บุรุษหนุ่มรูปร่างใหญ่กำยำเรือนกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามในอาภรณ์สีน้ำตาลเข้ม
เขากำลังเดินเข้ามายังห้องพักห้องหนึ่งภายในโรงเตี๊ยมอี้ฉางขาประจำอย่างใจเย็น ห้องพักห้องนี้เป็นห้องที่เขามักจะมาพักเป็นประจำหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจศึกรบอันหนักหน่วงแล้วเดินทางเข้ามายังเมืองหลวงของแคว้นเฉินเพื่อมารายงานตัวในเมืองหลวงถึงผลงานของตน ห้องพักของโรงเตี๊ยมแห่งนี้เป็นที่ทราบดีว่าถูกจองเอาไว้เพียงเขาและไม่ให้ใครได้เข้ามา เขาจึงเดินเข้ามาด้วยตนเอง หาได้ต้องมีหลงจู๊นำทางให้ไม่
ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อเหลากร้าวแกร่งเจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่เกินกว่ามาตรฐานกอปรด้วยไหล่กว้างแผ่นหลังตั้งตรงแลดูงามสง่าทุกสัดส่วนได้รูปสมบูรณ์แบบในอาภรณ์สีน้ำตาลเข้มนามว่า ฟงชินหยาง เขากำลังเดินเข้ามายังห้องพักของโรงเตี๊ยมขาประจำที่อยู่ทางด้านในสุดลึกสุดจากหลายๆ ห้องถัดออกมาจากบริเวณด้านหน้าของโรงเตี๊ยมอี้ฉาง
เขาเดินเข้ามาโดยยังไม่สนใจที่จะเดินไปยังเตียงนอนเพื่อหลับใหลแต่อย่างใด เขาเดินทางมาไกลคงต้องอาบน้ำชำระร่างกายเสียหน่อย
ชายหนุ่มเดินเข้ามาภายในห้องได้เพียงครู่ เขาเริ่มได้กลิ่นเครื่องหอมภายในห้องพักคล้ายกับว่ามันแปลกไป
แต่ก็หอมดี...
ให้ความรู้สึกปลอดโปร่งสมองขาวโพลนยิ่งนัก
เขาสูดดมกลิ่นนี้อีกครู่หนึ่งก่อนจะเดินมายังหลังฉากกั้นที่ถูกเตรียมน้ำอุ่นเอาไว้จนเต็มอ่าง
เขาเริ่มเปลื้องผ้าออกจนหมดทั้งเรือนร่าง เผยแผงอกบึกบึนกล้ามเนื้อหนั่นแน่นลาดไหล่กว้างใหญ่ต้นแขนเต็มไปด้วยมัดกล้ามแลดูงดงามแผ่นหลังตั้งสง่าราวกับรูปสลัก
ทุกสัดส่วนนั้นกำยำได้รูปตั้งแต่ลาดไหล่แผงอกแผ่นหลัง เรื่อยลงมาถึงเอวสอบสะโพกเพรียวและบั้นท้ายทุกส่วนสัดช่างหนั่นแน่นมีกล้ามเนื้อขึงตึงบ่งบอกถึงความแข็งแรงทรงพลังเป็นบุรุษเหนือบุรุษอย่างเด่นชัด
บนเรือนร่างงดงามคล้ายรูปสลักปานหินผานั้นมีริ้วรอยของบาดแผลที่หายสนิทแล้วหลายแห่ง บ่งบอกได้ถึงหน้าที่การงานแลความรับผิดชอบที่มีมาแต่ไหนแต่ไร
ฟงชินหยางเป็นทหารมานานและสู้ศึกมานับไม่ถ้วนแผลตามเนื้อตัวย่อมต้องมีมิใช่เรื่องแปลกอันใด เขาเป็นถึงแม่ทัพประจำชายแดนจะให้เนื้อตัวขาวเนียนดังองค์ชายหรือคุณชายเจ้าสำราญได้เยี่ยงไร
ชายหนุ่มพาเรือนร่างกำยำล่ำสันใหญ่โตกว่าบุรุษทั่วไปของตนเองลงแช่ในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ เขาถูเนื้อตัวแค่เพียงไม่นานก็ลุกออกมาจากอ่างแล้วสวมชุดคลุมสบายๆ แค่เท่านั้น
ชายชาติทหารอย่างเขาไม่เคยเสียเวลากับการอาบน้ำนานจนเกินไป เขาไม่ได้มีนิสัยชอบนั่งแช่น้ำเหมือนบุรุษผู้อื่น ยิ่งไม่ชอบให้ใครมาปรนนิบัติถูเนื้อตัว
เนื้อตัวของเขาย่อมเป็นเขาที่ต้องจัดการ หาใช่ใครอื่นไม่
ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับเรือนร่างของเขา
ชายหนุ่มสวมชุดคลุมผูกผ้าที่เอวเพียงแค่หลวมๆ พลางสูดดมกลิ่นบางอย่างเข้าจมูกคมสัน เขาคิดว่ามันหอมดี
แต่ทว่ากลิ่นเครื่องหอมภายในห้องพักไยถึงเข้มข้นนัก และมันกำลังมีกลิ่นติดอยู่ตามเนื้อตัวของเขาอีกด้วย
ชายหนุ่มเริ่มหรี่สายตาคมเข้มคล้ายพญาเหยี่ยวลงแล้วก้มมองเนื้อตัวของตนก่อนจะเดินกลับมายังอ่างอาบน้ำ
เขาสังเกตได้ว่าน้ำในอ่างก็มีกลิ่นชนิดเดียวกันกับกลิ่นที่กำลังตลบอบอวลอยู่ภายในห้อง กลิ่นนี้ให้ความรู้สึกบางอย่าง
ทั้งๆ ที่อากาศในฤดูกาลนี้ค่อนข้างที่จะหนาวเย็น แต่เขากลับไม่รู้สึกหนาวเนื้อแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกร้อนแบบแปลกๆ
ฟงชินหยางขมวดเรียวคิ้วกระบี่พันกันน้อยๆ อย่างฉงน สายตาคมกล้าที่ไม่เคยไหวติงต่อสิ่งใดกำลังมีคลื่นแห่งอารมณ์บางอย่าง มันกำลังก่อตัว อารมณ์ที่ว่ามันคล้ายกับอารมณ์กำหนัด
จู่ๆ เขามีอารมณ์กำหนัดได้อย่างไร ความรู้สึกเสียดท้องน้อยนี่เกิดขึ้นได้อย่างไร แก่นกายขึงตึงขึ้นมาได้อย่างไร ไยถึงมีอารมณ์กำหนัดขึ้นมาได้
แน่นอนว่ามันมิใช่เรื่องแปลกอันใดกับบุรุษเพศในวัยชายฉกรรจ์อย่างเขา หากแต่เขาสามารถควบคุมเอาไว้ได้ตลอดมา หรือหากต้องการจะปลดปล่อยหอนางโลมก็มีเป็นร้อยพัน
เขาสามารถกระทำกิจกรรมกับสตรีพวกนั้นได้โดยไม่มีข้อผูกมัดหรือพันธะใดๆ
และเขาก็แน่ใจว่าเขามิได้ต้องการจะร่วมหลับนอนกับใครก่อนหน้าที่จะเข้าห้องพักมา แต่อารมณ์กำหนัดที่กำลังเกิดขึ้นในยามนี้คืออันใด ไยถึงเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
เรียวคิ้วคมเข้มยิ่งขมวดพันกันก่อนจะหลับตาลงเพียงครู่เพื่อข่มอารมณ์บางอย่างที่เริ่มมีเพิ่มขึ้นมา
ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาอีกครา สายตาของเขายังคงคมกล้าเช่นเดิมแต่กลับเพิ่มเติมความร้อนแรงในแววตา
เขาเดินออกมาจากหลังฉากกั้นด้วยอาการปวดหนึบตรงกลางลำตัวอย่างไม่น่าเป็นไปได้ กายแกร่งเริ่มแข็งขึงตึงเด่นผยองออกมา ความรู้สึกหนักอึ้งกำลังเกิดขึ้นที่กลางลำตัวของเขาอย่างรวดเร็ว
เขาพยายามปรับอารมณ์ของตนเองให้เข้าที่เข้าทางขณะเดินมายังเตียงนอนเพื่อหมายจะหลับนอนไปอย่างสงบไม่ให้อะไรมันตื่นตัวไปมากกว่านี้
แต่ทว่าเหมือนมันจะยากเย็น
อารมณ์กำหนัดของเขากำลังพุ่งขึ้นสูงและกำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ หากมีสตรีมาให้อุ่นเตียงก็คงจะดีอยู่ไม่น้อย แต่ยามนี้จะออกไปเรียกใช้บริการจากที่ใดกัน
ฟงชินหยางเริ่มครุ่นคิดหนักหน่วงพลางเปิดม่านมุ้งของเตียงนอนออกเพื่อหวังใช้เป็นที่สงบสติอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านแบบผิดปกติในยามนี้
แต่สิ่งไม่คาดคิดพลันบังเกิด เมื่อบนเตียงนอนที่ควรว่างเปล่ากลับมีเงาร่างของใครบางคนนอนทอดกายยาวเหยียดอยู่
ใครบางคนนั้นเป็นสตรีอย่างไม่ต้องสงสัย ใครคนนี้มีรูปร่างบางระหงใบหน้างดงามแม้มองเห็นแค่เพียงแสงสลัว ดวงตาของนางกำลังหลับลงปิดทับด้วยแพขนตางามงอนคล้ายผ้าม่านสีดำขนาดเล็กปกคลุมทาบทับสองข้างแก้มนวล
สันจมูกโค้งมนเชิดรั้น ริมฝีปากอิ่มบางกำลังขบเม้มเข้าหากันน้อยๆ นางกำลังนอนหลับตาพริ้มบิดร่างไปมาเบาๆ ทั้งยังมีเสียงครางแผ่วหวานออกมาจากลำคอระหง
ฟงชินหยางนั่งมองภาพตรงหน้าอย่างเหม่อลอย
เขายื่นฝ่ามือที่กำลังร้อนดังไฟเข้าลูบคลำร่างนั้นเบาๆ
เขาเคลื่อนมือไปสำรวจตามส่วนเว้าส่วนโค้งงามงอนในความมืดสลัวที่มีแสงเทียนสาดส่องผ่านม่านมุ้งจนแน่ใจ
ความรู้สึกถึงเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบของสตรีเพศช่างเด่นชัด ทั้งยังมีกลิ่นหอมเย้ายวนของกายสาว กระตุ้นความความต้องการของบุรุษเพศของเขาให้ท่วมท้น ทั้งยังกระตุ้นความต้องการของแก่นกายแกร่งแข็งขึงกลางลำตัวให้ยิ่งผงาดชูคอพร้อมพ่นพิษ
อา...
ฟงชินหยางครางอยู่ในใจ นี่คืออันใด?
ยามทิวากาลภายในพระราชวังเป่ยฉีตามทางเดินทอดยาวระหว่างทางไปท้องพระโรงกับตำหนักในอันเป็นที่ประทับของฮองเฮาหรือก็คือแม่สามีของเฉินลี่หลินในยามเช้าฉีเล่อยังคงต้องเข้าร่วมการประชุมในท้องพระโรงร่วมกับฮ่องเต้และขุนนางอันเป็นกิจวัตรปกติ ในขณะเฉินลี่หลินยังคงทำตัวไม่ปกติเนื่องจากนางจำต้องทำตัวเป็นองค์หญิงผู้งดงามอ่อนหวานฝึกฝนความเป็นสตรีชั้นสูงในห้องหออย่างต่อเนื่องด้วยปณิธานอันแรงกล้าที่จะทำตนให้คู่ควรกับสามีเช่นฉีเล่อ ถึงแม้ว่าในใจลึกๆ จะยังคงนึกหวาดหวั่นอยู่บ้างและในวันนี้เฉินลี่หลินต้องเข้าวังมาทำความเคารพแม่สามีซึ่งก็คือฮองเฮาแห่งแคว้นเป่ยฉี โดยมีหลิงเวยและฟงจินหมิงคอยติดตามดูแลไม่ห่างกัน พวกเขายังคงปลอมตัวเป็นเพียงบ่าวรับใช้ข้างกายให้เฉินลี่หลินโดยที่ฟงชินหยางจำต้องรออยู่ในวังไท่เล่อกับลูกชายทั้งสอง เนื่องจากว่าฟงชินหยางมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นจนเกินไป อาจจะทำให้ขุนนางในวังเป่ยฉีจดจำฟงชินหยางที่เป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเฉินได้และอาจจะทำให้เกิดข้อพิพาทว่าเหตุใดท่านแม่ทัพแคว้นเฉินยังคงปักหลักอยู่ในแคว้นเป่ยฉี"ลี่หลิน..." น้ำเสียงอ่อนหวานของหลิงเวยเอ่ยกระซิบกระซาบขึ้นมาทางเบื้องหลังให้ได้
ฟงจินหมิงเดินมาเรื่อยๆ ห่างจากประตูวังอันใหญ่โตที่เชื่อมต่อกับวังหลังอันเป็นสถานที่ของพวกสตรีชั้นสูงเขาเดินก้มหน้ามองพื้นอย่างสงบเสงี่ยมแนบเนียนเยี่ยงบ่าวชายธรรมดา หาได้ผิดแผกไปจากบ่าวไพร่ในวังแห่งนี้ไม่ชายหนุ่มเลือกมุมอับลับตาผู้คน แล้วล้วงเอาจดหมายที่ได้รับมาก่อนเข้าวังขึ้นมาอ่าน จดหมายฉบับนี้ส่งตรงมาจากท่านแม่ที่หัวเมืองหลักของแคว้นเฉิน ใจความในจดหมายบอกกล่าวถึงสตรีนามว่าจินเยว่ชิงธิดาสาวสูงศักดิ์หนึ่งเดียวของชินอ๋องเฉินจิ้นเหอจินเยว่ชิงเป็นสตรีที่แอบชอบพี่ชายของเขาจนหูมืดตามัวหลงผิด นางแอบส่งคนไปที่บ้านฟงหมายล่อลวงพี่สะใภ้ออกจากจวนเพื่อให้พี่สะใภ้แยกจากพี่ชายของเขา หวังจะทำลายความรักของคนทั้งสอง เขาจึงล่อลวงนางให้ถอดใจจากพี่ชายอีกต่อหนึ่งซึ่งมันก็ได้ผล จินเยว่ชิงหันมาสนใจเขาภายในเวลาเพียงสองวันแน่นอนว่าเขาย่อมให้โอกาสนาง แต่ทว่าสตรีนามว่าจินเยว่ชิงช่างเป็นสตรีที่มีนิสัยโลเลเปลี่ยนใจได้ง่ายดายยิ่งกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้าแลเครื่องประดับฟงจินหมิงยังคงอ่านจดหมายในมืออยู่นิ่งๆ สายตาคู่คมกวาดมองจนทั่วบนกระดาษจดหมาย เรียวคิ้วคมเข้มเพียงยกขึ้นน้อยๆ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากบางเบาเมื่อได
ค่ำคืนราตรีกาลอันยาวนานแห่งวสันต์ ภายในตำหนักหย่งหลวนของวังบูรพาเรือนร่างสูงโปร่งงามสง่าของรัชทายาทฉีหย่งเหอกำลังยืนอยู่กลางห้องนอนอันรโหฐานของตำหนักหวั่นอัน ใบหน้าหล่อเหลาที่มีสายตาเฉียบคมดำขลับกำลังทอดมองมาทางสตรีงดงามอ่อนหวานที่นั่งยอบกายอย่างอ่อนน้อมนามว่าลู่ชิงเขามองนางอย่างพึงพอใจลู่ชิงย่อกายทำความเคารพบุรุษสูงศักดิ์ตรงหน้าอย่างนอบน้อมนุ่มนวลแต่ยั่วยวนในทีนางหลุบตาลงต่ำเห็นเพียงแพขนตางามงอนทาบทับอยู่บนพวงแก้มนวลเนียนสีแดงระเรื่อ ริมฝีปากคล้ายเม้มคล้ายเผยอคล้ายเชิญชวนแลล่อลวงใจหนุ่มให้ติดบ่วงรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นงดงามภายในอาภรณ์สีหวานบางเบาล้อเล่นกับแสงเทียนที่โชกโชนเกิดเป็นเงาโค้งเว้าสะท้อนวูบไหวให้ความรู้สึกวาบหวามไม่เบา “มือของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” ฉีหย่งเหอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มแหบพร่าแลดูอ่อนโยน“รัชทายาททรงทราบหรือเพคะ” ลู่ชิงถึงกับเงยหน้าขึ้นมองบุรุษสูงศักดิ์ตรงหน้า นัยน์ตาคล้ายมีหยดน้ำฉ่ำวาวกำลังสั่นไหวบางเบายากเก็บอาการตื่นเต้นตระหนกระคนยินดีฉีหย่งเหอยกยิ้มมุมปากมากเสน่ห์เปล่งวาจาน่าฟัง“มีอะไรบ้างที่ข้าไม่รู้ ลี่เหมยมักจะโหดร้ายกับทุกคนเสมอ ไม่เว้นแม้แต่สหายอย
“ข้าจำได้ว่าลู่ชิงเป็นสหายของลี่เหมย”เส้นเสียงทุ้มต่ำของฉีเล่อเอ่ยขึ้นมาทางฉีหย่งเหอที่นั่งใกล้กันตรงข้างลานการแสดงคัดเลือกสาวงามในค่ำคืนนี้“อืม...” ฉีหย่งเหอครางรับในลำคอด้วยใบหน้าเฉยชาแต่ริมฝีปากกลับยกยิ้มบางเบาแสดงถึงความพึงพอใจไม่ปิดบังฉีเล่อจิบชาเล็กน้อยก่อนวางถ้วยชาลงบนโต๊ะตรงหน้าด้วยมาดสูงศักดิ์ตามวิสัยพลางเอ่ยคำเรียบเรื่อยกับพี่ชายของตน “ข้าเริ่มไม่แน่ใจว่าสตรีหลังวังบูรพาของพี่ใหญ่เป็นเพียงเพื่อสร้างฐานอำนาจหรือความชอบเฉกเช่นบุรุษเพศหรือเพราะอะไรกันแน่”ครานี้ฉีหย่งเหอถึงกับละสายตาจากสตรีงดงามอ่อนหวานกลางลานแสดงมามองน้องชายของตนพลางเอ่ย“เจ้าน่าจะรู้ใจข้าดีกว่าใคร ข้าเกิดมาเพื่อสิ่งนี้”“...”ฉีเล่อเริ่มหรี่ตามองพี่ชายของตน“ฐานอำนาจย่อมสำคัญไม่แพ้ความสำราญยามค่ำคืน” ฉีหย่งเหอกล่าวคำเรียบเรื่อยผินใบหน้าเบนสายตากลับไปจ้องมองสตรีงดงามกลางลานแสดงต่อ“ข้าเพียงสงสัยว่าพี่ใหญ่กำลังเลือกสหายของคู่หมั้นมานอนเคียงข้างเพื่อสิ่งใดกันแน่” ฉีเล่อเอ่ยถามตามตรงพลางปรายสายตามองไปทางหลี่ลี่เหมยผู้เป็นหัวข้อสนทนาฉีหย่งเหอมิได้ตอบคำ เขาย่อมทำตามใจตนเองหาใช่ต้องตามใจใครไม่เมื่อ
เมื่อสตรีปากมากจากไปด้วยลำตัวที่อ่อนปวกเปียกไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ความเงียบสงบจึงกลับมาอีกครั้งสตรีนามว่าลู่ชิงยังคงดึงความสนใจจากทุกคนตรงกลางลานแสดงเฉินลี่หลินยิ่งกะพริบตาเพื่อเพ่งมองนางกำลังนั่งอยู่กับท่านหญิงหลี่ลี่เหมยที่เป็นพระคู่หมั้นขององค์รัชทายาทฉีหย่งเหอรัชทายาทฉีหย่งเหอกับสตรีนามว่าลู่ชิงกำลังส่งสายตาบอกรักกันอย่างโจ่งแจ้งในขณะที่คู่หมั้นของเขานั่งอยู่ข้างๆ นางเฉินลี่หลินจึงละสายตาจากฉีหย่งเหอและลู่ชิงมามองหลี่ลี่เหมยอย่างใคร่รู้นางกำลังตระหนักได้เป็นอย่างดีถึงการที่จะต้องเป็นสตรีของบุรุษสูงศักดิ์ในรั้วในวังทั้งยังเป็นแคว้นที่ให้ความสำคัญกับอำนาจเส้นสายขั้วสกุล นางเองก็กำลังเป็นหนึ่งในนั้น นางเป็นชายาขององค์ชายรองที่จำต้องมีอำนาจเป็นฐานสำคัญ เช่นนั้นแล้วนางต้องทำตัวอย่างไร คงต้องศึกษาเอาไว้“โง่งม!”“...!?”เฉินลี่หลินยิ่งกะพริบตาถี่ๆ เมื่อหลี่ลี่เหมยเอ่ยคำนั้นออกมาลอยๆหลี่ลี่เหมยเอ่ยคำพร้อมปรายสายตาร้ายกาจมาทางเฉินลี่หลินแบบตรงๆ“เจ้าว่าข้าหรือ?” เฉินลี่หลินคล้ายแน่ใจคล้ายไม่แน่ใจกับประโยคที่ได้ยินจึงถามกลับแบบตามตรงตามวิสัย“ยามนี้เรานั่งอยู่ด้วยกันแค่สองคน เจ้าคิดว่าข้
อึดใจต่อมาเสียงแนะนำตัวของสาวงามนางหนึ่งกลางลานแสดงพลันดัง“หม่อมฉัน ลู่ชิง เพคะ”น้ำเสียงแว่วหวานสำเนียงหวานล้ำอย่างนั้นดึงสายตาของหลี่ลี่เหมยที่กำลังสาดความร้ายกาจเข้าใส่เฉินลี่หลินให้หันไปมองตามเสียงในทันทีเฉินลี่หลินจึงมองตามโดยสัญชาตญาณ นางเห็นเป็นสตรีงดงามท่าทางอ่อนหวานมากๆ กำลังยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางลานกว้างที่ใช้แสดงความสามารถตรงพิณกู่เจิงคันงามสตรีอ่อนหวานนางนี้มีใบหน้าที่งดงามมากนัก ร่างระหงของนางแลดูอรชรน่าทะนุถนอม แต่หากสังเกตดีๆ มือของนางที่ควรจะเผยเรียวนิ้วงามเสลากลับถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าดิบสีขาวเกือบทุกนิ้ว เห็นได้ชัดว่ามือของนางบาดเจ็บไม่น้อย นางกำลังจะแสดงความสามารถด้วยการดีดผิณกู่เจิงที่นับว่าบรรเลงได้ยากมากนักทั้งๆ ที่มือของนางบาดเจ็บ สตรีนามว่าลู่ชิงทำความเคารพบุคลสำคัญรายรอบด้วยความนอบน้อมงดงามก่อนจะยืนสงบนิ่งอยู่กลางลานกว้างสำหรับการแสดงนางยืนด้วยมาดงามสง่า เผยฝ่ามือและเรียวนิ้วที่บาดเจ็บแบบไม่มีปิดบังนางยืนอยู่ตรงพิณกู่เจิงด้วยมาดทรงพลังอย่างมั่นใจ สายตาฉ่ำหวานของนางมองไปทางรัชทายาทฉีหย่งเหอก่อนจะคลี่ยิ้มตรึงใจส่งให้เขาในขณะที่องค์รัชทายาทฉีหย่งเหอผู้หล่อ