Share

รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่
รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่
Author: อู๋ตู๋จุ้ยหลิง

บทที่ 1

Author: อู๋ตู๋จุ้ยหลิง
“ทูลฝ่าบาท ศึกที่เขาซือถัว กองทัพของเราพ่ายแพ้ยับเยิน ทหารห้าหมื่นนายสิ้นชีพในสนามรบ องค์รัชทายาทในฐานะแม่ทัพใหญ่ของสามเหล่าทัพ ต้องได้รับโทษอย่างหนัก เพื่อให้จิตใจของราษฎรสงบลงพ่ะย่ะค่ะ!”

“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ต้องลงโทษองค์รัชทายาทอย่างหนัก เพื่อปลอบประโลมดวงวิญญาณของเหล่าทหารทั้งห้าหมื่นนาย...”

“กระหม่อมขอเสนอให้ปลดองค์รัชทายาท และแต่งตั้งองค์รัชทายาทองค์ใหม่ เพื่อความมั่นคงของแผ่นดินพ่ะย่ะค่ะ...”

“ฝ่าบาท ถึงแม้องค์รัชทายาทจะพ่ายแพ้ แต่ก็เป็นการสู้รบเพื่อบ้านเมือง จะปลดจากต้ำแหน่งไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ มิฉะนั้นจะทำให้ราษฎรทั่วหล้าต้องใจสลาย...”

“...”

ฮ่องเต้อู่เต๋อทอดพระเนตรเหล่าขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ที่กำลังโต้เถียงกันไม่หยุดเบื้องล่าง ก็รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมา

หนึ่งเดือนก่อน จักรวรรดิตงเซิ่งรุกราน ฮ่องเต้อู่เต๋อได้ส่งองค์รัชทายาทหยางเฉินนำทัพออกศึก แต่กลับตกหลุมพรางของศัตรู เป็นเหตุให้กองหน้าห้าหมื่นนายต้องตายในสนามรบ

หยางเฉินเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส รองแม่ทัพต้องสู้ตายถึงจะช่วยชีวิตเขากลับมาได้ แต่คาดไม่ถึงว่า หลังจากบาดเจ็บสาหัส วรยุทธ์ขององค์รัชทายาทจะสูญสิ้นไปทั้งหมด อีกทั้งขาขวายังพิการไปด้วย

เมื่อกล่าวถึงหยางเฉินบุตรชายคนนี้ เขาคือผู้มีพรสวรรค์อันโดดเด่นเหนือใคร ตอนอายุสิบสามปีก็บรรลุถึงระดับยอดฝีมือขั้นเก้า สิบหกปีบรรลุถึงระดับปรมาจารย์ ยี่สิบปีก็ก้าวเข้าสู่ระดับเขตแดนสามัญวชิระ

ปีนี้อายุยี่สิบสี่ ก็สัมผัสได้ถึงเขตแดนสวรรค์สำราญแล้ว หากมีเวลาอีกสักหน่อย เขาจะต้องกลายเป็นเซียนกระบี่ที่อายุน้อยที่สุดของตระกูลหยางได้อย่างแน่นอน

ฮ่องเต้อู่เต๋อเองก็เลี้ยงดูเขาในฐานะผู้สืบทอดราชบัลลังก์ของจักรวรรดิ แต่บัดนี้ เขากลับกลายเป็นคนพิการไปเสียแล้ว

ผ่านไปแค่ไม่กี่วัน เสียงเรียกร้องในราชสำนักว่าให้ถอดถอนองค์รัชทายาทนั้นก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งยังต้องการให้ลงโทษองค์รัชทายาทอย่างหนัก เพื่อรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ที่เขาซือถัว

“พอแล้ว หยุดเถียงกันได้แล้ว เรื่องการถอดถอนรัชทายาท ให้เราได้ไตร่ตรองอีกครั้ง!” ฮ่องเต้อู่เต๋อตรัสเสียงดัง

อันที่จริงแล้ว ตอนนี้พระองค์ก็ทรงคิดที่จะถอดถอนหยางเฉิน และแต่งตั้งองค์รัชทายาทองค์ใหม่แล้ว

ตอนนี้ฮ่องเต้อู่เต๋อมีโอรสอยู่สิบกว่าพระองค์ นอกจากหยางเฉินซึ่งเป็นบุตรคนที่ห้าแล้ว องค์ชายใหญ่ องค์ชายรอง องค์ชายสาม และองค์ชายเจ็ด ล้วนแต่มีความสามารถโดดเด่นทั้งสิ้น

ในเมื่อหยางเฉินกลายเป็นคนพิการไปแล้ว การแต่งตั้งองค์รัชทายาทองค์ใหม่เพื่อความมั่นคงของบ้านเมือง ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้

ในฐานะผู้ที่ทะลุมิติมา หยางเฉินเองก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจอย่างยิ่ง ตัวเขาได้ทะลุมิติมาเป็นถึงองค์รัชทายาท แต่กลับกำลังจะถูกปลดในไม่ช้า

หยางเฉินที่นอนอยู่บนเตียง หวนนึกถึงศึกที่เขาซือถัวในหัว แม้ว่าเหล่าทหารของจักรวรรดิเฉียนอู่จะตกหลุมพรางของศัตรู แต่กลับไม่มีผู้ใดยอมจำนน ต่างสู้รบจนตัวตายกันทั้งสิ้น

แม้จักรวรรดิตงเซิ่งจะได้รับชัยชนะ แต่ก็เป็นชัยชนะที่สูญเสียอย่างหนัก จนไม่สามารถรุกคืบมาทางทิศตะวันตกได้อีก ทำได้เพียงล่าถอยกลับไป และทำให้จักรวรรดิเฉียนอู่มีโอกาสได้หยุดพักหายใจ

ศึกที่เขาซือถัว หยางเฉินได้รับบาดเจ็บสาหัส ภายใต้การคุ้มกันอย่างสุดชีวิตของรองแม่ทัพไป๋หานอีและองครักษ์ เขาจึงหนีรอดกลับมาได้

ขณะที่ความทรงจำค่อย ๆ หลอมรวมเข้าด้วยกัน หยางเฉินก็นึกเรื่องบางอย่างออก วรยุทธ์ของเขาถูกคนทำลายระหว่างทาง ขาของเขาก็ถูกคนหักอย่างโหดเหี้ยม

เป็นเพราะกลุ่มคนสวมหน้ากากที่ดักซุ่มโจมตีกลางทางนั่นเอง ที่ทำให้เจ้าของร่างเดิมถูกสังหาร เขาถึงได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างนี้

“ในเมื่อข้ามาอาศัยอยู่ในร่างนี้ ข้าจะหาทางแก้แค้นให้เจ้าอย่างแน่นอน!”

“ส่วนจักรวรรดิเฉียนอู่นี้ ก็ให้ข้าเป็นคนปกป้องแทนเจ้าก็แล้วกัน!”

หยางเฉินได้รู้จากความทรงจำว่า ในบรรดาพี่น้องตระกูลเดียวกัน เขาเป็นบุตรชายลำดับที่ห้า เดิมทีเป็นองค์ชายห้า แต่ภายหลังเพราะพรสวรรค์อันโดดเด่น จึงได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้อู่เต๋อให้เป็นองค์รัชทายาท

อย่างไรก็ตาม บรรดาพี่น้องของเขาเหล่านั้นต่างหมายปองตำแหน่งรัชทายาทนี้อยู่ตลอดเวลา ครั้งนี้ เขาถูกคนดักซุ่มโจมตีกลางทาง หากจะบอกว่าไม่ใช่ฝีมือขององค์ชายคนใดคนหนึ่ง ต่อให้ตีเขาจนตายเขาก็ไม่เชื่อ

การต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์ล้วนโหดร้ายและนองเลือดเสมอมา!

ขณะที่จิตใจของเขากำลังเหม่อลอย เด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามา รายงานเสียงดังว่า “ทูลองค์รัชทายาท องค์ชายรองกับองค์ชายเจ็ดมาเยี่ยมพระองค์เพคะ”

มาเยี่ยมข้าอย่างนั้นหรือ? คงมาดูเรื่องตลกของข้ามากกว่ากระมัง?

หยางเฉินรู้แจ้งแก่ใจ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไปบอกพวกเขาว่า ข้าบาดเจ็บสาหัส ยังไม่หายดี ไม่ขอพบแขก!”

“รัชทายาท น้ำเสียงของเจ้าฟังดูเปี่ยมด้วยพลัง จะบาดเจ็บสาหัสยังไม่หายดีได้อย่างไรกัน?”

“ใช่แล้ว รัชทายาท พวกเราอุตส่าห์มาเยี่ยมท่าน ไยจึงไม่ให้พวกเราเข้าพบเล่า?”

เสียงขององค์ชายรองและองค์ชายเจ็ดดังมาจากนอกประตู

องค์ชายรองหยางคุน และองค์ชายเจ็ดหยางอวี๋ เป็นพี่น้องแท้ ๆ บิดามารดาเดียวกัน มารดาของพวกเขาคือเซวียกุ้ยเฟย ผู้ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้อย่างยิ่ง

องค์ชายรองนั้นเหมือนกับองค์ชายใหญ่ที่หมายปองตำแหน่งรัชทายาทมานาน วันนี้เมื่อได้ยินเสียงเรียกร้องให้ถอดถอนองค์รัชทายาทดังก้องในราชสำนัก ก็ทำให้องค์ชายรองดีใจจนเนื้อเต้น

สิ้นเสียง องค์ชายทั้งสองก็เดินเข้ามาข้างในแล้ว

“พี่รอง พวกท่านมาได้อย่างไร?” หยางเฉินพยายามลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับโบกมือให้สาวใช้ เป็นสัญญาณว่าให้นางออกไปได้

“องค์รัชทายาท ได้ยินว่าขาของเจ้าถูกคนตีจนหัก? วรยุทธ์ก็ถูกทำลายไปด้วย? เช่นนั้นต่อไปเจ้าก็คงกลายเป็นคนพิการแล้วสินะ? ฮ่า ๆ ๆ ...” องค์ชายรองกล่าวเย้ยหยันอย่างอารมณ์ดี

“กลายเป็นคนพิการแล้วจริง ๆ หรือ? ข้าไม่เชื่อ!” สายตาขององค์ชายเจ็ดฉายแววเหี้ยมโหด เขายื่นมือออกไปกดลงบนขาขวาของหยางเฉิน

“อ๊าก...” หยางเฉินเจ็บปวดจนร้องเสียงหลง เหงื่อกาฬไหลซึม

“เจ้าเจ็ด เบามือหน่อย หากไปโดนจุดที่บาดเจ็บขององค์รัชทายาทเข้า เดี๋ยวองค์รัชทายาทก็ไปฟ้องเสด็จพ่อหรอก” องค์ชายรองยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พลางเอ่ยขึ้น

“ฟ้องหรือ? เช่นนั้นก็ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้เปิดปากฟ้องอีกเลย!” องค์ชายเจ็ดกล่าว พร้อมกับใช้มือบีบคอของหยางเฉินอย่างโหดเหี้ยม

“ปล่อย... ปล่อยข้า... อึก... อึก...” หยางเฉินใช้สองมือพยายามแกะมือขององค์ชายเจ็ดออก ปากก็ส่งเสียงอู้อี้

เมื่อถูกบีบคอ หยางเฉินก็หายใจติดขัด ใบหน้าแดงก่ำ สองมือตะเกียกตะกายอย่างสะเปะสะปะ แต่ตอนนี้เขาสูญสิ้นวรยุทธ์ไปแล้ว จึงไม่สามารถสลัดให้หลุดออกจากมือที่แข็งแกร่งของหยางอวี๋ได้เลย

“เมื่อก่อนเจ้าเป็นรัชทายาท พวกเราทำอะไรเจ้าไม่ได้ แต่ตอนนี้เจ้ากลายเป็นคนพิการคนหนึ่ง พวกเราอยากจะบีบคอเจ้าให้ตาย ก็ง่ายเหมือนกับบี้มดตัวหนึ่ง หากเจ้ากล้าไปฟ้อง ข้ารับรองได้เลยว่าเจ้าจะต้องตายอย่างอนาถ” องค์ชายเจ็ดกล่าวข่มขู่ด้วยรอยยิ้มเย็นชา

องค์ชายรองเห็นว่าหยางเฉินใกล้จะขาดใจตายแล้ว จึงโบกมือให้น้องชายเป็นสัญญาณว่าอย่าเพิ่งฆ่าเขา

แม้ว่าตอนนี้หยางเฉินจะสูญสิ้นวรยุทธ์ และกลายเป็นคนพิการไปแล้ว แต่หากฆ่าเขาในตอนนี้ ก็จะนำปัญหามาสู่พวกเขาไม่น้อย

โดยเฉพาะพวกองค์ชายใหญ่และองค์ชายสามจะต้องฉวยโอกาสนี้มาเล่นงานพวกเขาเป็นแน่ ถึงตอนนั้น เรื่องการชิงตำแหน่งองค์รัชทายาท ก็คงหมดสิทธิ์

“แค่ก... แค่ก...” ในที่สุดหยางเฉินก็ได้สูดอากาศหายใจเข้าไปอีกครั้ง ดวงตาทั้งสองของเขาเย็นเยียบราวกับคมมีด เปล่งประกายจิตสังหารที่หนาวเหน็บจนถึงกระดูก

คนที่คิดจะฆ่าเขา เขาไม่มีวันปล่อยมันไปเด็ดขาด!

“พวก... พวกท่านแน่จริงก็ฆ่าข้าเสียสิ! มิเช่นนั้น ไม่ช้าก็เร็ว ข้าก็จะฆ่าพวกท่าน!” น้ำเสียงของหยางเฉินเยียบเย็นจนน่าขนลุก

“เจ้ากล้าขู่พวกเราหรือ เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้!” จิตสังหารขององค์ชายเจ็ดปรากฏออกมา

“ดีเลย! อย่างไรเสียองค์ชายใหญ่ก็คงจะดีใจจนเนื้อเต้นที่พวกท่านฆ่าข้า หากเป็นเช่นนี้ ก็จะไม่มีใครไปแย่งตำแหน่งรัชทายาทกับเขาแล้ว”

องค์ชายรองคิดถึงเรื่องนี้ได้ตั้งแต่แรกแล้ว จึงยิ้มอย่างเย้ยหยันพลางกล่าวเสียงเย็น “องค์รัชทายาท ดูเจ้าพูดเข้าสิ พวกเราเป็นพี่น้องกันแท้ ๆ จะฆ่าเจ้าได้อย่างไรกัน? แม้จะฆ่าเจ้าไม่ได้ ทว่า โทษตายอาจละเว้นได้ แต่โทษเป็นนั้นยากจะหนีพ้น!”

เพียะ!

องค์ชายรองเงื้อมือขึ้นตบเข้าที่ใบหน้าของหยางเฉิน ทิ้งรอยนิ้วมือห้านิ้วไว้บนใบหน้าทันที

ถุย!

หยางเฉินกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง กระเด็นใส่หน้าขององค์ชายรอง “แน่จริงก็ฆ่าข้าสิ!”

“ดูสิว่าปากของเจ้าจะแข็งกว่า หรือหมัดของข้าจะแข็งกว่ากัน!” องค์ชายเจ็ดปล่อยหมัดกระแทกลงไปอย่างแรง

อ๊าก ...

หยางเฉินร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด แล้วขดตัวเป็นก้อน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่   บทที่ 83

    ฉึบ!เสิ่นหนานซิงโดนเข้าอีกหนึ่งกระบี่ ครั้งนี้เป็นบริเวณต้นขา เลือดพุ่งออกมาในทันที หากเป็นคนทั่วไปต้องสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปแล้วเป็นแน่ทว่า เจ้าหนุ่มนี่ไม่สนใจอาการบาดเจ็บบนร่างแม้แต่น้อย เขาพุ่งเข้าไปต่อสู้กับเผิงหู่อีกครั้งกล่าวตามตรง เผิงหู่ก็ถูกวิธีการต่อสู้แลกชีวิตของเจ้าเด็กนี่ทำเอาตกใจจนมือเท้าติดขัดแล้ว ทันทีที่ไม่ทันระวังก็ถูกฟันเข้าดาบหนึ่งดาบนี้เมื่อตวัดลงไป ก็กรีดแผ่นหลังของเผิงหู่เป็นแผลยาวสายหนึ่ง โลหิตเนืองนองยิ่งกว่า“เสิ่นหนานซิง พวกเราแค่ประลองยุทธ์กัน เหตุใดเจ้าจึงเอาชีวิตเข้าแลกเช่นนี้เล่า!” เผิงหู่ร้องตะโกนเสียงดัง“การประลองก็เหมือนการเข้าสู่สนามรบ แม้แต่พญาราชสีห์ยามสู้กับกระต่ายก็ยังต้องใช้สุดกำลัง หากข้าแม้แต่แลกชีวิตก็ยังไม่กล้า แล้วจะเข้าสู่สนามรบไปเอาชีวิตศัตรูได้อย่างไร?” เสิ่นหนานซิงตอบกลับอย่างเย็นชาก็เห็นเขาพุ่งเข้าหาเผิงหู่อีกครั้ง ดวงตาแดงก่ำดั่งโลหิตคู่นั้น ฉายไอสังหารที่เย็นยะเยือกดุจน้ำแข็ง ทำเอาเผิงหู่หวาดหวั่นจนถอยหลังติดต่อกันเผิงหู่ที่พลังใจตกเป็นรอง สุดท้ายก็ถูกเสิ่นหนานซิงถีบลงเวทีประลอง ตัวเขาก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แต่ย

  • รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่   บทที่ 82

    เมื่อเสิ่นหนานซิงเห็นกระบอกเขี้ยวหมาป่าเพิ่มความเร็วขึ้น คล้ายกับคาดเดาได้อยู่ก่อนแล้วก็ไม่ปาน เขากระโดดขึ้นอย่างรวดเร็ว เท้าข้างหนึ่งเหยียบลงบนด้ามยาวของกระบองเขี้ยวหมาป่า หยิบยืมกำลังกระโจนเข้าหาเฟิงปู้ผิงเคร้งเคร้งเคร้ง…เสียงอาวุธกระทบกันดังต่อเนื่องไม่หยุด ทำเอาคนทั้งหลายชมดูไม่ทันจนตาลายท่ามกลางการปะทะกันอย่างแข็งกร้าวนั่นเอง อาวุธหนักอย่างกระบองเขี้ยวหมาป่าก็ถูกจำกัดการเคลื่อนไหว ถูกเสิ่นหนานซิงถีบลงจากเวทีประลองไปในเท้าเดียวป๊าบป๊าบป๊าบ…เสียงปรบมือดังกระหึ่มอย่างกึกก้องหยางจิ่นอวี๋เดินเข้ามาอย่างช้าๆ ถามด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าว่าเจ้าหนุ่มนี่เป็นอย่างไร?”“เห็นว่าเขาอายุยังน้อย เป็นผู้มีพรสวรรค์ให้ส่งเสริมได้ก็จริง แต่ก็ยังไม่ถึงระดับที่ข้าต้องการ” หยางเฉินส่ายหัวอย่างไม่สนใจนัก“เหตุใดกันเล่า? ตอนนี้เขาอายุยังน้อย แค่สิบเจ็ดสิบแปดเท่านั้น โอกาสในการพัฒนาต่อยังมีอีกมาก ขอเพียงเจ้ามอบให้ทรัพยากรให้เขาเล็กน้อย จะฟูมฟักถึงระดับเก้าก็ไม่น่ามีปัญหาอันใด” หยางจิ่นอวี๋กล่าวพร้อมรอยยิ้ม“เฟิงปู้ผิงประลองมาแล้วหลายสนาม สูญเสียกำลังภายในไปมาก หากเป็นยามปกติ เสิ่นหนานซิงย่อมไม่อ

  • รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่   บทที่ 81

    เมื่อเฟิงปู้ผิงเห็นว่าดาบคู่ของอีกฝ่ายเป็นอาวุธเบา ก็ฟาดกระบองลงไปอย่างแรงทันที คิดจะกระแทกเขาให้ตกเวทีไปในกระบวนท่าเดียวทว่าเสิ่นหนานซิงคล่องแคล่วว่องไวเป็นอย่างมาก เขากลิ้งตัวไปตามพื้นอย่างรวดเร็ว ดาบคู่ฟันใส่ขาทั้งสองข้างของเฟิงปู้ผิงเฟิงปู้ผิงย่อมไม่ให้เขาได้สมหวัง เขาถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว พร้อมรั้งกระบองเขี้ยวหมาป่าในมือกลับมาฝืนสกัดแนวโจมตีของดาบคู่น่าเสียดายที่ดาบคู่ของเสิ่นหนานซิงได้พุ่งมาถึงเบื้องหน้าของเขาแล้ว พร้อมกับการโจมตีราวพายุฝนโหมกระหน่ำเคร้งเคร้งเคร้ง…ดาบคู่สลับฟันเข้ามาจนเฟิงปู้ผิงร่นถอยติดต่อกัน และเป็นเพราะดาบคู่จู่โจมช่วงล่าง ทำให้เฟิงปู้ผิงสูญเสียสมดุลไปอย่างสิ้นเชิง และต้องถอยร่นอย่างเร่งร้อนอยู่หลายครั้งเมื่อหยางเฉินเห็นการจู่โจมของเขา ก็อดเผยรอยยิ้มชื่นชมออกมาไม่ได้ยาวขึ้นหนึ่งนิ้วก็แข็งแกร่งขึ้นหนึ่งขั้น!กระบอกเขี้ยวหมาป่าจัดเป็นอาวุธหนัก ต้องใช้กระบวนท่ารุกถอยอย่างต่อเนื่องโจมตีอย่างลื่นไหล และทุกกระบวนท่าล้วนดุดันทรงพลังแต่ดาบคู่จัดอยู่ในประเภทอาวุธเบา และจำเป็นต้องต่อสู้ในระยะประชิดจึงจะสำแดงพลังของดาบคู่ออกมาได้ ที่เสิ่นหนานซิงเข้าประชิ

  • รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่   บทที่ 80

    การประลองยุทธ์บนเวทีประลองเช่นนี้ อันแรกต้องมีเจ้าแห่งเวทีประลอง คนที่มาทีหลังจะต้องท้าประลองกับเจ้าแห่งเวทีประลอง จนกว่าจะไม่มีคนขึ้นมาท้าประลองบนเวที ก็จะได้เป็นผู้ชนะคนสุดท้ายของค่ำคืนนี้โดยทั่วไปแล้ว ทุกสัปดาห์จะจัดการประลองเช่นนี้หนึ่งครั้ง ทันทีที่องค์หญิงใหญ่พอใจ ก็จะแนะนำให้เข้ารับตำแหน่งในกองทัพ หรือแนะนำให้แก่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ จากนั้นก็จะได้เดินไปสู่ชีวิตที่รุ่งโรจน์ทันทีที่สาวใช้พูดจบ ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เหาะขึ้นมาบนเวที กล่าวเสียงดัง “ข้าน้อยอวี๋จื่อเชิงจากอำเภอหลินอู่ ยินดีเป็นเจ้าแห่งเวทีประลอง เพื่อรับการท้าประลองจากวีรบุรุษทุกท่าน”คนผู้นี้รูปร่างสูงใหญ่ ในมือถือดาบขนาดใหญ่เล่มหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเชี่ยวชาญวิชาดาบ“ในเมื่อมีเจ้าแห่งเวทีประลอง ตอนนี้ขอเชิญวีรบุรุษทุกท่านขึ้นเวทีเพื่อท้าประลอง หากสุดท้ายสามารถเป็นเจ้าแห่งเวทีประลองคนสุดท้ายได้ ตามกฎ องค์หญิงใหญ่จะเสนอแนะบุคคลผู้นั้น” สาวใช้กล่าวเสียงดังเมื่อได้ยินว่าผู้ชนะจะได้รับการเสนอแนะจากองค์หญิงใหญ่ หนุ่มน้อยรูปร่างผอมโซคนหนึ่ง ถือหอกยาว ก็กระโดดขึ้นมาบนเวทีทันที“ข้าน้อยเผิงจื้อหย่ง มาเพื่อท้าประลอง!” หนุ่มน้อย

  • รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่   บทที่ 79

    “เช่นนั้นเซวียกุ้ยเฟยส่งคนมาเป็นแม่สื่อให้แก่องค์ชายรอง เรื่องนี้คงจะเป็นเรื่องจริงกระมัง?” หยางจิ่นอวี๋ถามพร้อมอมยิ้ม“องค์หญิงใหญ่ ข้าไม่รู้จริง ๆ หรือ? แต่ว่า องค์ชายรองมีพระชายาตั้งนานแล้ว ท่านพ่อตงจะไม่ยอมให้แต่งเข้าไปเป็นอนุหรอกเจ้าค่ะ” ซ่างกวนซืออินพูดจบ แก้มก็เป็นสีแดงก่ำ เขินอายจนไม่กล้าสบตา“เอาล่ะ ข้าเพียงแค่เป็นห่วงเจ้าเท่านั้น หากเจ้าแต่งงานกับองค์รัชทายาท เช่นนั้นข้าก็จะเป็นท่านน้าของเจ้าอย่างชอบธรรมแล้ว” หยางจิ่นอวี๋หัวเราะอย่างมีเลศนัย“ได้ข่าวว่านับตั้งแต่ที่องค์รัชทายาทกลับมาจากศึกเขาซือถัว ก็สูญเสียวรยุทธ์ไปจนหมดสิ้น ทั้งขาข้างหนึ่งยังพิการอีกด้วย ท่านพ่อคงไม่มีทางให้ข้าแต่งเข้าไปเป็นแน่” ซ่างกวนซืออินวิเคราะห์ได้อย่างสมเหตุสมผล“สูญเสียวรยุทธ์ไปจนหมดสิ้นก็ไม่เป็นอะไรนี่นา! ก็เหมือนกับเจ้า เจ้าก็ไม่เป็นวรยุทธ์เช่นกันมิใช่หรือ? แต่ บทกวี คำกลอน และบทประพันธ์ของเจ้า มีด้านใดที่ด้อยไปกว่าชายชาตรีบ้างเล่า?” หยางจิ่นอวี๋หยิบยกนางขึ้นมาเปรียบเทียบ“ข้าไม่เหมือนเขา ข้าเป็นสตรีที่อ่อนแอ หากเขาอ่อนแอเกินไปละก็ ต่อไปจะปกครองบ้านเมืองอย่างไรล่ะเจ้าคะ?” ซ่างกวนซืออินไม่ค่อย

  • รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่   บทที่ 78

    ในฐานะที่เป็นน้องสาวของฮ่องเต้ องค์หญิงใหญ่มีทรัพยากรมากมายในมือ เพียงแต่นางอายุสามสิบกว่าปีแล้ว จึงไม่คิดที่จะแต่งงานมาโดยตลอด ทำให้ผู้คนยากจะคาดเดาความคิดในใจของนางได้หยางเฉินไม่อยากจะยุ่งเรื่องส่วนตัวของท่านน้า ที่เขามาในครั้งนี้ก็เพราะต้องการมาคัดเลือกบุคคลผู้มีความสามารถในระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังสนทนา ร่างงดงามร่างหนึ่งเดินย่างกรายเข้ามาที่ประตูใหญ่ของหอถงเหวิน ดึงดูดสายตาของชายหนุ่มนับไม่ถ้วนทันทีหญิงงามคนหนึ่งในชุดสีเขียวบาง สวมผ้าคลุมหน้า แม้จะมองเห็นหน้าไม่ชัด แต่ ดวงตาที่เปล่งประกายคู่นั้น กลับส่องประกายใสกระจ่าง ดุจดวงดาวพร่างพราวบนท้องฟ้ารูปร่างอันน่าประทับใจ สมส่วน เรือนร่างที่ได้สัดส่วนทองคำ ผมยาวสลวยพอดีเอว ปอยผมหลายเส้นพลิ้วไหวตามการก้าวเดิน“แม่นางซ่างกวนมาแล้ว! แม่นางซ่างกวนมาแล้ว...” ภายในห้องโถงมีเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังขึ้นเมื่อหยางเฉินได้ยินก็ตกตะลึงเล็กน้อย หันศีรษะมองไปทางด้านนอกหน้าต่าง อดไม่ได้ที่จะกล่าวถาม “ท่านน้า ท่านนี้คงจะไม่ใช่คุณหนูแห่งตระกูลอัครมหาเสนาบดีใช่หรือไม่?”“ถูกต้อง นางก็คือซ่างกวนซืออิน แล้วก็เป็นแขกประจำของหอถงเหวินของเรา อีก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status