ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วงออกมาคำโตอีกคราก่อนเริ่มต้นเอ่ยคำตามเงื่อนไขที่เขาคิดเอาไว้ตลอดสามวันที่ผ่านมา
“เจ้า” เส้นเสียงทุ่มต่ำเพียงหนึ่งคำทำเอาคนรอฟังสะดุ้งตกใจ ฟงชินหยางมิได้สนใจ เพราะยามที่เขาคุมลูกน้องทหารพวกนั้นก็สะดุ้งไม่ต่าง เขาจึงเอ่ยต่อพลางรินเหล้าลงจอกเพื่อหมายดื่มลงคอหวังดับอารมณ์คุกรุ่น
“...แต่งงานกับข้าแล้ว เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นคนของข้าต่อไปนี้เจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลหลิงของเจ้าอีก”
หลิงเวยได้ฟังประโยคนั้นพลันหูผึ่ง แน่นอนว่านั่นคือสิ่งที่นางต้องการที่สุดในชีวิต
ฟงชินหยางยังคงดื่มสุราตรงหน้าพลางเอ่ยต่อคำข่มขู่หมายเชือดเฉือนโดยไม่สนใจคนฟังอย่างนาง “ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ภายในหรือภายนอก จวนตระกูลของเจ้ากับจวนของข้าไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกัน เจ้าต้องไม่ติดต่อการใดๆ กับตระกูลของเจ้าอีก และอย่าคิดว่าตระกูลของข้าจะอยู่ข้างตระกูลของเจ้ายามเมื่อต้องการความเห็นชอบใดๆ ในราชสำนัก จำเอาไว้ว่าข้าไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ข้าเป็นทหารมีหน้าที่แค่เป็นรั้วของชาติ อย่านำความนอกจวนมาใส่ในจวนของข้าเป็นอันขาด และที่สำคัญ...”
ชายหนุ่มเว้นคำเอาไว้เพื่อปรับอารมณ์อีกเล็กน้อยโดยดื่มเหล้าย้อมใจไปด้วย เขากระดกเหล้าจากจอกลงคออึกใหญ่ทำเอาหลิงเวยต้องเอื้อมมือไปหยิบเหล้ามารินใส่จอกของตนแล้วยกขึ้นดื่มบ้าง
เนื่องจากว่ามันเป็นเหล้ามงคล ไม่คล้องแขนก็คงไม่เป็นไร นางเองต้องการดื่มเหล้าย้อมใจเสียหน่อยหวังว่าคืนนี้คงหลับตาได้ลง
ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกผ่อนคลายเมื่อดื่มเหล้าไปหลายจอก เขาจึงเริ่มเอ่ยคำคล้ายชวนคุยถึงแม้จะยังไม่พอใจเจ้าสาวของตนอยู่หลายส่วน
“ยามอยู่ต่อหน้าครอบครัวของข้า เจ้าต้องทำตัวตามน้ำไปอย่าถามให้มากความ ส่วนในเรือนส่วนตัวแห่งนี้เราก็ต่างคนต่างอยู่ไป”
หลิงเวยได้ฟังจึงเริ่มสงสัยขึ้นมา “ทำไมหรือ?”
“เรื่องอันน่าอับอายระหว่างเรามีเพียงเราที่รู้เท่านั้น กับคนในครอบครัวของข้ามิได้รับรู้ และเหนือสิ่งอื่นใดข้ามิได้รักเจ้า ข้าแค่เสียทีให้เจ้าและเจ้าก็แค่เสียตัวให้ข้า” เขาเน้นย้ำไม่คิดจะถนอมน้ำใจสตรีร้ายกาจตรงหน้า
หลิงเวยตั้งใจฟังเป็นอย่างดีและเริ่มทำความเข้าใจจนกระทั่งมาถึงตรงท้ายประโยคพลันต้องกะพริบตาพาจอกเหล้าในมือนิ่งค้าง
เขาแค่เสียทีให้นาง อันนั้นนางพอเข้าใจ แต่นางแค่เสียตัวให้เขา
อืม...การเสียตัวใช้คำว่า ‘แค่’ หรือ?
มันใช่หรือไม่!?
“ท่านจะไม่ต้องเสียท่าให้ข้าอีก” หญิงสาวเริ่มเอ่ยบ้างเนื่องจากเริ่มไม่พอใจกับประโยคสะดุดหูเมื่อครู่ “และข้าก็จะไม่เสียตัวให้ท่านอีกเช่นกัน ดีหรือไม่”
ครานี้เป็นฟงชินหยางบ้างที่ต้องสะดุดหูเมื่อได้ฟัง เขาจึงกระดกเหล้าลงคออีกอึกใหญ่อย่างนึกขัดเคืองขึ้นมาเพราะมันคล้ายกับว่า
เขาพลาดอีกแล้ว...
หลิงเวยที่เริ่มมีอารมณ์คุกรุ่นไม่แตกต่างทั้งยังได้เหล้าย้อมใจจึงเอ่ยต่อคำอย่างต่อเนื่อง
“ข้ามิได้รักท่านเช่นกัน ข้ามิได้ต้องการเป็นของท่าน ข้าก็แค่พลาดไปเช่นเดียวกัน ข้ามิได้ต้องการให้มันเป็นเช่นนี้ ข้ามิได้ต้องการจะแต่งงานกับท่านหรือกับใคร ท่านเป็นใครข้าก็ไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า เจอกันคราแรกก็อยู่บนเตียงนอนนั่น”
พูดไปก็พาเอาน้ำตาพลันไหลริน มันน่าเจ็บใจเสียจริง ชีวิตของนางช่างน่าอดสูยิ่งนัก
ฟงชินหยางได้ฟังยิ่งทำให้อารมณ์รุ่มร้อนพวยพุ่ง
ดูเถิด ดูนางกล่าวอ้าง ทำอย่างกับว่าเป็นเขาที่วางยานางและเป็นนางที่ถูกเขาวางยาเสียเอง นางมีนิสัยอย่างนี้ใช่หรือไม่ ชอบกลับดำเป็นขาว ชอบกลับขาวเป็นดำ
ชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างดุดันพลางยกเหล้าขึ้นดื่มทั้งเหยือกโดยไม่เหลือให้สตรีตรงหน้าอีกต่อไป
กับบุรุษที่ถนัดเพียงใช้ดาบหาได้ถนัดใช้ลมปากกับอิสตรีจึงทำได้แค่แผ่กลิ่นอายสังหาร พาเอาเจ้าสาวได้แต่เสียววาบๆ ไปทั่วเรือนร่างสงบคำลงฉับพลัน
เมื่อฟงชินหยางดื่มเหล้าจนพอใจก็ลุกขึ้นแล้วถอดเสื้อสีมงคลโยนออกไปอย่างไม่ไยดีพลางพาเรือนร่างสูงใหญ่ก้าวเท้าเดินหนักๆ ไปทางเตียงตั่งก่อนทิ้งตัวลงนอนจนเต็มเตียงนั้นโดยไม่เหลือที่ว่างเอาไว้ให้เจ้าสาวของตน
หลิงเวยได้แต่มองตามเจ้าบ่าวตรงหน้าตาปริบๆ
แล้วนางจะนอนตรงไหนกัน ในเมื่อเขานอนจนเต็มเตียงอย่างนั้น ตัวก็ใหญ่โตเกินมนุษย์
หญิงสาวได้แต่ข่มอารมณ์ข่มจิตใจเอาไว้ตามวิสัย ตั้งแต่ไหนแต่ไรมานางก็มักจะต้องข่มจิตใจของตนเอาไว้อย่างนี้
นางจะทำอะไรใครได้กัน ในเมื่อนางทำได้แค่นี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งทดท้อต่อโชคชะตา ทำไมชีวิตของนางจักต้องเป็นอย่างนี้กัน
สองหนุ่มสาวที่ฝ่ายหนึ่งเป็นเจ้าบ่าวและฝ่ายหนึ่งเป็นเจ้าสาวเพียงอยู่กันคนละมุมภายในห้องหอสีมงคลด้วยอารมณ์ที่โกรธกรุ่นยากผสาน
หลายวันผันผ่าน...สองสะใภ้บ้านฟงก็ยังคงมีสภาพย่ำแย่ ทั้งจิตใจและร่างกาย เนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าเปื้อนฝุ่น ร่างกายอ่อนระโหยโรยแรง ก็ได้ยินเสียงดังคำรามลั่นอยู่นอกห้องเก็บฟืนทันใดนั้น ประตูห้องเก็บฟืนก็ถูกหลันเอ๋อร์เปิดออก นางอยู่ในอาภรณ์สีดำสนิท ท่าทางปราดเปรียว สองมีดาบโค้งคมกริบงดงาม นางเข้ามาจับกุมหลิงเวยและหลี่ลี่เหมย ให้ออกมาจากห้องเก็บฟืนที่ด้านนอกโรงน้ำชาถูกถล่มจนราบคาบเห็นได้ชัดว่า ฟงชินหยางและฟงจินหมิงกลับมาแล้ว และรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเรือนร่างสูงใหญ่ของพวกเขายืนตระหง่านคล้ายปีศาจจากขุมนรก ในมือของพวกเขา มีชายหนุ่มผู้หนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะเป็นแม่ทัพผู้นั้น ซึ่งเป็นสามีของหลันเอ๋อร์หลันเอ๋อร์กระชับดาบในมือที่จ่อคอของสะใภ้บ้านฟงทั้งสองพร้อมคำรามลั่น “มอบชายชั่วผู้นั้นมาให้ข้า”“เอาไปเลย!” ฟงชินหยางและฟงจินหมิงคำรามพร้อมกันพลางเหวี่ยงแม่ทัพผู้นั้นส่งให้หลันเอ๋อร์คล้ายกับเหวี่ยงหุ่นไม้ไร้ค่าก็ไม่ปานเป็นความจริงที่ว่า สองพี่น้องบ้านฟงนั้นโกรธมาก จึงจัดการกับแม่ทัพผู้นี้จนหมดสภาพ เพื่อจับตัวมาแลกกับภรรยาอันเป็นที่รัก โดยไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้นหลันเอ๋อร์รีบปล่อยตัวประกันของต
จบประโยคยาวเหยียดนั้นของหลันเอ๋อร์ทุกสายตาของฮูหยินใหญ่แต่ละคนล้วนซับซ้อนแปลกประหลาดบางคนถึงกับหลุดแค่นเสียง หึ ออกมาหลันเอ๋อร์ยังคงเล่าต่อ“แน่นอนว่าข้าเชื่อลมปากของเขา เพียงแต่ต้องขอพิสูจน์ด้วยตาของตนเอง ข้าจึงใช้วิชาตัวเบาปีนหลังคาแล้วแอบมองเขายามร่วมรักกับภรรยาคนอื่นๆ และสิ่งที่ข้าได้เห็นสามีทำ ก็คือสายตาอบอุ่น รอยยิ้มจริงใจ คำพูดหวานล้ำ และกิจกรรมที่เขาทำกับภรรยาแต่ละนาง ไม่ว่าจะเป็นจุมพิตดูดดื่ม ขบเม้มตามส่วนต่างๆ ฝ่ามือที่ลูบไล้ส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างหลงใหล กลางลำตัวที่ทำจังหวะ ก็ร่วมรักได้ร้อนแรงถึงใจ ซึ่งไม่แตกต่างจากที่ทำกับข้าเลยสักนิด เมื่อเสร็จสมทั้งสองฝ่าย เขายังก้มหน้าพรมจูบภรรยาทุกคนอย่างรักใคร่ ปากก็กล่าววาจาบอกไป ว่าให้ทำตัวดีๆ ปรนนิบัติสามีตามหน้าที่”หญิงสาวเว้นช่วงประโยคโดยการยกถ้วยชาขึ้นจิบแก้กระหายแล้วเล่าต่อ “อันที่จริงข้าควรพอใจ เมื่อสามีบอกว่ารักข้าเหนือใคร ถึงแม้เขาจะเป็นสามีที่รักภรรยาทุกนางอย่างเท่าเทียม เพียงแต่วันหนึ่ง เมื่อข้าตั้งครรภ์ สามีก็มีภรรยาเพิ่ม แน่นอนว่ายามข้าตั้งครรภ์ สามีย่อมมาหาข้าน้อยลง ข้าจึงเริ่มไม่สนใจเขา ข้าคิดแค่ว่าจะสนใจแค่ลูก
ฤดูใบไม้ผลิอากาศกำลังดีชินอ๋องแคว้นเป่ยฉีนามว่าฉีเล่อและพระชายาเฉิน นามว่าลี่หลินแจ้งข่าวมาว่า จะเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านฟง เพื่อพาท่านชายน้อยมาท่องเที่ยวหาท่านตาท่านยาย ฟงชินหยางและฟงจินหมิงจึงพาคนไปคอยอารักขายังดินแดนห่างไกล คงเหลือไว้เพียงสะใภ้ใหญ่และสะใภ้รองอยู่เหย้าเฝ้าเรือนดูแลสองผู้เฒ่าฟง และทำหน้าที่ออกงานสร้างสัมพันธ์ไมตรีระหว่างตระกูลต่างๆยามบ่ายวันนี้…มีงานเลี้ยงน้ำชาของฮูหยินบ้านหนึ่งที่หลิงเวยกับหลี่ลี่เหมยเป็นตัวแทนฮูหยินบ้านฟงไปร่วมงานงานเลี้ยงวันนี้จัดขึ้นที่โรงน้ำชาอันขึ้นชื่อเลื่องลือที่สุดของเมือง เจ้าของโรงน้ำชามีนามว่า หลันเอ๋อร์และก็เหมือนเฉกเช่นทุกครั้ง ที่มีงานเลี้ยงเมื่อใด จะต้องมีเหล่าฮูหยินมากมายได้ร่วมรับฟังและร่วมแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตให้แก่กันฮูหยินคนที่หนึ่งเล่าจบ ฮูหยินคนที่สองเล่าตาม ฮูหยินคนที่สามเล่าบ้าง หมุนเวียนสลับสับเปลี่ยนกันไปทุกเรื่องราวที่เล่าก็ไม่พ้นเรื่องใหญ่ นั่นก็คือเรื่องของสามีพวกนางนั่นเองคำกล่าวที่ว่า เรื่องราวภายในของครอบครัวไม่ควรแพร่งพรายออกนอกเรือน ล้วนไร้ประโยชน์ เมื่อเหล่าฮูหยินทั้งหลายได้รวมตัวกัน โดยไร้ซึ่งหูตาของพ่อแม่ส
หญิงสาวบรรจงจัดแจงทุกสิ่ง เสื้อผ้าอาภรณ์ยังอบกลิ่นที่เขาชื่นชอบแต่อืม...ดึกป่านนี้แล้ว เหตุใดจินหมิงยังไม่มานะ?หลี่ลี่เหมยนั่งรอฟงจินหมิงกลับจากไปดูแลกิจการเหมือนดั่งเช่นทุกวันหากแต่วันนี้นั้น นางเตรียมการหลายอย่างตามที่ได้ร่ำเรียนมาทั้งยังเตรียมการยั่วยวนสามีพร้อมๆ กับสะใภ้ใหญ่อีกด้วยแต่ทว่าสามียังไม่กลับเสียที หลี่ลี่เหมยจึงอ่อนล้าจากการฝึกทำงานและทำอาหารที่ตนเองไม่เคยได้ทำมาก่อน หญิงสาวจึงเผลอหลับไปเมื่อใดไม่ทราบได้เมื่อฟงจินหมิงกลับเข้าเรือนมาก็รีบอาบน้ำชำระเหงื่อไคลตามวิสัยก่อนจะเดินเข้ามายังห้องนอนชั้นในให้เบาที่สุด เพื่อมิให้เป็นการรบกวนภรรยาระหว่างทางของห้องชั้นนอกเชื่อมต่อกับห้องชั้นใน ชายหนุ่มเดินมาหยุดมองอาหารมากมายบนโต๊ะที่เขารู้มาจากบ่าวรับใช้ ว่าหลี่ลี่เหมยลงมือทำเองทุกอย่าง โดยให้พี่สะใภ้ช่วยสอน ก็ให้รู้สึกอิ่มเอมใจนักเขาใช้เวลานั่งชิมอาหารฝีมือภรรยาทีละคำด้วยความเต็มใจ ถึงแม้ว่ารสชาติยังไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่เขาก็กินทุกอย่างจนหมดเกลี้ยง ไม่เหลือแม้แต่ข้าวสักเม็ดเมื่อจัดการกับอาหารเสร็จสิ้น ฟงจินหมิงก็ล้างมือด้วยน้ำสะอาดที่ลอยกลีบดอกไม้หอมฟุ้ง บ้วนปากด้วยชาที่นา
“แต่ว่า” หลิงเวยยังคงเด็ดเดี่ยวเกี่ยวกับมารยาที่ได้ร่ำเรียนมาฟงชินหยางกระชากชุดของตนออกจากตัว จนเผยแผงอกหนาแน่น กล้ามหน้าท้องแข็งแกร่ง“สามีไม่ไหวแล้วนะภรรยา”เสียงของเขาแทบจะละลายหลิงเวยได้เลยเชียว“ไม่เจอกันตั้งหลายวัน เจ้างามเลิศล้ำขึ้นทุกวัน น่าขย้ำเสียจริง”ประโยคหวานๆ ที่เป็นความจริงทุกประการเช่นนี้ชายหนุ่มไปแอบฝึกมา เพื่อภรรยาโดยเฉพาะหลิงเวยถึงกับอมยิ้ม สามีนางช่างร้ายกาจ“เมื่อสามีว่าเช่นนี้ก็พิสูจน์ให้ภรรยาได้ประจักษ์เถิด”ไม่ต้องใช้มันแล้วมารยาสตรี ดูลีลาบุรุษดีกว่าหญิงสาวคิดเช่นนั้น จึงตวัดวงแขนเรียวเล็กขึ้นโอบลำคอหนาของชายหนุ่มให้โน้มลงมามุมปากพยัคฆ์พลันยกโค้งชั่วร้ายด้วยความพึงพอใจ “ลำบากภรรยาแล้ว” ที่เอ่ยเช่นนี้ เพราะจะร่ายลีลาใส่นางมิใช่แค่เพียงชั่วยาม แต่จะทำนางจากชั่วราตรีนี้จวบจนย่ำรุ่งกระทั่งบรรจบอีกราตรีหนึ่งจนกว่าจะหายคิดถึงหลิงเวยคลี่ยิ้มงดงามตอบรับ “ภรรยายอมลำบาก ขอเพียงสามีลีลาดีเป็นที่น่าพอใจ”“อ่า...” นางกำลังท้าทายสายตาคมดำของฟงชินหยางพลันทอประกายระยิบระยับ เรียวนิ้วแกร่งลากไล้แผ่วเบาจากเนินอกหยุ่นนุ่มลงไปที่หน้าท้องแบนราบ เพื่อเตรียมความพร้อมให้ร่างง
บุรุษของบ้านอื่นนั้นหากตัดปัญหาที่ฝ่ายชายเจ้าชู้เจ้าสำราญเกินไปจนมีเมียเต็มเรือนแล้ว ยังต้องมีเรื่องของขั้วอำนาจหรือเส้นสายการค้าเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้บุรุษเจ้าบ้านต้องแต่งภรรยาเข้ามาเพื่อผลประโยชน์หลากหลายประการ แต่หากตัดเรื่องเหล่านั้นออกไป ยังมีเรื่องของทายาทสืบสกุล ซึ่งฝ่ายบุรุษยังจำต้องแต่งภรรยาเข้ามาหลายนาง เพื่อสร้างทายาทขยายตระกูลให้กว้างไกลแต่กับบ้านฟงนั้น บุรุษของบ้านมิใช่ชายเจ้าชู้หรือเจ้าสำราญแต่อย่างใด อีกทั้งขั้วอำนาจหรือเส้นสายการค้าล้วนมีมากล้นและผู้มีอำนาจดูแลจัดการ ยังเป็นน้ำหนึ่งเดียวกัน ไร้การแบ่งแยกฝักฝ่ายทว่าเหนือสิ่งอื่นใด การสร้างทายาทยังต้องเป็นไป มิอาจหลีกเลี่ยงได้แม้เพียงคืนเดียวบุรุษหนุ่มแน่นรูปร่างใหญ่กำยำ เรือนกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามในอาภรณ์สีน้ำตาลเข้ม เจ้าของใบหน้าหล่อเหลา ท่าทางกร้าวแกร่งทรงพลัง ไหล่กว้างแผ่นหลังตั้งตรง งามสง่าทุกสัดส่วน ได้รูปสมบูรณ์แบบไปหมดทุกสิ่งเขากำลังเดินเข้ามายังเรือนส่วนตัวในจวนแม่ทัพฟงเขาคือ ฟงชินหยาง ท่านแม่ทัพใหญ่ผู้เกรียงไกร ฉายาปีศาจสงครามพิชิตชายแดนหลายวันที่ผ่านมา ฟงชินหยางต้องไปสะสางงานนอกด่าน ทำให้คิดถึงเมียรักเ