ทั้งคู่นั่งกอดจูบดูดดื่มกันอยู่บนโซฟาห้องรับแขก ในใจของพราวตะวันเต้นแรงเพราะกลัวว่าแม่ของเธอจะลงมาเห็นเข้า
“กลัวเหรอ? ตื่นเต้นดีออก” เจตขยับตัวปลดกางเกงให้ลงไปถึงเข่าแค่นั้น ส่วนเธอที่นั่งข้างเขาก็ค่อยๆก้มลงไป เขาครางเบาๆในลำคอแสดงถึงความเสียวซ่านตั้งแต่โคนจรดปลายหัวของแก่นกายที่แข็งชูชัน ริมฝีปากที่แสนเซ็กซี่นั้นดูดดุนลำแท่งจนวาบเสียวท้องน้อย จนเขาถึงกับต้องเม้มปากเอาไว้ไม่ให้ครางออกมา เขาเผลอกดหัวเธอเบาๆจนได้ยินเสียงสำลักนิดหน่อย “ขอโทษที่รัก..” เจตเชยคางเธอให้มาจูบกับเขา โอบเอวให้ขึ้นมานั่งคร่อมบนหน้าขาสองข้างแทน ทั้งสองต่างควานหาลิ้นของกันและกัน เกี่ยวกระหวัดกันอยู่แบบนั้น โดยที่สองมือของเธอจับดุ้นที่ใหญ่ยาวของเขารั้งขึ้นลงจนมือเปียกลื่นเพราะน้ำหล่อลื่นที่ไหลออกมา เธอแหวกกางเกงชั้นใน จับให้มันเข้าที่แล้วทิ้งน้ำหนักตัวลงช้าๆ หน้าผากและปลายจมูกของทั้งคู่สัมผัสกันพลางสบตาใกล้ๆ จูบกันอย่างแนบแน่นพร้อมกับเริ่มต้นความหฤหรรษ์แห่งกามารมณ์ “แน่นอ่ะที่รัก” “อาาา…” พราวตะวันอ้าปากเล็กน้อยครางเบาๆและเพื่อหอบหายใจ แก้มแดงที่น่ารักนั้นทำให้เจตจ้องมองดวงหน้าของแฟนสาวเวลาร่วมรัก ยิ่งกระตุ้นความกำหนัดให้พุ่งสูงขึ้น ทั้งสองนั่งบดบี้กันอยู่ครู่หนึ่ง เธอเริ่มขย่มแต่ไม่กล้าทำแรงเพราะเสียงเนื้อที่กระทบกันจะดังเกินไป ยิ่งขยับเข้าออกถี่ๆ เจตนิพัทธ์ที่หน้าท้องเริ่มเกร็งจนเห็นรอยซิกแพคเป็นลอนบนกล้ามท้องช่างดูเย้ายวนใจ เขาปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของเธอให้พอเห็นเนินอก แล้วดึงรั้งให้เห็นปทุมถันอมชมพูสวย โดยไม่รอช้า..ริมฝีปากที่แดงเข้มของเขาก็ดูดดื่มกับหน้าอกอิ่มของเธออย่างกระหาย อยู่ๆโทรศัพท์ของเจตนิพัทธ์สั่นรุนแรง เขารีบหยิบมันจากกระเป๋ากางเกงมาดู ทำให้เธอหยุดขยับตัว “อย่าหยุดที่รัก” “เอ่อ..จะรับสายก่อนมั้ย?” เขาส่ายหน้ายิ้มๆพลางโอบเอวเธอให้พลิกนอนลงแล้วเป็นฝ่ายทำเสียเอง เอวที่ขยับเป็นจังหวะ ก่อนจะกดรับโทรศัพท์ไปด้วย “ว่าไง..พี่คิณ?” “ทำไมยังไม่กลับบ้านเนี่ย?” เจตขยับเอวแรงขึ้นและเอาหน้าแนบไหล่เธอเพื่อคุยโทรศัพท์ต่อ “ทำโปรเจกต์อยู่ไง เดี๋ยวโทรกลับได้มั้ย?” “อุตส่าห์มีวันครอบครัวกินข้าวนอกบ้านดันไม่มา แทนที่แฟนแกจะได้กินอะไรอร่อยๆด้วย” เขาไม่ตอบพี่ชายมีแค่เสียงหายใจหอบของคนสองคนให้พี่ชายได้ยิน นั่นทำให้คิณภัทรถึงกับใจเต้นแรง “อยู่กับแฟนเหรอเจต?” “อา..ใช่ๆ..อื้อ..อึ้กก แค่นี้ก่อนนะพี่คิณ เดี๋ยวโทร..กลับ” “ไม่ต้องวาง” เจตนิพัทธ์จึงปล่อยโทรศัพท์ไว้บนโซฟา เขาตอกเอวถี่ยิบใส่ในช่องทางรักที่เปียกชื้น สองขาเรียวสวยรัดเอวเขาแน่น “จะเสร็จใช่มั้ย…ที่รัก ชอบหรือเปล่า..” “..พราวจะไม่ไหวแล้ว…อื้อออ” คิณภัทรที่ได้ยินเสียงของพราวตะวัน ก็เกิดความต้องการขึ้นมาทันทีเช่นกัน ถึงกับรีบเดินขึ้นชั้นบนไปที่ห้องนอน เขานั่งฟังเสียงที่กระเส่าของคนทั้งสองด้วยความสนใจและลืมตัว ปลดกระดุมกางเกง รูดซิปลง ควักเอาความเป็นชายที่กำลังตึงตัวชักขึ้นลงเบาๆ “อื้อออ…เจต..ที่รัก” “อา อาาา..มาแล้ว” เจตนิพัทธ์กดกระแทกแน่นๆลงไปสามสี่ครั้งจนหมดแม็ก ก็พอดีกับอีกฝ่ายที่เสร็จตามมาทีหลังผ่านโทรศัพท์ น้ำขาวขุ่นหยดลงบนพื้นข้างเตียงเป็นกองหย่อมๆ คิณภัทรที่หายใจหนักๆ เขารีบกดวางสายทันที “พราวไปห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมา” ส่วนเจตก็เดินไปเอาทิชชูมาจัดการเช็ดตัวเองให้เรียบร้อย โชคดีที่แม่ของเธอไม่ลงมาอีกเลยเพราะเข้านอนไปแล้ว เขาไปยืนรอแฟนสาวที่หน้าห้องน้ำ พอเธอออกมาก็กอดจูบไม่ยอมให้ได้หายใจหายคอ “อื้อ..พอแล้ว ไม่เหนื่อยเหรอ? แล้วพี่คิณโทรมาตามใช่มั้ยเมื่อกี้?” “ปกติไม่เคยตามแบบนี้นะ ไม่รู้อารมณ์ไหน สงสัยจะเริ่มแก่” พราวตะวันหัวเราะขำ “พราว..ปิดเทอมไปฝึกงานน่ะ ถ้ามีคนมาจีบให้บอกไปเลยนะว่าแฟนโหดมาก” “เจตต่างหาก รับรองสาวๆกรี๊ดตรึม สาวสวยเยอะ ขี้คร้านจะลืมพราวเสียก่อน” “ผมรักพราวนะ..จริงจัง” “เหมือนกัน พราวรักคุณนะคะ..” ทั้งสองมองเข้าไปนัยน์ตาของกันและกัน เหมือนดั่งว่าโลกนี้มีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น ระหว่างขับรถกลับบ้าน เจตนิพัทธ์ได้โทรกลับไปหาพี่ชาย ด้วยอยากรู้ว่ามีอะไรมากกว่าโทรตามหาเขาที่ไม่ไปกินข้าวกับครอบครัว “เมื่อกี้พี่ได้ยินใช่มั้ย?” “อืม..ก็แค่อยากรู้ว่าน้องชายฉันมันได้เรื่องหรือเปล่า” “แล้วโทรหาเพื่อจะบ่นเรื่องไม่ได้ไปกินข้าวด้วยเนี่ยเหรอ? แปลกๆนะ” “นานๆทีจะได้กินข้าวพร้อมหน้า ดันไม่มา” “พร้อมหน้าแต่อยากให้ชวนแฟนเจตไปด้วยเนี่ยนะ?” “ทำไมล่ะ ก็แฟนแกไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่คนอื่นซะที่ไหน” “นี่ก็เป็นห่วงอยู่ถ้าพราวไปฝึกงาน กลัวผู้ชายคนอื่นมาก้อร่อก้อติก” “ไม่ต้องห่วงหรอก มีแน่ๆ” “โอเค ปลอบใจได้ดีมากพี่คิณ” “ถ้าน้องเขารักแกมากพอ จะต้องกลัวอะไรล่ะ” “พราวน่ะคนจีบเยอะ ดีหรอกที่เจตตื๊อฉิบหายกว่าจะได้” “คนแรกเลยป่ะ?” “ใช่ พูดแล้วก็ปลื้มนะ เจตเป็นผู้ชายคนแรกของพราว จำวันนั้นได้ดี ประทับใจสุดๆ มีแต่คำว่าน่ารักเต็มไปหมด” “ทำไมฉันไม่เจอมั่งวะ” “ตอนเรียนไม่มีเลยจริงดิ?” “ไม่มีดวงได้แรร์ไอเทม” เจตนิพัทธ์หัวเราะขำพี่ชายตัวเอง ก่อนจะวางสายเพื่อตั้งใจขับรถกลับบ้านสองพี่น้องเดินตามพราวตะวันที่มีพนักงานปลดรูปลงมาแล้วเดินนำไปอีกที เพื่อเอาภาพที่ถูกเลือกนั้นไปห่อด้วย Plastic wrap โดยรอบทั้งกรอบรูป รองมุมทั้งสี่ด้วยโฟมกันกระแทก ตามด้วยใส่กล่องกระดาษเป็นขั้นตอนสุดท้าย คิณภัทรยื่นกุญแจรถให้น้องชาย“เจตพาพนักงานไปที่รถสิ เอาแฟนไปด้วยเลยไหนๆก็ได้เวลาพักเที่ยงพอดี พี่จะจ่ายค่าภาพวาดนี่ก่อน สตาร์ทรถรอได้เลย”พอพวกเขาทั้งหมดไปกันแล้ว เขาจัดการรูดบัตรดำชำระค่าภาพวาดเสร็จ ตามด้วยคุยกับผู้จัดการแกลลอรี่ในอีกเรื่องหนึ่ง“เธอคนที่ขายภาพนี้ ผมต้องการโดเนทให้เธอเป็นการส่วนตัวนอกเหนือจากเปอร์เซ็นที่เธอจะได้”“เอ่อ คุณสามารถติดต่อเธอโดยตรงก็ได้นะคะ ถ้ากรณีให้ด้วยความเสน่หา”“ผมต้องการให้เธอมีกำลังใจในการทำงาน แต่อยากให้ในนามลูกค้าไม่ใช่จากส่วนตัว”“โอเคค่ะ คุณสามารถระบุรายละเอียดได้เลยค่ะ”“ผมจะโดเนทให้เธอเท่ากับราคาภาพในนามบริษัท Innova พวกใบเสร็จใบกำกับภาษีทั้งหมดขอให้ส่งไปที่ฝ่ายบัญชีของบริษัทนะครับ”ทำเอาผู้จัดการตาโตที่เขาให้เยอะขนาดนี้สำหรับนักศึกษาฝึกงาน แม้ราคาภาพวาดจะแค่ 12,000 บาทเท่านั้น“ขอถามได้มั้ยคะว่าอะไรที่ทำให้คุณอยากให้เธอมากขนาดนี้?”“แพชชั่นท
เวลาผ่านไประยะหนึ่งจนถึงช่วงปิดเทอมที่เจตนิพัทธ์ได้ไปฝึกงานที่ Innova Securities บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เกี่ยวกับการให้บริการด้านกองทุนรวม ควบคู่กับการลงทุนในหุ้น พันธบัตร อนุพันธ์ ฯลฯ ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวอยู่แล้ว ส่วนพราวตะวันต้องฝึกงานที่แกลลอรี่ อาร์ต Sukhumvit Art Haus อยู่ใจกลางสุขุมวิท ซึ่งถ้าหากเธอจำหน่ายงานศิลปะในแกลลอรี่ได้ก็จะรับส่วนแบ่ง 5% อีกด้วย เธอสนุกกับการมาฝึกงานอย่างมากเพราะตรงกับสิ่งที่เธอชอบ การได้เสพงานจากศิลปินทั้งจากไทยและต่างประเทศ การได้แลกเปลี่ยนพูดคุยเรื่องงานศิลป์ ทำให้เพลิดเพลินจนลืมเวลา ตรงกันข้ามกับแฟนหนุ่มของเธอที่ฝึกงานอย่างเคร่งเครียดเพราะคิณภัทรดูแลน้องชายให้ฝึกงานอย่างเข้มงวด “โอ๊ย เหนื่อย มึนหัวหมดแล้วเนี่ยพี่คิณ นี่แค่ฝึกงานนะ ไม่ต้องเยอะขนาดนี้ก็ได้มั้งพี่ คนอื่นเจอแบบนี้มั่งป่ะเนี่ย”“ยิ่งแกเป็นน้องฉันก็ต้องยิ่งฝึกหนักกว่าคนอื่นสิ จบมาก็ต้องมาทำงานกับครอบครัวอยู่แล้ว”เจตนิพัทธ์ส่ายหน้าทิ้งตัวลงบนโซฟาห้องทำงานของพี่ชายแบบเพลียๆ “ขอไปทำงานที่โรงแรมในต่างประเทศดีกว่า พ่อมีหลายที่นี่นา”“ไหวเหรอ ยิ่งไปทำที่โรงแรมนะสาวๆเพียบ แกแน่ใจนะ”“ไม่ส
ทั้งคู่นั่งกอดจูบดูดดื่มกันอยู่บนโซฟาห้องรับแขก ในใจของพราวตะวันเต้นแรงเพราะกลัวว่าแม่ของเธอจะลงมาเห็นเข้า “กลัวเหรอ? ตื่นเต้นดีออก”เจตขยับตัวปลดกางเกงให้ลงไปถึงเข่าแค่นั้น ส่วนเธอที่นั่งข้างเขาก็ค่อยๆก้มลงไป เขาครางเบาๆในลำคอแสดงถึงความเสียวซ่านตั้งแต่โคนจรดปลายหัวของแก่นกายที่แข็งชูชัน ริมฝีปากที่แสนเซ็กซี่นั้นดูดดุนลำแท่งจนวาบเสียวท้องน้อย จนเขาถึงกับต้องเม้มปากเอาไว้ไม่ให้ครางออกมาเขาเผลอกดหัวเธอเบาๆจนได้ยินเสียงสำลักนิดหน่อย“ขอโทษที่รัก..”เจตเชยคางเธอให้มาจูบกับเขา โอบเอวให้ขึ้นมานั่งคร่อมบนหน้าขาสองข้างแทน ทั้งสองต่างควานหาลิ้นของกันและกัน เกี่ยวกระหวัดกันอยู่แบบนั้น โดยที่สองมือของเธอจับดุ้นที่ใหญ่ยาวของเขารั้งขึ้นลงจนมือเปียกลื่นเพราะน้ำหล่อลื่นที่ไหลออกมา เธอแหวกกางเกงชั้นใน จับให้มันเข้าที่แล้วทิ้งน้ำหนักตัวลงช้าๆ หน้าผากและปลายจมูกของทั้งคู่สัมผัสกันพลางสบตาใกล้ๆ จูบกันอย่างแนบแน่นพร้อมกับเริ่มต้นความหฤหรรษ์แห่งกามารมณ์ “แน่นอ่ะที่รัก”“อาาา…”พราวตะวันอ้าปากเล็กน้อยครางเบาๆและเพื่อหอบหายใจ แก้มแดงที่น่ารักนั้นทำให้เจตจ้องมองดวงหน้าของแฟนสาวเวลาร่วมรัก ยิ่งกระตุ้นควา
เมื่อเจตนิพัทธ์กลับจากไปส่งแฟนสาว เขาเดินผิวปากเข้ามาในบ้าน ก็พบว่าพี่ชายยังนั่งเล่นอยู่ที่ห้องรับแขก“เอ้า พี่คิณ ยังไม่ง่วง?”“อารมณ์ดีมาแต่ไกลเลยนะ”เจตกวาดสายตาไปทั่วก่อนจะล้วงเอาบางอย่างในกระเป๋ากางเกงกำเอาไว้โชว์ให้พี่ชายดู“พราวโคตรน่ารักอ่ะ ให้ของที่ระลึกมาด้วย เจอคนที่ใช่นี่มันดีสุดๆ เราเข้ากันได้ทุกเรื่องเลย”คิณภัทรตาลุกวาวที่เห็นน้องชายถือแพนตี้ลูกไม้ตัวจิ๋วของพราวตะวัน รู้สึกอิจฉาน้องชายที่มีแฟนสาวสวยและรสนิยมที่ต้องกัน“บอกน้องพราวแนะนำเพื่อนแบบนี้ให้สักคนสิ” “แล้วสาวๆคนอื่นไปไหนหมด ไม่ตรงใจสักคนหรือไง?”“ถ้าตรงใจก็พามาให้พ่อแม่รู้จักแล้ว”“โห่วว แต่ละคนก็เห็นเด็ดๆใช่ย่อย”“อือ เด็ด แต่สักพักขาดแรงดึงดูดใจ”“ยังไง ไม่เข้าใจ?”“พูดเก่งจนพูดมาก แรกๆน่ารักดี สักพักแบ๊วจนเหมือนปัญญาอ่อน ทำสวยอย่างเดียวพอคุยเรื่องรอบตัวมึนหมด ล่าสุดกลางวงกลุ่มเพื่อนนักธุรกิจพี่เลย เค้าเป็นคนอินเดีย ดันมาถามพี่ว่าทำไมเค้าเป็นอิสลามแล้วกินหมูได้”ทำเอาเจตขำท้องแข็งแล้วไปนั่งข้างพี่ชายบนโซฟา “มันมีจริงๆนะพี่ คนที่ไม่รู้น่ะ แต่อันนี้ก็เกินไป”“ไม่รู้สิ สวยแต่ไร้เสน่ห์ คุยกันไม่รู้เรื่อง”“เอาน่
เจตนิพัทธ์ขับรถไปส่งพราวตะวันที่บ้านแต่ก็ไม่ถึง เพราะเขาไปจอดในซอยที่เปลี่ยวและลับตาคนเสียก่อน“แค่ไม่นาน คุณแม่คงไม่ตามใช่มั้ยที่รัก?”“อือฮึ..ส่งข้อความให้แม่ตอนอยู่ที่บ้านเจตแล้วว่ากำลังจะกลับ”“พอผมเห็นสายตาพี่คิณเวลามองพราวแล้วหึงเลย”“ก็ไม่เท่าไหร่นะ คนเราสนทนากันจะไม่ให้มองหน้าเวลาคุยเหรอ?”เจตเลื่อนมือมาลูบขาแล้วค่อยๆ ล้วงเข้าไปสัมผัสภายนอกกางเกงชั้นในของพราวตะวัน เธอขยับมาซบเขาแล้วอ้าขามากขึ้น ซึ่งแฟนหนุ่มก็รู้งาน ล้วงถอดเอากางเกงชั้นในของเธอทิ้งไป ใช้นิ้วลูบวนไล้ที่จุดกระสัน แล้วใส่นิ้วกลางเข้าไป พลางจูบบดบี้ขยี้ลิ้นกันอย่างเร่าร้อน“อึดอัดอ่ะที่รัก”พราวตะวันได้ยินแฟนหนุ่มสุดหล่อพูดอ้อน เลยใช้มือบีบขยำที่เป้ากางเกงของแฟนหนุ่มที่แข็งตัวเป็นลำ“อยากเห็นมันอยู่ในปากน่ารักๆ ของพราวจังนะ”“เหมือนกัน พราวชอบเห็นหน้าเจตเวลามีอารมณ์สุดๆ”เขารีบถอดกางเกงไปกองที่ข้อเท้า ปรับเบาะนั่งให้นอนราบจนแก่นกายตั้งเด่แทบจะชี้หน้าเธอได้ พราวตะวันก้มลงใช้ลิ้นลากไปตามดุ้นที่แข็งตัวจนเป็นสีแดงเข้ม รอยหยักตรงหัวเห็ดที่บานใหญ่นั้นเธอชอบใช้ลิ้นดุนเล่นเป็นพิเศษ น้ำหล่อลื่นใสๆ ถึงกับไหลเป็นทาง ด้วยอารมณ
เจตนิพัทธ์ขับรถกลับมาถึงบ้านหรูย่านพัฒนาการในตอนเย็น พร้อมกับพาแฟนสาวมาแนะนำตัวให้กับครอบครัวรู้จักเป็นครั้งแรก ที่จริงแล้วเขาคบเธอมาตั้งแต่ปีสอง แต่พึ่งจะได้พามาเมื่อเรียนปีสุดท้ายนี่เอง นั่นเพราะเธอบ่ายเบี่ยงและอยากให้คบหาจนแน่ใจเสียก่อน“กว่าจะยอมมา ตื่นเต้นเหมือนกันนะ”พราวตะวันหัวเราะคิกพร้อมกับส่ายหน้า ขำเบาๆที่เขาทำเหมือนหนุ่มน้อยอายุสิบห้า“ก็มีแต่ผมที่รู้จักคุณแม่ของพราวนี่นา อยากให้มารู้จักทางนี้บ้าง พ่อแม่ก็ได้ยินเรื่องพราวตลอด ยังบอกว่าให้พามาหาหน่อย”ทั้งสองลงจากรถ เดินตรงเข้าไปในบ้านขนาดใหญ่ ที่เรียกว่าคฤหาสน์น่าจะถูกต้องกว่า“แม่ครับนี่พราวตะวัน แฟนเจตเอง พราว..นี่คุณแม่ผม เจตสุภา”สาวน้อยหน้าตาลูกครึ่งดวงตาสวยคม ปากอวบอิ่มโดยไม่ต้องพึ่งฟิลเลอร์ ใบหน้าเล็กรูปไข่ สะกดตาสะกดใจมาดามเจตสุภาทันที เธอถูกชะตากับเด็กสาวคนนี้อย่างประหลาด“สวัสดีค่ะ คุณเจตสุภา” พราวตะวันยกมือไหว้อย่างสุภาพ ท่าทางมั่นใจแต่ก็นอบน้อม“เรียกแม่หรือน้าภาก็ได้แล้วแต่สะดวกจ๊ะ เดี๋ยวหนูพราวทานขนมกับชารอคุณพ่อกับพี่คิณสักพักนะ จะได้อยู่พร้อมหน้ามื้อเย็นทีเดียว”ชายหนุ่มและหญิงสาวทานขนมไปได้นิดหน่อย เขาก็