เมิ่งลู่เจินที่กำลังถือจานที่ใส่เฉาเหมยมาก็รีบมาดึงแขนของเสิ่นเยี่ยนฟางเอาไว้ เขาไม่อยากให้พี่สะใภ้ไปบ้านใหญ่เขากลัวพี่สะใภ้ถูกตีกลับมา เมื่อวานพี่สามก็ตีพี่สะใภ้ อีกทั้งยังเอาปิ่นปักผมแทงนางอีก พีสามใจร้ายเกินไป เสิ่นเยี่ยนฟางมองหน้าเด้กชายก่อนจะลูบศีรษะของเขา
"เด็กดี พี่จะไม่เป็นอะไร เมื่อวานนี้พี่ไม่ทันตั้งตัวเลยถูกคนชั่วฉวยโอกาศทำร้ายได้ จากนี้ไปพวกเขาไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้วล่ะ"
"พี่สะใภ้ใหญ่ พวกเขาใจร้าย ท่านลุง ท่านย่า ท่านปู่พวกเขาใจร้ายมากเลยนะขอรับ ปิ่นเงินนั่นข้าจะไปรับจ้างหาเงินมาซื้ออันใหม่ให้ท่านนะ ท่านอย่าไปเลย"
เมิ่งลู่เจินนัยย์ตาแดง เมื่อวานพี่สะใภ้ตกน้ำเป็นไข้ตัวร้อนมาก พวกเขายังบอกว่าจะฝังพี่สะใภ้กับพี่ชายเขาด้วยกัน ให้ไปเป็นคู่ผัวเมียในนรก เขาเกลียดบ้านใหญ่
"ภรรยา เจ้าเชื่ออาเจินเถอะ เจ้าตัวเล็กเพียงนี้ ไปก็เสียเปรียบเจ้าโทษข้าเถอะที่ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้"
เมิ่งหย่งชวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหดหู่ แต่เสิ่นเยี่ยนฟางฟังออก เขาไม่ได้ป่วยแน่นอน แต่เหตุใดแกล้งป่วยไม่ไปเข้าสอบอันนี้นางไม่รู้ ก่อนจะเอ่ย
"อาเจิน ท่านพี่อย่าห่วงเลย ข้าบอกแล้วว่าเมื่อวานข้าแค่ไม่ทันระวัง แต่วันนี้ไปหาพวกเขาถึงบ้าน ข้าไม่เสียเปรียบแน่นอนพวกท่านคอยดูเถอะ"
จากนั้นเสิ่นเยี่ยนฟางก็เดินไปยังทางเข้าหมู่บ้าน ผ่านบ้านหลายหลังบางคนก็ทักทาย บางคนก็รังเกียจชื่อเสียงนางไม่ดีนัก หากไม่ใช่เพราะว่าดวงนางสามารถแก้ชงให้ซิ่วไฉคนเดียวของหมู่บ้านได้ พวกเขาก็ไม่อยากจะยอมรับนางหรอก เสิ่นเยี่ยนฟางมองไปมองมาก็เจอโจทย์หลายคน เพื่อนของนังเด็กนิสัยเสียเมิ่งจื่อคนนั้น
"เหอะ ผู้หญิงแพศยา กาลกิณีจริงๆยั่วยวนกระทั่งสามีของอาตนเอง สกปรกนัก"
"ใช่ๆ นางช่างเป็นผู้หญิงร่านราคะเสียจริงๆ โอ๊ย"
เพี๊ยะๆๆๆเสียงงตบหน้าสามทีดังตัดกัน เสิ่นเยี่ยนฟางตบจนพวกนางงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น หน้ายังชาอยู่แต่คนจากไปแล้ว เหลือเพียงชายกระโปรงสีซีดที่พวกนางมองทัน
"นังแพศยานั่นตบหน้าข้าหรือ เสิ่นเยี่ยนฟางนังตัวดี กล้าลงมือกับข้าๆไม่ปล่อยเจ้าแน่ๆ"
หญิงสาวหลายคนส่ายหน้า สหายของเมิ่งจื่อถูกตบ แก้มที่บวมนั้นเป็นหลักฐานอย่างดี แต่ว่าเสิ่นเยี่ยนฟางลงมือตอนไหน เหตุใดพวกเขาที่มีกันหลายคนกลับมองไม่เห็น แรงตบไม่น้อยเลยด้วยซ้ำ นางตบเสียหน้าบวมทันที
เสิ่นเยี่ยนฟางเดินมาหยุดที่หน้าบ้านของเมิ่งซุนก่อนจะเรียกหาเสียงดังเรียกชาวบ้านมาดูไม่น้อย เพราะเป็นเวลาพักเที่ยงจากงานในไร่นา
"เมิ่งจื่อ ออกมานะคืนปิ่นปักผมมารดาข้ามาเดี๋ยวนี้ ข้าจะนับแค่หนึ่งถึงสามถ้าไม่ออกมา ข้าจะพังประตูบ้านเจ้าเอง"
เสียงเรียกของเสิ่นเยี่ยนฟางทำให้เมิ่งจื่อที่ได้ใจเพราะเมื่อวานนี้ได้สั่งสอนนางโสเภณีนี่แล้วก็ออกมาทันที นางปักปิ่นที่แย่งมาได้อวดเสิ่นเยี่ยนฟาง สายตาเยาะเย้ยมองมา
"เจ้ามีปัญญาก็เข้ามาเอาเองสินางโง่ ปิ่นปักผมนี้อยู่บนหัวข้าก็ต้องเป็นของข้าสิ สามีเจ้าเมิ่งหย่งชวนใกล้ตายหรือยังเล่า เจ้าแต่งมาแก้ชงให้มันหากแก้ไม่ได้ท่านย่าข้าจะส่งเจ้าไปเป็นเพื่อนเขาในปรโลก ฝังเจ้าลงไปด้วย ฮ่าๆๆนางหน้าโง่"
ชาวบ้านที่ได้ยินถึงกับตกใจ อะไรนะแม่เฒ่าเมิ่งจะฝังหลานสะใภ้หรือ เรื่องนี้ไม่เล็กนะจึงรีบไปตามผู้นำหมู่บ้านทันที เสิ่นเยี่ยนฟางไม่ใช่คนมีความอดทนมากนัก ตอนนี้นางหงุดหงิด ต้องมาอยู่ในสถานที่กันดาร ไร้เทคโนโลยี มีแต่ต้นไม้ใบหญ้าเดินเป็นวันๆกว่าาจะถึงที่หมาย ไม่มีปอร์เช่ ไม่มีรถยุโรปคันหรู มีแต่เกวียนช้าๆ
เมิ่งจื่อคนไม่กลัวตายยังมายั่วยุอีก เสิ่นเยี่ยนฟางยกเท้าถีบทีเดียวประตูก็พังลงทันที เมิ่งซุนกับเมิ่งซานที่อยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงก็รีบออกมาดู เห็นเสิ่นเยี่ยนฟางถีบประตูรั้วบ้านตนเองพังก็ตรงเข้ามาจะทำร้าย
เมิ่งซานเงื้อมือจะตบนางเต็มที่ ท่ามกลางเสียงห้ามของชาวบ้านแต่เขาไม่ฟัง มือลงมายังไม่ทันถึงใบหน้าของเสิ่นเยี่ยนฟางก็ถูกนางคว้าข้อมือเอาไว้ได้ ก่อนจะบิดแขนไปข้างหลัง หัวไหล่ของเขาหลุดทันที
เมิ่งซานทรุดลงไหล่ห้อยร้องไห้น่าเวทนาเต็มทน เมิ่งซุนเห็นบุตรชายคนโตเป็นเช่นนี้ก็ ก็คว้าไม้ท่อนใหญ่เตรียมจะทุบนาง ชาวบ้านจะเข้ามาห้ามแต่เสิ่นเยี่ยนฟางหลบไม้นั่นได้ทันก่อนจะขัดขาเขาล้มลงไป หน้ากระแทก ฟันหน้าหลุดกระเด็นทันทีเมิ่งจื่อจึงร้องไห้โวยวายโอดครวญ
"ฮือๆๆๆ ท่านพ่อ ท่านปูพวกท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ เสิ่นเยี่ยนฟางนางโสเภณี เจ้ากล้าทำทร้ายผู้อาวุโสได้อย่างกัน เจ้ามันหยิงอัปมงคล เมิ่งหย่งชวนไม่มีทางหายหรอก เพราะเขาแต่งงานกับสตรีอัปมงคล เขาต้องตายเพราะเจ้า ชาวบ้านทุกคนจะฝังเจ้าร่วมกับเขา"
"ใช่ หลานข้าพูดถูก หนอยแน่นังตัวดี กล้าทำบุตรชายข้าหรือห๊ะนังคนไม่เคยตาย" แม่เฒ่าเมิ่งที่ออกมาเห็นสามีนอนคลุกฝุ่นและบุตรชายที่ตอนนี้หัวไหล่หลุด สะใภ้ใหญ่กำลังประคองเขาอยู่ ก็ตรงมาชี้หน้าเสิ่นเยี่ยนฟาง แต่ยังพูดไม่จบก็ถูกเสิ่นเยี่ยนฟางตบจนหน้าบวม ชาวบ้านเองยังมองไม่ทันเลย หน้าแม่เฒ่าบวมเป็นหัวหมู
เมิ่งจื่อที่กำลังจะเอ่ยปากก็ถูกตบเช่นกัน จากนั้นเสิ่นเยี่ยนฟางก็กระชากเอาปิ่นเงินของมารดานางออกมาจนได้ ก่อนจะทั้งตบทั้งเตะและกระทืบอย่างสะใจ หากใคตรเอ่ยปากคนนั้โดน จนตอนนี่มีแต่เสียงร้องโอดโอยเท่านั้น จากนั้นก็ประกาศเสียงดังฟังชัด
"เมิ่งจื่อ จำไว้ของๆ ข้าถ้าข้าไม่ให้ก็อย่าได้โลภ ส่วนสามีข้าป่วยข้าจะรักษาเขาหายหรือไม่ก็เรื่องของข้า คิดจะฝังข้าให้ไปเป็นเพื่อนกับเขาหรือ ยายเฒ่าเมิ่งเจ้ามันยายแก่แร้งทึ้งเจ้ารักหลานชายคนนี้แต่เมื่อไหร่กัน พอหาประโยชน์ไม่ได้ก็ขับไล่ไสส่ง เงินสินสอดที่แต่งข้ามานั้นผู้นำหมู่บ้านเป็นคนจ่าย อย่าห่วงเลยข้าจะฝังพวกเจ้าก่อนจะได้มีคนรอรับเขาที่ปรโลก ข้าว่าฝังบ้านเมิ่งพวกเจ้าทั้งตระกูลเลยดีไหม อย่ามาพูดว่าเป็นผู้อาวุโสของข้า เจ้าคลอดข้ามาหรือยายเฒ่า หรือคลอดมารดาข้าหรือคลอดบิดาข้าออกมาล่ะ ส่วนเจ้าเป็นสตรียังไม่ออกเรือน กลับพูกคำว่าโสเภณีเอย แพศยาเอยได้คล่องนัก เจ้าเคยขายเหรอ สารรูปอย่างเจ้ามีคนซื้อด้วยหรือ ไม่น่าขายออกนะ"
"กรี๊ดดด เสิ่นเยี่ยนฟางนางสารเลว ข้าจะสู้ตายกับเจ้า นั่งแพศยาตัวดี เจ้ามันเหมาะกับไอ้ขี้โรคนั่น สมควรตายทั้งคู่เลย"
เสิ่นเยี่ยนฟางไม่ทนนางทั้งเตะทั้งกระทืบจนแต่ละคนสภาพดูไม่ได้ หัวบวม ปากแตก กระทั่งพ่อเฒ่าแม่เฒ่าเมิ่งเองก็ยังหน้าบวม ชาวบ้านที่เป็นบุรุษยังไม่กล้าห้าม นางช่างน่ากลัวจริงๆ
หลิวเยี่ยนฟางมองหน้าทุกคน ชาติก่อนเธออยู่หน่วยรบพิเศษ เธอไม่ได้ปฏิบัติภาระกิจ แต่เธอเป็นครูฝึกนาวิกโยธินเหล่านั้น
"ถุย กล้าหือกับเจ๊เหรอ เดี๋ยวแม่จับทุ่มให้หมดเลย มองอะไร เมิ่งซานเจ้าเป็นลุงของพวกเขาแต่กลับไร้ปราณี หากข้ารู้ว่าเจ้าตีลู่เจินน้องสามีข้าอีกข้าจะตัดมือเจ้าทิ้ง หึ มีแต่พวกอยากตายทั้งนั้น "
"เจ้าๆๆๆ พวกข้าเป็นผู้อาวุโสนะเจ้ากล้าดีอย่างไรกัน"
เมื่อถึงมื้อค่ำผู้ใหญ่ก็มีเรื่องคุยกัน หวงหย่งเหนียนเจรจาสู่ขอจางจื่อเหยียนกับจางลี่ให้หวงมู่เหวิน กลับเมืองหลวงแต่งงานทันทีเพราะเด็กทั้งสองนั้นไปไกลแล้ว หากเกิดจางจื่อเหยียนตั้งครรภ์ขึ้นมาก่อนจะไม่ดีจากนั้นซูหยางก็สู่ขอเมิ่งหานเซียงกับเมิ่งหย่วงชวน ส่วนเมิ่งหย่งชวนก็เจรจาสู่ขอหวงเฟยเซียนให้บุตรชายคนโตเช่นกัน ตวนอ๋องเอ่ยกับเมิ่งหย่งชวนว่าเขาจะแต่งงานกับเมิ่งเสี่ยวเฟิงทำเอาทุกคนอ้าปากค้าง แต่เสิ่นเยี่ยนฟางและเมิ่งหย่งชวนรู้ดีว่าบุตรสาวมีใจให้เสด็จอาสิบสองมานานแล้ว ในเมื่อเป็นความสุขของบุตรสาวทั้งคู่จึงส่งเสริม สรุปทุกคู่หมั้นหมายกันเรียบร้อยแล้วจะแต่งงานกันในอีกครึ่งเดือนเจ็ดเดือนต่อมาเสิ่นเยี่ยนฟางก็คลอดฝาแฝดชายหญิงให้เมิ่งหย่งชวนอีกหนึ่งคู่ ตอนนี้นางกำลังอยู่เดือน บุตรชายและบุตรสาวแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เมิ่งเสี่ยวเถาที่ตอนนี้กลายเป็นพระชายารัชทายาท คนอื่นๆ ก็เป็นฮูหยินน้อยของจวนต่างๆเมิ่งหานเซียงตั้งครรภ์คนแรก หากไม่นับจางจื่อเหยียนที่ตั้งครรภ์ก่อนแต่งงานไปแล้ว จากนั้นก็ตามด้วยโจวจื่อหราน ส่วนที่เหลือสามียังคงตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติภารกิจปั๊มบุตรอย่างไม่ย่อท้อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ในที่
เมิ่งเสี่ยวเถาลืมตาขึ้นมา นางฝันอะไรเนี่ยถึงนางจะชอบจ้าวตงหยางแต่ไม่ควรเก็บเขามาฝันลามกเช่นนี้ได้นะ เขาเรียกนางมหาเทวี ส่วนนางก็เรียกเขาว่าท่านตาเจ้าที่ นี่มันเรื่องอะไรกัน อีกทั้งเขากับนางยังเข้าหอกันในศาลเจ้า นี่มันบ้าไปแล้วหรือนอกจากเมิ่งเสี่ยวเถาจะฝันประหลาดจ้าวตงหยางก็ไม่ต่างกัน เขาฝันเช่นเดียวกับนาง ในความฝันนางช่างหอมหวานยิ่งนัก นึกถึงวันที่ได้ชิมความหวานจากนางเมืองหลายวันก่อนยังตราตรึง อีกทั้งในฝันเสมือนจริงเหลือเกิน หากเขาแหวกม่านประเพณีเข้าหอกับนางก่อนได้ก็คงดีนางจะเป็นพระชายาและจะเป็นแม่ของแผ่นดินคนต่อไป คืนวันแต่งงานหากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ไม่ได้นางจะใช้ชีวิตที่เหลือลำบาก เขาจึงจำต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวาน แต่ในความฝันนางช่างน่าทะนุถนอมเหลือเกิน เขาไม่เข้าใจเหตุใดฝันเช่นนั้นได้แต่ละเมอออกมาไม่รู้ตัว"เทวีของข้า เสี่ยวเถาเด็กดีข้าคิดถึงเจ้าคนงาม"หลังจากมาถึงฮวาป๋ายทุกคนก็พักผ่อนกันเต็มที่ กระทั่งยามซื่อทุกคนก็มารวมตัวกันไปบ้านท่านปู่ทวด เด็กๆให้สาวใช้และบ่าวในจวนขนของขวัญมากมายไปที่บ้านท่านอาหญิง จางจื่อเหยียนจูงมือเหลนเขยไปเยี่ยมท่านตาทวดของนางอย่างอารมณ์ดีเมิ่งซุนที่กำ
หลายเหตุการณ์ผ่านไปถึงเวลาที่ทั้งหมดต้องเดินทางกลับฮวาป๋าย รุ่งสางทุกคนก็เตรียมตัวที่จะออกเดินทาง จ้าวตงหยางพาเมิ่งเสี่ยวเถาขี่ม้าไปด้วยกัน จ้าวไห่เฉิงกับเมิ่งเสี่ยวเฟิงก็ขี่ม้าไปล่วงหน้าแล้ว นางชอบขี่ม้าที่สุด เสด็จอาสิบสองจึงตามใจนางบรรดาสตรีที่เหลือนั่งรถม้าสามคัน จากเมืองลั่วเหอไปฮวาป๋ายใช้เวลาเพียงสองวันเท่านั้น แต่เด็กๆจะแวะไปเมืองเหลยเพื่อเยี่ยมท่านย่าลู่ซินก่อน เดินทางมาได้หนึ่งวันก็ถึงเมืองเหลย ทั้งหมดเข้าที่พักที่ท่านอาเขยเตรียมไว้ให้ หวังจิ่วมารับเด็กๆและอารักขาด้วยตนเอง หวังซูหรานก็ตามบิดามาด้วย นางคิดถึงพี่ๆมากนัก หวังซูหนีว์เห็นหน้าน้องสาวก็รีบทักทาย"ซูหราน เจ้ามาแล้ว""พี่หญิง ข้าคิดถึงท่านที่สุดเลย"คนที่เหลือเปิดม่านออกมาก่อนจะส่งเสียงทักทาย หวังซูหรานควบม้ามาใกล้ๆก่อนจะขี่ม้าขนาบข้างแล้วคุยไปด้วย หวังจิ่วต้องรีบกลับเพราะตอนมานั้นเขามาคนเดียว ใครจะรู้เจ้าตัวดีแอบตามมาด้วย หากกลับไปเมียจัดการเขาแน่นอนกระทั่งถึงที่พักเรียบร้อยก็เป็นเวลาปลายยามเซินแล้ว จากนั้นทั้งหมดก็เข้าที่พัก เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยก็พากันมากินมื้อเย็น ต่า
จางจื่อเหยียนยอมรับสัมผัสจากหวงมู่เหวิน นางลืมไปแล้วว่านางกำลังโกรธเขา ลืมไปแล้วว่าเขามาเพื่อให้นางยกโทษให้ กระทั่งผิวกายต้องอากาศเย็นนางจึงรับรู้ว่าอาภรณ์ถูกเขาปลดออกแล้ว แผ่นหลังแตะที่นอนโดยมีร่างไร้อาภรณ์ของคนตัวโตทาบทับเกยนางเอาไว้ ดอกบัวตูมเบ่งบานชูช่อ ปลายถันแข็งชันล่อลวงให้คนด้านบนตกอยู่ในมนต์เสน่หา หวงมู่เหวินสบตากับนางจางจื่อเหยียนไม่กล้าสบตาเขาเอ่ยตะกุกตะกัก"คุณชายรอง""เรียกพี่มู่เหวินเหมือนเดิมได้หรือไม่ จื่อเหยียนของพี่ เจ้างามนัก"จางจื่อเหยียนผวา ร่างงามถูกเขานวดเฟ้น ปากหยักครอบครองความหวานตรงหน้า ดรุณีน้อยยกแขนคู่เรียวโอบรั้งท้ายทอยหนาแอ่นอกงามให้เขาเชยชม ใจนางมีเขาอยู่จึงไม่ไตร่ตรองในสิ่งที่กำลังทำ แค่คืนนี้เท่านั้น แค่ครั้งนี้ขอให้นางได้เป็นผู้หญิงของเขา หลังจากคืนนี้ไปนางจะออกจากหนานเป่ยไปใช้ชีวิตที่อื่น"อื้อ พี่มู่เหวิน อาเหยียน สะเสียว""อืม หวานเจ้าหวานมากอาเหยียน"ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนต่ำลงไปหาดอกไม้บอบบางก่อนเริ่มสำรวจน้ำหวาน ไม่นานคนใต้ร่างก็กระตุกเกร็ง นางแตะสวรรค์จนต้องกลั้นเสียงครางเอาไว้ เกรงว่าจะเล็ดลอดออกไป หวงมู่เหว
จางจื่อเหยียนนอนละเมอทั้งคืน หวงมู่เหวินนั่งเฝ้าอยู่ด้านนอก เขารู้สึกผิดเขาเพิ่งรู้ตัวว่าที่ผ่านมาเขารักนาง หากว่าวันนี้ไม่เกือบเสียนางไปเขาก็คงไม่รู้หัวใจตัวเองและเป็นเขาเองที่เกือบทำนางหายไป เมิ่งเสี่ยวหว่านออกมาจากห้องเห็นบุตรชายคนรองของมหาราชครูก็ถอนหายใจคนหนึ่งก็พยายามหนีหัวใจตัวเอง อีกคนก็ปากแข็งจนก่อเรื่องร้ายแรง จางลี่ออกมาจากห้องบุตรสาวเห็นคนก่อเรื่องนั่งคุกเข่าอยู่หน้าห้องก็ประคองฮูหยินของตนเดินมาหา "คุณชายรอง....ท่านไปพักก่อนเถอะอาเหยียนนางยังมีไข้และเพ้อเป็นบางครั้ง รอนางดีขึ้นท่านค่อยมาดีกว่า""ท่านอาจาง..ข้าสำนึกผิดแล้วข้าอยากเข้าไปหานาง ท่านอาท่านอนุญาตเถอะขอรับ""คุณชายรอง..มีใช่ว่าพวกเรากีดกันท่าน แต่ให้เวลานางสักหน่อย บุตรสาวข้านางเพิ่งเสียขวัญ อีกทั้งเกือบจมน้ำตาย ตอนนี้หากเห็นหน้าท่านนางอาจทรุดหนักกว่าเดิม"จางลี่โกรธมากเรื่องนี้เมิงเสี่ยวหว่านรู้ดี เขารักบุตรสาวคนนี้ที่สุด จางเหิงบุตรชายคนโตที่เป็นผู้สืบสกุล สามีนางยังมิเอ็นดูเท่ากับบุตรสาวเลย แต่อย่างไรเล่า คนที่คุกเขาอยู่ตรงหน้าคือบุตรชายมหาราชครูเชียวนะ เมิ่งเสี่ยวหว่านถอนหายใจก่อนจะเอ่ยกับสามีของนาง
ทุกคนปรับความเข้าใจกันหมดแล้ว เหลือเพียงเมิ่งลู่เหลียนกับหานมู่เฉินเท่านั้น ตอนนี้ดรุณีน้อยกำลังโมโหเขาอยู่ หานมู่เฉินที่เดิมทีเคยถูกนางทุบตีประจำมาวันนี้เขากลับตรึงนางเสียอยู่หมัด ยามนี้รน่างงามอยู่ใต้ร่างแกร่งเขากดข้อมือนางเอาไว้ ปล้ำจูบนางอย่าเอาแต่ใจ เมิ่งลู่เหลียนที่ถูกเขาหลอกมาตลอดว่าเขาไร้วรยุทธ ยามนี้นางต่างหากที่ห่างไกลคำว่ายอดฝีมือ"ปล่อยข้านะเจ้าบ้าหานมู่เฉิน ไอ้คนโกหกหลอกลวง เจ้าหลอกข้าหรือ อย่าให้ข้ารอดไปได้นะ บอกให้ปล่อยไง""ปล่อยหรือ นี่เมิ่งลู่เหลียนข้าจะบอกให้นะ ทั้งชีวิตข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่นอน""เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาควบคุมข้า หานมู่เฉินไอ้คนเลว อื้ออออ"เด็กคนนี้ต้องสั่งสอน เขาต้องปราบนางให้ได้ ดื้อด้านนักทุบตีเขาอยู่เรื่อย ถ้าไม่ใช่ว่าเขารักนางคงจับนางฟาดเสียหลายทีแล้ว ทำตัวเกเรยิ่งนัก เมิ่งลู่เหลียนที่กำลังเสียเปรียบเขาอยู่ ก็หาทางออกให้ตัวเอง ทันทีที่เขาถอนจุมพิตออกนางก็เปลี่ยนเป็นไม้อ่อนทันที"พะ พี่มู่เฉิน เหลียนเอ๋อร์เจ็บมือเจ้าค่ะ ปล่อยเหลียนเอ๋อร์ได้ไหมเจ้าคะ""หืม..อ่อนหวานก็เป็น เอาตัวรอดสิท่าแม่ตัวดี""เปล่านะเจ้าคะ เหลียนเอ๋อร