เข้าสู่ระบบ⏱ ครึ่งแรก – R.C. Hawks vs. SUT Blaze
สนามแข่งขันกลางแจ้งของมหา’ ลัย R.C.U. ยามบ่ายแก่ ๆ แต่ความร้อนแรงไม่ได้มาจากแสงแดด...แต่มาจากเสียงกรี๊ดของแฟนคลับที่ดังก้องทั่วแสตนด์!
เสียงนกหวีดเริ่มเกมเพิ่งจางหายไปในอากาศ จังหวะนั้นเอง—
“ปัง!!”
เสียงลูกบาสกระแทกพื้นกลางสนามดังสนั่น ก่อนที่ร่างสูงในเสื้อหมายเลข 7 จะพุ่งเข้าไป ฉกลูก อย่างว่องไวราวสายลม
เสื้อทีมสีน้ำเงินเข้มโอบรัดแผ่นหลังกว้าง กล้ามเนื้อแน่น เคลื่อนไหวอย่างแม่นยำทุกจังหวะ ผิวแทนเหงื่อซึมสะท้อนแดด…เป็นประกายจนสาว ๆ หายใจไม่ทั่วท้อง
คีตะ...ไม่มีแววลังเลเลยแม้แต่วินาทีเดียว
เขาเลี้ยงลูกผ่านแดนกลางด้วยจังหวะที่ เร็วแต่แม่นราวจับเวลา เท้าก้าวสับหลอก—หนึ่ง ซ้าย หนึ่ง ขวา กองหลัง SUT Blaze ถึงกับกะจังหวะพลาด ถอยชนกันเองกลางสนาม!
เสียงฮือฮาจากแสตนด์ด้านตะวันออกดังขึ้นพร้อมเสียงเชียร์แบบคุมไม่อยู่!
“กรี๊ดดดด!!! พี่คีตะ!!!”
“ที่หนึ่งในใจหนูวววว~!!”
ร่างสูงกระโดดขึ้นอย่างสง่างาม แขนเรียวยาวเหยียดขึ้นเหนือศีรษะ ปลายนิ้วปล่อยลูกบาสออกจากมือด้วยแรงและมุมที่คำนวณมาเป๊ะ!
เสี้ยววินาทีในอากาศ...ทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่ง สายลมพัดผ่านเส้นผมของเขา เสียงกองเชียร์กลั้นหายใจ ดวงตาคมของหมายเลข 7 ไม่หลบไปไหน
สวบ!!!
“สามแต้ม!! พี่คีตะยิงสามแต้ม!!!”
“หล่อเกินปุยมุ้ยยย~!!!”
ไฟสปอร์ตไลต์แม้ยังไม่เปิด…แต่ความสว่างจากออร่าคนหล่อก็ส่องแสบตาไปทั้งสนาม!
🎤 เสียงประกาศจากผู้บรรยายดังกระหึ่ม
“R.C. Hawks นำ 24 ต่อ 10!”
“SUT Blaze ขอเวลานอก!”
โค้ชฝั่ง SUT โบกมือแทบหลุดจากความพังทลายของแผนรับ นักกีฬาทั้งทีมต้องรีบรวมตัวใหม่
...แต่ไม่มีใครในสนามลืมภาพร่างสูงที่กระโดดขึ้นยิงอย่างสง่างามเมื่อครู่นั้นได้เลย
บนแสตนด์เชียร์ สาว ๆ ในชุดลีดเดอร์ยืนเรียงกันเป็นแถว เมษายืนอยู่แถวหน้า สะบัดธงขนาดเล็กของมหา’ลัยในมือตัวเองแรงกว่าทุกครั้ง หัวใจเธอเต้นแรงพอ ๆ กับจังหวะบาสเมื่อตะกี้
‘ยิงสวยขนาดนี้...จะไม่ให้รักได้ยังไงล่ะคะพี่คีตะ!’
เธอยิ้มกว้าง ตาเป็นประกาย...
🏀🔥 เกมรุกดุดัน — แต่ฝ่ายเดียว!
สนามกลางแจ้งของมหา’ ลัย R.C.U. คลาคล่ำไปด้วยเสียงเชียร์และไอน้ำในอากาศ แต่อุณหภูมิของเกมกลับร้อนกว่าแดดเที่ยงวันไปไกลหลายองศา
ภายในเวลาเพียง 15 นาที... R.C. Hawks สามารถทำแต้มนำ SUT Blaze ไปเกือบ 30 แต้ม!
คีตะหมายเลข 7 เคลื่อนเกมเร็วและเฉียบคม ภูผาหมายเลข 10 พุ่งสกัดแบบไม่มีใครหยุดได้ และบลู หมายเลข 5 นักแม่นชู้ตมือไว ทำแต้มไหลลื่นราวกับปั้นด้วยมือ
สามประสานแห่ง R.C.U. เล่นเข้าขา ประสานงานกันได้อย่างดีเยี่ยม ไม่มีช่องให้สวนกลับ ไม่มีเวลาให้หายใจ
ทีม SUT ที่เคยขึ้นชื่อว่า ‘สปีดเร็ว ฟื้นไว’ กลับดูช้าลงทุกวินาที และยิ่งนาฬิกาเดิน...แววตาของผู้เล่นฝั่งตรงข้ามก็เริ่มเต็มไปด้วยความกดดัน
เสียงตะโกนจากโค้ชดังข้ามสนาม แต่ไม่มีใครฟังเข้าใจ...เพราะจังหวะการบุกของ R.C. Hawks มันเร็วเกินกว่าจะตามทัน
💃 ช่วงเบรก —
“และตอนนี้ช่วงเบรกเกม...ขอต้อนรับการแสดงจากทีมเชียร์ R.C.U. Crown ค่ะ!”
เสียงประกาศดังขึ้นท่ามกลางเสียงปรบมือ แต่ยังไม่ทันจบประโยค—
บรึ้มม!!
บีต EDM แบบอิเล็กทรอนิกเร้าใจระเบิดกลางสนาม
พรึ่บ!
สาว ๆ ในชุดขาวทองสะท้อนแดด วิ่งเรียงแถวเข้าสู่กลางคอร์ต พอเพลงขึ้นจังหวะแรก...
สปอตไลต์ก็แทบกลายเป็นของพวกเธอทันที!
เมษาในตำแหน่งกลางแถว หมุนตัวหนึ่งรอบแล้วเตะขาสูงขึ้นอย่างสวยงาม กระโปรงพริ้วตามแรงเหวี่ยงพอดี
รอยยิ้มสดใสผุดขึ้นตรงมุมปาก — ไม่มากเกินไป แต่ก็ทำให้คนมองหยุดหายใจได้โดยไม่รู้ตัว
ผิวขาวอมชมพูสะท้อนแดดบ่าย ผมหางม้ารวบสูงไหวตามแรงเต้น เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ที่ขมับยิ่งขับให้ใบหน้าเธอดูสดใส...และ น่าหลงใหล อย่างประหลาด
เสียงเป่าปากดังขึ้นทันทีจากแสตนด์ฝั่งตรงข้าม
“เฮ้ย...ลีดฝั่งนั้นคือใครวะ สเปกเลยอะ”
“เต้นแรงมาก พี่ใจไม่ดีเลย!”
นักกีฬาตัวสำรองฝั่ง SUT Blaze ถึงกับเผลอยืนดูการแสดงโดยไม่ละสายตา หนึ่งในนั้นพึมพำเบา ๆ กับเพื่อนว่า
“ฉันยอมแพ้เลยว่ะ...ไม่ใช่แค่แพ้เกมนะ—แต่แพ้หัวใจด้วย...”
ขณะเดียวกันฟากฝั่งทีมของ R.C.U บนม้านั่งพัก คีตะที่นั่งซับเหงื่อ ลมหายใจยังแรงเล็กน้อยจากเกมที่เพิ่งจบควอเตอร์ แต่สายตาเขา—ไม่ได้มองที่โค้ช ไม่ได้มองที่บอร์ดแผน...
ดวงตาคมกริบ...มองตรงไปยังกลางสนาม มองร่างเล็กในชุดลีดขาวทองที่เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว
เธอไม่รู้หรอกว่า...เขามอง
หัวใจของเขาเต้นแรง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแรงกระเพื่อมของจังหวะ EDM หรือสาวน้อยวัยสดใสกันแน่
หลังจากหมดพักเบรก ทั้งสองทีมก็เข้าสู่การแข่งขันที่ดุเดือดกันอีกครั้ง เสียงนกหวีดหมดครึ่งแรกดังขึ้นพอดีกับจังหวะลูกบาสลูกสุดท้ายกระเด้งออกนอกขอบห่วง
เสียงฝีเท้าหนัก ๆ เริ่มชะลอลง ผู้เล่นแต่ละคนพ่นลมหายใจออกมาพร้อมไอน้ำร้อนจากร่างกายที่เพิ่งวิ่งมาครึ่งคอร์ต
สกอร์อยู่ที่: R.C. Hawks 37 – SUT Blaze 16
เหงื่อเกาะเต็มแผ่นหลัง เสื้อซ้อมสีกรมเข้มแนบชิดผิว แต่ดวงตาคมใต้เส้นผมเปียกชื้นของคีตะกลับยังไม่ยอมลดแรงไฟลงง่าย ๆ
เขาทิ้งตัวนั่งลงข้างสนาม ชันเข่าข้างหนึ่งขึ้น หอบเบา ๆ ไม่ใช่เพราะเหนื่อยจากเกม แต่เพราะร่างกายยังตึงเครียดจากการแข่งขันที่เพิ่งจบไป
โค้ชเริ่มพูดอะไรบางอย่าง เสียงเพื่อนในทีมเฮฮาเบา ๆ กันเรื่องสามแต้ม แต่สายตาคมของคีตะเหลือบมองไปยังแสตนด์ฝั่งเชียร์—
สาวน้อยในชุดลีดเดอร์สีขาวทองคนหนึ่ง ยิ้มสดใสพร้อมทำสัญลักษณ์ที่รู้กันแค่สองคน
คีตะหลุดขำพรืดออกมา หัวคิ้วคลาย มุมปากยกขึ้นนิด ๆ ...ก่อนจะยกมือแตะติ่งหูด้านซ้ายเบา ๆ ส่งกลับไปอย่างรู้กัน
“เฮ้ยยยย ๆ ๆ ๆ มึง! นั่นอะไรอะ!? ทำไร!?”
ภูผา ทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ พร้อมพาดแขนกวน ๆ ไว้บนไหล่คีตะทันที รอยยิ้มมีแววอยากรู้อยากเห็น
“กูเห็นนะเว้ย! ตะกี้มึงทำอะไรกับหู? ส่งให้ใครใช่ป่ะ!? ว้อยยย กูอยากรู้ววว~”
คีตะกลอกตาเล็กน้อย ก่อนจะปัดแขนออกเบา ๆ แล้วหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาซับเหงื่ออย่างใจเย็น
“ยุ่งน่ะ”
ภูผาหัวเราะหึ ๆ แล้วเอามือเท้าคาง พลางมองขึ้นไปที่แสตนด์เหมือนบังเอิญ—แต่ตั้งใจสุด ๆ
“ลีดกลางแถวนั่นน่ะ...เต้นเก่ง น่ารักสัด ๆ”
“ไม่น่าเชื่อว่า น้องเมษาจะเต้นเก่งและน่ารักขนาดนี้ มึงว่าปะ?”
มือของคีตะที่กำลังซับเหงื่อ...ชะงักไปครู่หนึ่ง
เขาเงยหน้าขึ้นช้า ๆ คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว แววตาเรียบนิ่ง—แต่ใต้เงาผมเปียกชื้นนั้น คล้ายจะมีบางอย่างกำลังปั่นป่วน
“ไม่ต้องพูดถึงเธอแบบนั้น”
เขาว่าขึ้นเรียบ ๆ เสียงไม่ได้แข็ง...แต่แฝงอะไรบางอย่างที่ทำให้ภูผาชะงักนิด ๆ
“หืม? อะไรของมึงวะ แค่ชมเฉย ๆ —”
“ก็ไม่ต้องชม”
คีตะเอ่ยเสียงเบา เขาพับผ้าขนหนูแล้วโยนลงตะกร้าใกล้มือ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
ร่างสูงใหญ่เดินตรงไปยังขอบสนาม พร้อมเสียงโค้ชเรียกให้นักกีฬาลุกขึ้นเตรียมลงสนามครึ่งหลัง แผ่นหลังกว้างของเขาชื้นเหงื่อ...แต่ยังดูมั่นคง เยือกเย็น และพร้อมจะล่าแต้มมากกว่าครั้งไหน ๆ
ก่อนจะก้าวพ้นไลน์ขอบสนาม —
“เฮ้ ทีมรวมตัว!!”
เสียงเข้มของโค้ชเรียกนักกีฬาทุกคนเข้ากลุ่ม ใบหน้าเหี่ยวย่นเล็กน้อยจากแดด แต่แววตายังเฉียบคมจนนักกีฬาทั้งทีมเงียบกริบทันที
เขากวาดตามองไปรอบวง ก่อนจะพูดอย่างจริงจัง
“พวกมันเริ่มเปลี่ยนเกมรับแล้ว ดูดี ๆ”
“บลู นายเข้าขวา... ภูผา หนุนหลังคีตะ ถ้าถูกประกบซ้อน อย่าฝืนยิง!”
“คีตะ — นายอ่านเกมเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้...ฉันอยากให้กล้าเสี่ยงกว่านั้น”
คีตะเลิกคิ้วนิด ๆ
“กล้าเสี่ยงเหรอครับ?”
“ใช่—ยิงเร็วกว่าเดิม!” โค้ชพูดเสียงดัง
“แค่ครึ่งวินาทีที่ช้ากว่า อาจเปลี่ยนจากได้แต้มเป็นพลาดได้!”
เขาเหลือบมองเด็กในทีมทีละคน แล้วจบคำสั่งด้วยประโยคเดียว
“จำไว้...พวกนายไม่ได้เล่นเพื่อตัวเอง แต่เล่นเพื่อทีมนี้—และกองเชียร์ที่ตะโกนชื่อพวกนายทุกครั้งที่ลงสนาม”
“เข้าใจนะ?”
“เข้าใจครับ!” ทั้งทีมตอบพร้อมกันทันที
เสียงนกหวีดเริ่มครึ่งหลังก็ดังขึ้นพอดี
R.C. Hawks ลงสนามอีกครั้ง พร้อมสู้ในเกมที่อุณหภูมิสูงยิ่งกว่าแดดกลางวัน เสียงตะโกนเชียร์เริ่มกลับมาดังลั่น แสตนด์ทั้งสองฝั่งแทบระเบิดจากแรงเชียร์
กล้องไลฟ์ของนิเทศฯ ซูมจับภาพนักกีฬาแต่ละคน และเมื่อเลนส์จับมาที่หมายเลข 7 — รอยยิ้มข้างปากเพียงนิดของเขาก็ทำคนดูทั้งแสตนด์กรี๊ดสนั่น!
“ม๊ายยยย ยิ้มอะไรแบบนั้น!!!”
“โอ๊ยยยย ใจละลายหมดแล้ววว”
“กรี๊ดดดด พี่คีตะหล่อม้ากกกกกกกก” "
“ชู้ตอีกที หนูเป็นลมแน่นอนค่ะพี่คีตะ!!”
ฝั่งตรงข้าม— SUT Blaze ก็เปลี่ยนแผนแล้วเช่นกัน แนวรับเน้นปิดตัวคีตะทันทีตั้งแต่เขาแตะบอล
แต่ไม่ทัน!
ลูกบาสถูกปัดออกจากมือคู่แข่งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถูกคีตะพุ่งเข้าไปคว้าไว้กลางอากาศด้วยท่าไถลข้างราวกับนักสเก็ต
“ไวฉิบ...!!” ผู้เล่น SUT คนหนึ่งสบถเบา ๆ
คีตะลุกขึ้น ยิงลูกผ่านใต้ขาไปยังภูผาที่วิ่งประสานทางซ้าย
หนึ่งกระชาก!
หนึ่งหลอก!
บอลคืนกลับเข้ามือคีตะในตำแหน่งสามแต้มอีกครั้ง!
‘...ยิงเลยมั้ย’ เขาคิด
…แต่แล้ว
สายตาของเขากลับเหลือบขึ้นไปบนแสตนด์ด้านตะวันออก—เมษายืนอยู่ตรงนั้น ธงในมือไหวแรงตามแรงลม แต่ดวงตาของเธอยังคงมองเขาเหมือนเดิม
ปลายนิ้วยาวเหนียวลูกบาสแน่น เขาสูดลมหายใจเบา ๆ
‘ยิงเลยสิวะ’
ตูมมม!!
เสียงปล่อยลูกกระแทกอากาศก่อนจะพุ่งเฉียดปลายนิ้วแนวรับฝ่ายตรงข้ามอย่างแม่นยำ ลูกบาสลอยตรงไปยังห่วง...
สวบ!!
“สามแต้มอีกแล้วววว!!!”
เสียงผู้บรรยายแทบหลุดจากโพเดียมขณะที่เสียงกรี๊ดของฝั่ง R.C.U. ดังจนสนามสั่นสะเทือน!!
คีตะหอบเบา ๆ ก่อนยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ เรียกเสียงกรี๊ดจากกองเชียร์จนดังลั่นสนาม
🏀🏀🏀🏀🏀
สัปดาห์ที่ 6 ของการตั้งครรภ์เมษายังไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นแค่ช่วงนี้…ข้าวมันไก่ที่เคยกินแล้วฟินตอนดึก กลับกลายเป็นศัตรูของชีวิต ข้าวต้มปลาเจ้าประจำที่เคยคลั่งไคล้ ตอนนี้แค่ได้กลิ่นก็แทบอ้วกแต่สิ่งที่เธอรู้แน่ ๆ คือ…เธอกำลังจะมีลูก และ “คุณพ่อเด็ก” ก็คือสามีสุดหล่อผู้คลั่งรักที่เพิ่งรู้ข่าวนี้ไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว18.47 น.เสียงประตูคอนโดดัง “แกร๊ก”“เมียครับ!!! ลูกพี่กินอะไรได้บ้าง!! พี่ซื้อของมาเป็นสิบถุง!!!”คีตะ โชติธาดาคนเดิม เพิ่มเติมคือระดับความเห่อเกินหนึ่งพันเปอร์เซ็นต์ในมือเขาถือทั้งซุปปลาแบบออร์แกนิก ขิงแก่สดจากเชียงราย น้ำมะพร้าวไม่แช่เย็น ผ้าคลุมไหล่สำหรับหญิงตั้งครรภ์และ…หนังสือชื่อ ‘เข้าใจเมียท้องใน 60 นาที’ ที่เปิดอ่านค้างไว้ตรงหน้าแรก“พี่คีตะคะ…” เมษาถอนใจเฮือก“แค่หนูบอกว่าอาเจียนตอนเช้า พี่ก็ไปเหมาโซเชียลเหรอคะ?”“ก็…ก็พี่กลัวเมียเหนื่อยไงคะ แล้วก็ลูกพี่…ก็แสบตั้งแต่ยังไม่ออกมา!”คีตะวางของลง ก่อนจะพุ่งมาทรุดตัวนั่งข้างเธอบนโซฟา เอามือทาบท้องเธอเบา ๆ ทั้งที่ตอนนี้ยังไม่เห็นพุงแม้แต่นิด“อยากให้พี่ทำอะไรมั้ยครับ? อยากกินอะไรเป็นพิเศษ? น้ำแข็งจากขั้วโลก? ท
3 ปีต่อมา…แม้กรุงเทพฯ ยังจมอยู่ในวังวนเดิม ๆ ของการจราจรที่เหมือนภาพซ้ำทุกเช้าเย็น แต่ชีวิตของคีตะเปลี่ยนไปไกลราวฟ้ากับเหวจากเมื่อสามปีก่อนจากอดีตหนุ่มวิศวกรรมเครื่องกลที่ชีวิตผูกติดกับเครื่องจักร น้ำมันเครื่อง และซอฟต์แวร์ควบคุมอัตโนมัติวันนี้เขานั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้หนังสีดำในห้องประชุมกระจกชั้นบนสุดของสำนักงานใหญ่ อาริกาโตะ กรุ๊ป—บริษัทเทคโนโลยีระดับอินเตอร์ที่กำลังเติบโตเร็วเหมือนติดจรวดในมือของเขามีทั้งดีลระดับพันล้าน หุ้นใหญ่ในมือ และแผนระดมทุนรอบใหม่ที่เหล่านักลงทุนต่างเฝ้ารอแต่ในสมองของเขา...มีเพียงคำถามเดียวที่วนซ้ำอยู่ทุกวัน‘เมียกูกินข้าวยังวะ’ไม่ว่าในแต่ละวันจะมีตารางงานแน่นขนาดไหน ต่อให้เลขาฯ ต้องคุกเข่ากราบขอให้เลื่อนนัดด่วนกับนักลงทุนต่างชาติคีตะก็จะส่ายหน้า...แล้วพูดเสียงนิ่งว่า“ผมห้ามมีนัดหลังหกโมงเย็นเด็ดขาด”‘สิ่งศักดิ์สิทธิ์’ ประจำตัวผู้บริหารใหญ่นี้คือกฎเหล็กข้อเดียวที่ใครก็ห้ามล้ำเส้นเพราะนั่นคือเวลาที่เขาจะรีบกลับคอนโดหรูย่านสุขุมวิท...กลับไปหาเมียที่ทั้งน่ารัก แสบ และเป็นแม่บ้านที่เขาหลงรักยิ่งกว่ากำไรรายไตรมาสวันนี้ก็เช่นกัน...เสียง ‘ติ๊ด’ จากปร
เสียงแสงแดดกลางฤดูหนาวทาบทอผ่านสนามหญ้ากว้างของมหาวิทยาลัย R.C.U. กลิ่นดอกไม้ปนกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ท่ามกลางเสียงชัตเตอร์มือถือที่ดังระรัวจากบรรดาเพื่อน ญาติ พี่น้องที่แห่มาร่วมแสดงความยินดีในวันสำเร็จการศึกษาเมษาในชุดครุยปักตราประจำคณะเดินออกจากหอประชุม พร้อมรอยยิ้มสดใสทันทีที่เห็นคนสำคัญ“คุณแม่! คุณพ่อ!”เธอวิ่งเข้าไปกอดคุณแม่ปาริฉัตรแน่น ส่วนท่านทูตดิลกก็ส่งยิ้มอย่างภูมิใจพลางเอื้อมมาลูบผมลูกสาวเบา ๆ“ลูกสาวพ่อเรียนจบแล้วนะ”“สวยที่สุดในรุ่นเลยค่ะ ลูกแม่!”ด้านหลังยังมีอีกสองคนที่ยิ้มอย่างภูมิใจไม่แพ้กัน — คุณธนา และคุณแม่อัญญาของคีตะ ทั้งคู่ยืนถือของขวัญกล่องเล็ก ๆ พร้อมดอกไม้ช่อโตที่เตรียมมาให้เธอเช่นกัน“ยินดีด้วยนะจ๊ะ หนูเมษา”“ขอบคุณค่ะ คุณอา คุณน้า” เมษายิ้มแก้มแทบปริ ก่อนจะรับของขวัญจากทั้งคู่“แล้ว...พี่คีตะล่ะคะ?” หญิงสาวหันมองไปรอบตัวทุกคนมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนแอบอมยิ้ม“หาพี่เหรอ?”เสียงทุ้มคุ้นหูทำเอาเมษาหันขวับไปทันทีคีตะมาในเสื้อเชิ้ตพอดีตัว กางเกงสแลค หล่อเนี้ยบจนทำเอาเมษาถึงกับตาพร่า แต่สิ่งที่ทำให้เธอใจเต้นกลับไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ —มันคือสายตาที่
“คิดอะไรอยู่ หืม~?”เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นด้านหลัง ทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมอง แล้วต้องกลั้นหายใจเล็กน้อยคีตะในชุดลำลองเสื้อกล้ามสีเข้มกับกางเกงผ้าสบาย ๆ ผมเปียกนิดหน่อยจากการอาบน้ำ มือข้างหนึ่งถือแก้วน้ำเย็น อีกข้างถือผ้าขนหนูเขาเดินเข้ามาหาช้า ๆ แล้วนั่งลงข้างเธอ พลางยื่นผ้ามาคลุมศีรษะเธอไว้เบา ๆ ก่อนวางแก้วไว้ข้างตัว“ผมยังไม่แห้งดีเลย เดี๋ยวไม่สบาย” เสียงนุ่มนวลเต็มไปด้วยความอ่อนโยน และค่อย ๆ เช็ดผมให้เธอ“อื้อออ~ ไม่ต้องเช็ดแรงก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหัวหนูหายหมด” เมษาบ่นอุบ แต่เสียงกลับแผ่วลงเรื่อย ๆคีตะหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหยุดเช็ด แล้วโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ดวงตาคมนิ่งลึกสะท้อนแสงจันทร์ และเธอรู้สึกได้ว่า ลมหายใจของเขาอยู่ใกล้เพียงปลายนิ้ว“พะ...พี่คีตะ...”“หืม?” คีตะเลื่อนมือมาจับปลายคางเธอเบา ๆ“คือ...” เมษาตาโต หน้าแดงซ่านไม่ทันได้พูดอะไร ริมฝีปากของเขาก็โน้มลงมาแตะกับริมฝีปากของเธอเบา ๆ จูบแรกนั้นนุ่มนวล...อบอุ่น...แฝงความทะนุถนอมแต่ในวินาทีถัดมา รสจูบนั้นกลับค่อย ๆ ลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆปลายลิ้นร้อนแตะที่กลีบปากเธอ ก่อนจะค่อย ๆ ดุนดันให้เธอเปิดรับสัมผัสที่เร่าร้อนยิ่งกว
หลังจากคีตะเรียนจบคุณพ่อธนาไม่รอช้า…กดดันให้ลูกชายคนเดียวเข้าไปช่วยงานในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวทันที“จะออกแบบเครื่องยนต์ หุ่นยนต์ หรืออะไร พ่อไม่ว่า แต่ช่วยทำโปรเจกต์กับแผนกเทคโนโลยีในเครือเราซักอาทิตย์สองอาทิตย์ก่อน ได้มั้ยลูก!”เสียงของคุณพ่อยังดังก้องในหัวเขาแต่คีตะในเสื้อฮู้ดสีเทา กับกางเกงวอร์มเรียบ ๆ กลับนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน ยกโน้ตบุ๊กขึ้นบนตัก เปิดแบบจำลองหุ่นยนต์ต้นแบบที่เขาออกแบบเอง —โครงสร้างเครื่องกลซับซ้อนแต่สมบูรณ์แบบจนเหมือนสิ่งมีชีวิตจริง‘ถ้ามีเวลาอีกซักหน่อย...โปรเจกต์นี้ต้องสำเร็จแน่’เขาคิดในใจ ก่อนเสียงใส ๆ ที่คุ้นเคยจะดังขึ้นจากประตู“พี่คีตะขา~ หนูเอาน้ำมะพร้าวมาฝาก~”เสียงหวานนั่นทำให้เขาชะงัก เงยหน้าขึ้น — และทันทีที่เห็นคนตรงหน้า ความเครียดทั้งวันก็ละลายหายไปในพริบตาเมษาในชุดเสื้อยืดโอเวอร์ไซส์สีขาวกับกางเกงขาสั้นเหนือเข่า เดินยิ้มหวานถือแก้วที่มีน้ำมะพร้าวเย็น ๆ กับถุงใส่ขนมที่เธอซื้อมาฝากตั้งแต่สอบปลายภาคเสร็จ พ่อและแม่ของเธอก็ต้องกลับไปประจำสถานทูตอังกฤษเหมือนเคย และเพราะไม่อยากให้เธออยู่บ้านคนเดียว — เมษาจึงกลับมาอยู่บ้านโชติธาดาอีกครั้งแล
วันเวลาผ่านไปจนเมษาและคีตะเข้าสู่ปิดเทอมอีกครั้ง และครั้งนี้พ่อและแม่ของเมษาลางานกลับมาเพื่อใช้เวลาอยู่กับลูกสาวที่เมืองไทย ทำให้เมษาต้องกลับไปอยู่ที่บ้านของเธอชั่วคราวแต่เมื่อท่านทูตดิลกรู้ว่าคีตะกับเมษาคบกัน ท่านทูตก็เปลี่ยนบุคลิกกลายเป็นคุณพ่อโหมดหวงลูกสาวทันทีวันนี้...คีตะมีภารกิจ เขาตั้งใจมาขออนุญาตท่านทูตดิลกเพื่อพาเมษาไปเที่ยวด้วยกัน สำหรับ ‘เดทแรก’ ของทั้งคู่ในฐานะ ‘แฟน’บรรยากาศบ้าน ‘ไทระ’ ในย่านเงียบสงบของกรุงเทพฯ ร่มรื่นด้วยเงาต้นไม้ใหญ่และกลิ่นชาเขียวจากสวนญี่ปุ่นที่อยู่ข้างตัวบ้าน แสงแดดอ่อนของช่วงบ่ายส่องลอดใบไผ่รำไร — สะท้อนลงบนกระดานหมากรุกไม้สักกลางโต๊ะหินทรงสี่เหลี่ยม“นั่งสิ”เสียงทุ้มทรงอำนาจแต่สุภาพของท่านทูตดิลกดังขึ้นชัดเจน ขณะเขานั่งไขว่ห้างใต้ร่มกันสาดผ้าเช็ดหน้าสีขาวพับอย่างเรียบกริบวางไว้บนตัก ข้างตัวคือชาร้อนและคุกกี้จากลอนดอนที่ลูกสาวสุดรักสุดหวงจัดเตรียมไว้ให้คีตะในชุดเสื้อเชิ้ตสีครีมเรียบกับกางเกงสแล็กยืนอยู่ตรงหน้า — ข้างกายเขาคือเมษาที่ทำท่าจะเอ่ยปาก แต่ก็ถูกสายตาปรามเบา ๆ จากคุณแม่ปาริฉัตร ที่ยืนพิงประตูกอดอกราวกับกำลังดูซีรีส์เกาหลีด้วยสีหน้าสนุก







