Se connecterโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
กลิ่นยาฆ่าเชื้อจาง ๆ ลอยอบอวลอยู่ในห้องตรวจ
ณิชานั่งอยู่บนเตียงคนไข้ ผิวรอบ ๆ แขนยังแดงจากรอยน้ำร้อนลวก โชคยังดีที่เป็นบริเวณไม่มากนักคีรติยืนอยู่ข้างเตียง แขนเสื้อเชิ้ตพับขึ้นถึงศอก ดวงตาคมที่มักนิ่งสงบกลับเต็มไปด้วยความกังวล
“เป็นอย่างไรบ้างครับคุณหมอ”
คีรติถามขึ้น
“เป็นแค่แผลลวกระดับหนึ่ง โชคดีที่ไม่โดนเต็ม ๆ ไม่ต้องเป็นห่วงครับทายาทุกวันเดียวก็หายครับ เดี๋ยวหมอปิดผ้าก๊อซหลวมไว้ให้นะครับ ”
หมอเอ่ยเบา ๆ
“ขอบคุณมาก ๆ ครับคุณหมอ...”
“ยินดีครับเดี๋ยวหมอขอตัวก่อน”
งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งณิชากลับบ้านนะ”
น้ำเสียงเขาแผ่วเบา แต่ในแววตานั้นกลับสะท้อนความรู้สึกผิดลึก ๆ“ณิชาไม่กลับบ้านณิชาจะกลับคอนโด”
“มือณิชาใช้งานไม่สะดวกเดี๋ยวไปพักบ้านพี่ดีกว่านะ พี่จะได้ช่วยดูแลคุณ”
“แต่ณิชากับพี่เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน ไปอยู่กับพี่คงไม่ดีมังค่ะ”
“ณิชาแน่ใจหรือว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน หรือจะให้พี่ย้ำเหตุการณ์ในคืนนั้น”
“หยุดพูดเลยนะคนบ้า”
เขายิ้มที่ริมฝีปากเบา ๆ
“พี่จะจัดการคนที่ทำณิชาเอง กล้าดียังไงมาทำให้คู่หมั้นพี่เจ็บแบบนี้…ไล่มันออกเลยดีกว่า ณิชาจะได้ไม่ต้องเห็นหน้ามันให้เสียอารมณ์อีก”
น้ำเสียงเขายังคงโกรธเคืองคนที่ทำให้เธอบาดเจ็บณิชาเงยหน้าขึ้นช้า ๆ
“พี่คีย์... พี่ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้หรอกค่ะ ณิชาไม่ได้สำคัญขนาดนั้น”คำพูดนั้นทำให้เขาชะงัก ดวงตาคมเข้มไหววูบ
ก่อนที่เขาจะยกมือแตะข้างแก้มเธออย่างแผ่วเบา“อย่าพูดแบบนั้นอีก”
เสียงทุ้มต่ำกระซิบ
“ณิชาสำคัญสำหรับพี่เสมอ”หัวใจของณิชาสะดุดเต้นแรงจนแทบกลืนลมหายใจไม่ลง
แววตาเขาในระยะใกล้... เต็มไปด้วยความอ่อนโยนจนเธอต้องเบือนหน้าหนี"พอแล้วไม่ต้องพูดแล้วค่ะ "
ณิชายิ้มหวาน
“งั้นไปอยู่บ้านพี่ พี่จะได้ดูแลคุณด้วยตัวเอง... พี่ต้องรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น”
“ไม่เป็นไรค่ะ ณิชาอยู่คอนโดของตัวเองได้”
“ไม่ได้ ไปอยู่บ้านพี่เถอะ พี่มีบ้านส่วนตัว อีกอย่าง... เรากำลังจะแต่งงานกัน มันไม่น่าเกลียดหรอก”
ณิชาขมวดคิ้ว มองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“พี่นี่เอาแต่ใจจริง ๆ”
“ตรงไหนกัน พี่ไม่ได้คิดจะทำอะไรคุณเลยนะ”
เขาพูดเรียบ ๆ แต่สายตากลับอ่อนโยนจนเธอใจเต้นแรง
หญิงสาวถอนหายใจ
“แต่ณิชาไม่มีเสื้อผ้า ต้องแวะไปเอาที่คอนโดก่อน”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่ซื้อให้ใหม่เอง”
“แต่ว่า—”
“คุณลุงบอกพี่แล้ว ว่าท่านจำกัดวงเงินของณิชา”
ณิชาชะงักไปทันที ก่อนที่เขาจะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา แล้วยื่นบัตรเคดิตสีดำให้เธอ
“นี่... บัตรของพี่ วงเงินไม่จำกัด”
เธอเบิกตากว้าง มองบัตรในมือเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
“ให้ณิชาทำไมคะ?”
“ก็ณิชาคือคู่หมั้นพี่ไง”
ใบหน้าเธอร้อนวาบขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ก็แค่คู่หมั้นที่ครอบครัวบังคับ พี่ไม่รังเกียจครอบครัวณิชาหรือไง”
“ทำไมพี่ต้องรังเกียจ... ในเมื่อคุณลุงกับคุณพ่อพี่เป็นเพื่อนกันเมื่อ ครอบครัวเพื่อนพ่อเจอปัญหาพี่ในฐานะลูกชายเพื่อนก็ต้องช่วยกันสิ”
เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นถามเสียงแผ่ว
“แล้ว... พี่คิดยังไงกับณิชาเหรอคะ?”
เขาอ้ำอึ้ง “ก็...” เสียงนั้นขาดหายไปในลำคอ
ณิชาหลุบตา ยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน
“พี่คีย์คงหลงรักณิชาแล้วล่ะ บอกมาเถอะ~”
คีรติหัวเราะในลำคอเบา ๆ แล้วเอื้อมมือมาเขี่ยปลายจมูกเธออย่างแผ่วเบา
“หลงตัวเองเกินไปแล้วนะ”
เธอหัวเราะเบา ๆ พลางเม้มริมฝีปาก
เมื่อทั้งสองมาที่รถ เขาก็สั่งคนขับรถทันที
“อาทิตย์ แวะห้างสรรพสินค้าแถวนี้ก่อนนะ ค่อยไปส่งฉันที่บ้านส่วนตัว”
“ครับ คุณคีย์”
— ห้างสรรพสินค้า —
ณิชาเดินดูเสื้อผ้าสบาย ๆ ตามสไตล์ของเธอ ขณะที่คีรติเดินตามอยู่ห่าง ๆ อย่างไม่เร่งรัด
ทุกครั้งที่เธอหยิบของ เขาจะเป็นฝ่ายรับต่อ แล้วรูดบัตรให้โดยไม่พูดอะไร
เขาตามใจทุกอย่าง เหมือนแค่เห็นเธอยิ้มก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา
“ช้อปเหนื่อยหรือยัง หิวไหม?”
เสียงทุ้มของเขาเอ่ยขึ้นขณะเธอกำลังมองเครื่องประดับตรงหน้า
“ยังไม่หิวค่ะ ค่อยซื้อกลับไปทานที่บ้านดีไหมคะ?”
“ณิชาว่ายังไง พี่ก็ได้หมดครับ”
คำตอบเรียบง่าย แต่กลับทำให้หัวใจของณิชาเต้นแรงขึ้นอย่างไม่เข้าใจตัวเอง
เธอสบตาเขาเพียงแวบเดียว ก่อนรีบหลบสายตาอย่างเขินอาย
ริมฝีปากบางคลี่ยิ้ม พลางพึมพำเบา ๆ กับตัวเอง
“นี่ขนาดยังไม่แต่งงาน... ทำไมพี่คีย์ถึงน่ารักขนาดนี้นะ”
ทันใดนั้น เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง
“เฮ้ย! ไอ้คีย์ มาเดินห้างได้ไงวะมึง!”
คีรติหันไปตามเสียง เห็นชายหนุ่มในชุดลำลองเดินเข้ามา เตชทัต เพื่อนสนิทของเขาเอง
ณิชารีบหันไปยิ้มทัก
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ น้อง...”
เขาชะงักไปนิด มองใบหน้าเธออย่างประหลาดใจ
“ณิชาค่ะ”
เธอตอบเสียงเรียบแต่สุภาพ
เตชทัตเลิกคิ้ว
“อย่าบอกนะว่า...?”
คีรติเอ่ยเรียบ ๆ แต่หนักแน่น
“ใช่ เรากำลังจะหมั้นและแต่งงานกัน”
ณิชาก้มหน้าลงทันที สายตาเลิกลักด้วยความเขิน
คีรติเอื้อมมือมาโอบเอวเธอเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ ท่าทางมั่นคงของเขาทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด
“เอ่อ... ดีใจกับเพื่อนด้วยนะโว้ย ที่จะได้แต่งงานกับคนที่ชอบ”
"ตอนแรกบอกไม่ชอบสาวไฮโซใช้เงินเก่ง ตอนนี้ไหงเดินตามรูดบัตรให้ 555"
เตชิตพึมพำเบา ๆ คนเดียว แล้วหัวเราะเบา ๆ ก่อนยกมือขึ้นล่ำลา
“งั้นกูไปก่อน ไว้เจอกันนะครับน้องณิชา ว่าง ๆ นัดดื่มด้วยกันนะ”
“ขอบคุณค่ะ พี่เต”
เธอยิ้มบาง ๆ ตอบกลับ
เมื่อเพื่อนเดินจากไป คีรติก็หันมามองเธอ ดวงตาแฝงรอยยิ้มบาง
“เขินเหรอ เพื่อนสนิทพี่เอง... ค่อย ๆ เรียนรู้กันไปนะ”
ณิชาพยักหน้าช้า ๆ
“ค่ะ...”
น้ำเสียงแผ่วเบา แต่หัวใจเธอกลับเต้นแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
อ่านบนี้แล้วเป็นอย่างไรบ้างค่ะรี้ด เห็นแววคนคลั่งรักบ้างยังเอ่ยย
โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งกลิ่นยาฆ่าเชื้อจาง ๆ ลอยอบอวลอยู่ในห้องตรวจณิชานั่งอยู่บนเตียงคนไข้ ผิวรอบ ๆ แขนยังแดงจากรอยน้ำร้อนลวก โชคยังดีที่เป็นบริเวณไม่มากนักคีรติยืนอยู่ข้างเตียง แขนเสื้อเชิ้ตพับขึ้นถึงศอก ดวงตาคมที่มักนิ่งสงบกลับเต็มไปด้วยความกังวล“เป็นอย่างไรบ้างครับคุณหมอ”คีรติถามขึ้น“เป็นแค่แผลลวกระดับหนึ่ง โชคดีที่ไม่โดนเต็ม ๆ ไม่ต้องเป็นห่วงครับทายาทุกวันเดียวก็หายครับ เดี๋ยวหมอปิดผ้าก๊อซหลวมไว้ให้นะครับ ”หมอเอ่ยเบา ๆ“ขอบคุณมาก ๆ ครับคุณหมอ...”“ยินดีครับเดี๋ยวหมอขอตัวก่อน”งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งณิชากลับบ้านนะ”น้ำเสียงเขาแผ่วเบา แต่ในแววตานั้นกลับสะท้อนความรู้สึกผิดลึก ๆ“ณิชาไม่กลับบ้านณิชาจะกลับคอนโด”“มือณิชาใช้งานไม่สะดวกเดี๋ยวไปพักบ้านพี่ดีกว่านะ พี่จะได้ช่วยดูแลคุณ”“แต่ณิชากับพี่เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน ไปอยู่กับพี่คงไม่ดีมังค่ะ”“ณิชาแน่ใจหรือว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน หรือจะให้พี่ย้ำเหตุการณ์ในคืนนั้น”“หยุดพูดเลยนะคนบ้า”เขายิ้มที่ริมฝีปากเบา ๆ“พี่จะจัดการคนที่ทำณิชาเอง กล้าดียังไงมาทำให้คู่หมั้นพี่เจ็บแบบนี้…ไล่มันออกเลยดีกว่า ณิชาจะได้ไม่ต้องเห็นหน้ามันให้เสียอารมณ์
บริษัท อภิพัฒน์วัฒนากุล กรุ๊ป“คุณทรงพล ทำไมไม่บอกผมล่ะ ว่าผู้หญิงที่อยู่กับผมในโรงแรมคืนนั้นกับคุณณิชา...คือคนเดียวกัน?”คีรติเอ่ยเสียงเรียบแต่แววตาคมกริบ“ผมกำลังจะบอกแล้วครับ แต่เกิดเรื่องกับคุณครีมเสียก่อน...”“ช่างเถอะ” เขาตัดบททันที“ยังไงณิชาก็คือคู่หมั้นผม จะรู้ช้าหรือรู้ไว...ก็ไม่ต่างกัน”“ครับ คุณคีย์..ตั้งแต่คุณคีย์เจอคุณณิชานี่ดูมีชีวิตชีวาขึ้นนะครับ”“แหมแซวผมนะคุณทรงพล”คีรติเอ่ยด้วยรอบยิ้มบาง ๆ“ฝากเรียกคุณณิชาเอากาแฟมาให้ผมหน่อยสิ” “รับทราบครับ”ห้องชงกาแฟ“นี่! ใช้เครื่องไม่เป็นก็ถามสิ ทำเละเทะหมดแล้ว ดูสิ!”เสียงของ ข้าวฟ่าง จากฝ่ายการตลาดดังขึ้น พร้อมสีหน้าไม่พอใจณิชาหันมามองเล็กน้อย ก่อนเอ่ยอย่างสุภาพ“ขอโทษค่ะ พอดียังไม่คุ้นกับเครื่องแบบนี้ค่ะ ”“ขาก็มีไม่เดินไปถามคนอื่นล่ะ? หรือเรียนจบจากไหนเนี่ยถึงไม่รู้จักใช้เครื่องชงกาแฟ!”น้ำเสียงข้าวฟ่างเต็มไปด้วยการเหยียดณิชาสูดหายใจยาว พยายามรักษาความใจเย็น“คุณพูดดี ๆ ก็ได้นี่คะ ไม่เห็นต้องพูดแรงขนาดนั้น”“พูดดีแล้วจะฉลาดขึ้นมาไหม! อย่าคิดว่าเป็นเด็กใหม่หน้าสวยแล้วจะทำอะไรก็ได้นะ”“คุณค่ะฉันเป็นเด็กใหม่ อะไรที่ฉันไม่รู
บ้านณิชา..เสียงเครื่องยนต์รถสปอร์ตหรูดังแผ่วก่อนดับลงตรงหน้าบ้านของณิชา คีรติเปิดประตูลงจากรถในชุดสูทเรียบหรู สายตาคมกริบกวาดมองตัวบ้านด้วยท่าทีสงบ แต่แฝงไว้ด้วยความมั่นใจเฉพาะตัวภารดีที่กำลังจัดแจกันดอกไม้ตรงห้องรับแขกหันมาเห็นเข้าพอดี“อ้าว...ตาคีย์ มารับน้องเองเลยหรือลูก?”เสียงเธอแฝงรอยยิ้มปลื้มชัดเจนคีรติยกมือไหว้อย่างนอบน้อม“ครับคุณแม่ วันแรกของการทำงาน มารับเลขาส่วนตัวสะหน่อยครับ”ภารดียิ้มกว้าง“น่ารักจังลูกเขยของแม่”ทันใดนั้น เสียงเครื่องดนตรีเบา ๆ ดังจากในบ้าน ก่อนชายหนุ่มอีกคนจะเดินออกมาพร้อมกระเป๋าเป้สะพายข้าง“อ้อ นี่พอร์ช ลูกชายคนเล็กของแม่”ภารดีแนะนำพอร์ชยิ้มกว้าง“สวัสดีครับพี่เขย”เขาแกล้งเอ่ยคำเรียกอย่างซุกซน“เดี๋ยวผมขอตัวไปเรียนก่อนนะครับ”คีรติหัวเราะเบา ๆ“สวัสดีพอร์ช ขับรถดี ๆ นะ”ไม่นาน เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังลงมาจากชั้นบน ก่อนจะตามด้วยเสียงใสที่คุ้นหู“แม่ค่ะ มีอะไรทานบ้างคะเช้านี้?”ณิชาในชุดสูทกระโปรงสีครีมอ่อนก้าวลงมาจากบันได ผมยาวสลวยถูกรวบเรียบ เธอดูเรียบร้อยแต่น่ามองอย่างเหลือเชื่อ...จนคีรติอดยิ้มไม่ได้“อรุณสวัสดิ์ครับ...น้องณิชา”เขาเอ่ยเสียงทุ้มต
“คุณ!”เสียงทั้งสองซ้อนทับกันกลางห้องอาหารรอยยิ้มของอรสาและภารดีแข็งค้างไปชั่วขณะ ก่อนต่างฝ่ายต่างหันมามองหน้ากันด้วยแววตาฉงน“อ้าว...รู้จักกันอยู่แล้วเหรอลูก?”ภารดีถามด้วยน้ำเสียงแฝงความยินดีณิชารีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ยกยิ้มบาง“เอ่อ...บังเอิญเคยเจอกันค่ะ”“อย่างนี้ก็ดีเลย จะได้ไม่ต้องเริ่มทำความรู้จักใหม่ให้เสียเวลา”อรสากล่าวอย่างมีความหวัง มือประคองถ้วยชาเบา ๆ พลางมองเด็กทั้งสองด้วยแววตาอ่อนโยนคีรติทรุดตัวนั่งลงข้างๆ กับณิชา ท่าทีสงบนิ่งแต่ดวงตากลับไม่ยอมละไปจากใบหน้าของเธอหญิงสาวพยายามหลบสายตานั้น แต่ยิ่งหนี...เขากลับยิ่งมองบรรยากาศบนโต๊ะเริ่มเปลี่ยนจากความอบอุ่น เป็นแรงกดดันที่มองไม่เห็น“หนูณิชาชอบอาหารญี่ปุ่นไหมลูก ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องปลาดิบเลยนะ”ดำรงเอ่ยขึ้น ทำลายความเงียบที่เริ่มหนาแน่น“ชอบค่ะคุณลุง”ณิชาตอบอย่างเรียบสุภาพ แต่ปลายนิ้วยังคงสั่นเล็กน้อยใต้โต๊ะคีรติปรายตามองอย่างพิจารณา รอยยิ้มบางแฝงอยู่บนริมฝีปาก รอยยิ้มที่มีทั้งเย็นชาและความหมายบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก“โลกกลมมากเลยนะครับผมพึ่งเจอเธอไม่นาน ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคู่หมายที่ผู้ใหญ่จัดหาไว้ให้...”เขาพู
บ้านตระกูลอภิพัฒน์วัฒนากุล (บ้านคีรติ)เสียงเครื่องยนต์ดับลงหน้าบ้านหรูเมื่อ คีรติ พาน้องสาว ครีม กลับมาถึงบ้านทันทีที่ อรสา แม่ของทั้งคู่ได้ยินเรื่องรถชน ใบหน้าของเธอก็ซีดลงทันที“ครีม! ไม่เป็นไรใช่ไหมลูก เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”หญิงสาวรีบเดินเข้ามาดูบุตรสาวด้วยความร้อนใจ“ไม่เจ็บเลยค่ะแม่ แต่พี่ที่หนูชน...เขาหัวแตกค่ะ”ครีมตอบเสียงแผ่วแต่ยังยิ้มบาง ๆ“ตายจริง! แล้วพี่เขาเอาเรื่องหรือเปล่าลูก?”“ไม่ค่ะ แม่...พี่คนสวยเขาน่ารักมากเลย ยังลงมาดูหนูด้วยนะคะ”คีรติยิ้มจาง ๆ เมื่อนึกถึงใบหน้าของหญิงสาวคนนั้น ภาพเธอยังวนอยู่ในหัว ดวงตาคมสวย แววตาแข็งแกร่งแต่เศร้าลึก ๆ “งั้นครีมไปพักก่อนนะลูก เดี๋ยวค่อยลงมาทานมื้อเย็นกัน”“ค่ะแม่ แล้วคุณพ่อกลับมาหรือยังคะ?”“ยังเลยลูก วันนี้บริษัทคุณพ่อมีประชุม คงกลับมามืดหน่อย”“งั้นหนูไปอาบน้ำก่อนนะคะ”“ไปสิลูก รีบอาบน้ำแล้วลงมาทานข้าวนะ”อรสามองตามลูกสาวขึ้นบันได ก่อนจะหันกลับมาทางลูกชายที่ยังยืนอยู่ตรงโถงบ้าน“ตาคีย์...แม่มีเรื่องจะคุยด้วย มานั่งก่อนสิลูก”คีรติพยักหน้าเบา ๆ“ครับแม่”น้ำเสียงราบเรียบ แต่ในใจกลับรู้ดีว่าเรื่องที่แม่จะพูดคืออะไร“พรุ่งนี้ว
บ้านตระกูลวัฒนวานิชเจริญ (บ้านณิชา)เสียงส้นรองเท้าดังแผ่วเบาไปตามพื้นหินอ่อน เมื่อ ณิชา เดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทีอิดโรย ดวงตาคู่สวยดูพร่ามัวราวกับคนไม่ได้หลับทั้งคืน“ณิชา เป็นยังไงบ้างลูก…ทำไมมีเลือด!”เสียงของ ภารดี แม่ของเธอเอ่ยขึ้นทันทีด้วยความตกใจ“รถชนนิดหน่อยค่ะคุณแม่ หนูให้เลขาของคุณพ่อจัดการแล้วค่ะ”หญิงสาวตอบเบาๆ พยายามกลบความอ่อนแรงในน้ำเสียง“ตายแล้ว! มาทำแผลก่อนเถอะลูก”ภารดีรีบพาเธอไปนั่งที่โซฟา มือสั่นเล็กน้อยด้วยความเป็นห่วง“ขอบคุณค่ะ...”ณิชาตอบเสียงเรียบ พลางขยับผ้าพันคอให้แน่นขึ้นอีกนิด เพื่อปกปิดรอยช้ำที่ซ่อนอยู่ใต้เนื้อผ้า รอยที่ไม่ควรมีใครเห็น โดยเฉพาะแม่ภารดีนั่งลงข้างๆ พลางหยิบกล่องยามาจัดการแผลให้ลูกสาวด้วยความอาทร“พรุ่งนี้แม่มีนัดกับป้าอรสา ลูกไปกับแม่นะลูก”“แม่ค่ะ…จะให้หนูไปดูตัวอีกแล้วใช่ไหม?”น้ำเสียงของณิชาปนความเหนื่อยใจ“แม่เชื่อว่าลูกกับตาคีย์เหมาะสมกันมาก”ภารดีพูดเสียงหนักแน่นราวกับตัดสินใจแทนลูกสาวไปแล้ว“แต่แม่ค่ะ…”“เพื่อครอบครัวนะณิชา”หญิงสาวชะงัก เธอเม้มปากแน่น ก่อนถามออกมาด้วยความคับข้อง“ครอบครัวเราลำบากขนาดนั้นเลยหรือคะ ทำไมบัตรของหนูเ






![นเรศวร [มาเฟียร้ายรัก]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
