เวลาผ่านไประยะหนึ่งจนถึงช่วงปิดเทอมที่เจตนิพัทธ์ได้ไปฝึกงานที่ Innova Securities บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เกี่ยวกับการให้บริการด้านกองทุนรวม ควบคู่กับการลงทุนในหุ้น พันธบัตร อนุพันธ์ ฯลฯ ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวอยู่แล้ว ส่วนพราวตะวันต้องฝึกงานที่แกลลอรี่ อาร์ต Sukhumvit Art Haus อยู่ใจกลางสุขุมวิท ซึ่งถ้าหากเธอจำหน่ายงานศิลปะในแกลลอรี่ได้ก็จะรับส่วนแบ่ง 5% อีกด้วย
เธอสนุกกับการมาฝึกงานอย่างมากเพราะตรงกับสิ่งที่เธอชอบ การได้เสพงานจากศิลปินทั้งจากไทยและต่างประเทศ การได้แลกเปลี่ยนพูดคุยเรื่องงานศิลป์ ทำให้เพลิดเพลินจนลืมเวลา ตรงกันข้ามกับแฟนหนุ่มของเธอที่ฝึกงานอย่างเคร่งเครียดเพราะคิณภัทรดูแลน้องชายให้ฝึกงานอย่างเข้มงวด
“โอ๊ย เหนื่อย มึนหัวหมดแล้วเนี่ยพี่คิณ นี่แค่ฝึกงานนะ ไม่ต้องเยอะขนาดนี้ก็ได้มั้งพี่ คนอื่นเจอแบบนี้มั่งป่ะเนี่ย”
“ยิ่งแกเป็นน้องฉันก็ต้องยิ่งฝึกหนักกว่าคนอื่นสิ จบมาก็ต้องมาทำงานกับครอบครัวอยู่แล้ว”
เจตนิพัทธ์ส่ายหน้าทิ้งตัวลงบนโซฟาห้องทำงานของพี่ชายแบบเพลียๆ
“ขอไปทำงานที่โรงแรมในต่างประเทศดีกว่า พ่อมีหลายที่นี่นา”
“ไหวเหรอ ยิ่งไปทำที่โรงแรมนะสาวๆเพียบ แกแน่ใจนะ”
“ไม่สนหรอก มีเมียแล้ว”
คิณภัทรหัวเราะน้องชายดังลั่น
“เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมจริงๆเลย เลิกเป็นลูกแหง่ก่อนจะมีเมียเถอะ”
“นี่ใกล้เที่ยงแล้ว ขอออกไปเลยแล้วกันนะพี่คิณ หิวแล้ว จะไปรับพราวกินข้าวด้วย”
“ไปด้วยกันสิ ฉันเลี้ยงเอง”
“ไม่เอาอ่ะ อยากไปกับแฟนสองคน”
“อะไรวะ ทำตัวห่างเหินชะมัด”
“เออ ไปด้วยกันก็ไปงั้น เอารถพี่ไปนะ”
คิณภัทรแอบกระหยิ่มยิ้มย่องที่จะได้เจอคนที่เขาอยากแค่เห็นหน้าและได้พูดคุยด้วยบ้างก็ยังดี
นั่นทำให้เขาได้รู้ว่าเธอฝึกงานที่ไหนโดยไม่ต้องแอบถามเสียให้ยาก เพราะพราวตะวันยังไม่อัปเดตไอจีเลยตั้งแต่วันที่เขา Follow เธอไป ความที่พวกเขาไปก่อนเวลาเที่ยง ทำให้พราวตะวันยังทำงานอยู่ แต่รู้ว่าแฟนหนุ่มมากับพี่ชายเพราะเจตนิพัทธ์โทรบอกตั้งแต่อยู่ในรถแล้ว
สองพี่น้องเดินดูงานศิลปะเพื่อฆ่าเวลารอพราวตะวันพักเที่ยง ก็เจอเธอยืนคุยกับคู่รักคนต่างชาติคู่หนึ่งเรื่องงานศิลปะ คิณภัทรทึ่งที่เธอใช้ภาษาได้ดีพอสมควร ภาษากายและบุคลิกภาพนั้นส่งเสริมการพูดโน้มน้าวของเธออย่างมาก เจตนิพัทธ์พึงพอใจและดูภูมิใจในตัวแฟนสาวของเขามากเช่นกัน
“พราวพูดได้สามภาษานะ เพราะตอนเด็กเธอใช้ทั้งฝรั่งเศสและภาษาอังกฤษ ในช่วงที่พ่อแม่ยังไม่หย่าร้างกัน นี่ๆ พี่ว่าลูกค้าจะซื้อภาพนั้นมั้ย? ถ้าซื้อพราวจะได้เปอร์เซ็นด้วย”
“อืม..ฉันว่าขายไม่ได้ พวกเขาดูท่าทางเหมือนมาเที่ยวมากกว่ามาหาซื้อ ไม่ได้ดูหลงใหลในชิ้นงานขนาดยอมควักเงินจ่าย”
“งั้นเจตว่าซื้อ ถ้าพวกเขาไม่ซื้อจะเลี้ยงข้าวมื้อนี้เอง”
แต่สักพักหนึ่งคู่รักชาวต่างชาติก็ทำท่าขอบคุณเธอที่ยินดีพูดคุยให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาพวาดนั้นแล้วเดินจากไป แต่พราวตะวันยังคงยิ้มแย้ม มีก็แค่ถอนหายใจนิดหน่อย พลันหางตาเธอก็เหลือบไปเจอพวกเขาที่ยืนดูอยู่ข้างหลังห่างประมาณหนึ่ง เจตนิพัทธ์รีบเดินเข้าไปจับมือแฟนสาวทันที
”เหนื่อยมั้ย? อยากกินอะไรเที่ยงนี้”
เขาถามพลางปัดผมที่ปรกแก้มเธอให้ไปด้านหลัง สายตาเธอที่มองแฟนหนุ่มแล้วยิ้มให้ ทำเอาคิณภัทรใจเต้นแรงแทนน้องชายตัวเอง
“แล้วแต่เจตสิ”
พราวตะวันรู้ตัวดีว่าพี่ชายแฟนหนุ่มมองเธออยู่ จึงไม่มองไปที่คิณภัทรต่อหน้าแฟนของเธอเด็ดขาด
“แล้วก็วันนี้พี่คิณจะไปกินข้าวด้วยนะ เจตเลี้ยงเองเพราะแพ้พนันกันนิดหน่อย”
“สวัสดีค่ะพี่คิณ”
เธอยกมือไหว้และยิ้มให้ตามมารยาท
“ภาพนั้น..ผมอยากได้ เสียดายที่ฝรั่งคู่นั้นไม่สนใจ คุณยังไม่เลิกงาน พอจะอธิบายหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาพนั้นได้ใช่ไหม? ผมเห็นว่ายังพอมีเวลาอีกนิดหน่อยคุณถึงจะได้เวลาพักเที่ยง?”
เขาชี้ไปที่ภาพนั้นและยกนาฬิกาข้อมือสุดหรูขึ้นดูเวลา
“เชิญค่ะ พี่คิณ”
เจตนิพัทธ์ทำหน้าสงสัยนิดหน่อยที่พี่ชายเกิดสนใจงานศิลปะขึ้นมาเสียเฉยๆและเดินตามทั้งคู่ไป เมื่อไปยืนตรงหน้าภาพนั้น คิณภัทรกลับถามคำถามเธอเป็นภาษาฝรั่งเศส ทำให้พราวตะวันต้องสนทนากับเขาด้วยภาษานี้จนเจตนิพัทธ์หน้าหงิกเป็นตูดลิงเพราะฟังไม่รู้เรื่อง พอเธออธิบายเกี่ยวกับภาพเสร็จ เขาตกลงซื้อทันที
“ถ้าภาพนี้ขายได้ น้องชายผมจะได้ไม่ต้องเสียเงินเลี้ยงข้าวทุกคน อีกอย่างคือ ผมอยากได้ภาพนี้ไว้เองเพราะเห็นความตั้งใจที่คุณพยายามพรีเซนต์มันแม้ว่าสุดท้ายจะไม่ได้อะไรเลย นั่นคือสิ่งดีที่ผมชอบ”
“ขอบคุณค่ะ แต่ฉันเห็นว่าการคุยกันด้วยภาษาที่บุคคลที่สามไม่เข้าใจ ถือเป็นการเสียมารยาทอย่างหนึ่ง กรุณาอย่าทำแบบนี้อีกเพราะฉันลำบากใจ”
สายตาสู้คนและมุ่งมั่นคู่นั้นที่คิณภัทรอยากครอบครอง เขารู้สึกเหมือนกำลังโดนท้าทายจากผู้หญิงที่เป็นแฟนน้องชายของตัวเอง
“เอ่อ สรุปจะให้ผมเข้าใจด้วยมั้ยว่าอะไรยังไง?”
เจตนิพัทธ์ถามแฟนสาวทะลุกลางปล้องขึ้นมา
“จบดีล พี่ซื้อภาพนี้ จะเอาไปไว้ที่โถงทางเข้าบริษัท Innova”
“พราวขอตัวไปจัดการภาพนี้ให้ก่อนนะคะ จะให้คนช่วยยกไปให้ค่ะ”
พราวตะวันเดินผละไปทิ้งให้พวกเขาเดินตามหลังมาช้าๆ
“พี่อยากเทสภาษาเธอหรือไง?”
“ใช่ส่วนหนึ่ง อีกอย่างคือพี่ให้ใจคนที่ตั้งใจทำอะไรอย่างเต็มที่ มีพลังงานบวก ทำดีที่สุดแม้ว่าสุดท้ายอาจจะไม่สำเร็จ แกโชคดีมากนะที่ได้ผู้หญิงแบบนี้ นอกจากจะร้อนแรงบนเตียง แต่เวลาทำงานก็เต็มที่ด้วย”
“ที่แน่ๆ เจตต้องไปเรียนภาษาฝรั่งเศสแล้วล่ะ เดี๋ยวคุยกับพ่อของพราวไม่รู้เรื่อง”
คิณภัทรยิ้มให้พลางโอบไหล่น้องชายเดินไปหาเธอด้วยกันเพื่อรอรับรูปและชำระเงิน
สองพี่น้องเดินตามพราวตะวันที่มีพนักงานปลดรูปลงมาแล้วเดินนำไปอีกที เพื่อเอาภาพที่ถูกเลือกนั้นไปห่อด้วย Plastic wrap โดยรอบทั้งกรอบรูป รองมุมทั้งสี่ด้วยโฟมกันกระแทก ตามด้วยใส่กล่องกระดาษเป็นขั้นตอนสุดท้าย คิณภัทรยื่นกุญแจรถให้น้องชาย“เจตพาพนักงานไปที่รถสิ เอาแฟนไปด้วยเลยไหนๆก็ได้เวลาพักเที่ยงพอดี พี่จะจ่ายค่าภาพวาดนี่ก่อน สตาร์ทรถรอได้เลย”พอพวกเขาทั้งหมดไปกันแล้ว เขาจัดการรูดบัตรดำชำระค่าภาพวาดเสร็จ ตามด้วยคุยกับผู้จัดการแกลลอรี่ในอีกเรื่องหนึ่ง“เธอคนที่ขายภาพนี้ ผมต้องการโดเนทให้เธอเป็นการส่วนตัวนอกเหนือจากเปอร์เซ็นที่เธอจะได้”“เอ่อ คุณสามารถติดต่อเธอโดยตรงก็ได้นะคะ ถ้ากรณีให้ด้วยความเสน่หา”“ผมต้องการให้เธอมีกำลังใจในการทำงาน แต่อยากให้ในนามลูกค้าไม่ใช่จากส่วนตัว”“โอเคค่ะ คุณสามารถระบุรายละเอียดได้เลยค่ะ”“ผมจะโดเนทให้เธอเท่ากับราคาภาพในนามบริษัท Innova พวกใบเสร็จใบกำกับภาษีทั้งหมดขอให้ส่งไปที่ฝ่ายบัญชีของบริษัทนะครับ”ทำเอาผู้จัดการตาโตที่เขาให้เยอะขนาดนี้สำหรับนักศึกษาฝึกงาน แม้ราคาภาพวาดจะแค่ 12,000 บาทเท่านั้น“ขอถามได้มั้ยคะว่าอะไรที่ทำให้คุณอยากให้เธอมากขนาดนี้?”“แพชชั่นท
เวลาผ่านไประยะหนึ่งจนถึงช่วงปิดเทอมที่เจตนิพัทธ์ได้ไปฝึกงานที่ Innova Securities บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เกี่ยวกับการให้บริการด้านกองทุนรวม ควบคู่กับการลงทุนในหุ้น พันธบัตร อนุพันธ์ ฯลฯ ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวอยู่แล้ว ส่วนพราวตะวันต้องฝึกงานที่แกลลอรี่ อาร์ต Sukhumvit Art Haus อยู่ใจกลางสุขุมวิท ซึ่งถ้าหากเธอจำหน่ายงานศิลปะในแกลลอรี่ได้ก็จะรับส่วนแบ่ง 5% อีกด้วย เธอสนุกกับการมาฝึกงานอย่างมากเพราะตรงกับสิ่งที่เธอชอบ การได้เสพงานจากศิลปินทั้งจากไทยและต่างประเทศ การได้แลกเปลี่ยนพูดคุยเรื่องงานศิลป์ ทำให้เพลิดเพลินจนลืมเวลา ตรงกันข้ามกับแฟนหนุ่มของเธอที่ฝึกงานอย่างเคร่งเครียดเพราะคิณภัทรดูแลน้องชายให้ฝึกงานอย่างเข้มงวด “โอ๊ย เหนื่อย มึนหัวหมดแล้วเนี่ยพี่คิณ นี่แค่ฝึกงานนะ ไม่ต้องเยอะขนาดนี้ก็ได้มั้งพี่ คนอื่นเจอแบบนี้มั่งป่ะเนี่ย”“ยิ่งแกเป็นน้องฉันก็ต้องยิ่งฝึกหนักกว่าคนอื่นสิ จบมาก็ต้องมาทำงานกับครอบครัวอยู่แล้ว”เจตนิพัทธ์ส่ายหน้าทิ้งตัวลงบนโซฟาห้องทำงานของพี่ชายแบบเพลียๆ “ขอไปทำงานที่โรงแรมในต่างประเทศดีกว่า พ่อมีหลายที่นี่นา”“ไหวเหรอ ยิ่งไปทำที่โรงแรมนะสาวๆเพียบ แกแน่ใจนะ”“ไม่ส
ทั้งคู่นั่งกอดจูบดูดดื่มกันอยู่บนโซฟาห้องรับแขก ในใจของพราวตะวันเต้นแรงเพราะกลัวว่าแม่ของเธอจะลงมาเห็นเข้า “กลัวเหรอ? ตื่นเต้นดีออก”เจตขยับตัวปลดกางเกงให้ลงไปถึงเข่าแค่นั้น ส่วนเธอที่นั่งข้างเขาก็ค่อยๆก้มลงไป เขาครางเบาๆในลำคอแสดงถึงความเสียวซ่านตั้งแต่โคนจรดปลายหัวของแก่นกายที่แข็งชูชัน ริมฝีปากที่แสนเซ็กซี่นั้นดูดดุนลำแท่งจนวาบเสียวท้องน้อย จนเขาถึงกับต้องเม้มปากเอาไว้ไม่ให้ครางออกมาเขาเผลอกดหัวเธอเบาๆจนได้ยินเสียงสำลักนิดหน่อย“ขอโทษที่รัก..”เจตเชยคางเธอให้มาจูบกับเขา โอบเอวให้ขึ้นมานั่งคร่อมบนหน้าขาสองข้างแทน ทั้งสองต่างควานหาลิ้นของกันและกัน เกี่ยวกระหวัดกันอยู่แบบนั้น โดยที่สองมือของเธอจับดุ้นที่ใหญ่ยาวของเขารั้งขึ้นลงจนมือเปียกลื่นเพราะน้ำหล่อลื่นที่ไหลออกมา เธอแหวกกางเกงชั้นใน จับให้มันเข้าที่แล้วทิ้งน้ำหนักตัวลงช้าๆ หน้าผากและปลายจมูกของทั้งคู่สัมผัสกันพลางสบตาใกล้ๆ จูบกันอย่างแนบแน่นพร้อมกับเริ่มต้นความหฤหรรษ์แห่งกามารมณ์ “แน่นอ่ะที่รัก”“อาาา…”พราวตะวันอ้าปากเล็กน้อยครางเบาๆและเพื่อหอบหายใจ แก้มแดงที่น่ารักนั้นทำให้เจตจ้องมองดวงหน้าของแฟนสาวเวลาร่วมรัก ยิ่งกระตุ้นควา
เมื่อเจตนิพัทธ์กลับจากไปส่งแฟนสาว เขาเดินผิวปากเข้ามาในบ้าน ก็พบว่าพี่ชายยังนั่งเล่นอยู่ที่ห้องรับแขก“เอ้า พี่คิณ ยังไม่ง่วง?”“อารมณ์ดีมาแต่ไกลเลยนะ”เจตกวาดสายตาไปทั่วก่อนจะล้วงเอาบางอย่างในกระเป๋ากางเกงกำเอาไว้โชว์ให้พี่ชายดู“พราวโคตรน่ารักอ่ะ ให้ของที่ระลึกมาด้วย เจอคนที่ใช่นี่มันดีสุดๆ เราเข้ากันได้ทุกเรื่องเลย”คิณภัทรตาลุกวาวที่เห็นน้องชายถือแพนตี้ลูกไม้ตัวจิ๋วของพราวตะวัน รู้สึกอิจฉาน้องชายที่มีแฟนสาวสวยและรสนิยมที่ต้องกัน“บอกน้องพราวแนะนำเพื่อนแบบนี้ให้สักคนสิ” “แล้วสาวๆคนอื่นไปไหนหมด ไม่ตรงใจสักคนหรือไง?”“ถ้าตรงใจก็พามาให้พ่อแม่รู้จักแล้ว”“โห่วว แต่ละคนก็เห็นเด็ดๆใช่ย่อย”“อือ เด็ด แต่สักพักขาดแรงดึงดูดใจ”“ยังไง ไม่เข้าใจ?”“พูดเก่งจนพูดมาก แรกๆน่ารักดี สักพักแบ๊วจนเหมือนปัญญาอ่อน ทำสวยอย่างเดียวพอคุยเรื่องรอบตัวมึนหมด ล่าสุดกลางวงกลุ่มเพื่อนนักธุรกิจพี่เลย เค้าเป็นคนอินเดีย ดันมาถามพี่ว่าทำไมเค้าเป็นอิสลามแล้วกินหมูได้”ทำเอาเจตขำท้องแข็งแล้วไปนั่งข้างพี่ชายบนโซฟา “มันมีจริงๆนะพี่ คนที่ไม่รู้น่ะ แต่อันนี้ก็เกินไป”“ไม่รู้สิ สวยแต่ไร้เสน่ห์ คุยกันไม่รู้เรื่อง”“เอาน่
เจตนิพัทธ์ขับรถไปส่งพราวตะวันที่บ้านแต่ก็ไม่ถึง เพราะเขาไปจอดในซอยที่เปลี่ยวและลับตาคนเสียก่อน“แค่ไม่นาน คุณแม่คงไม่ตามใช่มั้ยที่รัก?”“อือฮึ..ส่งข้อความให้แม่ตอนอยู่ที่บ้านเจตแล้วว่ากำลังจะกลับ”“พอผมเห็นสายตาพี่คิณเวลามองพราวแล้วหึงเลย”“ก็ไม่เท่าไหร่นะ คนเราสนทนากันจะไม่ให้มองหน้าเวลาคุยเหรอ?”เจตเลื่อนมือมาลูบขาแล้วค่อยๆ ล้วงเข้าไปสัมผัสภายนอกกางเกงชั้นในของพราวตะวัน เธอขยับมาซบเขาแล้วอ้าขามากขึ้น ซึ่งแฟนหนุ่มก็รู้งาน ล้วงถอดเอากางเกงชั้นในของเธอทิ้งไป ใช้นิ้วลูบวนไล้ที่จุดกระสัน แล้วใส่นิ้วกลางเข้าไป พลางจูบบดบี้ขยี้ลิ้นกันอย่างเร่าร้อน“อึดอัดอ่ะที่รัก”พราวตะวันได้ยินแฟนหนุ่มสุดหล่อพูดอ้อน เลยใช้มือบีบขยำที่เป้ากางเกงของแฟนหนุ่มที่แข็งตัวเป็นลำ“อยากเห็นมันอยู่ในปากน่ารักๆ ของพราวจังนะ”“เหมือนกัน พราวชอบเห็นหน้าเจตเวลามีอารมณ์สุดๆ”เขารีบถอดกางเกงไปกองที่ข้อเท้า ปรับเบาะนั่งให้นอนราบจนแก่นกายตั้งเด่แทบจะชี้หน้าเธอได้ พราวตะวันก้มลงใช้ลิ้นลากไปตามดุ้นที่แข็งตัวจนเป็นสีแดงเข้ม รอยหยักตรงหัวเห็ดที่บานใหญ่นั้นเธอชอบใช้ลิ้นดุนเล่นเป็นพิเศษ น้ำหล่อลื่นใสๆ ถึงกับไหลเป็นทาง ด้วยอารมณ
เจตนิพัทธ์ขับรถกลับมาถึงบ้านหรูย่านพัฒนาการในตอนเย็น พร้อมกับพาแฟนสาวมาแนะนำตัวให้กับครอบครัวรู้จักเป็นครั้งแรก ที่จริงแล้วเขาคบเธอมาตั้งแต่ปีสอง แต่พึ่งจะได้พามาเมื่อเรียนปีสุดท้ายนี่เอง นั่นเพราะเธอบ่ายเบี่ยงและอยากให้คบหาจนแน่ใจเสียก่อน“กว่าจะยอมมา ตื่นเต้นเหมือนกันนะ”พราวตะวันหัวเราะคิกพร้อมกับส่ายหน้า ขำเบาๆที่เขาทำเหมือนหนุ่มน้อยอายุสิบห้า“ก็มีแต่ผมที่รู้จักคุณแม่ของพราวนี่นา อยากให้มารู้จักทางนี้บ้าง พ่อแม่ก็ได้ยินเรื่องพราวตลอด ยังบอกว่าให้พามาหาหน่อย”ทั้งสองลงจากรถ เดินตรงเข้าไปในบ้านขนาดใหญ่ ที่เรียกว่าคฤหาสน์น่าจะถูกต้องกว่า“แม่ครับนี่พราวตะวัน แฟนเจตเอง พราว..นี่คุณแม่ผม เจตสุภา”สาวน้อยหน้าตาลูกครึ่งดวงตาสวยคม ปากอวบอิ่มโดยไม่ต้องพึ่งฟิลเลอร์ ใบหน้าเล็กรูปไข่ สะกดตาสะกดใจมาดามเจตสุภาทันที เธอถูกชะตากับเด็กสาวคนนี้อย่างประหลาด“สวัสดีค่ะ คุณเจตสุภา” พราวตะวันยกมือไหว้อย่างสุภาพ ท่าทางมั่นใจแต่ก็นอบน้อม“เรียกแม่หรือน้าภาก็ได้แล้วแต่สะดวกจ๊ะ เดี๋ยวหนูพราวทานขนมกับชารอคุณพ่อกับพี่คิณสักพักนะ จะได้อยู่พร้อมหน้ามื้อเย็นทีเดียว”ชายหนุ่มและหญิงสาวทานขนมไปได้นิดหน่อย เขาก็