คีรินจอดรถที่หน้าบ้านในตอนบ่ายแก่ ๆ ก่อนจะช่วยกันขนของเข้าบ้าน เขามองนาฬิกาข้อมือแล้วถึงกับอุทานว่า
“ตายจริง บ่ายสองกว่าแล้ว พี่ลืมพาแวะกินข้าว ทำไมเราไม่บอกพี่ หิวหรือเปล่าเนี่ย” เขาถามอย่างตกใจ เพราะหากเป็นนิราเธอคงโวยวายด้วยความโมโหหิวไปแล้ว แต่เพียงฤดีเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ แล้วตอบว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อกี้ฤดีซื้อกับข้าวถุงในตลาดมาด้วย เดี๋ยวเรากินกันก่อนนะคะ ข้าวที่หุงไว้เมื่อเช้ากับต้มยำก็ยังมีค่ะ อิ่มแล้วจะได้เริ่มซ่อมบ้านกัน เมื่อกี้ฝนตก หวังว่าของในห้องคงไม่มีอะไรเสียหาย เพราะตอนก่อนออกมาฤดีเอากะละมังรองไว้แล้วค่ะ” เธอว่า เขาได้แต่ยิ้มอย่างนึกขัน เมื่อนึกถึงท่าทางกอดเข่ามองน้ำที่หยดใส่กะละมังของเธอเมื่อคืนนี้
“อืม งั้นเราเอากับข้าวไปไว้ในครัวเถอะ จะได้ตั้งโต๊ะกินข้าว เดี๋ยวพี่ยกของพวกนี้ลงเอง” เขามองกล่องเครื่องมือช่างทั้งหลายที่ขนซื้อมา กับตู้เย็นและเครื่องซักผ้า
เพียงฤดีรีบกุลีกุจอขนของกินของใช้จำนวนมากเข้าไปกองไว้ในครัว ก่อนจะเทกับข้าวสองถุงใส่ถ้วยแล้วถือออกไปวางบนโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าบ้าน
เห็นเขากำลังยกตู้เย็นลงมาอย่างทุลักทุเลเธอจึงรีบเข้าไปช่วยจนกระทั่งพาเข้าไปในบ้านได้ ก่อนจะไปช่วยขนเครื่องซักผ้าลงมา แล้วไปเอากับข้าวที่เหลือ ตักข้าวใส่จานเอามาตั้งที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าบ้าน ขณะที่เขาขนอุปกรณ์ช่างที่เหลือเข้าไปไว้ที่โถงในบ้านเรียบร้อยก็เดินออกมา
“หิวล่ะสิเรา” เขาถามแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้าม
“พี่คีรินล้างมือหรือยังคะ” เธอถาม ชายหนุ่มมองมือตัวเองที่ยกของจนฝุ่นติดมือ แต่ด้วยความหิวจึงลืมเรื่องล้างมือไป
“เออ นั่นสิ เดี๋ยวพี่ไปล้างมือก่อน” ว่าแล้วก็ไปเปิดก๊อกน้ำที่โอ่งน้ำข้างบ้านล้างมือ ก่อนจะมานั่งกิน คิดแล้วเขาก็นึกขำ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่คอยถามว่าเขาล้างมือก่อนกินข้าวหรือยังนอกจากคุณย่าของเขา ตอนนี้ก็มีเธอนี่แหละที่มาทำตัวเหมือนคุณย่าอีกคน
“พี่คีรินยิ้มทำไมหรือคะ” เขาเงยหน้ามองคนที่กำลังจ้องมองเขาตาใส
“พี่ยิ้มเหรอ” เขาชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง เพิ่งรู้ว่าตัวเองก็ยิ้มออกมาได้ในช่วงที่ยังไม่ผ่านสถานการณ์ย่ำแย่นี้
“ค่ะ”
“พี่คงขำที่เราไล่ให้พี่ไปล้างมือก่อนกินข้าว เหมือนกับที่คุณย่าเคยไล่ให้พี่ล้างมือก่อนกินข้าวตอนเด็ก ๆ น่ะ ตอนนี้พี่รู้สึกเหมือนมีคุณย่ามาอยู่ด้วยแล้ว”
“แหม ฤดีเคยชินกับต้องคอยดูแลน้องชายน่ะค่ะ ก็เลยเผลอไป ขอโทษนะคะ ที่ทำให้พี่คีรินรู้สึกไม่ดี” หญิงสาวยิ้มเก้อเขินที่โดนเขาแซวว่าเธอเหมือนคุณย่าของเขา
“เปล่า ไม่ได้รู้สึกไม่ดี แค่รู้สึกขำ กินข้าวเถอะ ขาหมูนี่น่าอร่อย เราไม่กลัวอ้วนเหรอถึงซื้อขาหมูมากิน” ชายหนุ่มมองอาหารตรงหน้า เพราะอาหารแบบนี้คงไม่มีวันได้ขึ้นโต๊ะแน่ ๆ ถ้านิรากินด้วย เนื่องจากเธอจะระมัดระวังเรื่องของสุขภาพและรูปร่างมาก
“ก็ไม่ได้กินบ่อยหรอกค่ะ แต่เห็นดูน่ากินดีเลยซื้อมา แล้วในตลาดก็มีอาหารสำเร็จอยู่ไม่กี่อย่าง กลัวว่าพี่คีรินจะรอฤดีทำอาหารไม่ไหวเลยซื้อมากินไปก่อนค่ะ พี่คีรินกลัวอ้วนหรือคะ” เธอตอบ ก่อนจะถามเขา
“เปล่า พี่เป็นคนง่าย ๆ อะไรก็กินได้” เขาว่าแล้วก็ตักขาหมูใส่จานแล้วรับประทานด้วยความหิวโหย ซึ่งเพียงฤดีก็เช่นเดียวกัน เพียงไม่นานอาหารทั้งหมดก็ถูกจัดการจนเกือบหมด
หญิงสาวเก็บจานชามไปล้าง ขณะที่เขาแกะกล่องตู้เย็นแล้วเสียบปลั๊กเพื่อให้เธอได้เอาของสดมาเก็บไว้ก่อน เพียงฤดีจัดของเข้าตู้เย็นแล้วเอาของส่วนที่เหลือมาวางบนชั้นวางของเก่า ๆ ซึ่งมีพื้นที่ไม่มากนักแต่เธอก็พยายามวางเบียดกันจนสามารถวางได้ทั้งหมดแล้วเดินออกมาที่ห้องโถง เห็นเขาแกะกล่องเครื่องมือช่างหลายชิ้นมาวางในห้องโถง ซึ่งแต่ละชิ้นเธอแทบไม่รู้จักมันเลย
“พี่คีรินจะให้ฤดีช่วยอะไรบ้างคะ” เธอถาม
“ช่วยถือค้อนกับตะปู แล้วก็ตะขอนี้ขึ้นไปให้พี่หน่อย พี่จะเอานั่งร้านขึ้นไป วันนี้เราต้องรีบซ่อมหลังคาตรงห้องนอนก่อน นี่ก็บ่ายสามกว่าแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันก่อนมืด “เขาว่า
เพราะหลังจากไปดูแล้วก็เห็นว่ากระเบื้องมุงหลังคาบริเวณนั้นแตกไปสองสามแผ่นเพราะกิ่งต้นกระถินเทพาที่งอกขึ้นเองใกล้บ้านหักโค่นลงมาตีหลังคาบ้าน ทำให้น้ำรั่วใส่ฝ้า จนแผ่นฝ้าพังทลายลงมาทั้งแถบ ทำให้เห็นว่าส่วนโครงสร้างหลังคายังดีอยู่ แม้จะมีปลวกขึ้นไป แต่เพราะปู่ของเขาสร้างบ้านหลังนี้โดยใช้ไม้เนื้อแข็งทั้งหลัง ทำให้ปลวกทำลายมันไม่ได้ง่ายนัก แค่เอายาขึ้นไปฉีดกำจัด ทาน้ำยากันปลวกกันมอดทับอีกครั้งก็ยังใช้งานต่อไปได้อีกนาน
วันนี้กระเบื้องมุงหลังคาที่สั่งไว้ทางร้านวัสดุก่อสร้างบอกว่าเอามาส่งได้พรุ่งนี้ เขาจึงจำเป็นต้องแก้สถานการณ์โดยเอาแผ่นกระเบื้องบริเวณอื่นไปมุงแทนแผ่นที่ชำรุดไปก่อน เพราะพื้นที่ตรงนี้จะต้องเป็นห้องนอนของเธอ ส่วนตัวเขาคืนนี้อาจจะทำความสะอาดห้องชั้นบนใต้หลังคาที่เพิ่งเปลี่ยนนอนไปก่อน เพราะหากจะไปนอนห้องเดียวกับเธออีกก็คงจะไม่เหมาะสมนัก
หญิงสาวช่วยขนของที่เขาบอกขึ้นมาไว้ข้างบน คีรินเอาท่อนเหล็กหลายท่อนที่เขาเรียกมันว่านั่งร้านขึ้นไปประกอบจนได้นั่งร้านที่สูงพอที่เขาจะปีนขึ้นไปถึงหลังคาได้
“เราไปเก็บกวาดเศษแผ่นฝ้าในห้องนั้นออกไปก่อน เดี๋ยวพี่จะขึ้นไปเอากระเบื้องฝั่งนี้ไปเปลี่ยนให้” เขาสั่งก่อนจะปีนขึ้นไปถอดกระเบื้องตรงฝั่งปีกซ้ายของบ้าน โดยที่เธอไปเก็บกวาดตามที่เขาบอก
“นายไปเถอะ ฤดีทำกับข้าวไว้แล้ว บอกแม่ว่าพรุ่งนี้จะพาฤดีไปกินข้าวด้วย” คีรินว่าพลางโอบเอวของภรรยาข้าวใหม่ปลามันเข้ามาชิด “โอเค งั้นผมไปละ โคตรหิว” ปรัชญาโบกมือลาแล้วเดินดุ่ม ๆ มุ่งหน้าไปยังบ้านหลังน้อยของเพียงฤดีที่ตอนนี้เปิดไฟสว่างขึ้น คีรินและเพียงฤดีมองตามร่างสูงของปรัชญาที่เดินเข้าไปยังบ้านหลังเล็กที่อยู่ไกล ๆ เพียงฤดีมองภาพนั้นอย่างมีความสุข เพราะบ้านหลังน้อยของเธอนอกจากจะเป็นบ้านที่ให้แม่และน้องได้อยู่อย่างมีความสุขแล้วยังเป็นที่พึ่งพิงของชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ทำตัวเป็นคนโปรดของมารดาเธอได้อย่างน่าเอ็นดู แถมยังทำให้มารดามีความสุขกับการได้มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่ต้องมีเรื่องทุกข์ร้อนให้ต้องกังวลใจอีกไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายที่เคยชักหน้าไม่ถึงหลัง ใช้เดือนไม่เคยชนเดือน ตอนนี้ท่านก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทองอีก เพราะเดือนละหนึ่งหมื่นบาทที่เธอให้ ท่านแทบไม่ได้เอาไปซื้ออะไรเลย เพราะใช้เงินจากที่นภดลนำผักไปขายเอาเงินไปซื้ออาหารสด และนภดลก็เริ่มมีรายได้เป็นของตัวเอง
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เขาก็ใช้ความพยายามกล่อมภรรยาจนได้กินเธออีกรอบอย่างที่ต้องการ นอนคลอเคลียด้วยกันอยู่บนที่นอนจนถึงอาหารมื้อเที่ยง ถึงได้ออกจากห้องคีรินเปิดประตูออกไปหน้าบ้าน เห็นคนงานกำลังเคลียร์สถานที่ที่ใช้จัดงาน โดยมีปรัชญาคอยดูแล“อ้าว พี่คี ออกมาได้แล้วเหรอ เมื่อคืนคงหนักสินะ” รุ่นน้องหนุ่มเอ่ยแซวพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย“แล้วมึงละ หนักเหมือนกันละสิไอ้เป้ ป่านนี้ถึงได้เพิ่งมาเก็บของ”“แหม ก็ยันเช้าอ่ะพี่ พี่ณัฐกับไอ้บุ๋มยังไม่ตื่นเลย พี่เทพพาเมียไปเดินเล่นในสวน ส่วนไอ้หนึ่งพาเมียไปออกไปซื้อของตลาดเดี๋ยวคงจะมา เห็นว่าจะกลับกันเย็นนี้” ปรัชญารายงาน“แล้วยายนภาล่ะ เมื่อคืนนอนที่ไหน”“เห็นพี่ชลพากลับไปนอนบ้านโน้น แต่รถยังอยู่ที่นี่เห็นว่าค่อยกลับมาเอาตอนจะกลับกรุงเทพฯ” ปรัชญาตอบ“อืม งั้นนายก็ทำงานไปเถอะ ฝากช่วยหน่อยนะ วันนี้เพลีย ๆ เดี๋ยวพี่ไปช่วยเมียทำกับข้าวก่อน นายก็หากินเอาเองนะ”“ไปเลยพี่ไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องกินน่ะผมฝากท้องกับแม่แล้ว ผูกปิ่นโตทุกวัน เดี๋ยวก็ว่าจะย้ายของในห้องไปอยู่กระท่อมแล้วละ ส่วนพี่ก็เก็บแ
“งั้นเดี๋ยวพี่ป้อนให้” ว่าแล้วก็ดันร่างบางของหญิงสาวให้มาเผชิญหน้า เห็นเธอหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย มือเรียวปิดหน้าอกเอาไว้ เขาเพิ่งรู้ว่ามันไม่ได้เล็กอย่างที่เขาคิด แต่ความอวบอิ่มนั้นล้นมือของเธอทีเดียว ปกติเขาจะเห็นเธอแต่งชุดเรียบร้อย เสื้อผ้าก็ใส่แบบหลวม ๆ ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่กลับมีจนเขาต้องแอบกลืนน้ำลาย เขาเอาองุ่นใส่ปากหญิงสาวที่กำลังจะอ้าปากท้วง “อร่อยไหม” ถามด้วยดวงตามระยิบระยับ ที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนา “พี่คีริน ไปอาบน้ำสิคะ ฤดีกินเองได้ค่ะ” เธอหลบสายตาหวานฉ่ำนั้นด้วยความเขินอาย พลางไล่ให้เขาไปอาบน้ำก่อน “พี่ไม่อาบคนเดียวหรอก เราต้องไปอาบกับพี่ด้วย รู้ไหมตอนตกแต่งห้องนี้ พี่แอบคิดว่าถ้าวันหนึ่งพี่แต่งงานกับฤดี ก็อยากอาบน้ำด้วยกันทุกวัน จึงได้ติดตั้งอ่างจากุชซี่ไว้ในห้องนอนด้วย” “อะไรน
๒๒วิวาห์แสนหวาน งานแต่งงานที่จัดขึ้นที่ไร่คีรินจบลงอย่างสวยงาม แม้ว่าเพื่อนเจ้าบ่าวกับเพื่อนเจ้าสาวออกอาการเขม่นกันอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้ทำให้งานแต่งงานเสียบรรยากาศแต่อย่างใดส่วนเอกกมลผู้เป็นพี่ชายของเจ้าสาวนั้นพาภรรยาวัยสาวน้อยมาด้วย แต่อยู่ร่วมงานเพียงไม่นาน เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ก็พาภรรยากลับไปซึ่งเพียงฤดีก็เข้าใจและเห็นใจในความลำบากใจของพี่ชาย ซึ่งรู้ว่าภรรยาของตนกับมารดานั้นไม่ค่อยลงรอยกันนัก จึงไม่ได้ว่าอะไรที่เขาไม่ได้อยู่จนจบงาน แค่เขาได้มาร่วมงาน เธอก็ดีใจมากแล้ว และเห็นว่าเอกกมลเปลี่ยนตัวเองให้ใจเย็นลงได้อย่างมากก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว “น้องฝากยายฤดีด้วยนะพี่คีริน ดูแลให้ดีนะ ไม่งั้นน้องโกรธจริง ๆ ด้วย” นภาธรว่า ขณะที่อยู่ในห้องหอของบ่าวสาวที่เพิ่งทำพิธีจบลง และหมดหน้าที่เพื่อนเจ้าสาวของเธอแล้ว&nb
ปรัชญาเดินดุ่มขึ้นมาบนบ้านหลังเล็กของเพียงฤดีเมื่อเห็นคีรินนั่งอยู่หน้าบ้าน เขาเดินขึ้นระเบียง ถอดหมวกแก๊ปวางบนโต๊ะด้วยท่าทางหงุดหงิด แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าชายหนุ่มรุ่นพี่“เป็นอะไรไอ้เป้” คีรินถาม“ก็ผู้หญิงอะไรไม่รู้ หน้าตาก็ดี แต่เหมือนคนบ้า ผมจอดรถของผมอยู่ดี ๆ ก็มาเคาะกระจกเรียก ด่าผมว่าเสียมารยาทไปจอดรถตรงที่ที่เขาจองไว้แล้ว บ้าบอมาก มันตลาดนัด ใครไปถึงก็จอดก่อน ผมก็ไม่เห็นว่าเขากำลังจะเข้าจอด เห็นรถถอยออกก็เสียบเข้าไป ยังไม่ทันได้ดับเครื่องก็มาเคาะเรียก บังคับให้ผมเอารถออกทั้ง ๆ ที่ตรงอื่นก็จอดได้เยอะแยะ ผมขี้เกียจรำคาญก็เลยถอยรถออกมานี่แหละ จะแวะซื้อเป็ดตุ๋นมากินสักหน่อยเลยไม่ได้กินเลย”“เออน่า อย่าเพิ่งโมโหหิว แม่กับฤดีทำกับข้าวอยู่ น่าจะใกล้เสร็จแล้วละ เดี๋ยวก็กินด้วยกันที่นี่แหละ แล้วว่าไง ออกไปหาลูกค้าไร่พิงอรุณมาเป็นยังไงบ้าง”“ก็ดี ลุงแกก็โอเคแหละ คนแก่น่ะ ให้เราออกแบบระบบให้แล้วเสนอราคาไปก่อน เห็นบอกว่าลูกสาวที่อยู่กรุงเทพฯ อยากให้วางระบบฟาร์มอัจฉริยะไว้ก่อน เดี๋ยวจะกลับมาอยู่บ้านแล้ว”“อืม เห็นลุงแกจะขายที่ดินให
งานแต่งงานกำลังจะจัดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า วันนี้ทั้งประสิทธิ์ สายชล และชลธรมาช่วยเตรียมงานในไร่ตั้งแต่เช้า ไหนจะช่วยจัดเตรียมวางแผนเรื่องอาหาร การจัดสถานที่ รวมทั้งชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว แม้ว่าทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะบอกว่าอยากได้งานเล็ก ๆ อบอุ่น ๆ ภายในครอบครัวแต่ในที่สุดก็ไม่สามารถจัดแบบนั้นได้ เมื่อพ่อแม่เจ้าบ่าวไม่ยอม เนื่องจากเป็นลูกชายคนแรกที่ได้แต่งงาน และไม่รู้ว่าลูกชายคนโตและลูกสาวคนเล็กจะมีโอกาสได้แต่งงานไหม จึงขอจัดงานให้ถูกใจพ่อแม่เจ้าบ่าวก่อน“อย่าว่าฉันอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะแม่หทัย ฉันน่ะก็ไม่อยากให้ทุกคนเหนื่อยกันหรอก แต่ฉันก็มีลูกอยู่แค่สามคน อีกสองคนยังไม่มีวี่แววว่าจะได้แต่งงาน เลยขอจัดงานพ่อคีรินให้มันใหญ่หน่อย ให้พออวดเพื่อนได้ว่าฉันได้ลูกสะใภ้ดี แม่หทัยนี่สอนลูกดีจริง ๆ น่ารักน่าเอ็นดู ขยันขันแข็ง อ่อนน้อมถ่อมตน ฉันเห็นครั้งแรกก็หลงรักแล้ว” สายชลว่าพลางนั่งตรวจเช็คของชำร่วยไปพลาง ว่าจำนวนชิ้นพอกับแขกเหรื่อที่เชิญไว้หรือไม่ขณะคนที่ถูกชมกลับยิ้มเจื่อน ๆ เพราะตนเองก็ไม่ได้สอนอะไรลูกสาวมากนัก มีแต่ใช้งานหนักให้ทำโน่น