หลังจากวางสายของโรมันไปบลูเบลล์ก็รีบไปจัดการเช็คของที่กำลังถูกนำมาส่งเข้าร้านเครื่องเขียนของเธอ
“ถ้ารีบไปก่อนก็ได้นะคะคุณเบลล์ เดี๋ยวฉันดูแลต่อให้” ผู้จัดการร้านสาวบอกเมื่อเห็นว่าเจ้านายของตนนั้นจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว เอาแต่มองนาฬิกาข้อมือกับมองของที่กำลังถูกขนเข้ามาวางกลางร้านสลับกันไปมา “จะรีบไปไหนล่ะคะไม่ได้รีบเลย” “อ่อ คิดว่าจะรีบไปให้กำลังใจคุณโรเห็นว่าเขากำลังมีปัญหาเรื่องแบรนด์น้ำหอมนี่คะ” “เขาก็มีสาวๆ ของเขามาคอยให้กำลังใจอยู่ แต่..ถ้าไงไปก่อนนะคะ” พูดค้างไว้แค่นั้นก็ยัดกระดาษในมือที่ไว้จดเช็คของที่มาลงนั้นให้ผู้จัดการสาวแล้วก็เดินออกจากร้านไปขึ้นรถแล้วขับออกไป ปล่อยให้ผู้จัดการสาวอย่างคริสตาได้แต่ส่ายหน้าให้เบาๆ แล้วก็มาทำหน้าที่เช็คของแทนเจ้านายต่อ “ป้าคะ เอาข้าวหมูแดงกล่องหนึ่งแล้วก็บะหมี่เกี๊ยวถุงหนึ่งค่ะ” เสียงหวานของบลูเบลล์สั่งอาหารกับคนขายที่ร้านใกล้ๆ กับคอนโดของโรมันและก่อนหน้านี้เธอก็แวะซื้อผลไม้กับขนมหวานติดมือมาแล้วด้วย รอประมาณสิบกว่านาทีก็ได้ข้าวหมูแดงกับบะหมี่เกี๊ยว บลูเบลล์จึงขับรถไปหาที่จอดของคอนโดโรมันจากนั้นก็ขึ้นไปที่ห้องของเขาซึ่งใช้เวลาเคาะประตูไม่กี่นาทีเจ้าของห้องก็มาเปิดประตูให้ “ไหนบอกว่าเย็นๆ นี่เพิ่งบ่ายสองเอง” ร่างสูงเลิ่กคิ้วเอ่ยถามคนตัวเล็กที่หิ้วของกินอยู่เต็มมือ บลูเบลล์ไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่เดินเข้าไปในห้องส่วนโรมันก็ล็อคประตูแล้วเดินมานั่งข้างเพื่อนสาว “กลัวนายจะอดตายก่อน” “เป็นห่วงล่ะสิ” “เปล่า?” “ปากแข็ง” ว่าพลางเดินไปหยิบจานกับช้อนมาจัดการกับอาหารตรงหน้า คือเอาจริงไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าจริงๆ อ่ะ หากบลูเบลล์ยังไม่มาเขาก็ตั้งใจจะลงไปหาอะไรกินก่อนอยู่ดีเพราะคิดว่าหากรอถึงเย็นได้เป็นลมตายแน่ “แล้วให้ฉันมาหาทำไม?” ร่างบางเอ่ยถามหลังจากโรมันโซ้ยอาหารที่เธอซื้อมาให้หมดภายในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที “มานอนด้วยกันไง” ตอบแล้วก็เดินไปจานชามไปแช่ไว้แล้วกลับมานั่งข้างเพื่อนสาวที่ก็ขยับถอยหนีเขาเล็กน้อย “ใครจะนอนกับนายไม่ทราบ?” “เธอไง ก็ฉันให้เธอมานอนด้วยนี่นา อยากได้กำลังใจ” “สู้ๆ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว” “อย่าใจร้ายหน่อยน่า แค่ได้นอนกอดก็ยังดี” โรมันพูดแล้วก็ขยับไปนั่งชิดตัวของบลูเบลล์ มือหนายกขึ้นไปลูบเส้นผมที่เงาดำของเพื่อนสาวอย่างแผ่วเบา สายตาคมจับจ้องไปยังใบหน้าเรียวด้วยสายตาที่อ่อนโยนจนคนที่ถูกมองนั้นต้องหันมามองหน้าเขา “แล้วไม่ได้ทำงานต่อเหรอ?” จากนั้นก็เอ่ยชวนเขาคุยเรื่องอื่นแทน เขาจึงส่ายหน้าให้เบาๆ แล้วซบหน้าลงบนต้นแขนของเธอ ที่เปลี่ยนเรื่องคุยเพราะคิดว่าหากคุยเรื่องแบบนี้คนอย่างโรมันต้องพาลงลึกไปไกลกว่าแค่นอนกอดแน่ “หมดแรงจะทำแล้ว แต่มีแรงทำอย่างอื่นนะ” เศร้าไม่ได้ถึงวิก็เข้าเรื่องหื่นต่อจนบลูเบลล์ต้องผลักใบหน้าของเขาให้ออกห่างจากแขนของเธอ ยิ่งอายุเยอะก็ยิ่งจะโฟกัสเรื่องหื่นกามเธอล่ะเชื่อจริงๆ เลย “เลิกหื่นกับฉันสักทีเถอะ” “ไม่อ่ะ หอมแก้มหน่อย” แล้วอยู่ๆ เขาก็ขยับใบหน้ามาใกล้กับปากของเธอทำเอาบลูเบลล์ถึงกับต้องขยับตัวหนีเขาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ขอร้องล่ะใครก็ได้มาแบ่งความหื่นความมึนของหมอนี่ไปสักทีได้มั้ย “นี่เบลล์ แค่หอมแก้มเองนะ” “นายนี่…” “นะครับ หอมแก้มหน่อยจะได้มีกำลังใจ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มบอกด้วยท่าทางที่ออดอ้อนแบบสุดๆ ใครเจอแบบนี้บอกเลยกว่าก็ต้องใจอ่อน ฟอดด! เธอหอมแก้มของเขาเบาๆ แล้วก็หันมามองตรงไปด้านหน้าไม่กล้าที่จะสบตาคนข้างกายเพราะรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมายังไงไม่รู้ ในใจก็ได้แต่ภาวนาอย่าให้เขาเห็นเลยว่าเธอกำลังเขินน่ะ! “คืนนี้นอนด้วยกันนะ” “ดูก่อน” “ดูอะไรอีก เบลล์ครับ…” “นอนก็ได้ นายเลิกทำน้ำเสียงแบบนี้ใส่ฉันสักทีได้มั้ย?” น้ำเสียงที่เธออธิบายไม่ถูกอ่ะ มันนุ่มนวล อ่อนหวานกับท่าทางและแววตาที่ออดอ้อนมันเลยทำให้เธอใจอ่อนใจระทวยไปหมดแล้วเนี่ย “ทำไม เธอไม่ชอบเหรอ?” “ไม่!” “อืม แต่ฉันชอบนะเวลาเธอหน้าแดงแล้วมันน่ารักดี…” เขาตอบด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ สายตายังคงจับจ้องไปที่คนตัวเล็กแทบจะตลอดเวลา การกระทำเช่นนี้ของเขาคงไม่ต้องนั่งเดานะว่าเขาคิดยังไงกับเพื่อนรักคนนี้ แน่นอนว่าเขาชอบเธอชอบจนเริ่มอายุเยอะก็ยิ่งไม่อยากให้ใครมายุ่งจึงต้องรีบรุกแบบนี้ไง “หยุดพูดไปเลย! ฉันไม่ได้เขินเพื่อนอย่างนายสักหน่อย” “ฉันไม่ได้อยากเป็นเพื่อนเธอนะ!” เมื่อได้ยินคำว่าเพื่อนโรมันก็รีบจับตัวของบลูเบลล์ให้หันมามองหน้าเขาแล้วบอกด้วยน้ำเสียงที่ขึงขัง “หรือนายอยากจะเป็นลูกล่ะ ฉันยินดีเป็นแม่ให้นะ” “แล้วลูกจะได้กินนมแม่มั้ย?” “ทะลึ่ง!” บลูเบลล์รีบสะบัดตัวออกจากโรมันทันที ถ้าเธอไปพูดให้คนอื่นฟังว่าโรมันมาอ้อนมาทำตัวหื่นใส่เธอไม่มีใครเชื่ออย่างแน่นอนเพราะนิสัยเขาก็เคยบอกไปแล้วว่าค่อนข้างจะนิ่งเงียบออกไปทางเย็นชาเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น แต่พออยู่กับเธอนะกลายเป็นคนละคนอย่างที่เห็นนี่แหละ “ฉันอยากเป็นผัว เป็นผัวเธอน่ะ!” “พูดอะไรก็ไม่รู้” “พูดจริงนะ เธอก็โสดฉันก็โสดเรามาคบกันดูมั้ย?” “…ไม่” “ฮึ! ก็ได้” ตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ แล้วก็ขยับถอยหนีบลูเบลล์ออกมานั่งติดพนักพิง บอกเลยว่าไม่ได้ยอมแพ้แต่คืนนี้เสร็จแน่บอกเลย ไม่ปล่อยให้ไปเป็นของคนอื่นหรอกอยู่เล่นด้วยมาตั้งแต่เด็กแล้วก็อยู่เล่นด้วยกันไปจนแก่เฒ่าเลย ฮึ! “แล้วอย่าคิดทำอะไรที่ฉันไม่ชอบนะ อย่าคืออย่าให้รู้เรื่องด้วย” และเหมือนว่าเพื่อนสนิทอย่าบลูเบลล์จะรู้ทันความคิดของเพื่อนหนุ่มจึงต้องเอ่ยปากบอกไว้ก่อน ทำให้โรมันถึงกับยกแขนขึ้นมากอดอกส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกมา ก๊อกก๊อก! เสียงประตูห้องของเขาถูกเคาะจากด้านนอก โรมันจึงมองบลูเบลล์แล้วบุ้ยหน้าไปทางประตูห้องเพื่อให้เธอไปเปิด ซึ่งคนตัวเล็กก็ยอมลุกไปเปิดประตูแต่โดยดีเพราะคิดว่ามีคนอื่นมาอยู่ด้วยบางทีอาจจะปลอดภัยกว่าอยู่กับหมอนี่สองต่อสอง “เอ่อ พวกเรามาขัดจังหวะมั้ย?” ยอร์ชเอ่ยถามเป็นคนแรกแล้วเพื่อนอีกสองคนที่มาด้วยนั้นก็รีบชะโงกหน้ามามองบุคคลที่มาเปิดห้องอย่างบลูเบลล์ “น่าจะขัดจังหวะนะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาดีกว่า” แล้วผู้ชายคนที่เตี้ยที่สุดในสามคนนี้ก็เอ่ยต่อ “เข้ามาสิ” บลูเบลล์ไม่ได้พูดอะไรเยอะเพราะกำลังนึกชื่อผู้ชายอีกสองคน จากนั้นเธอก็เชิญพวกเขาเข้ามาด้านในพร้อมกับตัวเธอที่เดินกลับไปนั่งข้างโรมันบนโซฟาตามเดิม “มาร!!” คำเดียวสั้นๆ จากโรมันเมื่อเพื่อนทั้งสามคนมานั่งบนโซฟาตรงข้ามกับเขา และสายตาสามคู่นั้นก็จับจ้องมาที่เขาสลับกับบลูเบลล์อยู่แบบนั้น “เห็นสนิทกันแต่ก็ไม่คิดว่าจะพาเพื่อมาขึ้นคอนโดแบบนี้…แถมเพื่อนก็บอกว่าไม่มาแต่สุดท้ายก็มา” ยอร์ชเอ่ยแซวทั้งคู่โดยเฉพาะบลูเบลล์ที่บอกว่าจะไม่มาแต่สุดท้ายก็มา “ฉันแค่มาดูว่ามันจะตายหรือยัง” ร่างบางเอ่ยแก้ตัวไปอย่างข้างๆ คูๆ ทำเอาสามหนุ่มตรงหน้าถึงกับยิ้มออกมา “ฉันพูดจริงนะ พวกนายยิ้มกันทำไม?” จนเธอต้องถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ขึงขังให้พวกเขาได้เชื่อว่าที่พูดไปนั้นมันคือเรื่องจริง “เปล่า แค่เห็นว่าเธอสวยเหมือนอย่างที่ไอ้โรมันเอาไปพูดโม้กับพวกเราเลยนะ” ฟาร์มชายหนุ่มผิวขาวร่างสูงราวร้อยแปดสิบเก้าบอกด้วยรอยยิ้ม “ปกติก็เจอฉันทำไมเพิ่งมาชมตอนนี้ล่ะ?” หญิงสาวร่างเล็กถามเสียงอ่อน ไม่ใช่ว่ามไสนิทแจะไม่เคยเจอแต่เจอค่อนข้างจะบ่อยแต่ก็ไม่ได้ทักทายหรือพูดคุยอะไรกัน “ก็ ก็เธอสวยวันนี้” “พูดแบบนี้มึงจะบอกว่าวันอื่นเบลล์ไม่สวยหรือไง” เดลต้าบุคคลที่ตัวเตี้ยที่สุดในกลุ่มหันไปว่าเพื่อนหนุ่มที่ก็ได้แต่นั่งหัวเราะในลำคอ ส่วนยอร์ชนั้นเอาแต่นั่งเล่นหูเล่นตากับโรมันที่คิดว่าเล่นอีกหน่อยต้องโดนเจ้าโรมันหยิบแจกันดอกไม้ข้างตัวมาฟาดใส่หัวเขาแหงๆ “แล้วมาทำไรกัน?” จนสุดท้ายเจ้าของห้องอย่างโรมันก็ต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถามเพื่อนหนุ่มทั้งสามคน เอาจริงก็พอเดาได้จากถุงที่บรรจุขวดเหล้าขวดโซดารวมไปถึงน้ำแข็งที่วางจนมันละลายเปียกไปหมดอยู่บรเวณข้างประตูห้องนี่แหละ สามหนุ่มไม่มีใครตอบเพียงแต่พร้อมใจกันชี้นิ้วไปที่ถุงพวกนั้น “มาชวนมึงดื่มคลายเครียดไง ไม่คิดว่าจะมีสาวอยู่ด้วย…แต่พวกเรามาแบบนี้เธอคงไม่ว่าอะไรใช่มั้ย?” ฟาร์มตอบโรมันแล้วหันไปถามบลูเบลล์ต่อ หลายคนอาจจะสงสัยความสัมพันธ์ฉันเพื่อนของพวกเธอที่ทำไมสนิทกับโรมันแต่ไม่สนิทกับคนอื่น นั่นก็เพราะเธอเป็นแค่เพื่อนโรมันไงคนอื่นเธอก็แค่รู้จักผ่านๆ ว่าเขาคือเพื่อนของโรมันเพราะตอนเรียนมหาลัยเธอกับโรมันก็ไม่ได้เรียนคณะเดียวกันหรือสาขาเดียวกันเขาก็ไปมีเพื่อนของเขาเธอก็ไปมีเพื่อนของเธอแต่เธอกับเขาก็ยังเป็นเพื่อนสนิทเพื่อนรักกันอยู่ และเขากับเธอก็มักไปไหนมาไหนหรือไปเที่ยวด้วยกันหลังจากแยกกับเพื่อนของตัวเอง ก็อย่างที่บอกไปว่ากับเพื่อนสาวๆ เธอยังสนิทไม่ได้เท่าหมอนี่เลย “ไม่ว่าหรอกจะไปว่าอะไรล่ะ” “อืม จะว่าไปเราก็ยังไม่ได้มาทำความรู้จักกับเบลล์จริงๆ สักทีเลยรู้จักกันมาห้าหกปีแล้ว” ยอร์ชเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นซึ่งสองหนุ่มก็พยักหน้าเห็นด้วย มีเพียงโรมันที่นั่งหน้านิ่งเป็นก้อนน้ำแข็งอยู่ “แล้วอยากรู้จักอะไรฉันล่ะ?” “เธอโสดมั้ย?” “ก็…” “ไม่โสดกำลังจะมีกูเป็นผัว!” อ่า! คงรู้นะว่าใครเป็นคนตอบถ้าไม่ใช่โรมันก็เป็นใครไม่ได้แล้วแหละ เขารีบเอ่ยแทรกคำตอบของบลูเบลล์ไปอย่างรวดเร็วทำเอาเจ้าตัวเล็กถึงกับส่งสายตาค้อนควับไปให้แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะขี้เกียจเถียงไม่เมื่อยปากไง “กูถามเบล์ไม่ได้ถามมึงสักหน่อย!” “เดี๋ยวกูต่อยแม่ง!!” “ไอ้เหี้ยนี่เกรี้ยวกราด! เออกูไม่ยุ่งก็ได้!” ยอร์ชจึงต้องเป็นฝายยอมแพ้ ก็เป็นแบบนี้เกือบทุกรอบพอจะทำความรู้จักกับบลูเบลล์ก็ถูกมารผจญขัดจังหวะแบบนี้ซะทุกครั้งจนทำความรู้จักความสนิทกับเพื่อนสาวคนนี้ไม่ได้สักทีไง “มึงระวังลูกตามึงบ้างนะไอ้ฟาร์ม มองเบลล์บ่อยๆ เดี๋ยวก็ถูกไอ้ปีศาจนี่ควักลูกตาเอาหรอก” เดลต้าหันไปบอกฟาร์มที่ชอบลอบมองใบหน้าของบลูเบลล์อยู่หลายครั้ง เพราะคิดว่าหากยังมองอยู่เจ้าโรมันคงได้มาควักลูกตาหมอนี่ออกแน่ เขาจึงแค่นหัวเราะออกมาแล้วเดินไปหยิบถุงเครื่องดื่มทำลายตับไตนั้นเข้าไปในครัว“จะไปหาเองค่ะ คนปัจจุบันไม่ค่อยดี” เสียงหวานเอ่ยตอบแฟนหนุ่มที่ตอนนั่งเอาใบหน้าซบแผ่นหลังของเธออยู่ แต่พอได้ยินแฟนสาวพูดเช่นนั้นเขาจึงขยับมือมาโอบเอวของเธอไว้แล้วเปลี่ยนเป็นซบหัวไหล่ของเธอแทน“ฉันดีทุกอย่างนะ”“เหรอ ดีไม่ห่างเหินมากกว่ามั้ง”“อ่า อย่างชอบ ฮ่าๆ” เทสโตว่าพลางหัวเราะออกมาอย่างชอบใจกับคำพูดของบลูเบลล์ ต่างจากโรมันที่นั่งส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ คนอย่างหมอนี่ไม่โดนดีไม่ได้เลยมั้ง ปัก!! ไม่เพียงแต่คิดในใจโรมันยังคว้าขวดน้ำลิ้นจี่ที่วางอยูตรงหน้าของลูกหมีปาใส่เทสโต และมันก็โดนหัวหมอนั่นเต็มๆ“ไอ้โรมัน!!”“…เบลล์ครับดูหมอนั่นเรียกฉันสิ ไม่ให้เกียรติฉันเลย” น้ำเสียงอ่อนนุ่มของโรมันบอกแฟนสาวแล้วแลบลิ้นปริ้นตาใส่เทสโตที่หน้าแดงก่ำมีควันออกหูอยู่“แค่นี้ก็ต้องฟ้องเมีย!”“อังเปา! เธอหุบปากของเธอไปเลยนะแล้วนี่ทำไมต้องนั่งตัวติดกันขนาดนั้นกลัวคนอื่นไม่รู้ว่าอยู่ข้างเดียวกันหรือไง” ร่างสูงหันไปโวยวายใส่อังเปาทันทีที่โดนหล่อนว่าเช่นนั้น เขาไม่รู้ว่าฟ้าส่งสองคนนี้ให้มาคู่กันหรือไรนอกจากหน้าตาที่กวนบาทาแล้วก็คำพูดอีกเหมือนกันอย่างกับแกะ“ฉันเป็นผัวเขา”“ห้ะ! ผัว…เพิ่งเจอกันเมื่อคืนเองนะ อย่า
ตอนเช้าร่างบางขยับตัวพลิกไปมาด้วยความปวดเมื่อยแทบจะทุกส่วนในร่างกาย เธอหยัดกายลุกขึ้นนั่งบิดตัวเองเบาๆ แล้วก็หันไปมองคนข้างกายที่ลืมตาแป๋วจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว และก็ดูเหมือนว่าเขาจะอาบน้ำจัดการตัวเองเรียบร้อยตอนนี้ถึงได้นอนอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีดำและนอนเอาแขนเท้าขมับมองหน้าเธออยู่“เก้าโมงแล้วครับที่รัก วันนี้ตื่นสายนะ”“…”“ทำไมมองหน้าฉันแบบนี้ล่ะ เมื่อเช้าฉันไปที่บริษัทและกลับมารับเธอไปดูน้ำหอมกลิ่นบลูเบลล์ เพราะถ้าเธอชอบจะได้ผลิตออกมาถ้าไม่ชอบก็จะได้ให้เธอทดลองเองจนกว่าจะชอบ”“…” ไม่มีเสียงตอบรับจากคนตัวเล็ก เพียงแต่เปิดผ้าห่มออกจนเห็นเรือนร่างที่ขาวผ่องของตัวเองแถมยังมีรอยแดงเป็นจ้ำๆ ในบางจุด จากนั้นก็เคลื่อนสายตาไปมองคนทำที่นอนยิ้มกริ่มเหมือนกับว่าภาคภูมิในใจผลงานของตัวเอง“เธอเงียบทำไมครับ?”“พูดไปก็เมื่อยปาก” ตอบด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าแล้วก็ลุกขึ้นยืน แต่ยืนไม่ถึงห้าวิก็ต้องนั่งลงบนที่นอนตามเดิมเมื่อส่วนกลางใจสาวของเธอนั้นปวดระบมมาก โรมันไม่รีรอเขารีบดีดตัวลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาอุ้มคนตัวเล็กพาเข้าไปในห้องน้ำ“เมื่อเช้าเพื่อนเธอทักมาด้วยบอกว่าอยากชวนไปเม้ามอยเย็น
“นายจะรีบอะไรขนาดนั้นโร!” ร่างบางเอ่ยถามแฟนหนุ่มเมื่อมาถึงคอนโดโรมันก็อุ้มเธอพาขึ้นมาในห้องนอนด้วยความรวดเร็ว ร่างสูงไม่ตอบอะไรเพียงแต่ยืนกอดอกมองเธอด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ดูจากรอยยิ้มก็คือไม่ต้องเดาว่าสมองของเขาตอนนี้กำลังคิดถึงเรื่องอะไรอ่ะ“รีบเอาเธอไง ฉันอยากแย่แล้ว”“เปลี่ยนเป็นวันพรุ่งนี้ได้มั้ย วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันเลย นอนกอดกันเฉยๆ ได้มั้ย” น้ำเสียงอ่อนๆ ของบลูเบลล์บอกพร้อมกับบขาเรียวก้าวเข้าไปยืนชิดร่างสูงที่ส่ายหน้าให้รัว“ไม่เอาอ่ะ”“โรคะ พักบ้างก็ได้มั้ย?”“เบลล์ครับ ของฉันมันก็หงอยดิ สักน้ำสองน้ำก็ยังดีนะ”“โรคะ เบลล์เหนื่อยเบลล์เมื่อยจริงๆ ไปอาบน้ำมานอนกอดกันก็พอนะคะ” จากที่แทนตัวเองว่าฉันก็เปลี่ยนเป็นแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นกับน้ำเสียงหวานๆ พร้อมกับยกมือขึ้นไปกอดลำแขนแกร่งแล้วซบหน้าลงบนต้นแขนของเขา“ไม่ต้องมาอ้อน…”“เบลล์เหนื่อยจริงๆ เราไปอาบน้ำแล้วโรนอนกอดเบลล์ก็พอนะคะ”“ไม่พอ ไม่อยากได้แค่กอดเบลล์ครับ…”“โรไม่รักเบลล์แล้วเหรอคะ โรไม่อยากให้เบลล์พักหอยบ้างเลยเหรอ”“โอเค พักก็พัก..เลิกทำน้ำเสียงอ้อนแบบนี้สักที” น้ำเสียงและท่าทางที่มันดูน่ารักดูขี้อ้อนเหมือนเด็กๆ ทำให้คนอย่
ทางด้านบลูเบลล์เมื่อเดินเข้ามาในบ้านของคุณออมสินเธอก็สอดส่ายสายตามองหาผู้เป็นแม่ก่อนจะไปเห็นคุณเบนนีกำลังยืนคุยอยู่กับคุณต้นอ้อ ร่างเพรียวจึงเดินตรงดิ่งเข้าไปหาทั้งคู่ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้คุณต้นอ้อด้วย“สวัสดีค่ะคุณป้า”“สวัสดีจ้ะ เรานี่ก็ใช่ย่อยนะป้าถามว่าแฟนตาโรเป็นใครก็ไม่ยอมบอกที่แท้ก็เป็นเรานี่เอง” คุณต้ออ้อตีแขนของบลูเบลล์เบาๆ อย่างไม่จริงจังนัก แล้วเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่พึงพอใจหลังจากได้รู้ว่าแฟนสาวของลูกชายก็คือคนใกล้ตัวนี่เอง“แฮะๆ รอเซอร์ไพรส์ไงคะ…ไม่รู้ว่าเป็นหนูคุณป้าจะรับเป็นสะใภ้มั้ย?”“แหม จะไม่รับก็ยังไงอยู่มั้ยรู้จักตั้งแต่ตัวเท่าขวดน้ำ”“อืม แล้วแม่ให้คนไปเรียกหนูมีอะไรหรือเปล่าคะ?” หันไปถามคุณเบนนีที่กำลังยกโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายรูปเธออยู่ แล้วจากนั้นก็คงจะไปโพสต์ลงเฟสบุ๊คพร้อมกับประโยคแสนจะน่ารักอย่าง ‘ลูกสาวใครนะ สวยจัง’ อีกตามเคยล่ะสิ“ก็ให้มาคุยกับแม่แฟนบ้างไง อีกอย่างแม่กับอ้อคุยกันแล้วว่าหากลูกคิดจะอยู่กินกันจริงๆ ทางอ้อก็จะจัดงานแต่งให้ เพราะลูกสองคนก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วไง”“ใช่ๆ และที่สำคัญนะ ป้าอยากมีหลานแต่งปุ๊ปต้องปั๊มหลานให้ป้าทันทีเลยนะ”“ไม่ต้องแต่งก็ปั๊มให้
“พี่เบลล์ทำงานอะไรอยู่เหรอคะ?” อังเปาเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาเป็นประกาย ทั้งที่เติบโตมาในครอบครัวที่มีผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ แถมยังได้เข้าเรียนในโรงเรียนหญิงล้วนแต่ทำไมเธอร้สึกว่าบลูเบลล์สวยดึงดูดเธอมากเลยไม่รู้“ตอนนี้พี่เปิดร้านดอกไม้กับร้านเครื่องเขียนน่ะ”“อ่อ เปิดนานหรือยังคะ?”“ก็ได้สองสามปีแล้ว เปาล่ะตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่”“อืม เป็นพนักงานในบริษัทคุณป้าค่ะ แล้วก็กำลังเรียนต่อปริญญาโทอยู่ค่ะ” อังเปาบอกด้วยรอยยิ้ม ดวงตากลมโตจ้องมองบลูเบลล์แทบไม่ลดละ จนคนที่ถูกมองถึงกับทำตัวไม่ถูกได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้“พี่เบลล์มีแฟนหรือยังคะ?”“มีแล้วค่ะ เปาล่ะคะ?”“ไม่มีค่ะ พี่สวยแบบนี้แฟนพี่คงหล่อน่าดูนะคะ”“ก็…พอได้ ฮ่าๆ” บลูเบลล์เอ่ยติดตลก ส่วนอังเปาก็มีเพียงใบหน้าที่เรียบนิ่งแทบจะตลอดเวลา “กรี๊ดด!! แกใครอ่ะ หล่อจัง!” จนมีเสียงของผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเธอสงคนดังขึ้น สองสาวจึงหันไปมองทางหน้าบ้านที่มีสามหนุ่มเดินเข้ามาในงานด้วยชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงขายาวสีดำ รองเท้าหนังถูกขัดจนเงาวับ ผมถูกเซ็ทไว้อย่างลงตัว…“หล่อมากเลยมึง!”“จริง! โดยเฉพาะคนกลาง เขามีเมียยังวะมึง!” เสียงสาวๆ ยังคงดั
เวลา 18:39 น.“เบลล์ครับ…ทำอะไรอยู่เหรอ มืดแล้วนะ” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงเดินเข้ามาในห้องทำงานของแฟนสาวที่นอนหมอบลงไปบนพื้นโต๊ะด้านหน้า เปลือกตาบางปิดสนิทพร้อมกับเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอ“เบลล์ หลับเวลานี้เนี่ยนะ” เขาบ่นพึมพำกับตัวเองแล้วเดินไปหยิบเสื้อแขนยาวของเจ้าตัวซึ่งแขวนไว้ที่ราวตากผ้านั้นมาคลุมตัวให้เธอ จากนั้นก็เดินมาจัดเอกสารบนโต๊ะที่เกลื่อนกราดให้เข้าที่ก่อนจะหยิบเก้าอี้มานั่งข้างบลูเบลล์“ที่รักครับ กลับไปนอนที่ห้องดีกว่ามั้ย แบบนี้มันเมื่อยนะ” โรมันบอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเมื่อเห็นแขนของเจ้าตัวเล็กเป็นรอยเส้นผมที่เจ้าตัวเอาศีรษะหนุนไว้ ฝ่ามือหนาจึงสอดเข้าไปจับประคองใบหน้าที่เรียวสวยไว้แล้วจ้องมองเธอที่ยังคงหลับไม่รู้สึกตัว“ขี้เซาจริงๆ ตื่นได้แล้วครับ” ขยับมือที่รองอยู่ใต้แก้มของของบลูเบลล์เบาๆ จนร่างเล็กขยับตัวพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองเขาแล้วยกมือขึ้นมาขยี้ตาตัวเอง“มาตั้งแต่เมื่อไหร่?”“สักพักแล้ว วันนี้ไปงานคุณออมสินไม่ใช่เหรอ”“อืม เพิ่งเลิกงานเหรอ” ถามพลางบิดตัวเล็กน้อย โรมันจึงพยักหน้ารับแล้วเอื้อมมือมาจับเส้นผมที่บังหน้าสวยๆ ของบลูเบลล์ไปทัดใบหูขาวไว้ ดว