LOGINตลอดเวลาที่ว่างจากการทำงาน พิมพ์มาดาแทบจะก้มหน้าอยู่กับโทรศัพท์ นิ้วเรียวเลื่อนสัมผัสหน้าจอ พิมพ์ข้อความโต้ตอบกับธาวินอย่างมีความสุข เสียงหัวเราะเบาๆ กลับมาเยือนริมฝีปากเธออีกครั้ง บรรยากาศรอบตัวพิมพ์มาดาดูสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เกรชและเพื่อนสนิทคนอื่นๆ ในที่ทำงานต่างก็ดีใจที่ได้เห็นเพื่อนรักกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องเตือนเพื่อนด้วยความหวังดี
“ฉันว่าแกจริงจังกับผู้ชายคนนี้มากไปรึเปล่า พิมพ์?” เกรชเอ่ยขึ้นขณะที่กำลังยืนรอรถประจำทางกลับบ้านพร้อมกับเพื่อน แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องใบหน้าพิมพ์มาดาที่เริ่มมีสีชมพูระเรื่อ
“เพิ่งคุยกันไม่กี่เดือนเองนะ แถมยังไม่เคยเจอตัวจริงด้วยซ้ำ”
พิมพ์มาดาชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยวูบไหว เธอรู้ว่าเพื่อนหวังดี แต่ความรู้สึกที่เธอมีต่อธาวินมันก็มากพอที่จะทำให้เธอมั่นใจได้ ว่าเขาไม่ได้มาหลอกลวงเธอ
“ฉันรู้น่า!...เกรช” พิมพ์มาดาถอนหายใจแผ่วเบา
“แต่คุณวินเค้า...เค้าทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นจริงๆ นะ แกก็เห็นนี่ เค้าเข้าใจฉันทุกอย่างเลย” น้ำเสียงของพิมพ์มาดาบอกอย่างอ่อนโยน
“คุยกันผ่านแอป ผ่านตัวอักษรน่ะ...มันง่ายนะแก” เกรชเน้นเสียงอย่างเป็นห่วง
“แต่ตัวจริงเค้าอาจจะไม่ตรงปกก็ได้นะเว้ย แกลองคอลหาเขาหรือยัง”
พิมพ์มาดาหลบสายตาเพื่อนเล็กน้อย แก้มของเธอร้อนผ่าว
“ยังเลยอะ...ฉันยังไม่กล้าเปิดกล้องว่ะ อายเค้า ยังทำหน้าไม่ถูกเลย ฉันกลัวเค้าเห็นหน้าจริงฉันแล้ว เค้าจะเปลี่ยนใจน่ะสิ” น้ำเสียงเธอแฝงไปด้วยความไม่มั่นใจ
“แกสวยออกขนาดนี้ ยังไม่มั่นใจอีกเหรอ” เกรชเอ่ยอย่างแปลกใจ
“ไม่รู้สิ...ตั้งแต่ถูกพี่เชษฐ์ทิ้ง ฉันก็หมดความมั่นใจไปเลยอะแก” พิมพ์มาดาตอบเสียงแผ่ว ความเจ็บปวดในอดีตยังคงทิ้งร่องรอยไว้ในใจเธอ
“สมัยนี้ผู้ชายหลอกฟันเล่นๆ ก็เยอะแยะ แกอย่าเพิ่งทุ่มใจไปหมดนะ” เกรชยังคงเตือนด้วยความเป็นห่วง
“ฉันรู้...ว่าแกหวังดี” พิมพ์มาดาถอนหายใจ
“แต่ฉันเชื่อใจคุณวินเค้านะ เขาดูเป็นคนจริงใจ แล้วเขาก็กำลังจะกลับมาเมืองไทยอาทิตย์หน้านี้แล้วด้วย” น้ำเสียงเธอมีความหวังเจืออยู่
“กลับมาก็ดีเหมือนกัน แกจะได้เห็นเค้าจะๆ ไปเลยว่า...ดูสิจะเป็นเนื้อคู่ หรือเนื้อตุ๋น” เกรชยังคงแซวแกมปราม แต่ในใจลึกๆ ก็ภาวนาให้เพื่อนเจอคนดีๆ จริงๆ สักที
ค่ำคืนวันศุกร์
พิมพ์มาดาก็แทบจะนับวินาทีรอเวลาวิดีโอคอลกับธาวิน เธอเลือกชุดสวยที่สุดในตู้เสื้อผ้า แต่งหน้าอย่างพิถีพิถัน และนั่งรอหน้าจอโทรศัพท์ด้วยหัวใจที่เต้นระรัวราวกับกลองศึก เมื่อสัญญาณเรียกเข้าดังขึ้น ใบหน้าคมสันพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นที่เธอคุ้นเคยก็ปรากฏบนหน้าจอ
“สวัสดีครับ...คุณพิมพ์ ฮื้อหื้อ!! ตัวจริงคุณสวยกว่าในรูปอีกนะครับเนี่ย” ธาวินทักทายด้วยคำชมที่อ่อนโยนที่ทำให้พิมพ์มาดาใจสั่นทันที
“สวัสดีค่ะ...คุณวิน อันที่จริงเราน่าจะเปิดกล้องคุยกันตั้งนานแล้วเนอะ!” พิมพ์มาดาตอบกลับด้วยรอยยิ้มหวาน ดวงตาเป็นประกาย แต่ใจก็ยังคงสั่นเล็กน้อย
“ไม่คิดเลยว่าคุณจะยอมคอลกับผม” ธาวินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจือความแปลกใจ แต่ก็แฝงไว้ด้วยความยินดี
“ก็เราจะเจอกันอยู่แล้วนี่คะ เดี๋ยวตอนไปรับก็ไม่รู้จักกันพอดี” พิมพ์มาดาเอ่ยตอบกลับอย่างขี้เล่น แต่ในใจก็แอบประหม่าเล็กน้อย
“แล้วผมตรงปกมั้ยครับ?” ธาวินถามพร้อมรอยยิ้มทะเล้น
“ตรงปกค่ะ” พิมพ์มาดาตอบอย่างมั่นใจ
“แล้วตรงสเปคคุณมั้ย?” ธาวินถามต่อด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ไม่บอกค่ะ” พิมพ์มาดาตอบพร้อมรอยยิ้มเขินอาย
“อายผมเหรอครับ?” ธาวินหัวเราะเบาๆ
“แต่คุณตรงสเปคผมเลยนะครับ ตั้งแต่แรกที่เห็นโปรไฟล์แล้วล่ะ” น้ำเสียงของเขาจริงจังขึ้นเล็กน้อย
บทสนทนาผ่านวิดีโอคอลในคืนนั้นยาวนานกว่าทุกครั้ง ทั้งคู่พูดคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต มองหน้ากันผ่านหน้าจอ สื่อสารกันด้วยสายตา และรับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงที่เริ่มถักทอสายใยบางๆ ในหัวใจ ธาวินแสดงความอบอุ่น เอาใจใส่ และเข้าใจในทุกสิ่งที่พิมพ์มาดาพูด ทำให้ความเชื่อมั่นในตัวเขาแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
“คุณพิมพ์ครับ!!!...” ธาวินเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น มองตรงมาที่กล้อง
“ผมอยากให้คุณรู้ว่า...ผมไม่ได้คุยกับคุณแค่แก้เหงา ผมรู้สึกดีกับคุณจริงๆ นะครับ ดีมากๆ ด้วย และผมก็อยากเริ่มต้นกับคุณอย่างจริงจังเมื่อผมกลับไปถึงไทย” ดวงตาของเขาฉายแววความจริงใจ
พิมพ์มาดามองใบหน้าของเขาผ่านหน้าจอ น้ำตารื้นด้วยความตื้นตัน หัวใจเธออบอุ่นจนล้น
“ฉันก็รู้สึกเหมือนกันค่ะ คุณวิน...ฉันเชื่อว่าคุณเป็นคนดี” น้ำเสียงของเธอสั่นเล็กน้อย
“ขอบคุณนะครับที่เชื่อใจผม” ธาวินยิ้มกว้าง รอยยิ้มที่ทำให้พิมพ์มาดารู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด
“อดทนรออีกนิดนะครับ อีกสองวันเราก็ได้เจอกันแล้ว”
ถึงแม้เกรชจะยังคงเตือนให้พิมพ์มาดาเผื่อใจไว้บ้าง แต่ในใจลึกๆ พิมพ์มาดาก็เริ่มวาดฝันถึงวันที่เธอจะได้พบกับธาวินตัวจริง เธอหวังว่าผู้ชายที่เธอรู้สึกผูกพันด้วยอย่างรวดเร็วผ่านโลกออนไลน์คนนี้ จะเป็น ‘เนื้อคู่’ ที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตเธอ ไม่ใช่แค่ ‘เนื้อตุ๋น’ อย่างที่ผ่าน ๆ มา ที่เข้ามาในชีวิตเธอแล้วก็เดินจากไป ทิ้งไว้เพียงร่องรอยของความเจ็บปวด
พิมพ์มาดานั่งคอยอยู่ที่สนามบินด้วยความประหม่า ดวงตาก็จับจ้องอยู่ที่ป้ายบอกทางไปยังอาคารผู้โดยสารขาเข้า สนามบินสุวรรณภูมิในยามเช้าคึกคักไปด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติที่เดินทางเข้าออกประเทศ
เสียงล้อลากกระเป๋า เสียงพูดคุยจอแจ และเสียงประกาศเที่ยวบินดังเป็นระยะ ราวกับเป็นเพลงประกอบฉากให้กับความรู้สึกที่ปั่นป่วนอยู่ในอกของพิมพ์มาดา
หัวใจของเธอเต้นระรัวราวกับกลองศึกในสมรภูมิ เสียงรอบข้างนั้นเลือนราง ไม่ชัดเจน ราวกับโลกทั้งใบกำลังโฟกัสไปที่ความคิดถึงและความคาดหวังถึงอนาคตอันใกล้นี้ ความตื่นเต้น ความประหม่า และความหวังดีดตัวขึ้นมาเป็นระยะๆ จนเธอรู้สึกว้าวุ่นไปหมด ราวกับมีผีเสื้อนับร้อยตัวกำลังโบยบินอยู่ในช่องท้อง
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้ง นิ้วเรียวงามเลื่อนหาดูข้อความที่คุยกับธาวินครั้งล่าสุดก่อนที่เขาจะขึ้นเครื่อง ในข้อความบอกว่าเที่ยวบินจากนิวยอร์ก จะมาถึงกรุงเทพฯ ในเวลาประมาณ 06:30 น. ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งตอนนี้ก็ใกล้จะถึงเวลานั้นแล้ว
พิมพ์มาดายังไม่เคยเดินทางไปนิวยอร์ก จึงได้แต่นั่งนึกภาพถึงการเดินทางที่แสนอันยาวนานกว่า 17 ชั่วโมงบนเครื่องบินจากคำบอกเล่าของชายหนุ่ม ธาวินคงจะเหนื่อยมากทีเดียว ความรู้สึกเห็นใจและอยากดูแลเขาพลันก่อตัวขึ้นมา ซึ่งทั้งคู่ได้ตกลงกันเอาไว้ว่าจะไปเที่ยวกันต่อ ก่อนที่เขาจะเดินทางกลับบ้านที่เชียงใหม่บ้านเกิด
สายตาของพิมพ์มาดากวาดมองไปยังกลุ่มคนที่ทยอยเดินออกมาจากประตูผู้โดยสารขาเข้า เธอพยายามสอดส่องหาร่างคุ้นตา ทั้งจากภาพถ่ายบนโปรไฟล์ที่เธอจำได้ขึ้นใจ และภาพใบหน้าของเขาที่เพิ่งจะได้เห็นผ่านวิดีโอคอลเมื่อเร็ว ๆ นี้ ความตื่นเต้นทำให้ทุกใบหน้าผู้โดยสารหลายคนดูคล้ายคลึงกันไปหมด เธอหวังว่าเขาจะไม่สวมแมส หรือใส่หมวกเดินออกมา พิมพ์มาดาพยายามตั้งใจเพ่งมองหนุ่ม ๆ หลายคนเป็นพิเศษ เพื่อหวังจะพบเจอคนที่หัวใจของตนเองเรียกร้อง
ตอนที่ 25 ดั่งนรกชังหรือสวรรค์แกล้งพิมพ์มาดาเลิกคิ้วสูงด้วยความไม่เข้าใจ การต้องแสดงออกว่าเป็นคนรักของเขา ต่อหน้าลูกชายของเขา มันฟังดูซับซ้อนและอาจนำไปสู่ปัญหาได้ แต่เมื่อนึกถึงความจริงใจที่อัครเดชมีให้ พิมพ์มาดาก็ไม่กล้าปฏิเสธและพยายามทำความเข้าใจในเหตุผลของเขา แต่ความกังวลเกี่ยวกับ ทายาทของเขาก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว พิมพ์มาดาพลันนึกขึ้นได้อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน เธอหันไปมองเขาที่กำลังมองเธอด้วยแววตาเอ็นดู ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามเรื่องที่ติดค้างในใจ“เอ่อ... คุณอัครเดชคะ” พิมพ์มาดาเอ่ยขึ้นอย่างลังเล“หนูขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหมคะ... คือ... ลูกชายของคุณ...เค้าอายุเท่าไหร่แล้วคะ” เธอถามออกไปพร้อม ๆ กับความกังวลในใจ“เขา... เป็นเด็กหรือเปล่าคะ คือ..หนูเกรงว่าเด็กจะอาจไม่เข้าใจเรื่องของผู้ใหญ่...และอาจไม่เข้าใจสถานะของหนูน่ะค่ะ” คุณอัครเดชยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยนเมื่อได้ยินคำถาม“อ้อ ลูกชายฉันน่ะเหรอ” คุณอัครเดชตอบ พลางยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย“ไม่ต้องห่วงหรอกหนู..ลูกชายฉันน่ะ..มันไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว สบายใจได้ ถ้าฉันจำไม่ผิดปีนี้ลูกชายฉันก็อายุ 30 ปีแล้วมั่ง เพิ่งเรียนจบปริญญาโทจากต่างประ
ตอนที่ 24 สถานะที่พลิกผันหลังจากจัดการเรื่องที่ทำงานและหอพักเสร็จเรียบร้อย วันต่อมาอัครเดชก็พาพิมพ์มาดามายังบ้านของเขาที่อยู่เชียงใหม่ ซึ่งอัครเดชเรียกว่า 'บ้าน' แต่สำหรับพิมพ์มาดาแล้ว นี่มันคือคฤหาสน์ชัดๆ ความรู้สึกราวกับกำลังเดินทางข้ามมิติ ตั้งแต่รถตู้คันใหญ่เลี้ยวเข้ามาในซอยที่สองข้างทางเต็มไปด้วยกำแพงสูงและต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะชะลอความเร็วเมื่อถึงรั้วเหล็กดัดขนาดมหึมาที่เปิดออกอย่างช้าๆ ราวกับประตูสู่สรวงสวรรค์อีกแห่ง การ์ดรักษาความปลอดภัยในชุดเครื่องแบบสีเข้มยืนประจำการณ์คอยดูแลความสงบอยู่ตามจุดต่าง ๆ การ์ดยกมือทำความเคารพอย่างนอบน้อม จากนั้นประตูไฟฟ้าก็เลื่อนเปิดออกรถเคลื่อนตัวไปตามถนนที่ทอดผ่านสวนพันธ์ไม้นานาชนิดขนาดใหญ่ราวกับสวนสาธารณะขนาดใหญ่ มีน้ำพุอยู่ตรงกลางล้อมรอบไปด้วยสนามหญ้าอันเขียวขจีที่ได้รับการดูและอย่างพิถีพิถัน ไม้ดอกนานาพันธุ์ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆเมื่อสายตาของหญิงสาวปะทะกับตัวอาคารเบื้องหน้าครั้งแรก เธอถึงกับตะลึง ตัวอาคารขนาดมหึมา ตั้งตระหง่านอย่างโอ่อ่า สถาปัตยกรรมดูคลาสสิกผสมผสานความทันสมัยได้อย่างลงตัว วัสดุที่ใช้ดูมีราคาแพงลิบ ทั้งหินอ่อนเนื้อดี กระจกใสบานใหญ่ แล
ตอนที่ 23 โลกใบใหม่รุ่งเช้า..วันต่อมาเป็นเช้าแรกที่รู้สึกแปลกไปจากเดิม พิมพ์มาดาร่วมโต๊ะอาหารเช้ากับอัครเดชและคุณแม่ บรรยากาศเงียบสงบกว่าทุกวันที่ผ่านมา มีเพียงเสียงช้อนส้อมกระทบจาน และบทสนทนาเบาๆขณะที่กำลังจิบกาแฟอุ่นๆ อยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของพิมพ์มาดาก็ดังขึ้น เป็นเบอร์ของหัวหน้างานที่แผนกบัญชี เธอลังเลเล็กน้อยก่อนจะกดรับสาย“สวัสดีค่ะ...” พิมพ์มาดาเอ่ยได้แค่เพียงประโยคทักทายเท่านั้น เสียงแว้ดๆ จากปลายสายดังลอดออกมาทันที แม้เธอจะพยายามลดเสียงแล้วก็ตาม“นี่พิมพ์! ถ้าวันนี้เธอยังไม่กลับมาทำงานอีก ฉันจะไล่เธอออกนะยะ!”พิมพ์มาดาหน้าซีดเผือดทันที เธอเกือบจะลืมเรื่องงานไปเสียสนิทในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้ เธอก็ยังมัวแต่ยุ่ง ๆคุณอัครเดช ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้าม และเพิ่งจิบกาแฟไปเมื่อครู่ ชำเลืองมองมาที่เธอ เมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของเด็กสาว และได้ยินเสียงหัวหน้างานที่ดังลอดออกมา เขาก็พอจะเดาเรื่องได้เมื่อวางสาย พิมพ์มาดานั่งนิ่งอึ้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล“มีอะไรรึเปล่าลูก ใครโทรมาเหรอ” พิมพ์ดาวเอ่ยถามบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง“หัวหน้าโทรมาค่ะแม่ บอกว่าถ้าวันนี้หนูไม่ไปทำงาน เค้าจะไล่ออก
ตอนที่ 22 ข้อตกลง..ระหว่างเราพิมพ์มาดาตัดสินใจว่าเธอควรจะคุยกับคุณอัครเดชอย่างเปิดอก เธอรู้สึกขอบคุณแม่ที่ให้สิทธิ์เธอตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ได้บังคับให้เธอรับข้อเสนอเพียงเพราะเรื่องหนี้สิน แม้ว่านั่นจะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เธอต้องมานั่งคิดหนักก็ตามหลังจากทานมื้อกลางวันกันอย่างเงียบๆ คุณอัครเดช ก็เห็นว่าพิมพ์มาดาดูมีบางอย่างในใจ เขาจึงหาจังหวะเอ่ยขึ้น เพื่อคุยกับเธอสองต่อสอง หลังจากพิมพ์ดาวลุกไป“หนูพิมพ์!!!... ถ้าหนูไม่สบายใจเรื่องที่ฉันเสนอ...ก็บอกกันตรง ๆ ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอก ฉันพร้อมรับฟังทุกอย่างที่” คำพูดของชายสูงวัยเป็นเหมือนการเปิดประตูให้เธอพิมพ์มาดาสูดหายใจลึกๆ เธอรู้ว่านี่คือเวลาที่เหมาะสมที่สุด ที่จะต้องเคลียร์ความรู้สึกและความคิดของตัวเองกับเขาอย่างตรงไปตรงมา“คุณอัครเดชคะ... คือจริง ๆ แล้ว หนูยังมีหลายอย่างที่หนูอยากจะบอกให้คุณได้รับรู้ค่ะ”“โอเคร งั้นหนูพูดมาได้เลยนะ”พิมพ์มาดา สูดหายใจลึกๆ พลางมองใบหน้ายินดีของชายสูงวัยคราวพ่อ ที่กำลังนั่งรอฟังเธอด้วยความตั้งใจ ก่อนที่ตนเองจะเปิดเผยความรู้สึกที่วุ่นวายให้กับเขาฟัง ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับเธอเหลือเกิน“คุ
ตอนที่ 21 ทางเลือก...บนคราบน้ำตาเช้าวันต่อมา หลังจากพิธีฌาปนกิจและวันอันแสนสาหัสผ่านพ้นไป บนผืนน้ำนิ่งสงบของลำน้ำสายหนึ่ง พิมพ์มาดาและพิมพ์ดาวผู้เป็นมารดา ยืนอยู่เคียงข้างคุณอัครเดช เถ้ากระดูกที่บัดนี้แปรสภาพเป็นเพียงธุลีถูกโรยลงสู่ผืนน้ำอย่างช้าๆ ท่ามกลางแสงแดดยามเช้าที่ทาบทาผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับบรรยากาศเงียบสงบแต่ในใจของสองแม่ลูกยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความเศร้า ความเหนื่อยล้า และความสับสนจากเหตุการณ์เมื่อวานที่เกิดขึ้นคุณอัครเดช ยืนอยู่ใกล้ๆ ด้วยท่าทีสงบนิ่ง แต่สายตาที่มองมาที่พิมพ์มาดาเต็มไปด้วยความห่วงใยเมื่อพิธีง่ายๆ เสร็จสิ้นลง พิมพ์ดาวหันมาทางคุณอัครเดช ด้วยใบหน้าที่มีร่องรอยของความเหนื่อยล้า แต่แววตาเจือด้วยความซาบซึ้งใจ“คุณอัครเดชคะ เรื่องหนี้สินที่พ่อยัยพิมพ์ก่อไว้ ดาวจัดการโอนเงินคืนให้พวกนั้นเรียบร้อยแล้วนะคะเมื่อวาน เย็น ขอบคุณมากๆ นะคะสำหรับความช่วยเหลือของคุณจริงๆ ค่ะ ถ้าไม่ได้คุณดาวก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร...” เสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อย อัครเดช ยิ้มบางๆ ให้พิมพ์ดาว ก่อนจะเอ่ยขึ้นถึงความต้องการของตัวเองบ้าง“ไม่เป็นไรครับคุณดาว ผมยินดีช่วยค
ตอนที่ 20 เบื้องหลังของบิดา15.00 นช่วงเวลาอันเงียบสงบก่อนพิธีฌาปนกิจศพของคุณพ่อพิมพ์มาดา ได้ถูกรุกรานด้วยกลุ่มชายฉกรรจ์ร่างกำยำ ท่าทางไม่เป็นมิตร พวกเขากรูเข้ามาในบริเวณวัดอย่างไม่เคารพสถานที่ ส่งเสียงโวยวายและทวงถามถึงหนี้สินมหาศาลที่คุณพ่อของพิมพ์มาดาทิ้งไว้ ก่อนจะบอกยอดเงินเกือบยี่สิบล้านบาทรวมทั้งต้นและดอกให้พิมพ์ดาวรับรู้ ทำเอาเธอถึงกับเข่าอ่อน ใบหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ มือไม้สั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อได้ยินตัวเลขที่น่าตกใจนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านั้นดูจะไม่ยอมรามือ พวกเขายืนกรานที่จะทวงหนี้ให้ได้ก่อนที่จะมีพิธีใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการอ่านประวัติของผู้ตาย พิมพ์ดาวกลัวว่างานศพของสามีจะสะดุด และพวกนั้นก็บอกว่าจะป่าวประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ในช่วงขั้นตอนการอ่านประวัติของผู้ตายอีกด้วย สร้างความกดดันให้กับพิมพ์ดาวเป็นอย่างมากอัครเดชที่ยืนต้อนรับแขกเหรื่อคู่กับพิมพ์มาดา สังเกตเห็นความผิดปกติและสีหน้ากังวลของพิมพ์ดาว จึงเดินเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านั้นด้วยท่าทีสงบนิ่งแต่หนักแน่นอย่างไม่เกรงกลัว“มีอะไรกันหรือครับ” เสียงทุ้มนุ่มของอั







