...มนตราคือชื่อของฉันหรือที่ใครหลาย ๆ จะรู้จักในนามว่า...มนต์...ปัจจุบันฉันทำงานในตำแหน่งเลขาให้กับประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับอาเซียน ตำแหน่งที่ใคร ๆ ก็ต่างถวิลหาอยากจะเข้ามาอยู่ในจุดจุดนี้ นั่นก็เพราะไม่ใช่แค่เงินเดือนและสวัสดิการของบริษัทนี้ที่ดีเท่านั้น แต่ทว่า...ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันนั่นก็คือ การได้ใกล้ชิดกับท่านประธานของบริษัทแห่งนี้ที่ทั้งเก่งแถมยังหล่อติดอันดับหนุ่มฮอตผู้ทรงอิทธิพลของสังคมที่นิตยสารไฮโซระดับอาเซียนมอบให้อีกด้วย
...แต่ก็นั่นแหละเพราะด้วยความหล่ออีกทั้งเสน่ห์ที่มากล้นเกินต้านของท่านประธานสุดฮอต มีหรือที่คนอย่างฉันจะไม่หลงใหลไปกับรูปโฉมและความสามารถเหล่านั้นของเขา เพราะฉันเองก็เป็นเหมือนกับผู้หญิงหลาย ๆ คนที่ใฝ่ฝันจะได้ใกล้ชิดและแอบปลื้มผู้ชายที่เก่งรอบด้านไม่ต่างกัน เพียงแต่ด้วยสถานะของฉันที่เป็นเลขานั้น มันจึงทำให้ฉันทำได้เพียงแค่เก็บงำความรู้สึกนั้นไว้ในใจ
แต่ทว่า...เพราะไอ้ความปลาบปลื้มที่นับวันรังแต่จะทวีเพิ่มพูนไม่หยุด...มันได้มอมเมาจนฉันเริ่มปล่อยตัวปล่อยใจอาจหาญกระทำการบางอย่างลงไปอย่างไร้สติไม่คิดหน้าคิดหลัง เพียงเพราะคิดว่ามันจะเป็นความลับที่จะไม่มีใครล่วงรู้ได้...แต่สุดท้ายแล้วความลับไม่มีในโลกฉันใดก็ฉันนั้น...เพราะเมื่อวันหนึ่งความลับที่เก็บงำมานานถูกจับได้ จนกลับกลายมาเป็นหายนะที่ทำลายชีวิตฉันไม่มีชิ้นดี...และด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ฉันเองก็ไม่อาจโทษใครได้เลย...นอกจากตัวเอง...เท่านั้น...
ปั่ก...ปั่กๆๆ
“อื้ออออ ~~ สะ...เสียว”
“ตอดดีเหลือเกิน...มนต์...มันทำให้ผมคลั่ง! นะรู้ไหม!! ทั้งเสียงช่วงล่างของคุณมันดีเหลือเกิน...อ่าาาาส์ ~~”
ร่างบางนอนเปลือยเปล่าอยู่บนสังเวียนนุ่มขนาดใหญ่กำลังอ้าขาสนองตัณหาและราคะให้กับชายหนุ่มที่กำลังสอดแก่นกายขนาดใหญ่รุกล้ำเข้าออกอยู่ตรงกึ่งกลางกายสาวอยู่ในขณะนี้ด้วยร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่พร่างพราวไปทั่วทั้งตัว
“อ๊ะ...อ๊ะ...มะ...มนต์...จะไม่ไหวแล้ว”
“ผมก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน...อืมมมม ~~”
เสียงสอดประสานส่งออกมาด้วยความกำหนัดของผู้ชายที่กำลังโยกย้ายขยับบั้นเอวอย่างบ้าคลั่งอยู่บนตัวฉันอยู่ในขณะนี้ก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก ทายาทตระกูลดังอีกทั้งยังเป็นประธานบริษัทรุ่นที่ 4 ของบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับอาเซียนอย่าง รุ่งเรืองโรจน์รัตนกิจ คนที่ฉันเพิ่งเอ่ยถึง คุณวาคิม รุ่งเรืองโรจน์รัตนกิจ ผู้ซึ่งเป็นเจ้านายของฉันนั่นเอง...
และถ้าหากจะถามว่าเรื่องราวของเราสองคนมาถึงจุดนี้ได้ยังไง คำตอบเดียวที่ยังคงก้องอยู่ในใจของฉันเสมอมาก็คือประโยคประโยคหนึ่งในท่วงทำนองหนึ่งที่ว่า (~~ ดั่งขุมนรกอเวจีชังหรือสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์แกล้ง ~~) (หลบพี่ลิขเขาหน่อย) (> /l\ <) เพราะฉันคงไม่มีทางลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นไปได้เลย...
ย้อนกลับไปถึงวันที่เกิดหายนะขึ้น...
ณ บริษัทรุ่งเรืองโรจน์รัตนกิจ
--- มนตรา Talk ---
6.30 น
ณ เวลานี้เป็นเวลาที่ฉันมักจะมาถึงที่ทำงานในทุก ๆ เช้าก่อนใครเสมอ แม้ใครหลาย ๆ คนมักจะมองว่าฉันเป็นคนขยันทุ่มเทให้กับงานมากแค่ไหน แต่ทว่า...ใครเล่าจะล่วงรู้ถึงความเป็นจริงอันดำมืดของฉันที่เก็บงำเอาไว้ในใจอยู่นานแล้วถึงเหตุผลที่แท้จริงของตัวเองที่ต้องมาทำอะไรบางอย่างในทุก ๆ เช้าเฉกเช่นวันนี้...
ติ๊ดดด ~~ แกร๊ก~~
เสียงสแกนนิ้วมือพร้อมกับแรงดันประตูเปิดเข้าไปภายในห้องทำงานส่วนตัวแบบ VIP ที่อยู่ชั้นบนสุดของอาคาร ห้องที่นอกจากจะเป็นห้องทำงานของฉันแล้ว มันยังเป็นห้องของผู้บริหารยักษ์ใหญ่ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของบริษัทแห่งนี้อีกด้วย
รอยยิ้มแย้มสดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยเหมือนเช่นเคย หลังจากที่ร่างบางเดินเข้ามายังห้องทำงานได้แล้ว จากนั้นสองขาเรียวสวยก็ก้าวเท้าเดินตรงดิ่งไปยังโต๊ะประจำตำแหน่งที่แสนจะภาคภูมิใจของตัวเอง ตำแหน่งที่ฉันได้มันมาด้วยความสามารถของตัวฉันเองทั้งสิ้น
ความรู้สึกถึงความภาคภูมิใจฉายเข้ามาในห้วงความคิดเหมือนเช่นเคยยามที่ฉันนึกถึงวันที่ฉันได้เข้ามาทำงานในตำแหน่งเลขานี้ เพราะนอกจากตำแหน่งนี้จะทำให้ฉันได้รับความยำเกรงจากเหล่าผู้จัดการแผนกต่าง ๆ แล้วนั้นตำแหน่งของฉันก็ยังทำให้หญิงสาวหลาย ๆ คนทั้งในและนอกองค์กรต่างรู้สึกอิจฉาไปตาม ๆ กันอีกด้วย ด้วยเหตุเพราะฉันได้มีโอกาสทำงานใกล้ชิดกับนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นที่บริหารกิจการธุรกิจจนแซงหน้าคนหนุ่มวัยเดียวกันชนิดที่ว่าไม่เห็นฝุ่น จนทำให้บริษัทแม่และบริษัทในเครืออีกหลายแห่งก้าวหน้าไต่ติดอันดับระดับอาเซียนภายในเวลารวดเร็ว และด้วยความสามารถของเขาก็ส่งผลทำให้เขากลายเป็นนักธุรกิจหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรงที่ประสบความสำเร็จโดยใช้เวลาแค่ไม่กี่ปี
และนอกจากความสามารถอันโดดเด่นในการบริหารธุรกิจของเขาแล้ว สิ่งที่ไม่ด้อยไปกว่ากันเลยนั่นก็คือ...ใบหน้าอันหล่อเหลาและรูปร่างอันสมส่วนชนิดที่ว่าความงามของเขานั้นส่งให้เขาติด TOP 10 ผู้ชายที่ผู้หญิงหมายปองมากที่สุดของนิตยสารระดับอาเซียนเลยทีเดียว จนเหล่าเซเลปแมวมองทั้งหลายต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวว่าถ้าหากเขาไม่ได้เป็นนักธุรกิจแล้วล่ะก็ เขาคงเป็นดาราหรือนายแบบระดับแนวหน้าได้สบาย ๆ
สิ้นความคิดถึงเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับผู้ชายที่เป็นเจ้าของห้องทำงานนี้ ฉันก็รีบจัดการเก็บสัมภาระของตัวเองให้เสร็จเรียบร้อยโดยเร็วทันที เพราะฉันไม่อยากปล่อยเวลาให้ผ่านลวงเลยไปจนไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองตั้งใจมาทำตั้งแต่เช้าแบบนี้ และถึงแม้ว่าคนภายนอกจะมองหรือคิดกันเอาเองว่าสาเหตุที่ฉันมาทำงานแต่เช้าคงเป็นเพราะว่าฉันขยันต้องรีบมาเคลียร์งานและจัดการทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อยก่อนที่เจ้านายหนุ่มสุดหล่อจะเริ่มทำงาน แต่ทว่า...ในความเป็นจริงแล้วนั้น...สิ่งที่ทุกคนไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าสาเหตุที่แท้จริงที่ฉันมาทำงานตั้งแต่เช้าจะเป็นเพราะว่าฉันต้องการมาเก็บเอากลิ่นอายของเจ้านายคนโปรด กลิ่นอายที่ยังคงอบอวลอยู่ในสถานที่ที่เคยมีตัวตนของเขาอยู่ อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่เขาทิ้งลมหายใจเอาไว้ และในความเงียบสงบที่แสนรัญจวนใจใครจะไปรู้ว่าบรรยากาศเหล่านั้นมันจะกลับทำให้ฉันรู้สึกมีความสุขและมีพลังที่จะทำงานในทุก ๆ วัน...
จากนั้นร่างระหงก็ไม่รอช้าเริ่มลุกขึ้นเดินกรีดกรายสูดเอาอากาศที่มีทั้งกลิ่นอายและลมหายใจของผู้ชายที่ฉันแอบปลื้มเข้าไปอย่างเต็มปอดด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจ เขาเป็นผู้ชายที่ฉันแอบปลื้มมาตลอดหลายปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ก่อนที่จะมาสมัครเข้าทำงานที่นี่ด้วยซ้ำ เพราะด้วยความที่เขาเป็นผู้ชายเพอร์เฟกต์และเก่งในทุก ๆ ด้าน และตามที่ฉันได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเขามาก่อนที่จะเข้ามาสมัครแข่งขันในตำแหน่งเลขานี้ ข้อมูลเหล่านั้นจึงทำให้เขาเป็นเหมือนต้นแบบของการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานสำหรับฉัน ฉันที่ทั้งชื่นชมและอยากเอาเขาเป็นเยี่ยงอย่างในด้านการทำงานมาโดยตลอด ดังนั้นฉันจึงภาคภูมิใจมากที่ได้มาทำหน้าที่เป็นเลขาของเขาและได้อยู่ข้างเขาคนเก่งอย่างเขาแบบนี้...
แต่เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่เขายิ่งทำให้ฉันปลื้มใจนั่นก็คือ เขาไม่เคยมีท่าทีคุกคามฉันหรือทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจเวลาที่ทำงานกับเขาเลยสักนิด แม้ว่าเขาจะได้ชื่อว่ามีผู้หญิงมากหน้าหลายตาก็ตาม แต่ส่วนใหญ่เวลาที่เราทำงานร่วมกัน เขาก็มักจะทำหน้านิ่งเคร่งขรึมวางตัวสุขุมอยู่ตลอดเวลาเป็นเจ้านายที่ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับลูกน้องคนไหนเลยแม้กับฉันเองที่เป็นเลขาเขามานานก็ตาม แต่ถ้าจะมีก็คงมีแค่คนเดียวนั่นก็คือลูกน้องคนสนิทที่เป็นทั้งบอดี้การ์ดและเลขาอีกคนของเขาเท่านั้นเอง
ฉันเดินไปทั่วทั้งห้องพร้อมกับนึกไปถึงใบหน้าคมเข้มที่มักจะดูมีเสน่ห์เหลือล้นยามที่เขาวุ่นอยู่กับงาน ท่วงท่าที่เขามักจะวางตัวจริงจังจนพานทำให้ฉันต้องเป๊ะตามไปด้วยแต่กลับกลายเป็นผลดีต่อตัวฉัน แม้ว่าฉันจะกลายเป็นเลขาที่ใคร ๆ ต่างให้ฉายาว่าเลขาหน้าตายแต่มันก็ไม่ได้กระทบกับการใช้ชีวิตของฉันในบริษัทแห่งนี้เลยสักนิด ตรงกันข้ามฉันยิ่งรู้สึกดีและยิ่งหลงใหลในตัวเขามากขึ้น เพราะถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชายพูดน้อยและมักจะวางมาดดุดันอยู่เสมอ แต่สำหรับฉันเขาช่างมีเสน่ห์ไม่เหมือนใครและดึงดูดใจฉันให้หวั่นไหวยามที่ได้อยู่ใกล้ ๆ เขาทุกที
รอยยิ้มหวานเผลอผุดขึ้นยามที่คิดไปถึงใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขาอย่างไม่อาจห้ามได้ แม้ว่าเขาจะมองฉันเป็นเพียงแค่เลขา เป็นแค่พนักงานตัวเล็ก ๆ นอกสายตาไม่ได้สนใจอะไร แต่ถึงกระนั้นฉันก็พอใจกับสถานะของตัวเองตอนนี้ ได้เป็นเลขาที่อยู่ใกล้ ๆ เขา ได้อยู่เคียงข้างและคอยทำงานจัดการเรื่องนู้นเรื่องนี้ให้กับเขา และถึงแม้ว่าเขาจะมีเพียงแค่ความเฉยชาไร้ซึ่งรอยยิ้มยามที่ฉันทำงานได้ดีมาให้ก็ตามมันก็ไม่ได้ทำให้ความปลาบปลื้มชื่นชมในตัวเขาที่มีของฉันลดน้อยลงเลยสักนิดเดียว ตรงกันข้ามฉันกลับยิ่งรู้สึกหลงใหลและปลาบปลื้มเขามากยิ่งขึ้นเสียด้วยซ้ำ
ก่อนที่ฉันจะเดินสูดเอากลิ่นกายและความหอมที่อยู่ในห้องทำงานต่อด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขพร้อมหัวใจที่รู้สึกถึงอิ่มเอิบ คล้ายกับว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอมเฉพาะตัว และด้วยการกระทำที่เหมือนกับว่าสิ่งที่ทำอยู่ ณ ตอนนี้เป็นเสมือนภารกิจของตารางประจำชีวิตของตัวเองในยามเช้าไปแล้ว...ทำให้ฉันไม่รู้เลยว่าไอ้ความชะล่าใจถึงสิ่งที่ทำอยู่ในตอนนี้มันจะนำพาหายนะมาสู่ชีวิตตัวเองในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้แล้ว...
ความคิดมากมายยังคงถาโถมเข้ามาในสมองไม่หยุดยามที่ได้นึกถึงเรื่องราวเมื่อครั้งในอดีตวันวาน ความทรงจำที่ทั้งดีและร้ายแม้จะมีบางเหตุการณ์ที่ยังชัดเจนในใจ แต่ทว่า...มันกลับไม่มีผลต่อหัวใจหรือความรู้สึกสำหรับฉันอีกต่อไปแล้วอีกทั้งพอได้นึกเรื่องราวเก่า ๆ ที่ผ่านมา ครั้นเมื่อคิดไปถึงเรื่องของคุณวาคิมแล้ว มันก็อดไม่ได้ที่จะคิดไปถึงเรื่องราวของผู้ชายอีกคนที่แสนร้ายกาจไม่ต่างกัน...และเขาคนนั้นก็จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก...คุณไผ่...เรื่องราวของคุณไผ่นั้นนับได้ว่าเขาเป็นคนที่ได้รับผลของการกระทำมากที่สุดก็ดูจะไม่ผิดไปอย่างที่พูด เพราะแม้ว่านับตั้งแต่วันนั้นเขาจะไม่ได้มาวุ่นวายอะไรกับฉันอีก ด้วยเหตุผลหลักที่ฉันพอรู้ก็คือเขาไม่อยากมีปัญหากับคุณมาติน บุคคลที่มีคนใหญ่คนโตของประเทศหนุนหลังอยู่ ดังนั้นจึงไม่ใช่การตัดสินใจที่ยากนักที่เขาจะเลิกยุ่งกับฉันหลังจากที่รู้ว่าฉันได้มาอยู่กับคุณมาตินแล้วจริง ๆเพียงแต่ว่าหลังจากนั้นไม่กี่ปีข่าวคราวที่ฉันได้ยินเกี่ยวกับคุณไผ่เขา มันกลับทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะท้อนใจกับสิ่งที่เขาต้องเผชิญ...นั่นก็เพราะหลังจากที่เรื่องราวของความจริงในอีกด้านได้ถูกเปิดเผยขึ้น
หลายปีต่อมา ~~นับตั้งแต่คืนวันแต่งงาน ทั้งฉันกับคุณมาตินก็ต่างมอบความรักให้กันอย่างดูดดื่มแทบจะทุกวัน จนกระทั่งสุดท้ายแล้วสิ่งที่เขาปรารถนาที่จะได้จากฉันก็สำเร็จเมื่อฉันได้ให้กำเนิดลูกชายอีกคนที่เป็นดั่งโซ่ทองคล้องใจให้กับคุณมาติน ส่วนเขาที่พอได้ลูกชายก็ออกอาการดีใจเห่อไม่หยุด และแม้ว่าฉันจะรู้ดีว่าเขาเองก็อยากจะมีลูกกับฉันเพิ่มอีกก็ตาม เพียงแต่เขานั้นยังไม่กล้าเอ่ยปากขอออกมาด้วยเพราะเขากลัวว่าฉันจะไม่พอใจแต่สิ่งที่เขาไม่รู้เลยก็คือ...ตัวฉันเองก็คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าฉันจะมีลูกให้กับเขาอีก เพียงแต่ฉันอยากจะเลี้ยงลูกชายให้โตกว่านี้อีกสักหน่อยก่อน แล้วค่อยมีลูกให้เขาอีกคนอีกทั้งฉันที่ยังรู้สึกตื้นตันใจในความเสมอต้นเสมอปลายของเขาที่มีให้มาเสมอไม่ว่ากับฉันหรือลูกของฉันก็ตาม เขาที่ยังคงเอ็นดูสเตล่าลูกสาวของฉันที่เกิดกับคุณวาคิมเสมือนกับเป็นลูกในไส้ตัวเองเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง เหมือนกับวันแรกที่ลูกสาวของฉันคลอดออกมาอย่างไงก็อย่างงั้น แถมยังดูว่าเขาจะรักลูกสาวฉันมากขึ้นด้วยซ้ำนับตั้งแต่ที่ฉันคลอดลูกชายออกมาส่วนข่าวคราวของคุณวาคิมพ่อแท้ ๆ ของลูกสาวฉัน แม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาจะไม่ลด
พั่บ...พั่บๆๆๆ“อ๊ะ...อ๊ะ...อือออออ...มาตินค่ะ...อ่าาาาา ~~” ใบหน้าหวานเชิดขึ้นร้องครวญครางกระเส่าเสียงดังลั่นห้อง อีกทั้งมือบางทั้งสองข้างยังยกขึ้นมากอบกุมสองเต้างามงอนแล้วจัดการบีบขยี้เล่นอย่างต้องการระบายความเสียวที่กำลังตีมวนอยู่ในท้องน้อยยามนี้“อ่าาาาา...มนต์...ผมรักคุณ...มนต์...ซี๊ดดดดด ~~” ส่วนคนตัวโตที่มีใบหน้าเหยเกไม่ต่างกันก็กำลังกัดฟันแน่นด้วยความกระสัน พร้อมกับลำเอ็นที่กำลังจะปะทุลาวาสีขาวขุ่นออกมาอีกครั้งแล้ว แม้ว่าเขาจะปลดปล่อยมันไปมากมายก่อนหน้านี้แล้วก็ตามและด้วยเสียงร้องคำรามที่ออกมาจากคนใต้ร่าง ก็เป็นเหมือนดั่งแรงส่งให้ร่างบางเร่งขยับขย่มลำเอ็นแข็งระรัวถี่ยิบ จนกระทั่งเมื่อร่องอุ่นเสียดสีเข้ากับปลอกเนื้อหยุ่นอีกเพียงไม่กี่อึดใจ แรงกระตุกตอดของมัดกล้ามเนื้อด้านในก็ได้ส่งให้ร่างทั้งสองก็ต่างกู่ก้องร้องคำรามลั่นออกมาด้วยความสุขสมอย่างพร้อมเพรียงกัน“กรี๊ดดดด...อร๊ายยยย ~~ / อ่าาาาส์ ~~”ความร้อนอุ่นสาดซัดเข้าเต็มท้องน้อยอีกครั้งจนรู้สึกได้ พร้อมกับร่างนุ่มนิ่มที่ทิ้งตัวลงไปนอนบนอกแกร่งอย่างอ่อนแรง ทั้งที่ในร่องสาวยังคงปล่อยให้ครอบงำกลืนกินเอ็นอุ่นอยู่แบบนั้นด้วยเพราะแ
กระทั่งเมื่อฉันหลับตาพักอยู่ได้ไม่นานมากนัก อาวุธร้ายที่ยังคงสอดเสียบอยู่ในร่องอุ่นก็เหมือนจะแสดงอำนาจร้องขอออกมาอีกครั้งจนฉันรู้สึกได้“อะ...อุ้ย...”ฉันที่เด้งตัวขึ้นมามองหน้าของคุณสามี ก่อนที่เขาจะอมยิ้มแล้วพยักหน้าน้อย ๆ ดูเหมือนเด็กน้อยกำลังขอความเมตตาจากผู้ใหญ่ด้วยเพราะตัวเองยังกินไม่อิ่ม ส่วนฉันที่ได้แต่ยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งไปให้เขาดั่งคนรู้ใจ ก่อนที่เราสองคนจะทำตามใจปรารถนาที่ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่า เรานั้นมีความต้องการกันและกันมากแค่ไหนพั่บ...พั่บ...พั่บๆๆ"อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊ะ... / อืมมมมม ~~"จากนั้น...บทเพลงสวาทแสนเร่าร้อนจนอุณหภูมิในห้องน้ำพุ่งระอุ เสียงร้องครางกระเส่าประสานกับเสียงเนื้อนุ่มกระทบกันไม่หยุด เป็นสัญญาณบอกได้ดีว่าสองร่างที่เป็นเงาสะท้อนเคลื่อนกระเพื่อมไปในทิศทางเดียวกันนั้น ต่างมีความสุขกันมากแค่ไหน ความซาบซ่านที่ทั้งสองรอคอยกันมานานจนกระทั่งต่างคนต่างมั่นใจในความสัมพันธ์ครั้งนี้แล้ว มันช่างหอมหวานและกลมกล่อมคู่ควรกับที่ทั้งคู่รอคอยมานานจริง ๆก่อนที่ร่างบางจะถูกอุ้มยกตัวลอยอีกครั้ง โดยที่ภายในร่องฟิตแน่นของหญิงสาวนั้นยังมีท่อนเอ็นอุ่นคาอยู่เหมือนว่ามันไม่เคยถอดถอนไปไหน
แผล็บ ~~ จ๊วบ...จุ๊บ...ทั้งลิ้นทั้งริมฝีปากที่ต่างสลับกันทำหน้าที่อย่างขะมักเขม้น ส่งผลทำให้นอกจากร่างกำยำที่เกร็งรับความเสียวซ่านแล้ว ยังมีแท่งกล้ามเนื้อร้อนที่ตอนนี้ขยายร่างพองจนตัวโตชี้ตั้งโด่เชื้อเชิญให้ฉันลงไปทักทายจากนั้นร่างสาวที่ค่อย ๆ ย่อหย่อนกายคุกเข่านั่งลงไป จนเมื่อสายตาได้ประสานเข้ากับความใหญ่โตที่พอได้มองใกล้ ๆ แล้วจำต้องแอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ(ยะ...ใหญ่ไปไหม เฮือก ~~)ดวงตาที่เบิกโพลงด้วยเพราะกำลังการคาดคะเนว่ามือบางอาจจะกำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ไม่มิด แล้วนับประสาอะไรกับโพรงปากเล็กนุ่มนิ่มนี้จะครอบงำตัวตนที่ทั้งใหญ่ทั้งยาวนี้ให้ลงคอไปง่าย ๆ ได้ยังไง...และในขณะที่ฉันกำลังตกตะลึงและพิจารณาตัวตนของสามีตัวเองอยู่นั้น เสียงที่เหมือนต้องการจะบอกว่าฉันไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้กับเขาอย่างที่เขาทำให้กับฉันก็ได้ ก็กลับถูกการกระทำบางจู่โจมลงไปจนเสียงห้ามทุ้มถึงกับขาดหายออกมาไม่เต็มคำ“คุณไม่ตะ...ต้..อ....ง”จ๊วบ...แผล็บ ~~“อ๊ะ...อืมมมมม ~~”ปากอวบอิ่มที่ตรงเข้าจัดการครอบงำความใหญ่โตตรงหน้าเข้าใส่ปากไปในทันที ก่อนจะเริ่มขยับหัวโยกรูดหนังหยุ่นขึ้นลงอย่างไม่รีรอแม้ว่าปากจะต้องอ้ากว้า
จุ๊บ...จ๊วบ ~~ “อึก...อึก...”เสียงดูดกินหน้าอกอวบขนาดใหญ่ ผสานเข้ากับเสียงกลืนของเหลวลงคอ และเมื่อสองเต้าได้สลัดอาการคัดนมไปจนหมดแล้ว ความเสียวซ่านที่ต่อคิวรอก็ได้เข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว“อื้ออออออ...ซี๊ดดดดด...สะ...เสียว ที่รัก...มนต์เสียว...”น้ำเสียงหวานครางกระเส่าพร้อมกับมือที่ขยำเรือนผมเจ้าของความร้อนที่ครอบงำอยู่บนปลายปทุมถันแน่น และด้วยความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นก็ยิ่งส่งให้มือบางกดให้ริมฝีปากนั้นจมลงไปในเนื้อนุ่มอย่างเต็มปากเต็มคำ“อืมมมมม...จ๊วบ...ผมรักคุณนะมนต์...แผล็บๆๆ”ส่วนเจ้าของริมฝีปากร้อนระอุที่ยังคงสาละวนอยู่ที่สองเต้าไม่หยุด ก็ได้แต่ดูดดื่มความหวานไม่ปล่อย อีกทั้งยังพร่ำบอกความในใจออกมาให้ฟัง“อ่าาาา...มาตินค่ะ มะ...มนต์จะไม่ไหวแล้ว”สิ้นเสียงกระเส่าครางบอก...คนตัวโตก็ไม่รอช้า รีบผละใบหน้าออกจากความใหญ่โตที่ทั้งหอม ทั้งนุ่ม และหวานอร่อย จนเขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมลูกสาวตัวน้อยถึงมักจะกินจุและมักจะหลับคาเต้าอวบอิ่มคู่นี้อยู่เสมอ และนับจากวันนี้เขาคงต้องขอลูกสาวตัวน้อยแบ่งความอร่อยจากสองเต้านี้มาบ้างแล้วล่ะ...จากนั้นใบหน้าคมสไตล์หนุ่มละตินก็เคลื่อนลงไปสำรวจยังจุดหมายต่อ