เมื่อเจตนิพัทธ์กลับจากไปส่งแฟนสาว เขาเดินผิวปากเข้ามาในบ้าน ก็พบว่าพี่ชายยังนั่งเล่นอยู่ที่ห้องรับแขก
“เอ้า พี่คิณ ยังไม่ง่วง?” “อารมณ์ดีมาแต่ไกลเลยนะ” เจตกวาดสายตาไปทั่วก่อนจะล้วงเอาบางอย่างในกระเป๋ากางเกงกำเอาไว้โชว์ให้พี่ชายดู “พราวโคตรน่ารักอ่ะ ให้ของที่ระลึกมาด้วย เจอคนที่ใช่นี่มันดีสุดๆ เราเข้ากันได้ทุกเรื่องเลย” คิณภัทรตาลุกวาวที่เห็นน้องชายถือแพนตี้ลูกไม้ตัวจิ๋วของพราวตะวัน รู้สึกอิจฉาน้องชายที่มีแฟนสาวสวยและรสนิยมที่ต้องกัน “บอกน้องพราวแนะนำเพื่อนแบบนี้ให้สักคนสิ” “แล้วสาวๆคนอื่นไปไหนหมด ไม่ตรงใจสักคนหรือไง?” “ถ้าตรงใจก็พามาให้พ่อแม่รู้จักแล้ว” “โห่วว แต่ละคนก็เห็นเด็ดๆใช่ย่อย” “อือ เด็ด แต่สักพักขาดแรงดึงดูดใจ” “ยังไง ไม่เข้าใจ?” “พูดเก่งจนพูดมาก แรกๆน่ารักดี สักพักแบ๊วจนเหมือนปัญญาอ่อน ทำสวยอย่างเดียวพอคุยเรื่องรอบตัวมึนหมด ล่าสุดกลางวงกลุ่มเพื่อนนักธุรกิจพี่เลย เค้าเป็นคนอินเดีย ดันมาถามพี่ว่าทำไมเค้าเป็นอิสลามแล้วกินหมูได้” ทำเอาเจตขำท้องแข็งแล้วไปนั่งข้างพี่ชายบนโซฟา “มันมีจริงๆนะพี่ คนที่ไม่รู้น่ะ แต่อันนี้ก็เกินไป” “ไม่รู้สิ สวยแต่ไร้เสน่ห์ คุยกันไม่รู้เรื่อง” “เอาน่า หล่อแบบพี่คิณเดี๋ยวก็หาได้” เจตนิพัทธ์ตบไหล่พี่ชายก่อนจะลุกแล้วผละไป คิณภัทรนึกอะไรได้ขึ้นมาจึงเข้าไอจีของน้องชายเพื่อจะหาไอจีของพราวตะวัน ซึ่งก็เจอง่ายๆ เขากดติดตามเธอทันที แต่อีกฝ่ายที่ถูกติดตามได้รับรู้แล้วและไม่สนใจจะติดตามกลับ เธอรู้สึกได้ว่าคิณภัทรกำลังเข้าหา และไม่อยากให้มันเกิดอะไรยุ่งยากเพราะคบกับเจตนิพัทธ์ก็ดีอยู่แล้ว หลังจากนั้นไม่ถึงอาทิตย์ พราวตะวันได้เมลตอบรับการขอฝึกงานที่แกลลอรี่ย่านสุขุมวิท ส่วนอีกที่ย่านอารีย์ได้แจ้งว่าตอนนี้ไม่ได้รับ แต่เธอโอเคกับที่ๆตอบรับมาเพราะมีศิลปะทั้งจัดแสดงและจำหน่ายได้อีกด้วย “แม่คะ ปิดเทอมนี้หนูไปฝึกงานนะ ส่งคำขอไปสองแห่ง ได้ที่สุขุมวิทค่ะ” ชโลทร แม่ของพราวตะวันดีใจกับลูกสาวแล้วย้ำว่าให้ใช้เวลาเรียนรู้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ “งั้นปิดเทอมนี้ลูกก็จะไม่ได้ไปหาพ่อสิ อย่าลืมบอกเขาด้วยล่ะ” “ค่ะแม่” ที่จริงแล้วพราวตะวันสามารถขอไปฝึกงานที่แกลลอรี่ของพ่อเธอได้ แต่อยากอยู่เมืองไทยช่วงหน้าร้อนมากกว่า วันต่อมาเจตนิพัทธ์ได้ชวนเธอไปกินโอมากาเสะกับครอบครัวของเขาอีกครั้งตอนหัวค่ำ ในช่วงที่ทั้งคู่นั่งกินมื้อเที่ยงด้วยกันที่ร้านอาหารใกล้มหาวิทยาลัย “พ่อกับแม่บอกให้ชวนพราวไปด้วยกัน พวกท่านดูชอบพราวนะ” “เอ่อ..วันนี้ตอนเย็นพราวต้องอยู่ช่วยแม่เตรียมการสอนน่ะ แล้วแม่ดันอยากชวนเจตมากินข้าวด้วยกันที่บ้านพอดีตรงกันอีก แต่เจตไปกินกับที่บ้านก่อนเลย วันหลังค่อยเจอกัน” แต่ตกเย็นระหว่างที่พราวตะวันกับแม่กำลังนั่งอยู่ด้วยกันในห้องรับแขก เจตนิพัทธ์ก็ขับรถมาจอดที่หน้าบ้าน “นั่นรถแฟนลูกนิพราว” “เอ้า เค้าต้องไปกินข้าวกับที่บ้านนี่นา มาทำไมนะ?” ร่างบางอรชรอ้อนแอ้นเดินออกมาเปิดประตูบ้านให้เขา “พราว วันนี้ผมจะกินข้าวด้วยนะ” “อ้าว ทำไมน่ะ? ไม่ได้สิ พ่อกับแม่จะว่าเอามั้ยน่ะ เจตควรใช้เวลากับครอบครัวนะ” เจตทำหน้าจ๋อยที่โดนแฟนสาวตำหนิ “อ่ะ เข้ามาก่อนงั้น” พราวตะวันถอนหายใจก่อนจะเดินนำเขามาหาแม่ “สวัสดีครับแม่ วันนี้มาฝากท้องที่นี่ด้วยคนนะครับ” ที่ร้านโอมากาเสะ แถวสุขุมวิท 26 คิณภัทรที่เลิกงานได้ขับรถมาสมทบกับพ่อแม่ที่กินรอไปพลางๆบ้างแล้ว เขาแปลกใจที่ไม่เห็นเจตนิพัทธ์ นั่นเพราะเขาเป็นตัวตั้งตัวตีออกไอเดียชวนทุกคนมาทานที่นี่ เพื่อจะได้ถือโอกาสชวนแฟนน้องชายมาด้วย “เจตไปไหนครับแม่? ยังไม่มาเหรอ?” “น้องบอกติดทำโปรเจกต์งานกับเพื่อนน่ะ” “เสียดายแทนน้องพราวเลย แทนที่จะได้พาแฟนมากินอะไรดีๆ” “ปิดเทอมนี้เจตจะไปฝึกงานที่บริษัท แม่ฝากคิณดูแลน้องหน่อยนะ” พอทุกคนทานเสร็จจากร้านโอมากาเสะก็ขับรถตามกันกลับมาที่บ้าน คิณภัทรที่มาถึงบ้านแล้วยังไม่เห็นรถของน้องชายก็หงุดหงิดขึ้นมาเสียเฉยๆ แต่ทางฟากเจตนิพัทธ์ หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จก็ยังนั่งเล่นอยู่บ้านแฟนสาวต่อ “นั่งคุยเล่นกันตามประสาหนุ่มสาวไปนะ แม่ไปอาบน้ำนอนก่อน พรุ่งนี้มีสอนช่วงเช้าด้วย” พอแม่ขึ้นไปชั้นบน เจตก็เอื้อมแขนไปโอบรวบตัวพราวตะวันที่นั่งข้างกันให้มาซบที่อกเขาซึ่งเธอก็ไม่ขัดขืน การมีเวลาตามลำพังสองต่อสองกับเธอนั้นยากอยู่เหมือนกันเพราะพราวตะวันมักอยู่กับแม่หรือเพื่อนๆ ถ้ามีจังหวะที่เขาสามารถสวีทกับเธอได้ จะมีแค่กี่นาทีเขาก็เอาหมด “เรียบจบแต่งงานกันเลยมั้ยพราว?” “หา..? ยังอ่ะ พราวยังอยากใช้ชีวิตอีกหน่อยน่ะ” “แต่งงานแล้วใช้ชีวิตไม่ได้เหรอ?” “ก็..ไม่รู้สิ ยังอยากไปในที่ที่ไม่เคยไป ต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะ” “อยากไปไหนผมจะพาพราวไปเอง” พราวตะวันมองหน้าแฟนหนุ่มขี้อ้อนของเธออย่างอ่อนใจในความตื๊อเก่งของเขา แต่ก็เพราะเขาอีกเช่นกันที่สอนและปลดปล่อยตัวตนอีกด้านในแง่ความต้องการทางอารมณ์ให้รู้สึกเร่าร้อนเป็นอิสระอย่างเต็มที่เมื่ออยู่ในเกมรัก เขาโอบไหล่เธอให้กระชับเข้ามาแล้วก้มหน้าจูบเธออย่างเผ็ดร้อน มือที่ขยุ้มหน้าอกหน้าใจที่อวบอัดเต็มไม้เต็มมือ “อืออ..เจต เดี๋ยวแม่เห็น” เธอใช้มือยันอกเขานิดหน่อยพร้อมกับยิ้มเขิน “พราวน่ารักมากเลย ผมอยากนอนกอดทุกวัน“ “พูดแบบนี้มากี่คนแล้วเหอะ” “อยากได้ตอนนี้..” “แม่มาเห็นล่ะ ตายแน่” “แล้วพราวไม่อยากได้ผมมั่งเหรอ?” คำถามที่ตรงกับความต้องการลึกๆในใจ แต่นี่มันห้องรับแขกในบ้านของเธอนะ จะได้เหรอ?พราวตะวันได้เห็นข้อความนั้นในตอนเช้าที่ตื่นนอน เธอยิ้มให้กับตัวเองที่เขาละเอียดอ่อนถึงกับอ่านกวีฝรั่งเศสและส่งประโยคที่น่ารักแต่ลึกซึ้งมาให้ สติ! พราวตะวัน…แม่บ้านได้มาทำงานแต่เช้าและเตรียมอาหารเช้าให้ทุกคนด้วย oeuf à la coque เสิร์ฟกับขนมปังปิ้งที่เรียกว่าบาแก็ตสำหรับจุ่มน้ำ Les oeufs brouillés ไข่คน หรือออมเล็ต ตามด้วยเครื่องดื่มคือ เกรปฟรุต“ขอโทษนะคะ ฉันอยากได้ครัวซองต์ มีมั้ยคะ?”“ได้ค่ะ คุณแพรีส”“Merci beaucoup” (ขอบคุณมากนะคะ)พราวตะวันกล่าวและยิ้มให้แม่บ้านอย่างน่ารัก ก่อนจะหันไปถามเจตว่าต้องการอะไรเพิ่มหรือไม่ ซึ่งเขาโอเคกับทุกอย่างบนโต๊ะอยู่แล้วจึงปฏิเสธ “พี่แพรีส วันนี้จะไปเที่ยวที่ไหนคะ?”โคลเอ้ถามพี่สาวตาแป๋ว พร้อมกับตักซีเรียลผลไม้กินไปด้วย“ว่าจะไปลูฟวร์ แล้วก็แวะกินอะไรอร่อยๆแถวนั้น พ่อว่าร้านไหนดีคะ?”“ใกล้ลูฟวร์อย่างนั้นเหรอ.. Le Procope เป็นไง? มีไวน์ดีๆ กับสเต็กเนื้อ tenderloin อย่างดี พ่อแนะนำให้ลูกพาแฟนไปกินให้ได้นะ เอารถพ่อไปใช้สิ นั่งแค่สองคนใช้คันเล็กน่าจะได้”“ค่ะพ่อ”คิณภัทรที่ตื่นเช้ามาเห็นว่ามีข้อความเสียงจากพราวตะวัน เขาดีใจมากที่เธอยอมเรียกว่าพี่เหมื
คิณภัทรเฝ้าถามตัวเองทุกวันว่าเขาหงุดหงิดอะไรที่ไม่ได้เห็นหน้าพราวตะวัน จนทำให้เขาต้องแอบออกไปดื่มคนเดียวในตอนดึกๆเป็นระยะเวลาสักพักใหญ่มาแล้วตั้งแต่เริ่มคบกับเกรซเธอทำของใส่ฉันหรือเปล่านะ..ทำไมฉันเลิกคิดถึงเธอไม่เคยได้เลย..13.00 สนามบินสุวรรณภูมิ วันศุกร์ครอบครัวจิรวราพงศ์ได้มาส่งเจตนิพัทธ์เพื่อขึ้นเครื่อง ในขณะที่พราวตะวันลากกระเป๋าใบโตมาคนเดียว เธอดูสดใส มัดผมหางม้าที่หนาและยาวเป็นลอนใหญ่ เสื้อแขนกุดปิดคอรัดรูปสีดำแบบบอดี้สูท กางเกงยีนรัดรูปและบู้ทส้นสูงสีดำยาวถึงหัวเข่า ตุ้มหูเงินวงใหญ่และแต่งหน้าสวยมากแบบที่เจตนิพัทธ์ที่คบมาสองปีกว่ายังอ้าปากค้าง“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่..พี่คิณ เอ้อ เจต ตื่นเต้นมั้ยน่ะดูทำหน้า”สายตาเธอที่มองน้องชายของเขา ทำให้คิณภัทรได้แต่เก็บความเศร้าไว้ในใจเงียบๆ ทุกคนพูดคุยสนุกสนานกัน มีเพียงเขาที่เหมือนส่วนเกิน“แม่โอนเงินให้เจตแล้วนะ อย่าลืมเอาคืนให้หนูพราวล่ะ ค่าตั๋วน่ะ แล้วแม่ให้เงินหนูพราวไว้ติดตัวด้วย ให้เผื่ออยากได้อะไรก็ซื้อเลยนะ“”แม่ให้พราวต่างหากแสนห้ากับค่าตั๋วของเราสองคน เจตโอนเลยตอนนี้แหละ”เธอตกใจที่คุณเจตสุภาให้ขนาดนั้น ทั้งที่เจอกันไม่กี่คร
เกรซพยายามชวนแฟนหนุ่มไปเที่ยวต่างจังหวัดเพื่อผ่อนคลายจากการที่เขาทำงานหนักตลอดจนแทบไม่มีเวลาให้เธอ ตั้งแต่เขากลับมาขอคบได้สองเดือน ไม่เคยมีช่วงเวลาส่วนตัวด้วยกันสักครั้ง ทั้งที่ในอดีตเขาไม่เคยปฏิเสธการที่จะได้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเธอเลย“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวก็ไปเที่ยวฝรั่งเศสแล้วนี่”“จริงสินะ แล้ว…ต้องพักแยกห้องมั้ย? ไปกี่วัน?”“เดี๋ยวผมจัดการเอง ขอดูอะไรๆก่อน”“วันนี้ไปกินข้าวเย็นที่ไหนดี?”“ผมยังทำงานไม่เสร็จน่ะ อาจไม่ได้เจอกันนะ”“เกรซซื้อของกินไปให้คิณที่บริษัทเอาไหม?”“ไม่ต้องหรอก ผมใช้สมาธิ ยังไม่หิวน่ะ”เธอจึงไปรับลูกชายวัยสี่ขวบที่บ้านของสามีเก่าเพื่อไปกินข้าวเย็นแทนด้วยอารมณ์สุดเซ็งเจตนิพัทธ์พาพราวตะวันไปกินข้าวเย็นที่ห้างและไปเดินซื้อของกระจุ๊กกระจิ๊กที่สาวๆชอบกันก่อนจะกลับบ้านในตอนสามทุ่ม เขารู้สึกว่าช่วงนี้แฟนสาวกลับมาน่ารักเหมือนเดิม อาจจะเพราะพี่ชายของเขาเปิดตัวแฟนไปแล้ว ไม่มีใครมาคอยก่อกวนให้เธอต้องไขว้เขวอีก พราวตะวันยืนคุยกับแฟนหนุ่มที่หน้าบ้านอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเขย่งตัวหอมแก้มไปหนึ่งที ยืนโบกมือให้เขาจนลับตา พอปิดประตูบ้านแล้ว เธอก้าวเข้าบ้านและกำลังขึ้นบันได
“สุดท้ายก็ต้องรบกวนแม่สินะ คิณดูแลส่วนนี้เองครับแม่”“อ้อ ดีๆ คิณจัดการให้น้องทีนะ”พราวตะวันรีบบีบขาแฟนหนุ่มให้ปฏิเสธไป ซึ่งเขาเห็นด้วย“ไม่ต้องพี่คิณ เจตกับพราวเราจัดการเองได้ พ่อครับ ถ้าเจตเรียนจบอาจไปลองหาประสบการณ์ทำงานที่อื่นสักพักแล้วจะกลับมาช่วยที่บ้านนะ“พ่อทำหน้าว่าไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ก่อนจะท้วง “ทำไมล่ะ ก็เห็นผู้จัดการกองทุนบอกอยู่ว่าหัวไว ตั้งใจทำงาน นี่พ่อมองตำแหน่งไว้ให้แล้วที่ Synergy Finance”“เจตไม่อยากอยู่ใต้เงาคนอื่น อยากไปลองลำบากดูบ้าง”พ่อกับแม่มองหน้ากันทันที พวกเขาไม่รู้มาก่อนว่าลูกชายคนเล็กคิดแบบนี้ แม้กระทั่งคิณภัทรเองก็ไม่คิดว่าน้องชายจะกล้าพูดออกมา “ใครยุแยงให้แกคิดแบบนี้ล่ะ? เดือดร้อนแม่อีก”เจตนิพัทธ์พยายามหายใจเข้าออกยาวๆ เขาสะกดความหัวร้อนของตัวเองแบบสุดๆที่มาพาดพิงแฟนสาว“ขอตัวไปส่งพราวกลับบ้านก่อนนะครับ”“ขอบคุณสำหรับมื้อนี้นะคะ”เขาพยักหน้าให้พราวตะวันลุกขึ้นและจับมือเธอออกไปจากห้องทานอาหารทันที “คิณ! ใช้คำพูดแบบนี้กับคนอื่นมันเกินไปนะ น้องมีความคิดของตัวเอง ไปพูดว่าใครยุแยงได้ยังไง? ลูกหมายถึงหนูพราวเหรอ? ต่อไปเค้าคงไม่มาที่นี่แล้วเพราะลูกปากร้ายก
พราวตะวันไปเอาผ้าชุบน้ำเพื่อมาเช็ดหน้าให้คิณภัทรที่แดงไปจนถึงหูและลำคอ เขาเอนหลังมองผู้หญิงที่เขารักไม่วางตา เธอปลดกระดุมเสื้อเขาออกจนเห็นอกกว้าง แล้วก็รู้สึกเขินเองทั้งจากสายตาและร่างกายที่กำยำนั้น“คุณไปอยู่ที่ไหนมา..ทำไมผมถึงไม่เจอคุณก่อน..”เขาจับมือเธอที่กำลังประคบผ้าบนคอออกไป แล้วกอดกดเธอลงบนโซฟา พราวตะวันละล่ำละลักพูดกระซิบ“พี่คิณ..แม่อยู่ข้างบน”“แม่บอกให้พราวตัดสินใจไม่ใช่เหรอ? แต่งงานกับพี่แล้วเราไม่ต้องอยู่ที่นี่ก็ได้ พี่จะกลับไทยมาเคลียร์งานแค่นั้น พราวอยากทำอะไร พี่จะให้ทุกอย่าง”อกกว้างที่กดทับหน้าอกเธออยู่ หัวใจเขาเต้นแรงสะเทือนมาถึงเธอที่นอนอยู่ใต้ตัวเขา ไม่มีคำพูดอะไรนอกจากคนทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่มลึกซึ้ง หนีไปกับเขาเหรอ…พระเจ้า…เกิดอะไรขึ้นกับหัวใจฉัน..เธอใช้มือดันอกเขา พยายามเบือนหน้าหนีไปซุกซอกคอเขาแทน ลมหายใจร้อนๆที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าชวนให้ร้อนรุ่ม “พี่ไม่อยู่สองเดือนกว่า กลับมาเจอพราวไล่เป็นการตอบแทนความคิดถึง”“เราไม่เคยคบกันนะคะ”คิณภัทรไม่ยอมรับสิ่งที่เธอพูด เขาซุกไซ้คอ บีบจับหน้าอกเธอด้วยตัณหาราคะที่ครอบงำเพราะน้ำเมา“ถ้ามันเลือกยากนัก ก็คบทั้งพี่ทั้
คิณภัทรยื่นถุงให้น้องชายแล้วสั่งเช็กบิล“ฉันซื้อให้เธอเพราะอยากให้มีกระเป๋าสวยๆเหมือนคนอื่นแต่เธอไม่รับ แกเอาให้เธอทีนะ เอาล่ะ..ฉันจะกลับบ้านไปนอนพักสักหน่อย”เขาลุกจากโต๊ะและบีบไหล่เจตนิพัทธ์ก่อนจะเดินออกจากร้านไป“พี่คิณ..”เขาวิ่งตามพี่ชายมาที่รถยนต์อย่างกระหืดกระหอบ แต่ไม่ทันจะพูดอะไร คิณภัทรก็ชิงพูดเสียก่อน“แกไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ติดต่อเธออีก”พราวตะวันเรียกแท็กซี่ให้มารับกลับบ้าน สักพักเจตนิพัทธ์ก็ขับรถมาจอดหน้าบ้านและเข้ามาเคาะประตู“เอ่อ เข้ามาก่อนสิ”“พี่คิณซื้อกระเป๋าให้พราวนะ รับไว้เถอะ แล้วเขาจะไม่มายุ่งกับพราวอีก”แม้พราวตะวันจะไม่แสดงสีหน้าใดๆ แต่แววตาเธอคือคำตอบทุกอย่างที่เจตนิพัทธ์ซึ่งคบหากับเธอมาสองปีครึ่ง รู้ดีที่สุดฉันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง..ที่ต้องทนเห็นคนที่ฉันรักเจ็บปวดเพราะมีใจให้พี่ชายของฉันเอง…“ดีแล้วล่ะ”เธอพูดได้แค่นั้น พลางชวนเขาทานข้าวเย็นเพราะไหนๆก็มาที่บ้านแล้ว พราวตะวันเดินเข้าห้องครัวเพื่อจะหุงข้าวรอแม่ที่กำลังกลับบ้าน เจตนิพัทธ์ได้เข้ามากอดเธอจากข้างหลัง มีแต่ความเงียบระหว่างคนทั้งคู่“เรียนจบเจตจะหางานทำที่อื่น จะย้ายออกมาอยู่คนเดียว อาจจะลำบากหน่อย