เจตนิพัทธ์ขับรถไปส่งพราวตะวันที่บ้านแต่ก็ไม่ถึง เพราะเขาไปจอดในซอยที่เปลี่ยวและลับตาคนเสียก่อน
“แค่ไม่นาน คุณแม่คงไม่ตามใช่มั้ยที่รัก?” “อือฮึ..ส่งข้อความให้แม่ตอนอยู่ที่บ้านเจตแล้วว่ากำลังจะกลับ” “พอผมเห็นสายตาพี่คิณเวลามองพราวแล้วหึงเลย” “ก็ไม่เท่าไหร่นะ คนเราสนทนากันจะไม่ให้มองหน้าเวลาคุยเหรอ?” เจตเลื่อนมือมาลูบขาแล้วค่อยๆ ล้วงเข้าไปสัมผัสภายนอกกางเกงชั้นในของพราวตะวัน เธอขยับมาซบเขาแล้วอ้าขามากขึ้น ซึ่งแฟนหนุ่มก็รู้งาน ล้วงถอดเอากางเกงชั้นในของเธอทิ้งไป ใช้นิ้วลูบวนไล้ที่จุดกระสัน แล้วใส่นิ้วกลางเข้าไป พลางจูบบดบี้ขยี้ลิ้นกันอย่างเร่าร้อน “อึดอัดอ่ะที่รัก” พราวตะวันได้ยินแฟนหนุ่มสุดหล่อพูดอ้อน เลยใช้มือบีบขยำที่เป้ากางเกงของแฟนหนุ่มที่แข็งตัวเป็นลำ “อยากเห็นมันอยู่ในปากน่ารักๆ ของพราวจังนะ” “เหมือนกัน พราวชอบเห็นหน้าเจตเวลามีอารมณ์สุดๆ” เขารีบถอดกางเกงไปกองที่ข้อเท้า ปรับเบาะนั่งให้นอนราบจนแก่นกายตั้งเด่แทบจะชี้หน้าเธอได้ พราวตะวันก้มลงใช้ลิ้นลากไปตามดุ้นที่แข็งตัวจนเป็นสีแดงเข้ม รอยหยักตรงหัวเห็ดที่บานใหญ่นั้นเธอชอบใช้ลิ้นดุนเล่นเป็นพิเศษ น้ำหล่อลื่นใสๆ ถึงกับไหลเป็นทาง ด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน “อาาา…พราว” เสียงที่พราวตะวันทั้งอมทั้งดูดเร้าอารมณ์แบบสุดๆ ยิ่งเห็นดุ้นที่คับปากของแฟนสาว ยิ่งทำให้แข็งตัวจนเส้นเลือดปูดโปนไปทั้งลำ “พราวนอนลง ผมอยากเล่นกับน้องสาวบ้าง” “ไม่อ่ะ อยากขึ้นแล้ว” เธอขึ้นควบจับดุ้นอวบแหย่ไปที่ปากทางเข้ารูเสียวแล้วนั่งทับลงช้าๆ จนมิดด้าม “โอยย…เสียว อาาา” เจตที่ครางออกมาเพราะรูสวาทเขมือบแก่นกายเขาไปจนมิด รู้สึกได้เลยว่าส่วนหัวสัมผัสสิ่งที่นุ่มนิ่มภายในกายเธอลึกๆ พราวตะวันเริ่มแกว่งเอวบดขยี้บนตัวเขา แล้วเริ่มจังหวะขี่ด้วยการขย่มจากเบาๆ ช้าๆ ก่อนจะเริ่มขย่มแรงขึ้น.. เสียงผิวที่กระทบกันดังสนั่นในรถ บวกกับอารมณ์ที่ร้อนแรงของคนทั้งคู่ทำเอารถสั่นสะเทือนไปทั้งคัน เจตจับขาเธอให้เหมือนนั่งยอง สอดมือทั้งสองอุ้มสะโพกเธอเอาไว้ แล้วเป็นฝ่ายกระแทกรัวๆ ถี่ยิบจากที่นอนอยู่ใต้ตัวเธอที่ร้องครางเสียงหลง “เจต..อื้อออ..ไม่ไหวว” พราวตะวันหมอบลงบนตัวเขาที่ยังขยับเอวต่อไม่หยุด “อ๊าาา พราว…พราวจะ..เสร็จ ช่วยพราวด้วย” แขนที่แข็งแรงกอดเอวเธอแล้วพลิกตัวของพราวตะวันลงไปนอนที่เบาะแทน โดยที่แก่นกายยังไม่หลุดจากช่องสวาท เขาตอกถี่ยิบอย่างด้วยอารมณ์ทางเพศที่เกินจะควบคุมได้ เธอกอดคอเขาแน่น หน้าซุกที่ซอกคอของแฟนหนุ่ม “อึก..อื้ออ..แรงอีก..อีก..ที่รัก” “พราว ผมรักคุณ อาา..ผมใกล้แล้ว อ๊าา ข้างในนะ” น้ำอุ่นๆ ร้อนๆ ทะลักล้นออกมาจนเลอะเบาะรถไปด้วย ทั้งสองหอบหายใจกระเส่ารดหน้ากันด้วยความสุขสม เจตนิพัทธ์เปิดลิ้นชักรถเอาทิชชูเช็ดที่น้องสาวของเธอ ก่อนจะเช็ดให้ตัวเขาเอง พร้อมกับเปิดทางให้พราวตะวันกลับไปที่นั่งข้างคนขับ เพื่อจะได้เช็ดน้ำกามที่เปื้อนเต็มเบาะที่นั่ง “น้ำเยอะมาก สงสัยเราไม่ได้ทำกันมาสักพักหนึ่งละมั้ง” “กลัวเจตจะเบื่อพราวเสียก่อนน่ะสิ ไม่ต้องบ่อยก็ดี จะได้หิวบ่อยๆ” “แค่เห็นหน้าก็แข็งละป่ะ” “บ้า หน้าตาก็หล่อทำไมหื่นเกิน” “ก็หื่นกับพราวคนเดียว ชอบผมก็เพราะหื่นด้วยใช่มั้ยล่ะ” เธอหัวเราะชอบใจโดยไม่ตอบอะไรอีก พอคว้ากางเกงชั้นในทำท่าจะใส่ เจตนิพัทร์กลับรีบเอ่ยปากขอเธอ “ผมขอได้มั้ย? กางเกงชั้นในของพราว” “หื้อ..จะให้พราวโล่งโจ้งแบบนี้อ่ะนะ ลมมันเย็นน่ะสิ” “เซ็กซี่ดีออก” เธอปากางเกงชั้นในไปที่หน้าเขาที่หัวเราะชอบใจ แล้วปล่อยให้เขาขับรถไป โดยมีเสียงเพลงคลอเบาๆ พราวตะวันนึกถึงตอนที่เขามาจีบเธอใหม่ๆ เกือบครึ่งปีที่เขาไม่มีทีท่าว่าอยากจะล่วงเกินเธอ จนกระทั่งปิดเทอมนั้นเธอขอกับแม่จะไปทริปเที่ยวทะเลที่กระบี่กับเพื่อนสาวในกลุ่ม เจตนิพัทธ์ได้ตามไปทีหลังโดยไม่บอกเธอให้ล่วงรู้มาก่อน และทริปนี้เองที่ทำให้เธอเสียความบริสุทธิ์ให้เขา สามคืนสี่วันที่กระบี่ เขามาเปิดห้องใกล้กับเธอที่อยู่กับเพื่อน คืนแรกในเวลาดึกสงัดที่ทุกคนหลับแล้ว เขาตามตื้อส่งข้อความชวนเธอไปเดินที่ชายหาด พอเธอปฏิเสธเขาก็ยืนยันว่าจะนั่งรอหน้าห้องจนกว่าเธอจะยอมออกมา “ตามมาทำไมน่ะ? พราวมากับเพื่อน เจตมาแบบนี้เหงาตายเลย แล้วพ่อแม่ไม่ว่าหรือไง?” “เหงาได้ไง มีพราวอยู่ด้วยนี่แหละ ไปเดินเล่นกันเถอะ” เขาจูงมือเธอเดินเลียบชายหาดกันสองคน ด้วยบรรยากาศและกลิ่นอายของทะเลที่โรแมนติก พวกเขาจูบกัน มันคือจูบแรกที่ลึกซึ้งของพราวตะวันแล้วใช้จังหวะที่เธอเคลิ้มพาไปที่ห้อง ช่วงที่เล้าโลมแรกๆ เหมือนเธอจะให้ความร่วมมือดี แต่พอเขาจู่โจมจริงๆ เธอกลับกลัว เจตนิพัทธ์งัดทุกอย่างที่จะทำให้แฟนสาวโอนอ่อนให้จนตกเป็นของเขาจนได้ ทุกคืนที่กระบี่หลังจากทุกคนหลับ เขาจะมารอพาเธอไปที่ห้องพักทุกคืน จากที่สองสามครั้งแรกเจ็บบ้าง แต่หลังจากนั้นพราวตะวันยอมรับกับตัวเองว่ามันคือความหฤหรรษ์ที่น่าพึงพอใจหลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ ชโลทรก็ส่งข้อความมาบอกพราวตะวันว่าอยู่ที่ปารีสกับครอบครัวโบว์ฟัว เพื่อทำงานศิลปะอย่างที่เคยฝันว่าอยากมีแกลลอรี่เป็นของตัวเองบ้าง แต่ช่วงนี้ต้องอาศัยแกลลอรี่ของกาเบรียลเพื่อวางผลงานไปก่อน พราวตะวันตกใจที่แม่ของเธออยู่ร่วมกับพ่อและภรรยาใหม่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ “พ่อทำยังไงถึงโน้มน้าวแม่ได้คะ? เหลือเชื่อมาก”“ก็เพราะพ่อรู้จักเธอดีกว่าใครๆ เผลอๆรู้จักเธอมากกว่าตัวเธอรู้จักตัวเองเสียอีก แล้วก็ต้องให้เครดิตโคลเอ้นะ น้องสาวลูกตีบทแตกไปเลย”พราวตะวันหัวเราะคิก “พ่อเล่าหน่อยสิ”“ไว้ลูกมาที่ปารีสเดี๋ยวก็เห็นว่าโคลเอ้ทำยังไง?”ที่อเมริกาช่วงพักฟื้นได้จบลง คิณภัทรได้กลับมาประเทศไทยอย่างสุขภาพที่ดี จากการพักผ่อนเต็มที่ อาหารที่แม่ของเขาทำเพื่อลูกอย่างถูกสุขอนามัยทุกวัน แม่บอกรักเขา ดูแลและโอบกอดเสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาอยากได้มาตลอด ทำให้ช่วงเวลาหนึ่งเดือนเป็นการฟื้นฟูความรู้สึกที่ขาดหายในวัยเด็กด้วยเลยทีเดียวพราวตะวันและเจตนิพัทธ์ที่ใส่ชุดนักศึกษาได้จูงมือกันเข้ามาในบ้าน ก็เจอกับคิณภัทรและแม่ที่บินกลับมาแล้ว“นี่ในบ้านนะ ไม่ต้องกลัวคนหายหรอก”“หายดีก็ปากเหมือนเดิมเลยนะพี่ค
ชโลทรหมดแรงที่จะต่อล้อต่อเถียงกับคิณภัทรอีกแล้ว“เธอเป็นของคุณ..ดูแลเธอให้ดีก็แล้วกัน..”เธอพูดจบและจะเดินหนีขึ้นข้างบน พราวตะวันรีบเรียกและดึงแขนแม่เอาไว้“แม่!..”“ปล่อยแม่..พราว! รักเขามากกว่าแม่ก็ไปซะ”“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะแม่”“ไม่ใช่แล้วมาปรึกษากันบ้างมั้ย?”“หนูขอโทษค่ะ..”“ให้แม่อยู่คนเดียวซักพักเถอะ ไปสิ..ไปอยู่กับพวกเขา ไปซะ” ชโลทรสะบัดแขนจากลูกสาวแล้วรีบเดินขึ้นไปบนชั้นสองและปิดประตูห้องล็อก คิณภัทรรีบมากอดเธอไม่ให้ตามขึ้นไป เขาจะสู้เพื่อไม่ให้เสียเธอ โดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นแม่ของเธอหรือใครก็ตาม “พี่คิณ..เอาไงดี?”“แม่ว่าพาหนูพราวไปที่บ้านก่อนดีกว่า บางทีปล่อยให้แม่เค้าคิดอะไรสักพักก่อนนะ”“พราว..ไปกับเรานะ พี่ไม่ได้บอกให้ทิ้งแม่ แต่พี่ไม่อยากให้ทุกคนสุขภาพจิตเสีย เดือนหน้าหนูอาจตั้งท้องแล้ว พี่ห่วงลูก เดี๋ยวพี่จะหาทางมาคุยกับคุณแม่ของพราวอีกที พี่ไม่ยอมแพ้หรอก”“เจตจะไปช่วยเก็บของ แม่กับพี่คิณรอนี่แป็บนึงนะ”เจตนิพัทธ์จับมือพราวตะวันให้ออกจากกอดของคิณภัทร เพื่อไม่ให้เสียเวลา“พราวไม่ไปได้ไหม? ขออยู่ที่นี่กับแม่…”“เชื่อเจตนะ เจตมีวิธี”ทั้งสองขึ้นไปเก็บแค่เสื้อผ้ามาไม่มากร
คุณเจตสุภาตัดสินใจจะไปคุยกับชโลทรที่บ้าน เพราะเจตนิพัทธ์ได้บอกกับทุกคนว่าท่าทางคุณแม่ของพราวตะวันดูสับสนกับสิ่งที่ลูกสาวบอกคร่าวๆ“แม่คิดว่ามีส่วนต้องช่วยรับผิดชอบ เพราะลูกชายของแม่ทั้งสองคนไปอีนุงตุงนังกับลูกสาวของเค้าก่อน อีกอย่างอยากทำอะไรให้ถูกต้อง ไหนๆก็จะเรียนจบอยู่แล้ว”พราวตะวันที่จัดของออกจากกระเป๋าอยู่ พอเห็นสายโทรเข้าจากเจตนิพัทธ์ก็รีบรับสายอย่างกระตือรือร้นทันที “ว่าไงเจต? พราวกำลังเครียดเลย”“เดี๋ยวอีกชั่วโมงนึงเจอกัน ที่บ้านเจตโอเคทุกอย่าง ราบรื่นไม่มีอะไร ไม่ต้องเครียดนะ พวกเราเอาอยู่”“เฮ้อ..ไม่รู้สิ กลัวไปหมด”“เจตจะปกป้องพราวเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ช่าง เราต้องได้อยู่ด้วยกัน”วันนี้ชโลทรลางานจากมหาวิทยาลัย จึงว่างครึ่งวันโดยเธอนั่งวาดรูปเงียบๆที่ห้องรับแขก ไม่นานนักก็มีรถยนต์คันใหญ่ที่หรูหรามาจอดที่หน้าบ้าน เธอที่เห็นแบบนั้นจึงออกไปดู พอเห็นหน้าสองพี่น้องและหญิงวัยกลางคนที่ดูก็รู้ทันทีว่าคือคุณแม่ของพวกเขา ซึ่งดูอายุอานามมากกว่าเธอ จึงเป็นฝ่ายยกมือสวัสดีขึ้นก่อน“สวัสดีค่ะ เชิญค่ะ”“โอ้..ยินดีมากค่ะ อยากเจอคุณแม่หนูพราวมาสักพักแล้ว”คุณเจตสุภารับไหว้และจับมือของชโลทรอ
ถึงเวลาบินกลับไทยก่อนหน้าเปิดเทอมสุดท้ายสามวัน ครอบครัวจิรวราพงศ์มารับคิณภัทรและพราวตะวันที่สนามบิน โดยมีชโลทรคุณแม่ของพราวตะวันได้มารอรับลูกสาวเช่นกัน ซึ่งเธอประหลาดใจมากที่ลูกสาวลงเครื่องมากับคิณภัทร ขณะที่แฟนหนุ่มอย่างเจตนิพัทธ์มารอรับทั้งคู่ด้วยและนี่เป็นครั้งแรกที่พ่อแม่ของพวกเขาได้รู้จักคุณแม่ของแฟนสาว ทุกคนดูไม่แปลกใจกับทุกสิ่งที่เห็นยกเว้นชโลทรที่รู้สึกแปลกๆพราวตะวันยกมือไหว้พ่อแม่ของแฟนหนุ่มทั้งสอง และปรี่เข้าไปกอดแม่ของเธอแน่น เพราะไม่ได้อยู่ด้วยกันถึงสองเดือนกว่า คิณภัทรกอดกับแม่ของเขาแล้วก็เดินมาหาชโลทร “สวัสดีครับคุณแม่ พอดีผมกลับมากับน้อง วันนี้ผมจะขออนุญาตไปคุยกับคุณแม่ที่บ้านนะครับ เออ..เจต ของเยอะมากเลย ต้องช่วยกันขนใส่รถนะ”คิณภัทรคุยกับชโลทรแล้วหันไปบอกน้องชาย ก่อนจะหันมากระซิบกับพราวตะวันเบาๆ“ที่รัก ตอนเย็นผมกับเจตจะไปหาที่บ้านนะ ขอคุยกับที่บ้านก่อน”พราวตะวันพยักหน้ารับ ขณะที่เจตนิพัทธ์มากอดเธอเป็นคนสุดท้าย “เจตไม่เจอแป็บเดียว พราวสวยขึ้นนะ คิดถึงจะตายละ”“เย็นนี้เจอกันนะ”เธอกล่าวลาทุกคนแล้วกลับบ้านไปกับแม่ ระหว่างอยู่ในรถ แม่ของเธอสังเกตว่าลูกสาวดูสวยขึ้นจร
พราวตะวันไม่เคยไปที่อื่นนอกจากฝรั่งเศส เธอจึงตื่นเต้นมาก ชุดว่ายน้ำทูพีชสีสดใสหลายชุดที่ไปช็อปปิ้งมา เธอจึงใส่ไม่ซ้ำกันสักวันเพื่อว่ายน้ำทั้งในโรงแรมและที่ชายหาดใกล้กับ Brook Point ในเวลาที่สามีทำงานอยู่ในห้อง เธอถ่ายรูปส่งให้เจตนิพัทธ์และแม่ของเธอมากมาย จนแม่ต้องส่งข้อความมาหาว่าทำไมถึงไปอยู่ที่นั่นได้ “แล้วหนูจะกลับไปอธิบายให้แม่ฟังนะคะ”คิณภัทรโทรเข้ามาหาเพราะตามหาภรรยาไม่เจอ “ที่รัก อยู่ไหน? ห้ามไปที่ไหนไกลเกินไปคนเดียวสิ พี่เดินหาไม่เจอเลย”“มานั่งเล่นใกล้กับซากเรือเก่าค่ะ สวยมากๆ ถ่ายรูปส่งไปให้แม่ด้วยเผื่อเป็นแบบให้วาดภาพ มีประภาคารด้วยพี่คิณ ปลาก็เยอะน้ำก็ใสสีฟ้าสุดๆ”“เดี๋ยวๆ ทำไมไปไกลจากโรงแรมแบบนั้น? อยู่นั่นเลยห้ามลงน้ำ พี่กำลังไปหา”เขาเอารถของโรงแรมขับอ้อมไปหาเธอ 1.7 กิโล ใช้เวลาห้านาทีก็ถึง พอดูพิกัดในโทรศัพท์ก็รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน “แพริส ห้ามใส่ชุดว่ายน้ำแบบนี้มาคนเดียว เห็นมั้ยว่าคนท้องถิ่นอยู่ที่นี่ แล้วตอนนี้นักท่องเที่ยวก็ไม่มีใครสักคนน่ะ ถ้าจะมาให้รอพี่สิ”เธอเงยหน้ามองแบบไม่พอใจแต่ก็ไม่พูดอะไร พลางใส่เสื้อและกางเกงขาสั้นทับชุดว่ายน้ำไปเลย แล้วทำหน้าหงิก“เดี๋
ตอนนี้สุขภาพของคิณภัทรดีขึ้นแต่ก็ยังต้องจำกัดอาหารและดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้เหมือนเดิม พวกเขาได้รับเอกสารการจดทะเบียนเรียบร้อยและบินไปนีซอีกครั้งเพื่อแสดงเอกสารให้กับทางโบสถ์ รวมถึงไปดูการรีโนเวทโรงแรมอยู่สามวันเหลืออีกครึ่งเดือนเขาและพราวตะวันต้องกลับไทย การใช้ชีวิตด้วยกันกับครอบครัวของเธอสองเดือนกว่านี้ทำให้ชีวิตเขาสงบและร่างกายได้พักผ่อนยาวๆเป็นครั้งแรก ทางด้านเจตนิพัทธ์รู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์กับพราวตะวันดีขึ้นมาก พออยู่ไกลกันกลับห่วงหาคิดถึงกันมากกว่าเดิม ไม่มานั่งทะเลาะกัน ได้คุยกันทุกวันแม้จะไม่นานมาก ลมทะเลที่พัดปลิวผ้าม่าน ผมยาวเป็นลอนสวยที่ปลิวตามแรงลม พราวตะวันนั่งที่ระเบียงห้องเพลินๆระหว่างที่คิณภัทรนั่งทำงานคุยซูมประชุมอยู่กับลูกน้องที่ต่างประเทศ เธอนึกอะไรขึ้นได้จึงลุกไปค้นอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋าสะพาย มองมันในมืออยู่ครู่หนึ่งเหมือนชั่งใจ สุดท้ายก็ทิ้งมันลงถังขยะ..ฉันตัดสินใจแล้วล่ะ..อีกไม่กี่เดือนก็จบแล้วด้วย…พราวตะวันเห็นว่าคิณภัทรยังคุยงานอยู่ เธอจึงหยิบบางอย่างในตู้เสื้อผ้าและเข้าห้องน้ำไป ไม่นานเธอก็ออกมาพร้อมกับหยิบหนังสือมาเล่มหนึ่งแล้วเดินผ่านเขาไปนั่งเอนหลังบ