เจตนิพัทธ์เริ่มกดโทรหาพราวตะวันอีกครั้ง แต่ตอนนี้เธอเดินเตร็ดเตร่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่เปิดในเวลา 10.00 แล้ว เมื่อเห็นว่าเขาโทรมา เธอกลับกลัวจนไม่กล้ารับสาย เขาจึงส่งข้อความหาแทน
”เจตใจเย็นลงแล้วพราว ขอคุยด้วยดีๆนะ ไม่โกรธเลย เข้าใจพราวทุกอย่าง เจตผิดเอง” “ขออยู่คนเดียวซักพักนะ” “รับสายเจตได้ไหม? ขอร้องเถอะพราว เจตเสียใจจริงๆ สับสนไปหมด” “โอเค” พราวตะวันใจอ่อนให้แฟนหนุ่มเสมอ เขารีบโทรหาเธอแล้วผลุนผลันออกไปทันที ในขณะที่คิณภัทรจับปากกาในมือแน่นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกใดๆ แต่ทว่าในใจเขากลับนึกถึงแต่เธอ โดยที่ทำอะไรไม่ได้… เขารู้ว่าเธออยู่ที่ไหน รู้ว่าเธอกำลังกลัว..มีแค่หัวใจเขาเท่านั้นที่โหยหา…และมันทำได้แค่นั้น เจตนิพัทธ์ไปรับเธอแล้วพาไปส่งที่บ้าน เพราะเธอดูเศร้าและเงียบงัน ชวนไปกินอะไรรองท้องเธอก็ส่ายหน้าปฏิเสธ เขารู้สึกผิดที่ไม่ไว้ใจคนที่รักเขา ทั้งที่เธอไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย พราวเองก็คงกลัวที่รับของจากพี่คิณเหมือนกัน มีใครบ้างจะไม่ดีใจที่ได้ของใหม่ราคาแพง..เป็นเจตเองที่ผิดเพราะให้พราวไม่ได้ ทั้งๆที่เก็บเงินไม่กี่เดือนก็น่าจะซื้อให้เธอได้แท้ๆ…. เขาเอื้อมไปจับมือของพราวตะวันที่เย็นมาก เธอไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย พอรถติด เจตนิพัทธ์เลยได้จังหวะที่พอจะมีเวลาง้อได้บ้าง เขาเอี้ยวตัวเอาหน้ามาใกล้แต่เธอเอียงหน้าหลบไปเล็กน้อย ในใจของพราวตะวันเองก็รู้สึกผิดต่อแฟนหนุ่มที่รู้แก่ใจดีว่าเรื่องจริงมันคืออะไร “ขอโทษนะพราวที่ตะคอกใส่ พี่คิณพูดอะไรหลายๆอย่างทำให้เจตคิดได้ เจตผิดที่ละเลยพราว เจตแย่มาก” เธอเงียบ มีแค่เสียงสูดน้ำมูก เอาแต่มองไปนอกหน้าต่างรถ เมื่อถึงบ้านในเวลาก่อนเที่ยง เขาเดินตามเข้ามาในบ้านโดยที่เธอไม่ได้ชวนเขาเหมือนทุกที พอก้าวเข้าบ้านได้ เจตนิพัทธ์ก็กอดเธอจากข้างหลัง เอาหน้าซบลงบนไหล่ของพราวตะวัน “พูดอะไรซักคำได้มั้ยพราว? แบบนี้ไม่โอเคเลย ต่อไปเจตจะประหยัด จะพาพราวไปเที่ยวทุกที่เลย จะซื้อของให้ด้วย” “ใครบอกว่าพราวอยากได้ของจากเจต? แค่รักและเชื่อใจกันก็พอแล้ว” “มันไม่พอเจตรู้ ถ้ากลับกันเป็นเจตเอง ก็คงรู้สึกไม่ดี” “ทำไมถึงคิดว่าพราวรู้สึกไม่ดีกับเจต ไม่มีวัน” เขายิ่งซึ้งที่แฟนสาวพูดแบบนี้ และยิ่งรู้สึกผิดมากเข้าไปใหญ่ จึงจับตัวเธอให้หันมาหาเขาแล้วกอดแนบแน่น “พี่คิณจะจ่ายให้เจตพาพราวไปเที่ยวต่างประเทศ อาจจะปิดเทอมหน้าก่อนเรียนจบ พี่คิณพูดอะไรเกี่ยวกับพราวเยอะ ซึ่งมันเป็นสิ่งละเอียดอ่อนที่เจตมองข้าม ขอโทษนะที่รัก” Innova Securities คิณภัทรจ้องดูที่โทรศัพท์และรู้ว่าเธอกลับบ้านแล้ว เขาคาดเดาว่าเธอคงอยู่กับน้องชายและน่าจะกำลงงอนง้อกันหรือทำอะไรอื่นอยู่ ไม่ต้องอยู่ที่นี่ซักพักคงดี..ไหนๆก็ต้องไปดูแลกิจการที่ต่างประเทศบ้างอยู่แล้ว ถือโอกาสไปพักใจสักหน่อยคงดีขึ้น เสียงเนื้อกระทบกันดังไปทั่วห้องรับแขก บนโซฟาที่พราวตะวันเกาะขอบโซฟาไว้โดยมีเจตนิพัทธ์กระแทกรัวๆจากทางด้านหลัง อยู่ๆในใจเธอกลับคิดถึงคืนที่ผ่านมาบนโซฟานี้ที่เธอ..เป็นของเขา แม้จะแค่สองสามนาทีก็ตาม ลมหายใจ..แผ่นอกกว้าง สายตาที่หวาบหวาม รอยจูบที่ซาบซ่านจากเขา..อยู่ในห้วงคำนึงของเธอจนเผลอหลับตาแล้วมีอารมณ์ร่วมโดยจินตนาการว่าเป็นใครอีกคน.. เสียงโทรศัพท์ของเจตนิพัทธ์ดังขึ้นตอนใกล้จะถึงจุดไคล์แมกซ์ ทำให้เขาไม่รับสายและร่วมรักกับพราวตะวันจนเสร็จ เขาลงไปนอนทับเธอที่นอนคว่ำบนโซฟาเพื่อพักเหนื่อย ก่อนจะเอื้อมไปเอาโทรศัพท์มาดูแล้วกดโทรกลับ ”ว่าไงพี่คิณ? ให้ได้แบบนี้ตลอดเลยสิ ใช่อยู่กับพราวแล้ว ตอนนี้ทุกอย่างโอเค เราปรับความเข้าใจกันเรียบร้อย..บนโซฟา แค่นี้ก่อนนะ..เหนื่อย ไว้คุยกันที่บ้าน” พราวตะวันถึงกับเบิกตาโตที่เขาพูดแบบนั้นกับคิณภัทร “ทำไมเจตต้องบอกขนาดนั้นด้วยน่ะ” “แต่ก่อนนี้พราวก็พึ่งอยากให้พี่คิณได้ยินเองนะว่าเราร้อนแรงกันขนาดไหน ทำไมตอนนี้เกิดแคร์ขึ้นมาล่ะ?” “นั่นมันยังไม่พอใช่ไหม?” เขารีบกอดเธอไว้ไม่ให้ลุกออกไปจากโซฟา “ปล่อยก่อนเจต พราวจะไปล้างตัว” เธอเอาศอกดันตัวเขาให้ออกจากตัวและลุกเก็บเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำไปยืนก้มหน้าอยู่ที่อ่างล้างหน้า มองตัวเองในกระจกแล้วคิดว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึกของเธอ ทางด้านคิณภัทรเองที่เขาโทรหาน้องชายก็แค่อยากรู้ว่าทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันดีแล้ว แต่พอรู้ว่าทั้งคู่มีอะไรกันอยู่ มันทำให้เขารู้สึกเศร้าและเจ็บปวดขึ้นมา นายจะเจ็บปวดให้กับรักที่ไม่ใช่ของนายทำไม..คิณ.. พราวตะวันออกจากห้องน้ำก็เห็นว่าแฟนหนุ่มนั่งคุยโทรศัพท์และแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เขาชวนเธอไปกินมื้อเที่ยงด้วยกัน แต่พอไปถึงร้าน Ekkaluck Bangkok ก็พบว่าคิณภัทรนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เธอรู้สึกเข้าหน้าเขาไม่ติดแต่ก็พยายามฝืนทำตัวปกติ “สวัสดีค่ะ..พี่คิณ” เธอยกมือไหว้เสร็จ เจตนิพัทธ์รีบยกเก้าอี้ให้เธอนั่งตรงกันข้ามกับพี่ชายของเขา ซึ่งเธอรู้ทันทีว่าแฟนหนุ่มคงอยากทดสอบอะไรเธอแน่นอน ทางร้านเสิร์ฟเวลคัมดริ๊งแล้ว ทุกคนต่างดูเมนูตรงหน้าของตัวเอง สองพี่น้องแอบมองกันและเหลือบดูที่พราวตะวัน เธอพลิกไปพลิกมาพยายามมองหาเมนูที่คิดว่าราคาถูกที่สุดคือ ข้าวผัดจานละ 230 บาท “ฉันเอาข้าวผัดค่ะ” “คุณรับเป็นข้าวผัดอะไรดีคะ? มีไก่,หมู และกุ้งค่ะ” พราวตะวันก้มดูอีกครั้ง ก็พบว่าถ้าหมูและไก่จะเพิ่มอีก 90 บาท สำหรับกุ้งเมนูนี้จะเพิ่มขึ้นอีก 120 แต่ก่อนที่เธอจะตอบอะไร คิณภัทรดึงเมนูออกจากมือเธอเบาๆแล้วยิ้มให้ “มื้อนี้ผมจ่าย ผมเลือกร้านนี้เองเพราะมาบ่อยๆ เพราะฉะนั้นจะรู้ว่าเมนูอันไหนอร่อย ให้ผมจัดการเองนะ เอ่อ..เมนูข้าวผัดยกเลิกก่อนครับ เดี๋ยวผมสั่งใหม่” คิณภัทรพูดกับพนักงานสาวอย่างมีมารยาท ก่อนจะถามน้องชายของเขา “พราวมีอะไรที่ชอบหรือแพ้อะไรบ้าง? แกพอจะรู้มั้ยเจต?” เจตนิพัทธ์มองหน้าพี่ชายนิ่ง จนพราวตะวันต้องรีบชิงพูดขึ้นมา “พราวไม่แพ้อาหารอะไรค่ะ แค่ไม่ชอบพวกที่เป็นถั่วกับลูกเกด หมูหยองกับกุนเชียง แค่นี้ค่ะ” “โอเค เอ่อ.. ของผู้หญิง เอาซุปเห็ดทรัฟเฟิล สลัดวากิว แล้วก็ปลาฮาลิบัท ส่วนขนมหวานที่มาสุดท้ายขอทีรามิสุให้เธอ” “ฉันขอน้ำเปล่าก็พอค่ะ” พราวตะวันรีบพูดก่อนที่คิณภัทรจะสั่งอะไรอีก เพราะสำหรับเธอคนเดียวก็ปาไปสองพันบาทแล้ว “ไม่อยากลองสั่งให้เจตมั่งเหรอพราว?” คิณภัทรยื่นเมนูคืนให้พราวตะวัน เธอมองเขาไม่เต็มตาแต่ก็ยื่นมือรับมาดู “เอ่อ เจตชอบทานเนื้อมาก ไม่ชอบทานผัก สลัดคงไม่ต้องพูดถึง เมนูที่เป็นเส้นเขาไม่ค่อยชอบมากเท่าไหร่” เจตนิพัทธ์อึดอัดขึ้นมาทันที เขารีบพูดสั่งอาหารตัดหน้าพราวตะวันที่กำลังดูเมนูให้เขา จนเธอมองหน้าแฟนหนุ่มและคืนเมนูไปให้พนักงาน คิณภัทรยิ้มในสีหน้าเอนหลังพิงพนักเก้าอี้และพูดกับน้องชายแบบขำๆ “แกนี่โชคดีนะ มีแฟนที่สนใจว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร เสียดายจริงๆ” “นั่นเพราะพราวไม่ค่อยบอกอะไรเจต พราวเป็นคนชิลๆสบายๆ ไม่อยากให้คนอื่นลำบากต้องมาคอยตามใจ เลยเป็นคนที่อะไรก็ได้ นี่คือส่วนที่น่ารักของแฟนเจต” “แกเลยกลายเป็นคนที่คนอื่นต้องคอยตามใจ จดจำเรื่องของแกแทนสินะ” พราวตะวันเริ่มรู้สึกว่าพวกเขาคุกรุ่นกันมาตั้งแต่ต้นแล้ว จึงรีบพูดขึ้นมาหวังให้ทุกอย่างมันดีขึ้น “พราวรักใครก็มักจดจำเรื่องเล็กๆน้อยๆของเขาน่ะค่ะ อย่างที่เจตพูด พราวไม่ค่อยพูดเรื่องของตัวเองเท่าไหร่ถ้าไม่มีใครถาม แม่พราวสอนมาตลอดว่าให้พยายามไม่เรื่องมากไว้ก่อน จะได้อยู่กับคนอื่นง่าย” “คุณรู้มั้ยว่า คุณน่ะนิสัยเหมือนแม่ผม ที่คอยปกป้องลูกชายคนโปรดเสมอ” “เจตพลาดเองแหละพราว ที่ไม่ค่อยเอาใจใส่ดูแล จดจำเรื่องเล็กๆน้อยๆ ต่อไปนี้เจตขอแก้ตัวกับพราวนะ จะได้ไม่เป็นเหตุผลให้มีอะไรมาแทรกแซงเราได้” พราวตะวันได้แต่นั่งตัวลีบเล็กท่ามกลางสงครามฝีปากระหว่างสองพี่น้อง …………………………………🐳🐳เจตนิพัทธ์เริ่มกดโทรหาพราวตะวันอีกครั้ง แต่ตอนนี้เธอเดินเตร็ดเตร่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่เปิดในเวลา 10.00 แล้ว เมื่อเห็นว่าเขาโทรมา เธอกลับกลัวจนไม่กล้ารับสาย เขาจึงส่งข้อความหาแทน”เจตใจเย็นลงแล้วพราว ขอคุยด้วยดีๆนะ ไม่โกรธเลย เข้าใจพราวทุกอย่าง เจตผิดเอง”“ขออยู่คนเดียวซักพักนะ”“รับสายเจตได้ไหม? ขอร้องเถอะพราว เจตเสียใจจริงๆ สับสนไปหมด”“โอเค”พราวตะวันใจอ่อนให้แฟนหนุ่มเสมอ เขารีบโทรหาเธอแล้วผลุนผลันออกไปทันที ในขณะที่คิณภัทรจับปากกาในมือแน่นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกใดๆ แต่ทว่าในใจเขากลับนึกถึงแต่เธอ โดยที่ทำอะไรไม่ได้…เขารู้ว่าเธออยู่ที่ไหน รู้ว่าเธอกำลังกลัว..มีแค่หัวใจเขาเท่านั้นที่โหยหา…และมันทำได้แค่นั้นเจตนิพัทธ์ไปรับเธอแล้วพาไปส่งที่บ้าน เพราะเธอดูเศร้าและเงียบงัน ชวนไปกินอะไรรองท้องเธอก็ส่ายหน้าปฏิเสธ เขารู้สึกผิดที่ไม่ไว้ใจคนที่รักเขา ทั้งที่เธอไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย พราวเองก็คงกลัวที่รับของจากพี่คิณเหมือนกัน มีใครบ้างจะไม่ดีใจที่ได้ของใหม่ราคาแพง..เป็นเจตเองที่ผิดเพราะให้พราวไม่ได้ ทั้งๆที่เก็บเงินไม่กี่เดือนก็น่าจะซื้อให้เธอได้แท้ๆ….เขาเอื้อมไปจับมือของพราวตะวันที่เย็นมาก เ
เจตนิพัทธ์ที่กำลังใช้ความคิด คิณภัทรก็พูดขึ้นมาโดยไม่มีปฏิกิริยาอะไร “ฝากคืนให้น้องพราวด้วยแล้วกัน ฉันก็ลืม ที่เธอไปกินข้าวกับพวกเราวันนั้น มันคงหลุดตกในรถ เอารถไปทำสปาแล้วพนักงานร้านเก็บไว้ให้”“ทำไมตอนเจตย้ายจากเบาะหลังไปนั่งหน้าไม่เห็นว่าโทรศัพท์พราวตก ตอนนั้นพราวใช้เครื่องนี้อยู่ยังไม่ได้ใช้เครื่องใหม่..”เขาพยายามใช้ความคิดพอๆกับที่พี่ชายก็กำลังคิดหาข้อแก้ตัวเช่นกัน เจตนิพัทธ์มองพี่ชายที่ขับรถอยู่ด้วยหน้าตาที่เรียบเฉย ส่วนตัวเขาในใจเต้นแรงมากแทบหลุดออกมา“มีอะไรที่เจตควรรู้มั้ย?”“ไม่มีอะไรที่แกต้องกังวลแบบที่คิดหรอก พราวรักแกคนเดียว ฉันยืนยันได้”“ทำไมพี่ถึงยืนยันได้!”เจตนิพัทธ์ตะคอกเสียงดังใส่พี่ชายที่มองหน้าเขาสลับกับมองถนน “พราวใช้โทรศัพท์ใหม่ แล้วเครื่องพราวอยู่ที่พี่ได้ไง?”เจตนิพัทธ์เปิดโทรศัพท์ของแฟนสาวขึ้นมาก็ตรงกับที่เขาคิด “ย้ายข้อมูลไปเรียบร้อยแล้วซะด้วย จอดเลยพี่คิณ จอดรถ!”“ไม่ อยากลงก็กระโดดลงไปเอง ถ้าจะงี่เง่าจนไม่ฟังอะไรเลย”เขาโทรหาพราวตะวันที่กำลังนั่งอยู่ในแท็กซี่จะถึงที่ทำงานพอดี “พราว เดี๋ยวเจตไปหาที่ทำงาน เรามีเรื่องต้องคุยกัน”“มีอะไรเจต พราวต้องเข้าง
ชายหนุ่มหญิงสาวที่นอนคุดคู้อยู่ด้วยกันในผ้าห่ม แม้จะเงียบกันไปแล้วแต่ทว่าทั้งสองต่างก็ไม่หลับ“ที่ผมพูดไป คุณไม่มีอะไรโต้แย้งใช่ไหม?”“เรื่องไหน?”“ถ้าคุณเลิกกับเจต..”“เลิกพูดแบบนี้เถอะค่ะ”เธอทำท่าจะขยับออกจากกอดของเขาแต่ก็โดนสองแขนแข็งแรงรวบกอดเอาไว้ พราวตะวันรู้สึกได้ว่าจมูกเขาสัมผัสต้นคอด้านหลังชวนให้ขนลุกเกรียว“ผมยอมดูคุณมีความสุขและคบหากับน้องชายผม ดีกว่าจะเห็นคุณจากพวกเราไปคบกับคนอื่น”“พี่คิณ…ชีวิตพี่ต้องได้เจอคนอีกมากมาย พี่ต้องได้เจอคนที่คู่ควรแน่นอน เชื่อพราวสิ”“พี่เชื่อ..เพราะตอนนี้เจอแล้ว..อยู่ในอ้อมแขนของพี่เอง”ตอนนี้พราวตะวันเข้าใจได้อย่างหนึ่ง ถ้าเขาอารมณ์ดีจะพูดแทนตัวเองอย่างสนิทสนม แต่ถ้าเขาไม่พอใจหรือโมโหจะเรียกใช้คำแทนตัวที่ดูห่างเหิน “พี่คิณกับเจตนี่เหมือนกันจริงๆ เวลาอยากได้อะไรก็จะสรรหาคำพูดตื๊อจนกว่าจะได้”เขากอดกระชับเธอมากขึ้น ลำตัวที่กำยำนัวเนียด้านหลังของเธอให้รู้สึกร้อนรุ่ม คิณภัทรเอาแขนข้างที่กอดเธอเปลี่ยนไปลูบขาและเลิกชุดนอนขึ้นเพื่อจะลูบไล้สะโพกและลามมาที่หน้าท้อง ก่อนจะค่อยๆล้วงเข้าไปที่กางเกงชั้นใน พราวตะวันรีบจับมือเขาไว้ทันที“อย่าค่ะ..พอเถอะ”
คิณภัทรมองหน้าเธอด้วยความแน่วแน่ที่เขาจะอยู่ที่นี่กับเธอในคืนนี้ ทำเอาพราวตะวันคอตกที่เขาดื้อมากกว่าที่คิด เขาอดไม่ได้ที่จะใช้สายตามองหน้าอกของเธอเพราะไม่ได้ใส่บรา แล้วดูท่าทางเจ้าตัวก็ลืมเรื่องนี้เสียด้วยพราวตะวันลุกขึ้นไปนั่งบนเตียงแล้วใช้สายตาว่าไม่พอใจก่อนจะเลือกหมอนใบหนึ่งโยนลงไปให้ “ตีสี่พี่คิณต้องออกไปนะ““เจ็บอยู่มั้ย?”“ไม่ต้องถามอะไรแล้วค่ะ ตอบมาก็พอว่าตีสี่ต้องออกไปจากที่นี่”คิณภัทรล้มตัวลงนอนหันหลังให้ พร้อมกับถามตัวเองในใจนี่เขาอายุจะสามสิบแล้ว เป็นนักธุรกิจที่บ้านก็ไม่ได้ลำบากอะไร ทำไมต้องมางอนง้อแฟนน้อง ยอมนอนบนพื้นแข็ง แถมยังโดนไล่เหมือนหมูเหมือนหมาอีก..ผู้หญิงมีตั้งเยอะแยะ ทำไมถึงต้องมาหลงรักเธอด้วยนะ…“ตอบมาสิคะ”“ตามหลัก..เราก็มีอะไรกันแล้วนะ จะไล่ผมแบบนี้ได้เหรอ? ผมก็สามีคุณคนหนึ่งเหมือนกัน”เขาพูดตอบไปทั้งที่นอนหันหลังให้แบบนั้น พราวตะวันโมโหที่เขาไม่รับปากว่าจะออกไปจากบ้านแถมยังมาพูดเหมือนเป็นเจ้าเข้าเจ้าของทั้งที่บังคับใจเธอแท้ๆ“แล้วแต่ละกัน อะไรจะเกิดก็เกิด เฮ้อ…”เธอกระแทกเสียงถอนหายใจ แล้วนอนหันหลังให้เขาเช่นกัน ห้องที่เงียบจนเธออึดอัดนอนไม่หลับเพราะรู
พราวตะวันหันมาตามเสียงเรียกจากคนที่เธอไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้ เธอสอดส่ายสายตาไม่เห็นรถของเขา และทำหน้าแทนคำถามเชิงว่ามาที่นี่ทำไม“ใจคอจะให้ผมโดนยุงกัดอีกนานไหม? ผมยืนรอให้เจตกลับบ้านมาสักพักใหญ่แล้ว”คิณภัทรไม่เรียกตัวเขาเองว่าพี่อีกและพูดด้วยน้ำเสียงที่ปกติมาก แต่ทว่าลึกในใจนั้นตรงข้ามแบบสุดขั้ว นั่นเพราะระหว่างเขาและเธอยังมีประตูบ้านที่ขวางกั้นอยู่ พราวตะวันเดินไปใกล้ประตูหน้าบ้าน เธอรู้ดีว่าเขาได้ยินบทรักแบบจัดเต็มที่เธอมอบให้กับน้องชายของเขา แต่ไม่คิดว่าหลังจากได้ยินได้ฟังแล้วต้องถ่อมาถึงที่บ้านเธอ“พี่คิณ พราวจะลาออกจากฝึกงานที่แกลลอรี่ เพื่อความสบายใจของตัวพราวเอง ที่บอกก็เพื่อที่พี่จะได้รู้ว่าเป็นเพราะพี่ที่ทำลายความรักของพราวที่มีต่องาน และถ้าพี่อยากพูดอะไรกับใครก็ตามสบายเลยค่ะ ไม่ว่าจะกับเจตหรือแม่หรือใครก็แล้วแต่ อย่างมากพราวก็แค่ไปอยู่ฝรั่งเศส”เขาตกใจกับสิ่งที่เธอบอก จนเผลอจับประตูบ้านไว้ มองด้วยสายตาที่แพ้ใจให้คนตรงหน้าอย่างราบคาบ“อย่าไปไหนเลย ผมขอโทษนะ ขอคุยด้วยแค่วันนี้ได้มั้ย?”พราวตะวันกอดอกแล้วหันด้านข้างให้เขา “พูดได้เลยค่ะ เชิญ”“ผมขอเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหม?”“ไ
พราวตะวันลุกไปเปิดแค่โคมไฟหัวเตียงและปิดไฟในห้อง ชายหนุ่มอ้าแขนรับเธอให้กลับมานั่งบนตักเขา เงยหน้าจูบเธอที่ประคองวงหน้าเขาอย่างรักใคร่ สองมือของเจตนิพัทธ์ลูบไล้สะเปะสะปะไปทั่วกายเธอ ก่อนจะเปลี่ยนจากจูบที่ปากไล่ลงมาตามลำคอ จมูกโด่งของเขาดอมดมไปทั่ว ลมหายใจแสนอบอุ่นนั้นชวนให้เธอเคลิ้ม“หอมจังที่รัก..ผิวก็นุ่มนิ่มไปหมด”พูดจบแค่นั้นก็อุ้มเธอขยับไปนอนบนเตียงให้อยู่ภายใต้ร่างกายเขาอย่างง่ายดาย เจตนิพัทธ์ใช้มือลูบไล้ขาอ่อนพลางสบตาเธอไปด้วย “บอกก่อนนะว่าพราวน่าจะขาอ่อน”พราวตะวันขำเบาๆ ในสายตาเขาเธอทำอะไรก็น่ารักไปหมดนั่นแหละ เจตนิพัทธ์เลื่อนสายบ่าของชุดนอนลงจนเห็นหน้าอกขาวเนียน ใช้นิ้วจับยอดอกบี้เบาๆ จนพราวตะวันทั้งเสียวทั้งจักจี้,จั๊กจี้ จนต้องมุดหน้าเข้าซบอกแฟนหนุ่มพร้อมกับร้องครางเสียงอู้อี้ไม่หยุดเขาเริ่มละเลงลิ้นลงบนหน้าอกทั้งสองเต้านั้นอย่างหลงใหล โดยที่สาวสวยได้แต่ครางเบาๆแอ่นตัวเล็กน้อยอยู่ตลอด ก่อนจะดึงปลายชุดนอนสั้นนั้นให้เลิกขึ้นจนเห็นหน้าท้องและกางเกงชั้นในแบบซีทรูสีขาว ที่ทำให้เห็นเงาของดงดอกหญ้าบางๆที่แสนเซ็กซี่ชวนให้น่าค้นหาสุดๆ แล้วค่อยๆเลื่อนตัวขยับลงไปจนหน้าของเขาอยู่ที