว นิ้วเรียวสวยเลื่อนหน้าจอไปยังแอปพลิเคชันที่คุยเคยด้วยความรู้สึกโหยหาและรอคอยอย่างเงียบงัน
Phimmada: ทำอะไรอยู่คะคุณวิน? ที่นั่นคงเช้าแล้วใช่มั้ยคะ
ไม่นานธาวินก็ตอบกลับมา
Thawin: ผมเพิ่งตื่นเมื่อกี้นี้ครับ กำลังชงกาแฟพอดีเลย แล้วก็..คิดถึงใครบางคนไปด้วย
พิมพ์มาดาหน้าแดงเล็กน้อยกับคำพูดหยอกเย้าของเขา
Phimmada: คิดถึงใครเหรอคะ
Thawin: ก็แถวๆ นี้แหละครับ ว่าแต่เมื่อวานคุณบอกว่าเจอเรื่องแย่ ในที่ทำงาน เป็นยังไงบ้างครับ ดีขึ้นหรือยัง?
ธาวินเปลี่ยนเรื่องแล้วถามด้วยความเป็นห่วง
Phimmada: ดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ แค่ได้คุยกับคุณวินก็เหมือนได้ชาร์จพลังแล้วค่ะ
Thawin: ผมดีใจที่คุณพิมพ์รู้สึกแบบนั้นครับ ถ้ามีอะไรไม่สบายใจอีกก็ระบายให้ผมฟังได้ตลอดเลยนะครับ
จากนั้นธาวินก็เล่าเรื่องตลกสุดฮาที่เกิดขึ้นในคลาสเรียนให้เธอฟังอย่างออกรสออกชาติ ทั้งคู่ผลัดกันส่งสติกเกอร์หัวเราะ จนบรรยากาศเงียบเหงาในห้องพักของพิมพ์มาดาพลันอบอวลไปด้วยความสุขเล็กๆ ที่เธอไม่ได้สัมผัสมานานแสนนาน
ข้อความที่ธาวินส่งมา ราวกับกุญแจดอกน้อยๆ ที่ค่อยๆ ไขเปิดประตูความรู้สึกที่ปิดตายในใจของพิมพ์มาดาอย่างอ่อนโยน เธอเริ่มพิมพ์เล่าเรื่องราวความรักที่เพิ่งจบลงอย่างละเอียด และถ่ายทอดความเจ็บปวด ความเสียใจ และความรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งอย่างหมดเปลือก ทุกตัวอักษรถูกกลั่นออกมาจากความรู้สึกที่แท้จริง โดยไม่ได้คาดหวังสิ่งใดตอบแทนจากเขา
ธาวินตอบกลับมาอย่างอดทนและเข้าใจ เขาไม่ได้แสดงความคิดเห็นตัดสินใดๆ ไม่มีการซ้ำเติมบาดแผลในใจเธอ มีเพียงคำพูดที่อ่อนโยนและให้กำลังใจ ราวกับเพื่อนสนิทที่รับฟังทุกเรื่องราวอย่างตั้งใจ พิมพ์มาดารู้สึกแปลกใจอย่างประหลาด ที่เธอสามารถเปิดเผยความอ่อนแอและความเปราะบางภายในให้คนแปลกหน้าคนนี้ฟังได้อย่างง่ายดาย ราวกับว่าเธอรู้จักเขามานานแสนนาน
บทสนทนาของคนแปลกหน้าสองคนดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง ไหลรื่นราวกับสายน้ำ ทั้งสองแลกเปลี่ยนเรื่องราว ความคิดเห็น และความรู้สึกเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน แม้จะไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อนยกเว้นรูปในโปรไฟล์ แต่พิมพ์มาดากลับรู้สึกถึงความอบอุ่นและความจริงใจที่ส่งผ่านมาทางตัวอักษร เธอเริ่มรู้สึกดีขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ ความเศร้าที่เคยปกคลุมหัวใจราวกับเมฆฝน เริ่มจางหายไปทีละน้อย แสงสว่างเล็กๆ เริ่มสาดส่องเข้ามา
หลายวันผ่านไป ความสัมพันธ์ผ่านตัวอักษรของทั้งคู่ก็ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ทั้งสองเริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องราวส่วนตัว ความฝันเล็กๆ ในชีวิต ความชอบและรสนิยมที่ตรงกัน และมุมมองที่แตกต่างกันในชีวิต ธาวินเป็นผู้ฟังที่ยอดเยี่ยม และมักจะมีคำพูดที่ทำให้พิมพ์มาดารู้สึกดีขึ้น เธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนมองโลกในแง่บวกและเริ่มรู้สึกว่าเขามีบางอย่างที่พิเศษและแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากคนที่เธอเคยคบหามา
ตอนที่ 25 ดั่งนรกชังหรือสวรรค์แกล้งพิมพ์มาดาเลิกคิ้วสูงด้วยความไม่เข้าใจ การต้องแสดงออกว่าเป็นคนรักของเขา ต่อหน้าลูกชายของเขา มันฟังดูซับซ้อนและอาจนำไปสู่ปัญหาได้ แต่เมื่อนึกถึงความจริงใจที่อัครเดชมีให้ พิมพ์มาดาก็ไม่กล้าปฏิเสธและพยายามทำความเข้าใจในเหตุผลของเขา แต่ความกังวลเกี่ยวกับ ทายาทของเขาก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว พิมพ์มาดาพลันนึกขึ้นได้อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน เธอหันไปมองเขาที่กำลังมองเธอด้วยแววตาเอ็นดู ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามเรื่องที่ติดค้างในใจ“เอ่อ... คุณอัครเดชคะ” พิมพ์มาดาเอ่ยขึ้นอย่างลังเล“หนูขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหมคะ... คือ... ลูกชายของคุณ...เค้าอายุเท่าไหร่แล้วคะ” เธอถามออกไปพร้อม ๆ กับความกังวลในใจ“เขา... เป็นเด็กหรือเปล่าคะ คือ..หนูเกรงว่าเด็กจะอาจไม่เข้าใจเรื่องของผู้ใหญ่...และอาจไม่เข้าใจสถานะของหนูน่ะค่ะ” คุณอัครเดชยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยนเมื่อได้ยินคำถาม“อ้อ ลูกชายฉันน่ะเหรอ” คุณอัครเดชตอบ พลางยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย“ไม่ต้องห่วงหรอกหนู..ลูกชายฉันน่ะ..มันไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว สบายใจได้ ถ้าฉันจำไม่ผิดปีนี้ลูกชายฉันก็อายุ 30 ปีแล้วมั่ง เพิ่งเรียนจบปริญญาโทจากต่างประ
ตอนที่ 24 สถานะที่พลิกผันหลังจากจัดการเรื่องที่ทำงานและหอพักเสร็จเรียบร้อย วันต่อมาอัครเดชก็พาพิมพ์มาดามายังบ้านของเขาที่อยู่เชียงใหม่ ซึ่งอัครเดชเรียกว่า 'บ้าน' แต่สำหรับพิมพ์มาดาแล้ว นี่มันคือคฤหาสน์ชัดๆ ความรู้สึกราวกับกำลังเดินทางข้ามมิติ ตั้งแต่รถตู้คันใหญ่เลี้ยวเข้ามาในซอยที่สองข้างทางเต็มไปด้วยกำแพงสูงและต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะชะลอความเร็วเมื่อถึงรั้วเหล็กดัดขนาดมหึมาที่เปิดออกอย่างช้าๆ ราวกับประตูสู่สรวงสวรรค์อีกแห่ง การ์ดรักษาความปลอดภัยในชุดเครื่องแบบสีเข้มยืนประจำการณ์คอยดูแลความสงบอยู่ตามจุดต่าง ๆ การ์ดยกมือทำความเคารพอย่างนอบน้อม จากนั้นประตูไฟฟ้าก็เลื่อนเปิดออกรถเคลื่อนตัวไปตามถนนที่ทอดผ่านสวนพันธ์ไม้นานาชนิดขนาดใหญ่ราวกับสวนสาธารณะขนาดใหญ่ มีน้ำพุอยู่ตรงกลางล้อมรอบไปด้วยสนามหญ้าอันเขียวขจีที่ได้รับการดูและอย่างพิถีพิถัน ไม้ดอกนานาพันธุ์ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆเมื่อสายตาของหญิงสาวปะทะกับตัวอาคารเบื้องหน้าครั้งแรก เธอถึงกับตะลึง ตัวอาคารขนาดมหึมา ตั้งตระหง่านอย่างโอ่อ่า สถาปัตยกรรมดูคลาสสิกผสมผสานความทันสมัยได้อย่างลงตัว วัสดุที่ใช้ดูมีราคาแพงลิบ ทั้งหินอ่อนเนื้อดี กระจกใสบานใหญ่ แล
ตอนที่ 23 โลกใบใหม่รุ่งเช้า..วันต่อมาเป็นเช้าแรกที่รู้สึกแปลกไปจากเดิม พิมพ์มาดาร่วมโต๊ะอาหารเช้ากับอัครเดชและคุณแม่ บรรยากาศเงียบสงบกว่าทุกวันที่ผ่านมา มีเพียงเสียงช้อนส้อมกระทบจาน และบทสนทนาเบาๆขณะที่กำลังจิบกาแฟอุ่นๆ อยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของพิมพ์มาดาก็ดังขึ้น เป็นเบอร์ของหัวหน้างานที่แผนกบัญชี เธอลังเลเล็กน้อยก่อนจะกดรับสาย“สวัสดีค่ะ...” พิมพ์มาดาเอ่ยได้แค่เพียงประโยคทักทายเท่านั้น เสียงแว้ดๆ จากปลายสายดังลอดออกมาทันที แม้เธอจะพยายามลดเสียงแล้วก็ตาม“นี่พิมพ์! ถ้าวันนี้เธอยังไม่กลับมาทำงานอีก ฉันจะไล่เธอออกนะยะ!”พิมพ์มาดาหน้าซีดเผือดทันที เธอเกือบจะลืมเรื่องงานไปเสียสนิทในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้ เธอก็ยังมัวแต่ยุ่ง ๆคุณอัครเดช ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้าม และเพิ่งจิบกาแฟไปเมื่อครู่ ชำเลืองมองมาที่เธอ เมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของเด็กสาว และได้ยินเสียงหัวหน้างานที่ดังลอดออกมา เขาก็พอจะเดาเรื่องได้เมื่อวางสาย พิมพ์มาดานั่งนิ่งอึ้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล“มีอะไรรึเปล่าลูก ใครโทรมาเหรอ” พิมพ์ดาวเอ่ยถามบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง“หัวหน้าโทรมาค่ะแม่ บอกว่าถ้าวันนี้หนูไม่ไปทำงาน เค้าจะไล่ออก
ตอนที่ 22 ข้อตกลง..ระหว่างเราพิมพ์มาดาตัดสินใจว่าเธอควรจะคุยกับคุณอัครเดชอย่างเปิดอก เธอรู้สึกขอบคุณแม่ที่ให้สิทธิ์เธอตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ได้บังคับให้เธอรับข้อเสนอเพียงเพราะเรื่องหนี้สิน แม้ว่านั่นจะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เธอต้องมานั่งคิดหนักก็ตามหลังจากทานมื้อกลางวันกันอย่างเงียบๆ คุณอัครเดช ก็เห็นว่าพิมพ์มาดาดูมีบางอย่างในใจ เขาจึงหาจังหวะเอ่ยขึ้น เพื่อคุยกับเธอสองต่อสอง หลังจากพิมพ์ดาวลุกไป“หนูพิมพ์!!!... ถ้าหนูไม่สบายใจเรื่องที่ฉันเสนอ...ก็บอกกันตรง ๆ ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอก ฉันพร้อมรับฟังทุกอย่างที่” คำพูดของชายสูงวัยเป็นเหมือนการเปิดประตูให้เธอพิมพ์มาดาสูดหายใจลึกๆ เธอรู้ว่านี่คือเวลาที่เหมาะสมที่สุด ที่จะต้องเคลียร์ความรู้สึกและความคิดของตัวเองกับเขาอย่างตรงไปตรงมา“คุณอัครเดชคะ... คือจริง ๆ แล้ว หนูยังมีหลายอย่างที่หนูอยากจะบอกให้คุณได้รับรู้ค่ะ”“โอเคร งั้นหนูพูดมาได้เลยนะ”พิมพ์มาดา สูดหายใจลึกๆ พลางมองใบหน้ายินดีของชายสูงวัยคราวพ่อ ที่กำลังนั่งรอฟังเธอด้วยความตั้งใจ ก่อนที่ตนเองจะเปิดเผยความรู้สึกที่วุ่นวายให้กับเขาฟัง ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับเธอเหลือเกิน“คุ
ตอนที่ 21 ทางเลือก...บนคราบน้ำตาเช้าวันต่อมา หลังจากพิธีฌาปนกิจและวันอันแสนสาหัสผ่านพ้นไป บนผืนน้ำนิ่งสงบของลำน้ำสายหนึ่ง พิมพ์มาดาและพิมพ์ดาวผู้เป็นมารดา ยืนอยู่เคียงข้างคุณอัครเดช เถ้ากระดูกที่บัดนี้แปรสภาพเป็นเพียงธุลีถูกโรยลงสู่ผืนน้ำอย่างช้าๆ ท่ามกลางแสงแดดยามเช้าที่ทาบทาผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับบรรยากาศเงียบสงบแต่ในใจของสองแม่ลูกยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความเศร้า ความเหนื่อยล้า และความสับสนจากเหตุการณ์เมื่อวานที่เกิดขึ้นคุณอัครเดช ยืนอยู่ใกล้ๆ ด้วยท่าทีสงบนิ่ง แต่สายตาที่มองมาที่พิมพ์มาดาเต็มไปด้วยความห่วงใยเมื่อพิธีง่ายๆ เสร็จสิ้นลง พิมพ์ดาวหันมาทางคุณอัครเดช ด้วยใบหน้าที่มีร่องรอยของความเหนื่อยล้า แต่แววตาเจือด้วยความซาบซึ้งใจ“คุณอัครเดชคะ เรื่องหนี้สินที่พ่อยัยพิมพ์ก่อไว้ ดาวจัดการโอนเงินคืนให้พวกนั้นเรียบร้อยแล้วนะคะเมื่อวาน เย็น ขอบคุณมากๆ นะคะสำหรับความช่วยเหลือของคุณจริงๆ ค่ะ ถ้าไม่ได้คุณดาวก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร...” เสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อย อัครเดช ยิ้มบางๆ ให้พิมพ์ดาว ก่อนจะเอ่ยขึ้นถึงความต้องการของตัวเองบ้าง“ไม่เป็นไรครับคุณดาว ผมยินดีช่วยค
ตอนที่ 20 เบื้องหลังของบิดา15.00 นช่วงเวลาอันเงียบสงบก่อนพิธีฌาปนกิจศพของคุณพ่อพิมพ์มาดา ได้ถูกรุกรานด้วยกลุ่มชายฉกรรจ์ร่างกำยำ ท่าทางไม่เป็นมิตร พวกเขากรูเข้ามาในบริเวณวัดอย่างไม่เคารพสถานที่ ส่งเสียงโวยวายและทวงถามถึงหนี้สินมหาศาลที่คุณพ่อของพิมพ์มาดาทิ้งไว้ ก่อนจะบอกยอดเงินเกือบยี่สิบล้านบาทรวมทั้งต้นและดอกให้พิมพ์ดาวรับรู้ ทำเอาเธอถึงกับเข่าอ่อน ใบหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ มือไม้สั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อได้ยินตัวเลขที่น่าตกใจนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านั้นดูจะไม่ยอมรามือ พวกเขายืนกรานที่จะทวงหนี้ให้ได้ก่อนที่จะมีพิธีใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการอ่านประวัติของผู้ตาย พิมพ์ดาวกลัวว่างานศพของสามีจะสะดุด และพวกนั้นก็บอกว่าจะป่าวประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ในช่วงขั้นตอนการอ่านประวัติของผู้ตายอีกด้วย สร้างความกดดันให้กับพิมพ์ดาวเป็นอย่างมากอัครเดชที่ยืนต้อนรับแขกเหรื่อคู่กับพิมพ์มาดา สังเกตเห็นความผิดปกติและสีหน้ากังวลของพิมพ์ดาว จึงเดินเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านั้นด้วยท่าทีสงบนิ่งแต่หนักแน่นอย่างไม่เกรงกลัว“มีอะไรกันหรือครับ” เสียงทุ้มนุ่มของอั







