เช้านี้อากาศค่อนข้างดีเนื่องจากเข้าสู่ช่วงปลายฤดูเหมันต์แล้ว ยามนี้ผู้คนกำลังเตรียมตัวฉลองส่งท้ายปีเก่า เพื่อต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง
ฟางเทียนอวี้ควบม้าไปตามทาง เพื่อตรวจดูความเป็นไปในเมืองหลวง ตลอดสองข้างทางมีเหล่าสตรีจ้องมองเขาตาเป็นมัน บางคนก็ขว้างดอกไม้มาให้เขา บางคนก็ขว้างผ้าเช็ดหน้า ขว้างถุงหอมมาให้
แต่ช้าก่อน!!!
ผู้ใดกันขว้างพุทราเน่ามาให้ข้า!!!
ข้าเป็นถึงชินอ๋องผู้หล่อเหลาราวเซียนสวรรค์แห่งหวงเฉวียนเชียวนะ!!!
ด้านเซียวเหมยลี่ในยามนี้นางกำลังนั่งอยู่ที่ชั้นสองของร้านน้ำชา ได้ยินว่าที่นี่มีชาชั้นดีมาใหม่ อีกทั้งยังมีพุทราผลโตรสชาติหวานอร่อยอีกด้วยนางจึงอยากมาลองลิ้มชิมรสเสียหน่อย จึงพาอิงเย่ว์มาที่นี่ด้วยกันตั้งแต่เช้าตรู่
"อิงเย่ว์เจ้าดูสิ พุทราลูกนี้เน่า!!!"
"เหมยลี่!!! เจ้าอย่าโยนออกไปด้านนอกหน้าต่างเช่นนั้นสิ!!! เดี๋ยวก็ปาไปโดนหัวคนเข้า"
"ข้าโยนไปแล้วนี่ ช่างเถิด ถือว่าคนที่โดนซวยก็แล้วกัน"
ฟางเทียนอวี้รู้สึกอารมณ์เสียมาก กลิ่นของผลพุทราเน่ายังคงติดตรึงบนอาภรณ์ของเขา แต่เขาจะโมโหมากก็ไม่ได้
เดี๋ยวความหล่อกระจัดกระจาย!!!
เช้านี้เขาต้องรีบเร่งเข้าวังหลวง เพื่อร่วมประชุมยามเช้ากับฟางเจิ้งหลง ระหว่างทางก็ได้พบกับฟางเจียเอ๋อร์ จวิ้นอ๋อง เป็นพี่น้องต่างมารดากับเขา ฟางเจียเอ๋อร์เป็นพระโอรสของเฉินกุ้ยเฟย เมื่อเสด็จพ่อสิ้นพระชนม์ เฉินกุ้ยเฟยและฟางเจียเอ๋อร์ก็ได้ย้ายออกไปอยู่นอกวังหลวงตามคำสั่ง
"คารวะพี่รอง"
ฟางเจียเอ๋อร์ส่งยิ้มให้ฟางเทียนอวี้อย่างขอไปที ฟางเทียนอวี้เองไม่ได้ตอบสิ่งใด เขาเพียงปรายตามองฟางเจียเอ๋อร์คราหนึ่ง ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่วังหลวงทันที ทิ้งให้ฟางเจียเอ๋อร์เสียหน้าที่ถูกเมินเฉย
เหอะ!!! หล่อตายละ หน้าเหมือนปลาขาดน้ำพะงาบพะงาบ!!!
เช้านี้ที่ท้องพระโรงยังคงถกเถียงกันเรื่องภัยพิบัติฤดูหนาวที่ผ่านมา เหล่าขุนนางต่างแย่งกันทำหน้าที่ดูแลราษฎรหวังเอาหน้ากับฮ่องเต้ ฟางเจิ้งหลงปวดหัวเป็นที่สุดจึงไล่ขุนนางเหล่านั้นกลับไปเสีย ก่อนจะหันมามองฟางเทียนอวี้
"เจ้าเห็นหรือยัง ว่าแต่ละวันข้าปวดหัวมากเพียงใด"
"เห็นแล้ว แต่ข้าช่วยอะไรท่านพี่ไม่ได้ จงปวดหัวต่อไปเถิด"
ฟางเจิ้งหลงคร้านจะต่อล้อต่อเถียงกับน้องบัดซบนี่อีก เขาสูดจมูกฟุดฟิดก่อนจะเอ่ยถามฟางเทียนอวี้
"เจ้าไปตกถังของเสียมาหรือ เหม็นมาก!"
"มีคนขว้างพุทราเน่าใส่ข้า"
"มันคือผู้ใดช่างกล้านัก!!!"
"สตรีที่หลงใหลข้านั่นละ ท่านพี่ไม่ต้องกังวล บุรุษรูปงามก็เป็นเช่นนี้"
ฟางเจิ้งหลงลอบเบ้ปากคราหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง
"ไปที่สำนักร้อยบุปผามาหรือยัง"
ฟางเทียนอวี้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็กลอกตาไปมาทันที
"ไม่ไป และไม่คิดที่จะไป"
"เฮ้อ ข้าได้ยินมาว่าที่นั่นมีสูตรสมุนไพรออกใหม่สำหรับบุรุษซะด้วย ได้ยินว่าใช้แล้วรูปงามราวเซียนสวรรค์"
ฟางเทียนอวี้หรี่ตามองฟางเจิ้งหลงคราหนึ่ง แต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เขาเองก็เบื่อหน่ายวังหลวงเต็มทน จึงขอตัวกลับจวนทันที ก่อนกลับเขายังแวะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ตำหนักเดิมของตนเองเพื่อความสะอาด
เมื่อเดินออกจากท้องพระโรงแล้ว ระหว่างทางเขาก็ได้พบกับสตรีน้อยนางหนึ่ง ที่กำลังเดินมาพร้อมกับไป๋ฮองเฮา ฟางเทียนอวี้เดินเข้าไปทำความเคารพไป๋ฮองเฮาอย่างนอบน้อม
"ถวายพระพรพี่สะใภ้"
"น้องรอง จะกลับแล้วหรือ"
"พ่ะย่ะค่ะ ข้ามีงานต้องสะสางต่อที่จวน"
"พอดีเลย ไป๋ห่าวเจียก็กำลังจะกลับพอดี ข้ารบกวนเจ้าพานางไปส่งที่รถม้าได้หรือไม่?"
ฟางเทียนอวี้มองไปที่ไป๋ห่าวเจียคราหนึ่ง ก็เห็นว่านางกำลังบิดกายไปมาใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย เขาเองก็เป็นบุรุษย่อมดูออกถึงท่าทีของนาง
"ได้พ่ะย่ะค่ะ แม่นางไป๋ เชิญ"
ไป๋ห่าวเจียพยักหน้าด้วยความเขินอาย ก่อนจะเดินไปที่รถม้าพร้อมกับฟางเทียนอวี้ ระหว่างทางที่เดินมาด้วยกัน นางชี้ชวนฟางเทียนอวี้พูดคุยสารพัด ฟางเทียนอวี้เองก็พูดกับนางอย่างสุภาพ
"ท่านอ๋อง อีกไม่กี่วันก็ใกล้จะถึงวันเกิดของหม่อมฉันแล้ว เอ่อ หากท่านอ๋องไม่รังเกียจ หม่อมฉันจะขอส่งเทียบเชิญให้ท่านอ๋องมาร่วมงานวันเกิดของหม่อมฉันที่จวนได้หรือไม่เพคะ"
ไป๋ห่าวเจียเอ่ยด้วยท่าทีเขินอายอย่างหนักหน่วง ใบหน้างามแดงระเรื่อ นางส่งสายตาหวานเยิ้มจ้องมองฟางเทียนอวี้ตาเป็นมัน ฟางเทียนอวี้ถอนหายใจคราหนึ่งก่อนจะครุ่นคิดในใจ
เบื่อความหล่อของตนเองจริงเชียว ทำให้สตรีหวั่นไหวจนแทบยืนไม่อยู่
ฟางเทียนอวี้หันไปมองไป๋ห่าวเจียก่อนจะเอ่ยตอบ
"ได้สิ เราก็เครือญาติกันทั้งนั้น"
"จริงหรือเพคะ เช่นนั้น ฮัดชิ้ว!!!"
ไป๋ห่าวเจียอยู่ดีดีก็จามออกมาเสียดื้อ ๆ ฟางเทียนอวี้ที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ตกใจดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก
แย่แล้ว!!! ความสกปรกกำลังคืบคลานเข้ามาหาข้า
ต้องรีบเบี่ยงกายหลบ!!!
ฟางเทียนอวี้หมุนกายหลบละอองฝอยจากจมูกของไป๋ห่าวเจียได้อย่างหวุดหวิด ก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เพราะความหล่อของข้าช่วยเอาไว้แท้ ๆ!!!
ไป๋ห่าวเจียที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ตื่นตระหนกตกใจในทันที
"ขออภัยเจ้าค่ะท่านอ๋อง"
"นั่นอย่างไรรถม้าของแม่นางไป๋ ข้าขอตัวก่อน"
"ท่านอ๋อง!!!"
ฟางเทียนอวี้ก้าวเดินออกจากวังหลวงโดยไม่หันกลับมามองไป๋ห่าวเจียอีก ในใจของเขาหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูก
ก่อนมาวังหลวงถูกพุทราเน่าขว้างใส่ เข้าวังยังมาเจอแม่นางไป๋จามใส่ พักนี้ข้าคงดวงไม่ดีเสียแล้วกระมัง
สำนักร้อยบุปผา!!!
คงต้องหาเวลาไปสักคราคงจะดี
1 ปีต่อมา ยามนี้สายลมฤดูหนาวพัดผ่านมาอีกครา บนพื้นถนนมีหิมะสีขาวปกคลุมอยู่เต็มไปหมด ยิ่งดึกอากาศยิ่งหนาวเย็น ผู้คนต่างพากันซุกกายอยู่ในผ้าห่มที่หนานุ่ม เข้าสู่ห้วงนิทราอันแสนมีความสุข'โมง' เวลายามสาม เสียงระฆังดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันในยามราตรี เสียงนี้เป็นเสียงสัญญาณของระฆังแจ้งการมรณกรรม เสียงนั้นดังมาจากวังหลวงติดต่อกันหลายครั้ง นอกจากจะเกิดเหตุการณ์ที่ฮ่องเต้สวรรคตแล้ว ไม่มีผู้ใดปฏิบัติตามธรรมเนียมนี้ ภายในวังหลวงยามนี้ เหล่าขันทีและนางกำนัลกำลังคุกเข่าพลางร่ำไห้กับการจากไปของฮ่องเต้ฟางเจิ้งหลง ภายในห้องบรรทม ไป๋ฮองเฮากำลังจัดการเปลี่ยนฉลองพระองค์ให้ฮ่องเต้ฟางเจิ้งหลงเป็นครั้งสุดท้าย เหล่าสนมนางในเองก็โศกเศร้ากับการจากไปของฮ่องเต้ในครานี้ ฟางเทียนอวี้ทำความเคารพพระศพของพี่ชายร่วมมารดาเป็นครั้งสุดท้าย เขานึกเสียใจไม่น้อย ที่ฟางเจิ้งหลงไม่เคยบอกเขาเลยว่าตนเองมีอาการเจ็บป่วยรุนแรงถึงเพียงนี้ จนกระทั่งวันที่สวรรคตเขาก็ได้มาดูใจพี่ชายคนนี้เพียงไม่นาน ฟางเทียนอวี้หวนนึกถึงคำพูดของฟางเจิ้งหลงที่บอกเขาก่อนจะสวรรคตได้ขึ้นใจ จงปกครองหวงเฉวียนอย่างมีคุณธรรม รักใคร่ราษฎรประหนึ่งลูกใน
แม่ทัพใหญ่เฉินส่งสัญญาณเรียกรวมพลทหารที่แอบซ่อนตัวให้มารวมพล ก่อนจะจัดการสังหารเหล่าชาวบ้านที่ขวางทางจนหมด แล้วมุ่งหน้าไปที่ประตูเมืองหลวงทันที แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ได้รับสัญญาณตอบกลับจากฟางเจียเอ๋อร์ในขณะที่แม่ทัพใหญ่เฉินกำลังร้อนใจ ก็ปรากฏว่ามีทหารวังหลวงหลายแสนนายที่เข้ามาล้อมกำลังทหารของเขาเอาไว้ แม่ทัพเฉินมีท่าทีตื่นตระหนก ก่อนจะหันไปมองเสียงกีบเท้าม้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆฟางเทียนอวี้!!! มันยังไม่ตายหรอกหรือ!!! แม่ทัพเฉินหน้าซีดเผือดก่อนจะหันไปมองด้านหลังของฟางเทียนอวี้ก็ยิ่งตกใจมากกว่าเดิม ยามนี้ฟางเจียเอ๋อร์ถูกจับมัดลากมากับพื้นสภาพสะบักสะบอมเป็นอย่างมาก ลูกพ่อ!!! ฟางเทียนอวี้คร้านจะเอ่ยสิ่งใดให้มากความ เขาจึงหันไปสั่งการทหารทันที "สังหารพวกมันให้หมด แล้วจับตัวแม่ทัพใหญ่เฉินมาให้ข้า" เหล่าทหารที่ได้ยินต่างก็พุ่งเข้าไปรบราฆ่าฟันกับศัตรูตรงหน้าอย่างบ้าเลือด ฟางเทียนอวี้เชิดหน้าขึ้นมองดูเหล่ากบฏถูกสังหารอย่างไร้ความรู้สึก ผ่านไปราวหนึ่งชั่วยาม ทหารของแม่ทัพใหญ่เฉินก็ถูกสังหารตายไปจนหมด ส่วนแม่ทัพใหญ่เฉินก็ถูกจับกุมในข้อหากบฏ จวนจวิ้นอ๋องถูกรื้อค้น ขันทีและบ่าวรับใช้ทหารปร
เวลาผ่านไปร่วมเดือน พิธีล่าสัตว์ก็มาถึง แม่ทัพใหญ่เฉินยิ้มกริ่มด้วยความพึงพอใจ ได้ยินว่าฝ่าบาททรงไม่เสด็จไปล่าสัตว์เพราะพระวรกายไม่สู้ดี จึงส่งชินอ๋องฟางเทียนอวี้ให้เป็นผู้นำขบวนล่าสัตว์ไปแทน ส่วนฝ่าบาทจะทรงทำพิธีขอพรกลางแจ้งอยู่ที่ลานขอพรในวังหลวงฟางเทียนอวี้นั่งอยู่บนหลังม้าสีขาว เขาสวมชุดสีดำที่ชอบใส่อยู่เสมอ ในปีนี้เขาเป็นผู้นำขบวนออกไปล่าสัตว์แทนฟางเจิ้งหลง โดยมีฟางเจียเอ๋อร์ติดตามไปร่วมล่าสัตว์ในปีนี้ด้วย ฟางเจียเอ๋อร์ปรายตามองฟางเทียนอวี้คราหนึ่งด้วยแววตาที่เย็นชา ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ยามนี้นักฆ่าที่ตระกูลเฉินฝึกฝนเอาไว้ กำลังรอคอยอยู่บนเขา ขอเพียงฟางเทียนอวี้นำขบวนไปจนถึงทางขึ้นเขา เหล่านักฆ่าก็จะบุกลงมาสังหารทันที แม้องครักษ์ของวังหลวงที่ติดตามมาจะมีไม่น้อย แต่นักฆ่าที่เขาเตรียมการเอาไว้ก็มีฝีมือเยี่ยมยอดเช่นเดียวกันเมื่อคิดว่าจะได้ตัดหัวของฟางเทียนอวี้แล้วนำไปมอบให้เซียวเหมยลี่เป็นของกำนัล เขาก็สนุกเต็มทนแล้ว ดูสิว่านางจะทำหน้าเช่นไร ครานี้นางจะได้รู้เสียที ว่าการที่คิดปฏิเสธเขาจะต้องพบกับจุดจบเช่นไร ฟางเทียนอวี้ไม่ได้แสดงท่าทีใดใดเลยสักครา เขายังคงมีใบหน้าเรียบเ
หมอหลวงสวีรีบนำยามาให้เซียวเหมยลี่กินในยามดึกคืนนั้นทันที หลังจากกินยาเข้าไปไม่นานนัก นางก็อาเจียนเป็นโลหิตสีดำออกมา ก่อนจะหมดสติไป ฟางเทียนอวี้ที่เห็นเช่นนั้นก็ตื่นตระหนกลนลานจนทำสิ่งใดไม่ถูก "หมอหลวงสวี เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้!!!" "ท่านอ๋องโปรดวางพระทัย พระชายาปลอดภัยแล้วพ่ะย่ะค่ะ พิษถูกขจัดออกหมดแล้ว แต่ต้องดื่มยาถอนพิษของกระหม่อมต่ออีกสามวัน เพื่อขับพิษที่หลงเหลืออยู่ให้ออกมาจนหมด"เมื่อได้ยินเช่นนั้นฟางเทียนอวี้ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะมองดูเซียวเหมยลี่ที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง ใบหน้าสวยหวานกลับมางดงามมีชีวิตชีวาเช่นเดิมแล้ว เช้าวันต่อมาฟางเทียนอวี้เดินทางเข้าวังหลวงแต่เช้า หลังจากประชุมยามเช้าเสร็จสิ้น เขาก็ตามไปพบฟางเจิ้งหลงที่ห้องทรงอักษรทันที "ร้อนใจเรื่องใด จึงรีบเร่งมาหาข้า ไม่รีบกลับจวนแล้วหรือ?" ฟางเทียนอวี้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ทิ้งกายลงนั่งเก้าอี้ข้าง ๆ กันกับฟางเจิ้งหลง ก่อนจะเล่าเรื่องราวที่เฉินหมิงหยวนนำยาถอนพิษมามอบให้เขา และบอกอีกว่าเฉินหมิงหยวนบอกว่าแม่ทัพใหญ่เฉินคิดการไม่ซื่อ หากอยากรู้เรื่องใดเพิ่มก็ให้มาถามกับฟางเจิ้งหลง ฟางเจิ้งหลงมองฟางเท
ฟางเทียนอวี้และเซียวเหมยลี่ใช้เวลาอยู่ที่วัดบนเขาราวครึ่งค่อนวัน ก่อนจะเดินทางกลับถึงจวนในตอนเย็น เซียวเหมยลี่รู้สึกแข็งแรงขึ้นไม่น้อย นางสบายใจขึ้นมากกว่าหลายวันก่อน อีกทั้งยังไม่อ่อนเพลียแล้วด้วย หมอหลวงสวีให้นางดื่มยาบำรุงติดกันมาร่วมเจ็ดวัน ก่อนที่จะทำการถอนพิษ หมอหลวงสวีบอกว่าการถอนพิษอาจจะทรมานในช่วงสามวันแรก แต่เมื่อผ่านไปได้ เซียวเหมยลี่จะค่อย ๆ กลับคืนสู่ร่างกายที่ปกติดังเดิม เซียวเหมยลี่ยกถ้วยยาบำรุงขึ้นดื่มจนหมด ก่อนจะหันไปส่งถ้วยยาคืนให้แก่หมอหลวงสวี "วันพรุ่ง ข้าจะต้องถอนพิษออกจากร่างกายแล้วใช่หรือไม่?" "พ่ะย่ะค่ะพระชายา เอ่อ กระหม่อมมีเรื่องหนึ่งอยากจะทูลให้ทรงทราบพ่ะย่ะค่ะ" "เรื่องอันใดหรือ?" หมอหลวงสวีหันไปมองหน้าฟางเทียนอวี้คราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบ "เดิมทียาถอนพิษชนิดนี้หายากยิ่งนัก ในใต้หล้านี้หนึ่งปีจะปรุงขึ้นมาได้เพียงห้าเม็ดเพราะใช้สมุนไพรพิเศษหลายตัว ยาถอนพิษนี้เพียงได้กินไปเม็ดเดียวก็จะช่วยขับพิษออกจากร่างกายได้ทันที โดยไม่ทรมานพ่ะย่ะค่ะ" ฟางเทียนอวี้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มเอ่ยถามหมอหลวงสวีทันที "เราจะหายาถอนพิษนั้นได้จากที่ใด" "ยากนักท่านอ๋อง ยามนี้ไม่
แม่ทัพใหญ่เฉินกลับมาที่จวนของตนเอง โดยไม่ได้สงสัยสิ่งใดเลยแม้แต่น้อย วันนี้เขาไปที่จวนจวิ้นอ๋องเพื่อหารือกับฟางเจียเอ๋อร์ อีกหนึ่งเดือนข้างหน้าฝ่าบาทจะทรงออกไปล่าสัตว์ ซึ่งเป็นประเพณีที่กระทำสืบเนื่องต่อกันมาหลายปี เขาจะถือโอกาสนี้สังหารคนตระกูลฟางให้สิ้นซากไปเสีย แล้วผลักดันฟางเจียเอ๋อร์บุตรชายของเขาให้ขึ้นมาเป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่ จากคำบอกเล่าของไป๋ฮองเฮานางบอกว่าระยะนี้ฝ่าบาททรงไม่ค่อยแข็งแรงเท่าใดนัก เขาจะถือโอกาสนี้ลอบส่งคนไปใส่ยาพิษในอาหารเพื่อทำให้พระวรกายอ่อนแอลงไปเรื่อย ๆ จนไม่สามารถออกนอกวังได้ ในเมื่อออกนอกวังหลวงไม่ได้ ฝ่าบาทที่เป็นคนเคร่งพิธีการทุกอย่าง ย่อมต้องส่งฟางเทียนอวี้ไปทำหน้าที่แทน เขาจะถือโอกาสนี้สังหารฟางเจิ้งหลงในวังหลวง ส่วนฟางเจียเอ๋อร์จะคอยถ่วงเวลาฟางเทียนอวี้เอาไว้ เมื่อเขาบังคับให้ฟางเจิ้งหลงมอบบัลลังก์ให้สำเร็จ ยามนั้นอำนาจจะตกอยู่ในมือของคนตระกูลเฉิน ฟางเทียนอวี้ย่อมไม่มีปัญญาทำสิ่งใดได้อีกนอกจากยอมจำนนอย่างไร้หนทางต่อสู้!!! ยิ่งคิดแม่ทัพใหญ่เฉินก็ยิ่งอารมณ์ดีไม่น้อย เขานับวันรอที่จะเสพสุขกับอำนาจในมือไม่ไหวแล้ว!!! ด้านเฉินหมิงหยวนนั้น เขาเก็บหลักฐานท