Share

บทที่ 565

Penulis: ไห่ตงชิง
“กระหม่อมรู้สึกตกใจที่เห็นสถานการณ์ที่น่าสลดใจทุกประเภท และรู้สึกเสียใจที่ภัยพิบัติทางธรรมชาตินั้นช่างโหดร้าย”

“หลังจากที่กระหม่อมครุ่นคิดแล้ว จึงรู้สึกว่าต้นตอของทุกสิ่งคือ การไม่สามารถรักษาสมดุลระหว่างรายรับและรายจ่ายของราชสำนักได้”

“เมื่อภัยพิบัติทางธรรมชาติเกิดขึ้น ประชาชนจะไม่มีอาหารให้เก็บเกี่ยว หากประชาชนไม่มีอาหาร ราชสำนักก็จะเก็บภาษีไม่ได้ ในทางกลับกัน เรายังต้องจัดหาอาหารและเงินเพื่อบรรเทาภัยพิบัติ วงจรที่เลวร้ายเช่นนี้ นำไปสู่ท้องพระคลังที่ว่างเปล่า ทำให้ผู้คนที่ยากจนอยู่แล้ว ยิ่งยากจนเข้าไปใหญ่ และเป็นแหล่งที่มาของท้องพระคลังที่ว่างเปล่ามากขึ้นเรื่อยๆ”

“เพราะฉะนั้น กระหม่อมจึงอยากทูลฝ่าบาทว่าราชสำนักจำเป็นต้องเพิ่มรายได้และลดรายจ่าย”

ถานไถจิ้งจือพูดมาถึงตรงนี้ ขุนนางหลายคนก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา

มหาปราชญ์ก็คือมหาปราชญ์ เพิ่งจะเข้ารับราชการ วันแรกของประชุมราชการเช้า ก็กล้าที่จะจัดการกับปัญหาใหญ่ที่ทุกคนรู้ดี แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

“สิ่งที่ท่านอาจารย์กล่าวมานั้นถูกต้อง ในเมื่อท่านพูดถึงเรื่องนี้ หรือว่ามีทางแก้ปัญหา?” หลี่เฉินถามด้วยสายตาและน้ำเสียงที่ให้กำลังใจ

เรื่องมาถึ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 566

    แม้ว่าถานไถจิ้งจือจะรู้ดีว่ามันไม่เหมาะสม แต่เนื่องจากเขาหยิบยกมันขึ้นมาเอง และหวังเถิงฮ่วนก็ก่นด่าแบบไว้หน้า ถานไถจิ้งจือจึงจำเป็นต้องโต้กลับ “ใต้เท้าหวัง”ถานไถจิ้งจือหันหน้าไปมองหวังเถิงฮ่วนอย่างไม่แสดงอารมณ์และพูดว่า “นักปราชญ์กล่าวไว้ว่ามีโจรสามประเภทในประเทศ หนึ่งคือโจรลวงโลก สองคือโจรทรยศ สามคือโจรที่ก่อความเดือดร้อนให้กับใต้หล้า แล้วใต้เท้าหวังคิดว่าข้าเป็นโจรประเภทใด?”คำถามนี้ อิงมาจากคำว่าหัวขโมยของใต้หล้าเมื่อครู่ ทำเอาหวังเถิงฮ่วนตกตะลึงจนตาค้างเขาอึกอักอยู่นาน แต่กลับพูดอะไรไม่ออกถานไถจิ้งจือพูดอย่างเย็นชาว่า “ญัตตินี้ ข้าคำนึงถึงความยากลำบากที่แท้จริงของราชสำนัก หากจัดการดีๆ เมื่อความมั่งคั่งของใต้หล้าถูกรวบรวมไว้ในมือของราชสำนัก และถูกใช้เพื่อประชาชนและประเทศชาติ แล้วจะเป็นโจรไปได้อย่างไร? ใต้เท้าหวังได้โปรดชี้แนะ!”หวังเถิงฮ่วนถูกคำถามของถานไถจิ้งจือไล่บี้ก็พูดไม่ออก ด้วยความโกรธเขาจึงพูดอย่างเร่งรีบว่า “ถึงแม้ว่าจะเปิดธนาคาร ก็แค่ปล่อยให้ประชาชนมาฝากเงินเท่านั้น เงินเหล่านั้นไม่ใช่ของราชสำนัก มิหนำซ้ำ ราชสำนักยังต้องจ่ายดอกเบี้ยให้อีก เช่นนี้แล้วจะแก้ไขปัญห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 567

    แม้ว่าราชสำนักจะอนุมัติแล้ว แต่หลี่เฉินก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดีเขารู้ว่าการต่อต้านที่ใหญ่ที่สุดในเรื่องนี้ก็คือผู้คนผลกระทบที่ตามมาของมัน จะเกิดขึ้นหลังจากที่แพร่กระจายไปสู่ประชาชนแล้วนักวิชาการและประชาชนทั่วไปในใต้หล้าจะไม่สนใจเหตุผลของเจ้า พวกเขาจะด่าเจ้าในสิ่งที่พวกเขาคิดว่าผิดโดยปกติแล้ว เสียงก่นด่าเล็กน้อยก็ไม่เป็นไร แต่คนเหล่านี้ล้วนเป็นลูกค้าของธนาคาร ดังนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หลี่เฉินก็ไม่อาจยอมแพ้พวกเขาดังนั้นวิธีที่จะผลักดันไปข้างหน้าคือ ทำให้ผู้คนในใต้หล้ายอมรับรัฐวิสาหกิจแห่งแรกของจักรวรรดิ และทำให้พวกเขากลายเป็นลูกค้า ซึ่งนั่นคือปัญหาที่แท้จริงที่รออยู่เบื้องหน้าหลี่เฉินไม่สามารถเอามีดจ่อคอคนอื่นแล้วบังคับให้พวกเขาฝากเงินได้ เพราะเรื่องนี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากเลิกการประชุมแล้ว หลี่เฉินก็เรียกถานไถจิ้งจือมาที่ตำหนักบูรพา“เรื่องเมื่อครู่ลำบากท่านอาจารย์แล้ว”ถานไถจิ้งจือยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ตราบใดที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ สิ่งนี้ก็ไม่นับเป็นอะไรได้”หลี่เฉินกล่าวยิ้มๆ “แต่ท่วงทีที่สง่างามของท่านอาจารย์ยามโต้แย้ง ก็ทำให้หวังเถิงฮ่วนนั่นพูดไม่อ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 568

    หลี่อิ๋นหู่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า เขาจะได้เห็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ในตำหนักบูรพาในขณะนั้น หลี่อิ๋นหู่ยังรู้สึกว่าเขากำลังมีอาการประสาทหลอนจังหวะที่หลี่อิ๋นหู่คิดจะไล่ตามไป เขาก็พลันชะงักเท้าเสียก่อนเขานึกขึ้นได้ว่า ที่นี่คือตำหนักบูรพา ไม่ใช่อาณาเขตของเขาที่นี่ เขาจะต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว มิฉะนั้น ถ้าหากองค์รัชทายาทจับหางได้ ตัวเขานั้นคงต้องทุกข์ทรมานอีกครั้งแน่แต่ความสงสัยเกี่ยวกับการปรากฏตัวของสตรีศักดิ์สิทธิ์ ก็เหมือนมีแมวข่วนอยู่ในใจของเขา เขาตระหนักได้ว่ามีบางอย่างที่ไม่เข้าใจกำลังเกิดขึ้นในตำหนักบูรพา หรือว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์กำลังวางแผนที่จะทำอะไรบางอย่าง มิฉะนั้น สตรีศักดิ์สิทธิ์คงไม่ปรากฏตัวที่นี่หลี่อิ๋นหู่ซึ่งกำลังขมวดคิ้ว และอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่ด้านนอกทางเข้าหลักของตำหนักบูรพา จู่ๆ ประตูของตำหนักบูรพาก็ถูกเปิดออกเสียงดังเอี๊ยดและคนที่ออกมาก็ไม่ใช่ใคร คือถานไถจิ้งจือที่กำลังขมวดคิ้วเหตุผลที่ผู้เฒ่าขมวดคิ้วไม่ใช่เรื่องอะไร แต่เป็นเพราะในอีกไม่กี่วันข้าหน้า ตำหนักบูรพากำลังจะรับของขวัญอวยพรจากเหล่าขุนนาง ถานไถจิ้งจือผู้ซึ่งได้รับความเคารพอย่างสูงและมีน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 569

    คำพูดสุภาพก่อนหน้านี้เป็นเพียงผิวเผิน แต่คำพูดเกี่ยวกับการเป็นศิษย์นั้นคือเรื่องจริงถานไถจิ้งจือไม่คาดคิดว่าหลี่อิ๋นหู่จะพูดเช่นนี้ไม่ว่าหลี่อิ๋นหู่จะเป็นอย่างไร แต่ก็ยังเป็นท่านอ๋องแห่งต้าฉิน ซึ่งมีสถานะสูงส่งและไม่ว่าชื่อเสียงของถานไถจิ้งจือจะสูงส่งแค่ไหน แต่ในแง่ของสถานะ เขาก็เป็นเพียงคนบ้านนอกคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าตอนนี้จะดำรงตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่หนึ่ง และเป็นมหาอำมาตย์ในสำนักราชเลขา เมื่ออยู่ต่อหน้าราชวงศ์ สุดท้ายแล้วก็เป็นแค่ขุนนางระหว่างพวกเขาทั้งสองคน พูดกันตามตรงแล้ว ก็ยังคงเป็นนายบ่าว ดังนั้นการที่หลี่อิ๋นหู่ลดสถานะของตัวเองเช่นนี้ ก็นับว่าไม่คำนึงถึงสถานะของเขา ในมุมมองของถานไถจิ้งจือนั้น มันค่อนข้างกระตือรือร้นมากเกินไปเขาไม่รู้เกี่ยวกับข้อขัดแย้งระหว่างหลี่อิ๋นหู่และหลี่เฉิน แต่เข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันดี องค์จักรพรรดิหมดสติ ไม่รู้จะสิ้นพระชมน์ไปตอนไหน ส่วนองค์รัชทายาทแม้จะเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่ก็ยังไม่ขึ้นครองบัลลังก์ ดังนั้นการใกล้ชิดกับท่านอ๋องมากเกินไปในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่“ท่านอ๋องมีสถานะสูงศักดิ์ แต่กระหม่อมแก่ชราแ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 570

    หากมีคนบอกว่ามีคนอื่นกำลังสมรู้ร่วมคิดกับหลี่อิ๋นหู่เพื่อผลประโยชน์ หลี่เฉินจะเชื่อแต่พอเป็นถานไถจิ้งจือซึ่งหลี่เฉินเห็นถึงความเป็นนักวิชาการที่แท้จริงในตัวเขา ดังนั้นจึงไม่เชื่อแน่นอนว่าไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ก็ตามก็ยังจำเป็นต้องสอบสวนต่อไปหลังจากกำชับเรื่องนี้แล้ว เขาก็โยนเรื่องนี้ทิ้งไป เมื่อหลี่เฉินจัดการเรื่องราวต่างๆ เสร็จสิ้น เขาก็ยืนขึ้น และบอกให้วั่นเจียวเจียวเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเองเป็นเสื้อผ้าธรรมดา“ฝ่าบาทจะเสด็จออกไปข้างนอกหรือเพคะ?”วั่นเจียวเจียวถามอย่างระมัดระวัง ขณะที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับหลี่เฉินความเป็นจริงแล้วนางต้องการจะถามฝ่าบาทว่าจะพานางไปด้วยหรือไม่ เมื่อไม่มีฝ่าบาทอยู่ที่นี่ ตำหนักบูรพาที่งดงามนั้นก็ดูว่างเปล่าอยู่เสมอ“ข้าจะไปที่จวนแม่ทัพใหญ่” หลี่เฉินพูด “เพคะ”วั่นเจียวเจียวรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยครั้งล่าสุด ตอนที่ฝ่าบาทเสด็จไปจวนแม่ทัพใหญ่ก็ไม่ได้พานางไปด้วย“ถ้าเจ้าเบื่อก็ตามมาด้วยกันสิ”ประโยคถัดไปของหลี่เฉิน ทำให้วั่นเจียวเจียวมีความสุขทันที “ขอบพระทัยเพคะองค์รัชทายาท!” วั่นเจียวเจียวกล่าวด้วยรอยยิ้มหลี่เฉินพูดพร้อมกับหัวเราะ “เมื่อก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 571

    ซูจิ่นพ่ารู้สึกว่าหลี่เฉินพูดเรื่องไร้สาระแต่ในขณะที่จะหักล้าง ก็จำสิ่งที่ซูผิงเป่ยเคยโน้มน้าวตัวเองก่อนหน้านี้ได้...ซูจิ่นพ่ายอมรับอย่างอ่อนแอว่าบางทีซูผิงเป่ยคงไม่คิดว่ามีอะไรผิดปกติกับเรื่องนี้เลยเป็นเพียงการแต่งงานทางการเมือง ดังที่เขาพูดกับนาง จะแต่งกับใครก็ได้ เมื่อถึงตาของผิงเป่ย เขาก็สามารถแต่งกับใครก็ได้เช่นกัน? ถ้าแม้แต่คนที่เกี่ยวข้องยังไม่สนใจ แล้วทำไมตัวเองถึงต้องออกโรงให้เหนื่อยเปล่าด้วยล่ะ?คิดได้ดังนั้น ซูจิ่นพ่าก็รู้สึกเบื่อเล็กน้อย“ช่างเถอะ เรื่องของพวกเขา ข้าไม่สามารถขวางได้ ดังนั้นข้าจะไม่สนใจ”เมื่อได้ยินสิ่งที่ซูจิ่นพ่าพูด หลี่เฉินก็ยิ้มและพูดว่า “ถูกต้อง แทนที่จะคิดถึงเรื่องนั้น ควรคิดว่าจะต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง เพราะอีกไม่นานเจ้าจะต้องแต่งงาน”ซูจิ่นพ่าขมวดคิ้วแล้วพูดด้วยความโกรธว่า “ข้าควรเตรียมตัวอะไร? ข้าจำเป็นต้องเตรียมการอะไร? ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าจัดแจงทุกอย่างแล้วหรือ ข้าก็แค่ต้องแต่งงานกับเจ้าก็พอ”“เจ้าปรารถนาชีวิตอิสระขนาดนั้นเชียวเหรอ?”คำถามที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยของหลี่เฉิน ทำให้ซูจิ่นพ่าชะงักจากนั้นนางก็มองดูทิวทัศน์ในสวนด้วยความอ้างว้างและพู

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 572

    “เจ้าเตรียมตัวมาดีมาก มีแผนจะหนีออกจากบ้านนานแล้วหรือยัง?”หลี่เฉินคิดไม่ออกจริงๆ ว่าผู้หญิงจะมีเสื้อผ้าผู้ชายในห้องส่วนตัวได้อย่างไร เมื่อประกอบกับคำพูดและการกระทำก่อนหน้านี้ของซูจิ่นพ่า หลี่เฉินก็เดาได้ทันทีว่าซูจิ่นพ่าอาจจะมีความคิดเช่นนี้มานานแล้ว ซูจิ่นพ่าร้องหึออกมา และยอมรับอย่างเปิดเผยว่า “ถ้าไม่เป็นเพราะสุนัขหน่วยบูรพาของเจ้าเยอะเกินไป ข้าคงหนีไปนานแล้ว!”หลี่เฉินหัวเราะลั่น“มีคนไม่กี่คนในโลกนี้ที่กล้าพูดว่าหน่วยบูรพาเป็นสุนัขต่อหน้าข้า เจ้าคือหนึ่งในนั้น”พวกเขาสองคนไม่ใช่คนที่ชอบยืดเยื้อ เมื่อตัดสินใจลงไปแล้ว ก็เก็บข้าวของจากไปในทันทีเมื่อวั่นเจียวเจียวออกไปเตรียมการ หลี่เฉินก็ไปถึงหน้าประตู เขาไม่สนใจที่จะพูดเรื่องไร้สาระกับซูเจิ้นถิง และลักพาตัวลูกสาวของเขาไปตรงๆสิ่งเดียวที่พวกเขาสองคนนำไปจากจวนแม่ทัพใหญ่ก็คือม้าสองตัวดูเผินๆ พวกเขาไม่ได้นำผู้ติดตามมาเลย แต่ในความมืดมิด กลับมีหน่วยบูรพาคอยปกป้องอยู่ห่างๆหลี่เฉินไม่ได้คนโง่ แม้ว่าจะมาจีบสาว แต่เขาไม่มีทางละเลยความปลอดภัยของตัวเองในโลกนี้มีคนที่อยากให้เขาตายมากกว่าอยากให้เขาอยู่หลังออกจากจวนแม่ทัพใหญ่ ซู

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 573

    ท่ามกลางทุ่งนา มีชาวนาคู่หนึ่งกำลังทำนาอยู่ “ผู้เฒ่าๆ”หลี่เฉินลงจากหลังม้า ยืนอยู่ที่ขอบทุ่ง ชี้ไปที่ต้นกล้ามันเทศในทุ่งนา แล้วแสร้งถามอย่างไร้เดียงสา “ท่านปลูกอะไรในทุ่งนี้?”ชายชราสวมหมวกไม้ไผ่ที่ก้มลงปลูกพืชก็ยืนขึ้น เดินเข้ามาแล้วตอบว่า “ต้นกล้ามันเทศ”ขณะที่เขาพูด เขาก็เม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า “ไม่แปลกหรอก ที่คนหนุ่มสาวไม่รู้จักกัน แม้แต่ข้าก็ไม่รู้จักด้วยซ้ำ นี่เป็นสิ่งที่พวกข้าราชการกำหนด ว่ากันว่าแต่ละครัวเรือนจะต้องปลูกมันเทศในแปลงของตนเพียงสามส่วนเท่านั้น เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว ก็สามารถลดภาษีได้หนึ่งส่วน”หลี่เฉินยิ้มและไม่ออกความเห็น เขารู้ดีอยู่แล้วเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าวในความเป็นจริง ถ้าเขาไม่แน่ใจ เจิ้งเป่าหรงคงจะไม่กล้าคิดนโยบายเช่นนี้ออกมา แม้ว่าเขาจะมอบความกล้าหาญให้ก็ตาม“ข้าจำได้ว่าการปลูกมันเทศสามส่วนสามารถลดภาษีได้หนึ่งส่วน แต่ถ้าปลูกครึ่งหมู่ไม่เพียงแต่จะลดภาษีได้สองเท่านั้น แต่ยังลดภาษีต่อหัวได้อีกด้วย ครึ่งหมู่นี้คุ้มค่าที่สุดแล้ว ทำไมถึงไม่ปลูกเพิ่มล่ะ?” หลี่เฉินถามเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ชาวนาชราก็มีความสุข เขายิ้มแล้วพูดว่า “พ่อหนุ่มมาจากทางการหรือ?

Bab terbaru

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1069

    เสียงหัวข้าะเบาๆ ของต้วนจิ่นเจียง ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นหัวข้าะลั่น ก่อนจะกลายเป็นเสียงหัวข้าะคลุ้มคลั่ง ต้วนจิ่นเจียงราวกับเสียสติ เงยหน้าหัวข้าะอย่างบ้าคลั่ง แม้สายฝนเย็นเฉียบสาดซัดใส่ใบหน้า เขาก็ยังไม่หยุดหัวข้าะ “ดี! ดีมาก!” ต้วนจิ่นเจียงหัวข้าะจนแทบหายใจไม่ออก เขาชี้ไปที่หลี่เฉิน กล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “องค์รัชทายาท เจ้านี่ช่างเป็นผู้ถูกมังกรคุ้มครองแท้จริง แม้หลี่อิ๋นหู่กับจ้าวเสวียนจีจะร่วมมือกัน ก็ยังโค่นเจ้าไม่ลง!” “ข้าเพียงเสียดาย ที่ยามท่านอ่อนแอที่สุด ข้ามิได้ลงมือเด็ดขาด ปล่อยให้เจ้าเติบโตมาจนถึงขั้นนี้ ข้า...เสียใจนัก!” สภาพของต้วนจิ่นเจียงเริ่มเข้าสู่ความคลุ้มคลั่งเต็มขั้น ดวงตาแดงฉาน ใบหน้าเหยเกดั่งอสูร “ทำไมกัน! ทำไมข้ารอบคอบวางแผนมาขนาดนี้ เจ้าถึงยังไม่ตาย! มันเป็นเพราะอะไร!” ในถ้อยคำนี้ เต็มไปด้วยความเคียดแค้นและความไม่ยอมแพ้อย่างถึงที่สุด “วางแผนรอบคอบย่อมดี แต่คนอย่างเจ้าที่เอาแต่ซุกซ่อนในมุมมืด ดุจหนอนใต้ซากศพ คอยวางแผนลอบกัดไปวันๆ ยังคิดหวังจะทำการใหญ่ได้หรือ?” หลี่เฉินกล่าวเรียบๆ “ข้าไม่มีเวลามากพอจะปล่อยให้พวกเจ้าถ่วงเล่น มาเข้าเรื่องกัน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1068

    ตึก ตึก ตึก... เสียงฝีเท้าเป็นจังหวะพร้อมเพรียงดังขึ้น ฟังแล้วชวนให้หัวใจพลุ่งพล่านอย่างไม่ทราบสาเหตุ พร้อมเสียงเกราะกระทบกัน สักพักหนึ่ง เหล่าทหารกลุ่มหนึ่งก็เริ่มเข้าสู่ลาน พวกเขาเคลื่อนที่อย่างมีระเบียบและได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี ทันทีที่เข้าสู่ลาน ก็จัดรูปขบวนทันที ล้อมรอบกลุ่มของหลงไหวอวี้ที่ยืนอยู่หน้าศาลบูรพกษัตริย์ การล้อมวงเช่นนี้ ทำให้ต้วนจิ่นเจียงรู้สึกผิดสังเกตขึ้นมาทันทีโดยสัญชาตญาณ “เกิดอะไรขึ้นหรือ อาจารย์?” หลงไหวอวี้ที่รู้สึกว่าต้วนจิ่นเจียงเริ่มตึงเครียดก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย ต้วนจิ่นเจียงตอบเสียงหนักแน่น “พวกทหารเหล่านี้กำลังล้อมข้าอยู่” ต้วนจิ่นเจียงซึ่งเคยเป็นขุนนางกระทรวงกลาโหม ย่อมมีพื้นฐานด้านการยุทธ เขาเพียงแค่ชำเลืองดูก็รู้ว่านี่คือรูปขบวนของทหารต้าฉิน ใช้สำหรับล้อมศัตรูกลุ่มเล็กโดยเฉพาะ หากเป็นคนของหลี่อิ๋นหู่หรือจ้าวเสวียนจี ต่อให้คิดฆ่าพวกเขาก็ไม่ควรจะเป็นเวลานี้ และยิ่งไม่ควรจะทำได้ง่ายดายเช่นนี้ ต้วนจิ่นเจียงหรี่ตาลง พยายามเพ่งมองเครื่องแบบเกราะของทหารเหล่านี้ หวังจะดูให้แน่ชัดว่าเป็นหน่วยใด แต่ด้วยความมืดของยามค่ำคืน และสายฝน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1067

    สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เม็ดฝนขนาดเท่าเม็ดถั่วถูกลมพายุหอบพัด แทบจะซัดกระหน่ำในแนวราบใส่สิ่งปลูกสร้างทั้งปวงระหว่างฟ้ากับดิน บนหลังคา ชายคา และพื้นดิน ล้วนถูกฝนกระแทกกระจายเป็นละอองฝอยบางราวกับหมอก ทั่วทั้งผืนฟ้าดินเปียกชุ่มฉ่ำไปหมด เสียงที่ได้ยิน มีเพียงเสียงสายฝนกระหน่ำราวน้ำตก กับเสียงน้ำในร่องน้ำใกล้ๆ ไหลทะลักอย่างไม่อาจต้านทาน บางทีอาจเป็นเพราะสายฝนนี้ หรืออาจเป็นเพราะเหตุจลาจล เมืองหลวงทั้งเมืองจึงเงียบงันอย่างน่าประหลาด ในยามปกติ ต่อให้เป็นยามดึกเพียงใด ตามตรอกซอกซอยในเมืองหลวงก็ยังคงมีผู้คน จะเป็นเสียงฝีเท้าผ่านไปมา หรือเสียงพูดคุยจากลานบ้านข้างเคียงก็ตามที แต่ไม่ใช่เช่นคืนนี้ ที่ดูราวกับผู้คนล้วนหายไปจนสิ้น สิ่งเดียวที่ยังมองเห็นบนท้องถนน คือทหารที่เร่งฝีเท้าเดินผ่านไป แม้แต่เหล่าทหารเหล่านั้น ต่างก็เฝ้าระวังราวกับกำลังเผชิญศัตรู บางคนถึงกับมีบาดแผลติดตัว ฟ้าดินแห่งเมืองหลวงพลิกผัน ไม่มีผู้ใดกล้าประมาท ในวันนี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนล้มตายไปมากเพียงใด เสียงระเบิดในช่วงกลางวันดังสนั่นราวกับฟ้าร้อง ยังทำให้ชาวบ้านพากันปิดประตูหน้าต่าง ไม่กล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1066

    ประโยคแรกที่ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสออกมา ก็ทำให้บรรยากาศในตำหนักบรรทมเคร่งเครียดถึงขีดสุด จ้าวเสวียนจีก้มหน้า สีหน้าอ่อนน้อม เอ่ยด้วยเสียงเบา “ขอฝ่าบาททรงอภัย กระหม่อมมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ” “ไม่กล้า?” ฮ่องเต้ต้าสิงแค่นเสียงเย็น ก่อนจะก้าวออกจากที่ประทับมายืนตรงหน้าจ้าวเสวียนจี แล้วตรัสว่า “ยังมีสิ่งใดบ้าง ที่เจ้าไม่กล้า?” จ้าวเสวียนจีก้มหน้า เขามองเห็นช่วงล่างของฮ่องเต้ต้าสิงในระยะประชิด พระวรกายของฮ่องเต้ต้าสิงอ่อนแอยิ่งนัก ขณะทรงยืนอยู่นั้น พระวรกายก็สั่นเล็กน้อย ชัดเจนว่าการยืนอยู่นี้ลำบากอย่างยิ่ง ต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อทรงกาย แต่ถึงแม้จะเป็นเพียงชายชราอ่อนแรงดั่งเปลวเทียนกลางสายลม เพียงแค่พระองค์ยังมีลมหายใจ ยังลืมพระเนตร แผ่นดินต้าฉินก็ยังไม่ถึงคราวล่มสลาย “ตั้งแต่เจ้าฝังอาจารย์ของเจ้าคือหลินจือเป้าในคดีแสดงความยินดีปีใหม่ แล้วเริ่มรวบรวมพรรคพวก ผูกมิตรแบ่งพรรค ตั้งตัวเป็นใหญ่อย่างลับๆ ไปจนถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ที่ด่านเย่ว์หยา แผนการลอบเร้นอันโหดร้ายแต่ละเรื่อง ล้วนสะเทือนใจอย่างยิ่ง เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้หรือ? แล้วเจ้ากลับกล้ากล่าวว่าเจ้าไม่กล้า?” ถ้อยคำของฮ่องเต้ต้าส

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1065

    “ซานเป่าใช้งานได้ดี หน่วยบูรพาก็ใช้งานได้ดี แต่ก่อนจะลงมือทำสิ่งใด หรือตัดสินใจต่อผู้ใด เจ้าจำเป็นต้องคิดให้รอบคอบว่า การกระทำของเจ้าจะก่อให้เกิดผลต่อเนื่องเช่นไรบ้าง” “หากซานเป่าตาย หน่วยบูรพาที่อยากอยู่รอดต่อไปก็จะต้องพึ่งพาเจ้ายิ่งขึ้น ดังนั้น เจ้าต้องใช้หน่วยบูรพาต่อไป และควบคุมหน่วยบูรพาไว้ให้มั่น การให้ซานเป่าตายจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” “ยิ่งไปกว่านั้น ราชสำนักปั่นป่วน ขุนนางทั่วแผ่นดินต่างลำบากใจกับหน่วยบูรพามานาน แต่หน่วยบูรพายังมีคุณค่าที่ควรคงไว้ การรักษาหน่วยบูรพาไว้ย่อมเป็นประโยชน์กับเจ้ามากกว่า ดังนั้น เจ้าห้ามแตะต้องหน่วยบูรพา แต่ซานเป่าล่ะ? ตายไปคนหนึ่ง เจ้าไม่เพียงควบคุมหน่วยบูรพาได้แน่นขึ้น แต่ยังปลอบใจขุนนางทั้งราชสำนัก ให้พวกเขาได้ระบายออกบ้าง ซานเป่าตาย มีแต่ได้ ไม่มีเสีย” ฮ่องเต้ต้าสิงเปรียบประหนึ่งชี้แนะด้วยใจจริง พระองค์ตรัสว่า “จ้าวเสวียนจีก็เป็นเหตุผลเดียวกัน หากจ้าวเสวียนจีตาย ราชสำนักจะวุ่นวาย ขุนนางไม่สงบ ประชาชนก็หวั่นไหว ที่สำคัญที่สุด คือแผ่นดินอาจระส่ำระสาย” “เมื่อบ้านขาดหมาร้ายเสียตัวหนึ่ง ญาติชั่วและเพื่อนบ้านเลวเหล่านั้น ก็จะเริ่มคิดว่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1064

    เมื่อฮ่องเต้ต้าสิงตรัสมาถึงตรงนี้ ความหมายก็ชัดเจนยิ่งนัก หลี่เฉินถอนหายใจยาว เอ่ยว่า “ต่อให้ไม่ใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจวางใจได้อยู่ดีพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้ต้าสิงมิได้กริ้ว พระองค์ตรัสว่า “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ต้องรอให้เจ้าขึ้นครองราชย์ก่อน” “ขุนศึกเปลี่ยนตามกษัตริย์ ขุนนางตามยุค ฮ่องเต้ใหม่ย่อมมีขุนนางใหม่ จ้าวเสวียนจีคือหมากที่ข้าทิ้งไว้ให้เจ้าใช้สร้างอำนาจ แต่ตราบใดที่เจ้ามิได้ขึ้นครองราชย์ ก็ยังไม่อาจแตะต้องเขาได้ มิฉะนั้น ในสายตาขุนนางทั้งแผ่นดิน องค์รัชทายาทยังมิทันครองราชย์ ก็ฆ่าราชเลขาประจำสำนักราชเลขาเสียแล้ว แล้วเมื่อเจ้าขึ้นครองราชย์ พวกเขาจะยังมีทางรอดอีกหรือ?” “เฉินเอ่อร์ ในฐานะฮ่องเต้ ความคิดและวิสัยทัศน์ของเจ้า ห้ามจำกัดอยู่เพียงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง จ้าวเสวียนจี มิใช่จ้าวเสวียนจี แต่เขาคือตัวแทนของกลุ่มคน กลุ่มราษฎรคือกลุ่มราษฎร อ๋องแห่งแคว้นคืออ๋องแห่งแคว้น ขุนนางท้องถิ่นคือขุนนางท้องถิ่น ขุนนางประจำเมืองหลวงก็คือขุนนางประจำเมืองหลวง” “เจ้าต้องมองเห็นพวกเขาเป็นตัวแทนของกลุ่มต่างๆ แล้วปรับกลยุทธ์ของเจ้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ใช้ว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1063

    ตามคำอธิบายและเรื่องราวของฮ่องเต้ต้าสิง หลี่เฉินก็เริ่มมองเห็นถึงเบื้องลึกในจิตใจที่แท้จริงของฮ่องเต้พระองค์นี้ สิ่งที่พระองค์ต้องการ คือการสืบทอดราชบัลลังก์โดยไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงรากฐานของบ้านเมือง และขุนนางชั่วอย่างจ้าวเสวียนจี ก็คือประกันภัยอีกชั้นหนึ่งที่พระองค์วางไว้ ตราบใดที่จ้าวเสวียนจียังอยู่ เขาก็จะกระหายอำนาจ และต้องพยายามลดบทบาทของฮ่องเต้แน่นอน แต่การลดบทบาทของฮ่องเต้หาใช่ปัญหาไม่ ขอเพียงฮ่องเต้ยังคงดำรงอยู่ อ๋องแห่งแคว้นย่อมไม่อาจก่อหวอด สถานการณ์ก็จะยังดำเนินต่อไปได้ กล่าวได้ว่า ฮ่องเต้ต้าสิงได้วางหมากไว้สองทาง ทางแรก คือหวังว่าจะมีบุตรผู้หนึ่งสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มีสติปัญญาและความสามารถลึกซึ้ง กอบกู้สถานการณ์ได้ แต่เรื่องนี้ยากเกินไป อย่างน้อยในขณะวางแผน ฮ่องเต้ต้าสิงเองก็มองไม่เห็นความหวัง ดังนั้นพระองค์จึงเตรียมทางที่สอง ผลักดันให้เกิดขุนนางชั่วคนหนึ่ง เพื่อรักษาความมั่นคงของการถ่ายโอนอำนาจ แม้ฮ่องเต้จะเป็นเพียงหุ่นเชิด ตราบใดที่ยังเป็นบุตรของฮ่องเต้ต้าสิง แผ่นดินก็จะไม่ล่มสลาย ส่วนอำนาจนั้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1062

    “เขาวางแผนมาอย่างยาวนาน บัดนี้ลูกกับเขาก็ถึงคราวแตกหัก ต่อให้มิใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจอยู่อย่างสงบได้อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หลี่เฉินเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าหาญ จ้องสบสายพระเนตรของฮ่องเต้เบื้องหน้า แม้พระวรกายจะซูบผอมดั่งน้ำมันหมดไส้เทียนใกล้มอด แต่ก็ยังเปี่ยมด้วยพลังสุดท้าย แล้วกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจออกไป ฮ่องเต้ต้าสิงทรงฟังด้วยรอยยิ้ม รอจนหลี่เฉินพูดจบจึงเอ่ยว่า “ข้ากล่าวไปแล้ว เขา มิใช่สิ่งที่ควรกังวล” “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ไม่ใช่เวลานี้” หลี่เฉินขมวดคิ้ว สีหน้างุนงงยิ่งนัก ฮ่องเต้ต้าสิงทอดถอนใจเบาๆ แล้วตรัสว่า “สามารถเดินมาถึงจุดนี้ เจ้าก็เกินกว่าความคาดหวังเดิมของข้าไปมาก แม้แต่อีกหลายการจัดวางที่ข้าวางไว้แต่แรก ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะได้ใช้จริง แต่ก้าวแล้วก้าวเล่า เจ้าก็ผ่านมาได้ทั้งหมด” “เจ้าควรรู้ว่า บางแผนที่ข้าวางไว้นั้น เริ่มตั้งแต่เมื่อครานานมาแล้ว” หลี่เฉินนึกถึงพี่น้องสกุลอู๋ จึงพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อทรงวางแผนอย่างลึกซึ้ง ลูกนับถือยิ่งนัก” “รอจนเจ้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ เจ้าก็จะเข้าใจเอง” ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสเสียงเรียบ “ข้าวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เจ้าคิดว่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1061

    จ้าวหรุ่ยเงยหน้าขึ้น แม้ใบหน้ายังคงซีดเซียวอ่อนแรง แต่กลับมีสีเลือดระเรื่อขึ้นเล็กน้อย “ฝ่าบาท รีบเสด็จเข้าไปเถิด” จ้าวหรุ่ยกล่าวจบ ก็หลีกทางไปด้านข้าง หลี่เฉินจับมือของจ้าวหรุ่ยแน่น แล้วจึงก้าวเข้าไปภายใน จ้าวเสวียนจีตามเข้าไปติดๆ นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเสวียนจีสนทนากับจ้าวหรุ่ยหลังจากจ้าวหรุ่ยทรยศ “เจ้าคุกเข่าจนฮ่องเต้ทรงฟื้นคืนหรือ?” จ้าวเสวียนจีกล่าวเสียงเรียบ จ้าวหรุ่ยก้มหน้า ไม่กล้ามองจ้าวเสวียนจี เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ฮ่องเต้ทรงมีฟ้าคุ้มครองเพคะ” “ข้าไม่คาดคิดเลยจริงๆ” จ้าวเสวียนจีทิ้งประโยคหนึ่งอย่างมีนัย แล้วจึงติดตามหลี่เฉินเข้าไป จ้าวหรุ่ยเม้มริมฝีปาก ก้มหน้าถอยออกจากประตูตำหนักบรรทม ภายในตำหนักเฉียนชิง หลี่เฉินเห็นฮ่องเต้ต้าสิง...ทรงยืนขึ้นแล้ว พระองค์ทรงสวมเสื้อชั้นในสีเหลืองอ่อนที่เพิ่งผลัดเปลี่ยนใหม่ ซึ่งอาจนับเป็นชุดนอนหรือชุดชั้นในก็ได้ หลี่เฉินไม่รู้สึกแปลกตากับฉลองพระองค์ชุดนี้นัก ขณะฮ่องเต้ต้าสิงบรรทมบนเตียง ก็ทรงสวมเช่นนี้ แต่หลังจากเขาข้ามมิติมา ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นฮ่องเต้ทรงมีสติและยืนอยู่ “อย่างไรหรือ เห็นข้าแล้ว ถึงกับลืมคำ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status