นับจากวันนั้น เฉิงไม่เคยปรากฏตัวในคาบเรียนอีกเลย แม้ว่า ไช่อิงเหวิน เจียอี และมิริน จะวีแชทหาเขาก็ไร้ซึ่งการตอบกลับมา ทุกอย่างมืดแปดด้าน เพราะพวกเขากังวลว่า เฉิงจะคิดทำร้ายตนเอง ตลอดชีวิตของเฉิง หากตนได้หมายปองหญิงสาวแล้ว ไม่เคยผิดหวังเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ครั้งนี้เขาจริงจังกับมิรินถึงขั้นวาดฝันเรื่องแต่งงานไว้ล่วงหน้า แม้จะดูเหมือนเป็นคนเจ้าชู้ แต่ไช่อิงเหวินรู้ดีว่าเพื่อนตนไร้เดียงสากว่าภาพลักษณ์ ถึงจะคบหาหญิงสาวมากมายแต่ก็ไม่เคยล่วงเกินพวกเธอเลย ไช่อิงเหวิน และมิริน ยืนอยู่หน้าห้องหมายเลข 609 ที่เต็มไปด้วยกล่องพัสดุมากมายวางไว้ บ่งบอกว่าห้องนี้ไร้ผู้อาศัยมานานแล้ว 'ก๊อก ก๊อก ก๊อก'"เฉิง เฉิง นายอยู่หรือเปล่า ฉันไช่อิงเหวิน เปิดประตูหน่อย""ดูจากของพวกนี้แล้ว เขาไม่อยู่ที่นี่นานแล้วค่ะ" มิรินกุมมือเขาไว้เพื่อปลอบโยน ทำให้ไช่อิงเหวิน คลายความกังวลเล็กน้อย "ยังมีอีกที่หนึ่ง ผมว่าเฉิงน่าจะอยู่ที่นั่น!" แววตาดูจริงจังของไช่อิงเหวิน ทำให้มิรินพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย แม้ภายในใจจะแอบคิดว่าตนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เฉิงเป็นแบบนี้ เมื่อนึกย้อนไปก่อนหน้านั้น เฉิงยิ้มร่าพร้อมดอกไม้ช่อใหญ่
กริ๊ง กริ๊ง เสียงออดหน้าห้องดังขึ้น ผู้เป็นแม่รีบวางมือจากโต๊ะอาหาร มุ่งตรงไปเปิดประตูด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ชุดสวย ลายดอกไม้สีชมพู ที่แม่เคยซื้อเก็บไว้ แถมยังพกติดตัวไปทุกที่ ราวกับเป็นของสำคัญที่ขาดไม่ได้ ในที่สุดก็ได้สวมใส่ดั่งใจหวัง"สวัสดีค่ะ ฉันเฟยหรง แม่ไช่อิงเหวิน ขอโทษที่ให้รอนานนะคะ" น้ำเสียงนุ่มนวลกล่าวทักทายสตรีเบื้องหน้าตน ที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน "ไม่เลยค่ะ คุณสวยจังเลย" แม่ฉันยิ่งปลื้มใจในความสวยเป็นธรรมชาติของเธอ "คุณก็สวยมากค่ะ" เธอตอบแก้เขิน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ราวกับเป็นเด็กสาว"เชิญคะๆ เราเตรียมอาหารดีๆ ไว้ต้อนรับคุณโดยเฉพาะ""เอ๊ะ! ขอบคุณมาก ฉันเองก็เตรียมราเม็งรสเด็ดของร้านมาให้ลองทานด้วยเหมือนกัน " เธอยิ้มสวยวางกล่องราเม็งร้อนๆ ที่ห่อหุ้มด้วยผ้าสีสันสดใสลงบนโต๊ะอาหารอย่างประณีต ไช่อิงเหวินดึงเก้าอี้ออกเพื่อให้แม่นั่งใกล้ตน เฟยหรงเหลือบมองลูกชายด้วยความรู้สึกปลื้มใจ บทสนทนาเริ่มขึ้น ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ค่ำคืนนี้มีเพียงเสียงหัวเราะของพวกเขาดังก้องไปทั่ว ไช่อิงเหวินจ้องมองมิรินยิ้มแก้มปริ อย่างสุขสมใจปรารถนา แต่แววตาเขาดูกังวลขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะก
ความเงียบนั้นหนาวสะท้านไปทั้งตัว คนทั้งคู่นั่งคุกเข่าอย่างสงบนิ่ง ต่อหน้าก้องภพ และหลิน ที่จ้องดูคนทั้งคู่ด้วยความรู้สึกมากมายที่อยากจะพรรณนาออกมาเป็นคำพูดได้ โดยเฉพาะก้องภพที่รู้สึกผิดหวังกับลูกสาว แม้ว่าการคบหาดูใจกันนั้นเป็นเรื่องธรรมดาของหนุ่มสาวสมัยนี้ แต่สำหรับตนผู้ที่กังวลใจว่าผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าของเขาเป็นอย่างไร ถึงเข้ามาในชีวิตลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตนเองได้ หรือว่ามีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง หากเป็นเช่นนั้น ผู้นำครอบครัวเช่นเขา ไม่มีทางให้เกิดเหตุร้ายขึ้นกับลูกๆ เป็นแน่ "นาย..." เสียงทุ้มใหญ่ทำให้ชายหนุ่มขยับตัวเล็กอย่างนอบน้อมถ่อมตน"ชื่อไช่อิงเหวิน ครับ" ความสงบนิ่งอย่างใจเย็นของชายหนุ่ม ทำให้ผู้เป็นพ่อลังเลเล็กน้อย "ตามฉันมา""พ่อค่ะ!""เงียบ..คุยกับแม่ไป เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างลูกผู้ชาย" สีหน้าและท่าทางที่จริงจังของพ่อ มิรินส่งแววตาเว้าวอนให้พ่อเมตตาไช่อิงเหวิน สักนิด"แม่ไม่ติดขัดอะไรหรอกนะ! แค่ความหล่อเหลาของเขาก็ชนะใจแม่แล้ว อิอิ""แม่!!" มิรินโอบกอดแม่อย่างสุขใจ คลายความกังวลลงไปอีกขั้นหนึ่ง หลินเองก็เบื่อการปั้นหน้าเมื่ออยู่ต่อหน้าสามี เธอยิ้
ไช่อิงเหวินมีแผนว่าจะพาฉันนั่งกระเช้าคริสทัลชมวิวไร่ชาที่เมาคง เราทั้งคู่เดินทางด้วยรถไฟใช้เวลานานมากจนพลบค่ำ กว่าจะถึงที่หมาย จึงต้องหาที่พักเพื่อค้างคืนกันเสียก่อน เพื่อภารกิจในวันใหม่อีกครั้ง ทุกอย่างเหมือนฝัน ฉันแทบจะเป็นเจ้าหญิงของเขา ทุกเรื่องราวของฉันอยู่ในสายตาเขาตลอดเวลา ช่างมีความสุขเหลือเกิน กริ๊ง...กริ๊ง...กริ๊งเสียงนาฬิกาปลุกมือถือดังขึ้น ตอนเจ็ดโมงเช้า พบว่าไช่อิงเหวินนั่งอ่านหนังสือตรงระเบียงห้องพักสีหน้าที่ดูจริงจัง มาพร้อมความหล่อเหลาสงบสุขุมราวกับสายน้ำ ดูมีเสน่ห์มากมายจนฉันแอบสงสัยไม่ได้ว่า เขาคนนี้คือ ผู้ชายของฉันจริงๆ "มองแบบนี้.. ผมขึ้นเตียงอีกครั้งดีไหม" แม้น้ำเสียงจะดูเรียบเฉย แต่นัยน์ตาที่เปล่งประกายฉายความต้องการ ทำเอาฉันเก็บทรงไม่อยู่จนได้ "เอ๊ะ! สายแล้ว"ฉันรีบลุกจากที่นอน อาบน้ำ และจัดธุระส่วนตัวเหมือนที่เคยทำ จะว่าไปตั้งแต่ครั้งนั้นเขาก็ไม่เคยล่วงเกินฉันอีกเลย คงเป็นเพราะเหนื่อยล้าจากการทำงานวิจัย อย่างน้อยไช่อิงเหวินก็ค่อยสนับสนุนฉันในเรื่องที่ฉันต้องการ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเรามุ่งตรงไปตามเส้นทางที่มีผู้คนพลุกพล่าน เพราะเป็นตลาดนัดในไทเป รวบร
มือหนาเชยคางของหญิงสาวให้เงยขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ไช่อิงเหวินบรรจงจูบ วาบหวานให้มิรินก่อนจะค่อยๆ เลื่อนมือต่ำลงมาปลดกระดุมเสื้อของเธอออกเผยให้เห็นผิวขาวเนียน และชุดชั้นในสีขาวลายลูกไม้ ชายหนุ่มบรรจงถอดมันออกอย่างเบามือเล่นเอามิรินใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย"อย่าเอาแต่จ้องสิ"ไช่อิงเหวินได้สติกลับมาอีกครั้ง แขนแกร่งดันให้หญิงสาวนอนราบไปกับโซฟานุ่ม ร่างสูงโน้มหน้ามาพรมจูบทั่วหน้าอกอันอวบอิ่ม ของหญิงสาวพร้อมกับค่อยๆ ลากลิ้นร้อนไปทั่วยอดเนินอกสีชมพูของเธอจนมันเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายสีใสของเขา ริมฝีปากนั้นทั้งขบเม้ม และดูดดึงมันจนเกิดเป็นรอยแดง ดูภายนอกอาจจะรู้สึกเจ็บแทนแต่ทว่ามิรินกลับครางออกมาเบาๆ ในลำคอ"อ๊าา..อืม" เสียงครางอันไพเราะที่เผลอออกมา ทำให้ชายหนุ่มยิ้มอย่างพึงพอใจมือหนาเลื่อนลงมาถอดกระโปรงของมิรินออกซึ่งเธอก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการขยับตัวให้ถอดออกอย่างง่ายดาย ณ ตอนนี้ร่างกายของหญิงสาวก็เปลือยเปล่าไร้สิ่งใดปกปิดความงดงามที่ซ่อนไว้อีกต่อไป ไช่อิงเหวิน จึงไม่รีรอที่จะถอดเสื้อผ้าทั้งหมดของตัวเองออกเช่นกัน นัยน์ตาของหญิงสาวกวาดสายตามองตั้งแต่ใบหน้าหล่อ
วันเวลาผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกอย่างเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ไม่มีอะไรยั่งยืน แม้กระทั้งดอกเหมยฮวาที่ร่วงโรยจนหมดต้น มีพียงกิ่งก้านให้ดูต่างหน้า ยืนอย่างมั่นคง เพื่อรอใบและดอกเบ่งบานงดงามอีกครั้ง เหมือนเขาที่ยังหาข้ออ้างไปรับไปส่งมิรินเหมือนทุกครั้ง มีบ้างครั้งที่มีของติดไม้ติดมือมาให้เธอ มีเพียงหญิงสาวที่เข้าใจว่าทุกอย่างที่เขาทำให้เธอ เป็นหน้าที่ของเพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้น เกิดขึ้นได้อย่างไรนะเหรอ คงเป็นครั้งนั้นเมื่อไช่อิงเหวินไม่รู้ที่อยู่ห้องพักของเธอ เพียงเพราะไม่ยอมปลุกให้ตื่น ตรงกันข้ามกับวนรถจักรยายคู่ใจจนรุ่งสาง เพียงเพื่อให้เธอได้นอนหลับสบาย แม้ตนจะเหนื่อยล้าเพียงใดก็ตาม "เย้! สุดท้ายก็เสร็จเรียบร้อย" เจียอีเอนกายพิงเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย"ต้องฉลองสักหน่อย" เฉินยิ้มกว้างอย่างสุขใจ ดวงตามองมิรินอย่างอ่อนโยน แม้ตนจะรู้ว่าไช่อิงเหวินคิดอย่างไรกับมิริน แต่เขาก็อยากลงสนามนั้นดูสักตั้ง เพราะมิรินยังไม่ได้เป็นอะไรกับไช่อิงเหวิน เขายังคงมีสิทธิ์ ก่อนจะปิดภาคเรียนลง "ไช่อิงเหวิน เราไปสูดอากาศกันหน่อยไหม!" "อืม.." แม้รู้ว่าเฉิงต้องการอะไรจากเขา ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวเพียงหวังให้เธอ