Home / รักโบราณ / ลมหายใจจอมยุทธ์ / บทที่ 5 ศิษย์หญิงผู้ไม่เคยยิ้ม

Share

บทที่ 5 ศิษย์หญิงผู้ไม่เคยยิ้ม

Author: Bosskerr
last update Last Updated: 2025-07-08 20:20:56

เช้าวันใหม่ที่กระท่อมหลัวซิง เงาแดดทอดผ่านแนวไม้เป็นเส้นยาว หยางเหวินยืนอยู่หน้าลานฝึกหลังบ้าน ดวงตาแน่วแน่กำลังทบทวนลมหายใจต่อเนื่องในจังหวะประหลาดที่เขาเรียนรู้จากหลัวซิง

เสียงฝีเท้าบางเบาดังขึ้นจากหลังพุ่มไม้ เขาหันขวับไปทันที ฝีเท้านั้นหยุดลงเบื้องหน้า เป็นร่างของหญิงสาวในชุดคลุมสีฟ้าหม่น ใบหน้าขาวซีดราวหิมะ เส้นผมรวบขึ้นอย่างเรียบง่าย ดวงตาเรียบนิ่งคล้ายทะเลสาบฤดูหนาว

นางคือผู้หญิงคนเดียวที่เขาไม่เคยเห็นยิ้มแม้เพียงน้อย

“นั่นคือศิษย์ของข้า”

หลัวซิงที่ยืนอยู่ริมกระท่อมเอ่ยขึ้นอย่างไม่เร่งร้อน

“ไป๋หรูอวิ๋น”

หยางเหวินมองนางนิ่ง ๆ ในขณะที่นางยังไม่เปล่งถ้อยคำใด เพียงโค้งศีรษะเบา ๆ แล้วเดินผ่านเขาไปนั่งสงบอยู่ที่มุมลานฝึก ราวกับเขาไม่เคยมีตัวตน

“นางพูดไม่ได้หรือ?” หยางเหวินถามเบา ๆ

“นางพูดได้ แต่เลือกจะไม่พูดกับใครที่ยังไม่ฟังเสียงลมหายใจตนเองได้จนหมด” หลัวซิงตอบ

หยางเหวินเลิกคิ้วเล็กน้อย นัยน์ตาแฝงความฉงน

นางพูดได้ แต่เลือกที่จะเงียบงันกับใต้หล้า?

เขาพลันคิดถึงลมหายใจของหญิงในนิมิตคืนนั้น

มันเบา สงบ และเศร้าในเวลาเดียวกัน

มีบางอย่างในตัวไป๋หรูอวิ๋นที่ทำให้จังหวะหายใจของเขาสั่นไหวเล็กน้อย และเขารู้ดีว่า การได้ยินลมหายใจของอีกคน คือการเปิดประตูสู่ความลับลึกที่สุดของคนผู้นั้น

สามวันถัดมา หยางเหวินยังคงฝึกฝนอยู่ในลานฝึกทุกเช้า โดยมีไป๋หรูอวิ๋นนั่งเงียบอยู่ไม่ไกล ไม่พูด ไม่แสดงสีหน้าใด นอกจากการหายใจที่เป็นจังหวะอย่างสมบูรณ์แบบจนรอบข้างดูนิ่งสงบไปกับนาง

หลัวซิงไม่ได้สอนอะไรเพิ่ม เพียงแต่กล่าวว่า “จงสังเกตนางให้มากกว่าเฝ้ามองตนเอง”

ในเช้าวันที่สี่ ขณะหยางเหวินฝึกการหายใจสลับทิศ เขารู้สึกได้ว่าลมหายใจของไป๋หรูอวิ๋นเริ่มเปลี่ยนจากที่เคยสม่ำเสมอ มีบางจังหวะที่นางหยุดหายใจไปชั่วครู่ แล้วปล่อยออกมาอย่างแผ่วเบา ราวกับกำลังส่งบางอย่างมาถึงเขา เขาหลับตาลง และเริ่มฟังอย่างลึกซึ้ง

จังหวะนั้น เขาเห็นภาพในห้วงจิต เด็กหญิงคนหนึ่งถูกปล่อยให้อยู่ลำพังในห้องมืด เสียงหายใจของนางอ่อนแอจนแทบจะดับลง เสียงร้องไห้ถูกกลืนในอก มีเพียงลมหายใจที่สั่นสะท้านซ้ำ ๆ จนกลายเป็นเงาติดอยู่ในใจ

หยางเหวินลืมตาขึ้นทันที มองไปยังไป๋หรูอวิ๋นอย่างตกตะลึง นางยังนั่งนิ่งดังเดิม ราวกับไม่รู้ว่าเขาได้ยิน

“นั่นคืออดีตของเจ้าใช่หรือไม่?”

ไป๋หรูอวิ๋นเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่ตอบ แต่สายตาที่ทอดมาเต็มไปด้วยความสงบนิ่ง หากก็แฝงรอยเศร้าจาง ๆ

“ข้ารู้สึกได้” เขากล่าวต่อ “เจ้าหายใจแทนความเงียบของตัวเองมานานแค่ไหนแล้ว?”

นางยังคงเงียบ ทว่าในครั้งนี้ ลมหายใจของนางเบี่ยงจังหวะ เปลี่ยนเป็นช้า และเปิดรับ เป็นครั้งแรกที่หยางเหวินรู้สึกว่า นางพูดกับเขาโดยไม่ใช้เสียง และเขาก็เข้าใจ

นางไม่ได้ไร้คำพูด นางเพียงใช้ลมหายใจเป็นภาษาแท้จริง หลัวซิงยืนมองอยู่เงียบ ๆ ริมระเบียงไม้ เขายกถ้วยชาขึ้นจิบ ก่อนเอ่ยเบา ๆ กับตนเอง

“หากเจ้าทั้งสองสามารถหายใจร่วมกันได้ วันหนึ่งเจ้าอาจฟื้นฟูสิ่งที่ถูกใต้หล้าลืมเลือน”

และวันนั้น อาจอยู่ใกล้กว่าที่คิด...

เช้าวันถัดมา หลัวซิงเรียกทั้งหยางเหวินและไป๋หรูอวิ๋นมายังลานฝึก ท่ามกลางหมอกที่เริ่มเกาะยอดไม้ เขายื่นกระบอกไม้ไผ่เรียบง่ายหนึ่งอันให้แก่ทั้งสอง

“วันนี้เจ้าทั้งสองจะต้องฝึกร่วมกัน”

หยางเหวินรับกระบอกไม้มาด้วยความสงสัย แต่หลัวซิงไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม เพียงเดินไปนั่งใต้ต้นเหมยแล้วปิดตาเข้าสมาธิ

“เราจะทำอย่างไร?” เขาหันไปถามหญิงสาว

ไป๋หรูอวิ๋นไม่ได้ตอบ หากแต่เอื้อมมือสัมผัสกระบอกไม้พร้อมเขา นิ้วมือของทั้งสองสัมผัสกันเพียงแผ่วเบา แต่แรงสะท้อนในอกกลับรุนแรงราวลมแรงปะทะผิวน้ำ

ในทันทีที่มือของทั้งสองประสาน ลมหายใจของพวกเขาก็เริ่มประสานกันโดยไม่ได้นัดหมาย สูดเข้าในจังหวะเดียวกัน ผ่อนออกในจังหวะตรงข้าม ราวกับสองกระแสที่หมุนวนสลับกันไม่ขัดแย้ง

ภายในกระบอกไม้ เสียงลมหายใจเริ่มสะท้อนกลับไปมา ดัง แผ่ว แหลม ต่ำ สร้างเสียงประหลาดที่ก้องอยู่ภายในจิตใจของทั้งสอง

จากนั้น ทั้งคู่เข้าสู่ภาวะจิตสงบ และในห้วงนั้น พวกเขาเห็นภาพเดียวกัน เป็นภาพของหญิงสาวผมยาวในชุดสีเทา นั่งอยู่กลางผืนน้ำในป่าหิมะ นางกำลังร้องเพลงไร้ถ้อยคำ ลมหายใจของนางปล่อยออกมาเป็นละอองหมอกที่ปั้นเป็นใบหน้า ใบหน้าของหลัวซิงในวัยหนุ่ม

หยางเหวินสะดุ้งเบา ๆ ลืมตาขึ้น เห็นไป๋หรูอวิ๋นก็ลืมตาพร้อมกัน ใบหน้าของนางซีดลงเล็กน้อย แต่แววตาเต็มไปด้วยบางสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน นั่นคือ ความสั่นไหว...

“เจ้าเห็นภาพนั้นหรือไม่?” เขาถาม

นางพยักหน้าเบา ๆ “นั่นคือแม่ของข้า” นางกระซิบเสียงแผ่วเป็นครั้งแรก

หยางเหวินเบิกตากว้าง เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเสียงของนางจริง ๆ

ไป๋หรูอวิ๋นหลุบตาลง “ข้าจำลมหายใจของนางได้ แต่นางจากข้าไปก่อนที่ข้าจะพูดได้เสียอีก ข้าไม่รู้ว่าควรจะพูดกับใต้หล้านี้อย่างไร”

หยางเหวินเอื้อมมือแตะแขนนางเบา ๆ ลมหายใจของเขาส่งคลื่นอุ่น ๆ ผ่านฝ่ามือ

“เจ้ากำลังพูดอยู่ พูดด้วยลมหายใจของเจ้าอย่างไรเล่า”

และนั่นเป็นครั้งแรกในชีวิต ไป๋หรูอวิ๋นยิ้ม แม้จะเพียงนิดเดียว ก็ครานี้ก็ได้เห็นรอยยิ้มของนางแล้ว

เย็นวันเดียวกัน ท้องฟ้าทางตะวันออกเริ่มเปลี่ยนสี ลมแรงพัดใบไม้ปลิวว่อนราวกับธรรมชาติกำลังสะท้อนความผิดปกติที่กำลังใกล้เข้ามา

หยางเหวินนั่งอยู่ในห้องพักของตน พลางหลับตาฟังเสียงลมหายใจของใต้หล้าโดยรอบ เสียงต้นไม้ไหว เสียงน้ำหยดจากชายคา เสียงฝีเท้าเบา ๆ ของสัตว์ป่าที่เดินผ่าน ทุกเสียงยังอยู่ในจังหวะปกติ ยกเว้นสิ่งหนึ่ง

เสียงลมหายใจแหลมต่ำ กำลังแทรกเข้ามาในทิศทางตรงกันข้ามกับลมธรรมชาติ

เขาลืมตาขึ้นทันที เดินตรงไปยังเรือนหน้ากระท่อมที่หลัวซิงอยู่ พร้อมไป๋หรูอวิ๋นที่เพิ่งกลับมาจากเก็บสมุนไพรในป่า

“มีบางอย่างกำลังจะมา” เขาเอ่ย

หลัวซิงพยักหน้า “ข้าเองก็รู้สึกได้เช่นกัน ลมหายใจของพวกมันเดินสวนจังหวะของทุกสรรพสิ่ง นี่ไม่ใช่เพียงผู้ใช้วิชากลับด้านธรรมดา”

ไป๋หรูอวิ๋นวางตะกร้าสมุนไพรลงเบา ๆ พลางชำเลืองหน้ามองทั้งสองอย่างเงียบงัน นางไม่ได้เอ่ยใด แต่หยางเหวินรับรู้ได้จากจังหวะลมหายใจของนางว่า นางพร้อม

เสียงเปรี้ยงจากฟ้าผ่าดังขึ้นกลางวันแสก สายฟ้าฟาดลงยังยอดเขาหลังหุบเขาหานสุ่ย แผ่นดินสั่นสะเทือนเล็กน้อย

จากนั้น เงาร่างในชุดดำสามคนก็ปรากฏตัวขึ้นที่ขอบป่า ห่างออกไปไม่ถึงสองร้อยก้าว พวกมันไม่ส่งเสียง ไม่เคลื่อนไหว มีเพียงลมหายใจสวนจังหวะที่กระจายออกมากดดันทั่วบริเวณ

หลัวซิงถอนหายใจยาว “พรรคมารเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ข่าวลือเรื่องของเจ้าเริ่มแพร่กระจาย”

หยางเหวินเม้มปากแน่น “ข้ายังไม่พร้อมจะรับศึก”

“ไม่มีใครพร้อมหรอก” หลัวซิงตอบ “แต่บางศึก ก็มิได้รอให้เราพร้อม”

เสียงฝีเท้าดังขึ้นช้า ๆ เงาร่างในชุดดำขยับเข้ามาทีละก้าว ท้องฟ้าคลุ้มลงเรื่อย ๆ เหมือนฟ้ากำลังกลั้นหายใจ

ไป๋หรูอวิ๋นล้วงมือเข้าใต้ชายเสื้อ หยิบกล่องพิณขนาดยาวออกมาสะพายบนหลัง นางยืนข้างหยางเหวิน โดยไม่ต้องเอ่ยคำใด

ลมหายใจของทั้งสองเริ่มประสานกันอีกครั้ง เป็นจังหวะของผู้ที่ยืนเคียงข้างกัน แม้ไม่มีคำมั่นใด แต่ใจกลับรับรู้

และนี่ก็คือบททดสอบแรกของ “ศิษย์หญิงผู้ไม่เคยยิ้ม” กับ “ผู้มีลมหายใจต้องห้าม”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   ตอนพิเศษ 2 ในยามที่ลมหายใจสั่นไหว

    คืนหนึ่ง หยางเหวินและไป๋หรูอวิ๋นนั่งเคียงกันที่เรือนริมหน้าผา ยามค่ำคืนทาบเงาให้ทั่วผืนป่า และสายลมพัดเย็นจนเปลวเทียนบนโต๊ะกลางห้องสั่นไหวหยางเหวินกำลังร้อยสร้อยหินหยกเส้นเล็กด้วยมืออย่างตั้งใจ เขาไม่ได้พูดอะไรมาเป็นเวลานาน แต่สีหน้าเต็มไปด้วยสมาธิไป๋หรูอวิ๋นนั่งมองเขา มือประคองถ้วยชาร้อนเอาไว้ ริมฝีปากโค้งขึ้นเล็กน้อยราวกับไม่อาจห้ามใจ“เจ้ารู้ไหม” เขาพูดขึ้นในที่สุด โดยไม่เงยหน้าขึ้นจากสายสร้อย “ข้าร้อยสร้อยเส้นนี้ตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อน แต่เพิ่งมาถักปมสุดท้ายได้วันนี้”“เพราะอะไร?”“เพราะวันนี้ ข้ารู้สึกว่ามีอะไรที่สมบูรณ์มากพอแล้วจะมอบให้แก่เจ้า”นางรับสายสร้อยมาอย่างเงียบงัน หยกเขียวที่ถูกขัดจนใสราวหยดน้ำวางอยู่บนฝ่ามือ“เจ้าเคยบอกว่า ไม่ต้องการสิ่งผูกมัด”“ข้าเคยคิดเช่นนั้น” เขาพยักหน้า “แต่ตอนนี้ ข้าแค่อยากให้เจ้ารู้ว่า ไม่ว่าเราจะเดินไปที่ใด สายลมหายใจของข้าจะมีกลิ่นชาอบอุ่นแบบเจ้าเสมอ”ไป๋หรูอวิ๋นเงยหน้าขึ้น ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อย“ข้าก็คิดเหมือนกัน แต่อยากให้เจ้ารู้ไว้ว่า ข้ากลัว...”“กลัวอะไร?”“กลัวว่าสักวันหนึ่ง เจ้าจะไม่หายใจอยู่เคียงข้า” นางกล่าวเสียงแผ่วเบาหยางเหวินย

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   ตอนพิเศษ ลมหายใจแห่งความรัก

    เสียงพิณจากหอเล็กด้านหลังดังขึ้นเบา ๆ เป็นศิษย์สาวคนหนึ่งที่กำลังฝึกบรรเลง“เจ้าจำเพลงแรกที่ข้าเล่นให้เจ้าฟังได้หรือไม่?” ไป๋หรูอวิ๋นถาม“จำได้สิ มันคือ คืนแรกที่ข้าเห็นเจ้าผ่านสายลมและเสียงพิณ”“ตอนนั้นเจ้ายังแทบจะควบคุมลมหายใจของตนไม่ได้”“ตอนนี้ ข้ากลับรู้สึกว่า ลมหายใจของข้าสงบที่สุดเมื่ออยู่กับเจ้า” หยางเหวินยิ้มเสียงพิณยังดังต่อไปเบื้องหลัง ขณะที่สองเงานั่งเคียงกันท่ามกลางแดดยามสายค่ำคืนนั้น แสงจันทร์เต็มดวงสาดส่องทะลุม่านบางหน้าต่าง ตกกระทบบนพื้นไม้ของเรือนเล็กกลางหุบเขา เงาจากต้นไม้ภายนอกไหวเบา ๆ ตามจังหวะลมหยางเหวินนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าเตาผิง มือถือพู่กันเขียนตำราใหม่อย่างตั้งใจ ไฟจากเตาผิงสะท้อนเงาใบหน้าของเขาให้ดูนิ่งลึก มีแววอ่อนโยนในแววตาเสียงประตูเลื่อนเปิดช้า ๆ ก่อนที่ไป๋หรูอวิ๋นจะเดินเข้ามาพร้อมผ้าห่มผืนบาง นางสวมชุดคลุมบางสีขาวทับเสื้อผ้าด้านใน เส้นผมยาวถึงเอวถูกรวบไว้ลวก ๆ“ยังไม่เข้านอนหรือ?” นางถาม พลางวางผ้าห่มลงข้างเขา“ข้าเขียนได้เพียงไม่กี่บรรทัดเอง” เขาหัวเราะเบา ๆ“แสดงว่าเจ้าคิดถึงเรื่องอื่นอยู่” นางนั่งลงข้างเขา ม้วนขาแนบกับตนเอง เหมือนเคยทำในคืนฤดูหนาวเ

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   บทที่ 20 ลมหายใจที่ใต้หล้าจดจำ

    ยุทธภพเงียบสงบมาได้หลายเดือนหลังเหตุการณ์ที่สำนักใหญ่ทั้งหลายหยุดตามล่าคัมภีร์ลมหายใจกลับด้าน เมื่อรู้ว่าเจ้าของพลังได้สละมันไปแล้วอย่างสิ้นเชิงหยางเหวินและไป๋หรูอวิ๋นใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในเรือนกลางหุบเขาเงียบสงัด ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ และเปิดตำราเก่าให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ไม่ใช่แค่กระบวนท่า แต่รวมถึงการเข้าใจหัวใจของตนเองข่าวเล่าขานถึง “จอมยุทธ์ผู้ไม่มีลมหายใจ” แพร่สะพัดออกไปในหมู่บ้านห่างไกล สำนักเล็ก สำนักใหญ่ รวมถึงลูกศิษย์ลูกหาในยุทธภพต่างอยากพานพบชายผู้หนึ่งที่มีพลังจากใจ ไม่ใช่จากฝีมือวันหนึ่ง เด็กหนุ่มคนหนึ่งจากเมืองหลวงมาปรากฏตัวที่หน้าประตูบ้านของหยางเหวิน“ข้าได้ยินว่า ที่นี่มีคนที่สามารถสอนข้าวิชาที่ไม่ต้องใช้ลมหายใจ” เขาเอ่ยด้วยดวงตาที่เปล่งแสงจริงจังหยางเหวินยิ้ม เพียงกล่าวว่า “ไม่มีวิชาที่ไม่ใช้ลมหายใจ มีแต่ใจที่หายใจให้ถูกเท่านั้น”เขาพาเด็กหนุ่มไปนั่งใต้ต้นหลิว สอนให้หลับตาฟังเสียงหัวใจตนเองแทนการเร่งฝึกฝนพลังภายนอกไป๋หรูอวิ๋นมองภาพนั้นจากระยะไกล ดวงหน้าเปี่ยมด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะหันกลับไปคัดลอกคัมภีร์เล่มใหม่ที่พวกเขาตั้งชื่อว่า “ลมหายใจแห่งใจ”ขณะเดียวกัน ที่

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   บทที่ 19 ชีวิตที่หายใจแทนกัน

    ไป๋หรูอวิ๋นเงียบงันในคืนที่สายลมสะบัดผ่านยอดไม้ ดวงตานางทอดมองสายน้ำเบื้องหน้าโดยไม่กะพริบ แม้ท่าทีภายนอกจะนิ่งเฉยเช่นเดิม แต่หยางเหวินสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่แปลกไป“เจ้าหายใจถี่ขึ้น” เขากล่าวเบา ๆ ขณะนั่งลงข้างนางใต้ต้นหลิว “เกิดอะไรขึ้น”ไป๋หรูอวิ๋นไม่ตอบในทันที ริมฝีปากขยับเพียงน้อยราวลังเล“ข้ารู้ตัวดีว่าข้า ไม่มีลมหายใจของตนเองมาตั้งแต่เกิด” นางกล่าวช้า ๆ “ชีวิตของข้าอาศัยลมหายใจของผู้อื่น ผ่านพิธีของสำนักเก่าที่ข้าจากมา”หยางเหวินเบิกตากว้างเล็กน้อย “เจ้าหมายความว่า...”“ใช่ ข้าคือสตรีผู้ถูกฝึกให้ดำรงอยู่ได้ด้วยพลังชีวิตของผู้อื่น” เสียงของนางเรียบเฉย “ข้าจึงไม่กล้าผูกพันกับผู้ใดนัก เพราะหากคนผู้นั้นสูญเสียพลัง ข้าก็จะตาย”เขาเงียบงัน ลมหายใจหนึ่งเคลื่อนผ่านร่างเขาดังแผ่วเบา ก่อนเขาจะกล่าว “ถ้าเช่นนั้น ข้าจะให้ลมหายใจของข้าแก่เจ้า”ไป๋หรูอวิ๋นเบิกตา ดวงหน้าที่เคร่งขรึมมาตลอดมีรอยไหวสั่น“อย่าพูดอะไรบ้า ๆ สิ เจ้าคือผู้ถือครองคัมภีร์ เจ้าจะเสียพลังไม่ได้”“หากพลังนี้มีไว้เพื่อปกป้องผู้คน ข้าจะเริ่มจากเจ้าก่อน” หยางเหวินกล่าวชัดเจน “เจ้าไม่ใช่แค่ศิษย์ร่วมสำนัก หรือเพื่อนร่วมทาง เจ้า

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   บทที่ 18 ลมหายใจสุดท้ายของอาจารย์

    ลมหนาวปลายฤดูพัดผ่านสันเขาต้าหลาน ดอกบ๊วยผลิดอกเต็มกิ่ง ท่ามกลางผืนหิมะที่ยังไม่ละทิ้งกลิ่นไอเยือกเย็นหยางเหวินและไป๋หรูอวิ๋นยืนอยู่เบื้องล่างยอดเขา สายตาจับจ้องเส้นทางที่เคยเดินผ่านมาเมื่อหลายเดือนก่อน“มันคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง” หยางเหวินกล่าว พลางยกมือแตะอก “ข้ารู้ว่าพลังทั้งหมด จะต้องจบลงที่นี่”“และจบลงกับเขา หลัวซิง” ไป๋หรูอวิ๋นพูดแผ่วเบา ดวงตาคล้ายมีหมอกบางแห่งความรู้สึกค้างคาทั้งสองปีนสู่ยอดเขาอย่างช้า ๆ ฝ่าลมหนาว หิมะ และเสียงลมหายใจของธรรมชาติที่ยังคงเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่งเมื่อถึงลานหน้าศาลาพักเก่า เสียงกระแอมหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน“เจ้ากลับมาแล้วหรือ”เสียงนั้นมาจากหลัวซิง ผู้ชราลงกว่าเดิม แต่แววตายังแจ่มกระจ่างราวกับเคยเฝ้ามองใต้หล้าอย่างลึกซึ้ง“ท่านอาจารย์” หยางเหวินประสานมือคารวะด้วยความเคารพ “ข้ากลับมา พร้อมคัมภีร์”หลัวซิงเดินออกมาช้า ๆ มือหนึ่งถือไม้เท้า อีกมือแนบหลัง “เจ้าจึงรู้แล้ว ว่าแท้จริง พลังนั้นไม่ใช่สิ่งที่ถือครอง แต่คือสิ่งที่มอบ”หยางเหวินพยักหน้า “และข้าจะมอบมัน อย่างที่ท่านเคยมอบลมหายใจแรกให้ข้า”หลัวซิงหัวเราะเบา ๆ “ถ้าเช่นนั้น ข้าก็พร้อมแ

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   บทที่ 17 ความจริงจากสำนักฟ้าเทียน

    รุ่งเช้า ณ ริมผาสูงทางตะวันตกเฉียงเหนือของอาณาเขตสำนักฟ้าเทียน แดดยามเช้าส่องลอดม่านหมอกคลี่ตัวบางเบา ขณะที่หยางเหวินกับไป๋หรูอวิ๋นยืนอยู่หน้าแท่นหินจารึกโบราณที่แทบจะถูกเถาวัลย์กลืนกินจนหมด“นี่คือประตูขั้นแรกของเขตต้องห้ามสำนักฟ้าเทียน” ไป๋หรูอวิ๋นกระซิบหยางเหวินใช้ปลายนิ้วสัมผัสลวดลายโบราณบนแผ่นหิน มีลายเส้นหนึ่งที่เหมือนกระแสลมหายใจคดเคี้ยวขึ้นฟ้า“นี่ไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ นี่คือแบบฝึกลมหายใจสายหนึ่ง” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ใช่” นางพยักหน้า “ท่านอาจารย์เคยบอกว่าหากลมหายใจของผู้ใดเข้าถึงจังหวะที่จารึกนี้ปรากฏ ประตูสำนักจะเปิดออกเองโดยไม่ต้องใช้แรง”หยางเหวินนั่งลงขัดสมาธิ ฝึกปราณหน้าจารึกนั้นทันที ไป๋หรูอวิ๋นนั่งลงข้าง ๆ เขา หลับตาแนบแน่น ปรับลมหายใจให้นิ่งเฉกเช่นกัน แม้ไร้ชีพจรของตน แต่นางยังฝึกเพื่อร่วมสภาวะกับเขาให้มากที่สุดลมหายใจแรกคือสายหมอก ลมหายใจที่สองคือเสียงของเขา และลมหายใจที่สามคือเสียงของใต้หล้าที่ไร้คำพูดผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เสียงกึกเบา ๆ ดังขึ้นที่แท่นหิน จากนั้นพื้นหินตรงหน้าก็สั่นไหว เผยบันไดหินทอดลึกลงไปเบื้องล่าง“เปิดแล้ว”หยางเหวินลืมตา ดวงตาเปล่งประกายเงี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status