แชร์

บทที่ 2 ลูกรักลูกชัง

ผู้เขียน: ซูเมิ่ง 淑梦
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-03 10:28:06

สามปีหลังจากการเสด็จส่วนพระองค์ที่เมืองเถียนชิงของฮ่องเต้

          ในค่ำคืนที่ดวงดาวประดับทั่วท้องฟ้า เสียงครางซาบซ่านของการร่วมรักระหว่างชายหญิง ดังออกมานอกตำหนักลับในเมืองซีหนานเมืองหลวงแคว้นฉี เหล่านางกำนัลที่ยืนรอปรนนิบัติต้องถอยห่างออกจากตัวตำหนักหลายร้อยฉื่อ กระนั้นเสียงร่วมรักของผู้เป็นนายยังลอยตามลมเข้าหูของบ่าวไพร่จนผู้คนทนฟังไม่ไหว

          เมื่อเสียงเงียบลง ปิงเซียงนางกำนัลข้างกายจึงรีบเข้ากราบทูลอย่างรีบร้อน

                    “ทูลองค์หญิง ฝ่าบาทเรียกให้กลับวังตอนนี้เพคะ”

          หากแต่สตรีที่อยู่บนเตียงไม่ได้ตื่นตระหนก ยังคงนอนแนบชิดบุรุษใต้ผ้าไหมหนานุ่ม สายตาจ้องมองเรือนร่างบุรุษไม่มีขวยเขิน

                    “แจ้งกลับไป วันนี้ข้าไม่สบายพรุ่งนี้จะเข้าเฝ้าแต่เช้า” คำพูดไม่ใส่ใจขององค์หญิง ทำให้ปิงเซียงหวาดกลัวแทนผู้เป็นนาย

                    “ครั้งนี้ฝ้าบาทส่งองครักษ์ตำหนักเฉวียนชิงมาเพคะ เกรงว่าคงไม่อาจขัดขืนได้”

          ร่างบางดวงหน้าเย่อหยิ่ง เมื่อรู้ว่าคนที่เสด็จพ่อของตนส่งมาตามคือองครักษ์ส่วนพระองค์ จึงรีบผละออกจากร่างบุรุษรูปงามที่ตนไม่รู้จักแม้แต่ชื่อในทันที

                    “เหตุใดครั้งนี้ถึงใช้องครักษ์ ไม่เป็นฮั่วกงกงดังแต่ก่อน” เสียงหวานเจืออารมณ์ขุ่นมัวเอ่ยขึ้น ขณะที่ยืนนิ่งให้ปิงเซียงสวมอาภรณ์ให้

                    “เกรงว่าจะเกี่ยวกับสาส์นสู่ขอของแคว้นเว่ยเพคะ”

                    “องค์หญิงมีตั้งหลายคน เหตุใดต้องเป็นข้า”

                    “เพราะองค์หญิงคือองค์หญิงใหญ่ จำต้องอภิเษกสมรสก่อนองค์หญิงพระองค์อื่น ๆ เพคะ”

                    “เกรงว่าแค่อยากจะให้ข้าไปให้พ้น ๆ เสียมากกว่า แล้วแคว้นเว่ยรู้หรือไม่ว่าข้ารสนิยมเป็นเยี่ยงไร” องค์หญิงใหญ่แห่งแค้วนฉีซ่งเหมยหลิงเอื้อนเอ่ย พลางปรายตามองชายหนุ่มบนเตียงที่ท่อนบนเปลือยเปล่าอย่างหลงใหล

          รุ่งเช้าตำหนักหนิงอันถูกรบกวนตั้งแต่ยามเหม่า ฝ่าบาทที่กำลังกริ้วไม่อาจมีผู้ใดกล้าขวาง หากแต่ไม่ใช่กับเจ้าของตำหนักที่เป็นคู่ชีวิตมายี่สิบห้าปีผู้นี้

          ฝ่าบาทเสด็จ ขันทีหน้าตำหนักแจ้งกับคนที่อยู่ด้านใน

                    “ถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ” แม้ตอนนี้จะเป็นยามเหม่าแต่ฮองเฮาเสวี่ยฉีกลับเตรียมการรอรับ เพราะรู้ว่าฮ่องเต้ต้องเสด็จมาอย่างแน่นอน

                    “ฮองเฮาช่างหูตาไว แม้ข้าเรียกพบเหมยหลิงกลางดึก เจ้าก็ยังพานางมายังตำหนักได้” เมื่อก้าวพ้นธรณีประตูได้ หย่งเฮ่าก็ต่อว่าเสวี่ยฉีในทันที

                    “หม่อมฉันเห็นว่าดึกแล้ว เกรงเหมยหลิงจะรบกวนการบรรทมของพระองค์จึงให้นางรั้งรอที่ตำหนักหนิงอันเพคะ”

เสวี่ยฉีไม่รู้สึกรู้สาใด ๆ กับคำพูดผู้เป็นสวามี เพราะความรู้สึกที่นางมอบให้เขา ถูกทำลายตั้งแต่วันที่เขาหลับนอนกับอันหยาสาวใช้ข้างกายนาง

                    “เอาเถิดข้าเถียงไม่สู้เจ้า นอนนี้นางอยู่ไหนเรียกนางมา”

หย่งเฮ่าหันหลังให้กับคู่สนทนาด้วยไม่อยากโต้แย้งให้มากความ

                    “หม่อมฉันอยู่นี่เพคะ” เหมยหลิงที่ทนฟังอยู่นานขานรับคำเรียกหาของผู้เป็นบิดา

                    “เมื่อไหร่เจ้าจะเลิกประพฤติกรรมของหญิงคณิกาเสียที”

หย่งเฮ่าด่าว่าพระธิดาองค์แรกอย่างไม่ไว้หน้า

                    “เสด็จพ่อตรัสผิดแล้ว หญิงคณิกาต้องจ่ายเงินให้ถึงจะได้หลับนอนกับพวกนาง แต่หม่อมฉันไม่ต้องให้บุรุษจ่ายเงิน หม่อมฉันเป็นคนจ่ายให้พวกเขาเอง” เหมยหลิงโต้แย้งด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มคล้ายเห็นเป็นเรื่องสนุก

                    “นี่เจ้า!” ฮ่องเต้หย่งเฮ่ากริ้วจนแทบสิ้นสติ

          เสวี่ยฉีรีบเข้ามาขวางพระธิดาของตนไว้ สายตาที่จ้องไปยังฮ่องเต้เต็มไปด้วยความโกรธเคือง

                    “นี่ฮองเฮายังจะปกป้องนางอีกหรือ นางประพฤติเช่นนี้รังแต่จะนำความเสื่อมเสียมาสู่ราชวงศ์” หย่งเฮาจ้องมองฮองเฮาด้วยความขุ่นมัว

                    “นางคือลูกของหม่อมฉัน หากนางทำแล้วมีความสุขหม่อมฉันยินดีสนับสนุน” เสวี่ยฉีดื้อรั้นไม่ฟังคำทัดทานของฮ่องเต้เพียงน้อย

                    “นี่ฮองเฮาไม่คิดจะให้นางรู้คุณธรรมหญิง รักนวลสงวนตัวบ้างเลยหรือ” ฮ่องเต้เริ่มเดือดดาล

                    “จะต้องรักนวลสงวนตัวให้ชายเพียงคนเดียวทำไม หากพวกบุรุษยังนอนกับสตรีอื่นไม่เลือกหน้า!” ฮองเฮาแค้นใจในอดีตที่ฮ่องเต้ให้อันหยาสาวใช้ที่นางรักดั่งพี่น้องขึ้นปรนนิบัติโดยที่นางผู้นั้นก็เต็มใจ ความเคียดแค้นนี้นางไม่อาจวางลงได้

                    “นี่เจ้าช่างไร้เหตุผลนัก ตอนนี้เรากำลังคุยเรื่องของเหมยหลิง เจ้าจะดึงเรื่องราวในอดีตเข้ามาเกี่ยวข้องไยกัน” หย่งเฮ่าไม่พอใจที่ฮองเฮาของตนมักนำเรื่องในอดีตขึ้นมาปกป้องพระธิดาของนางอยู่เสมอ

                    “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเสด็จแม่ หม่อมฉันใคร่จะใช้ชีวิตเยี่ยงนี้เอง” เหมยหลิงแม้ไม่มีคุณธรรมของสตรี แต่นางไม่ชอบให้ผู้ใดต่อว่ามารดาตน

                    “ดีนักนี่ พวกเจ้า!” ฮ่องเต้กริ้วจนกล่าวคำใดไม่ออก ได้แต่กลืนความโมโหนั้นลงท้องไป

                    “เสด็จแม่ หม่อมฉันนำขนมบัวลอยน้ำขิงจากบ้านท่านตามาฝากเพคะ” ลี่อินที่ยืนฟังฮ่องเต้และฮองเฮาโต้แย้งกันอยู่ก่อนแล้วเข้ามาขัดจังหวะของทั้งสอง

                    “ถวายบังคมเสด็จพ่อ” นางมิลืมยอมกายถวายพระพรฝ่าบาท

                    “ดีจริง องค์หญิงใหญ่เที่ยวหลับนอนกับบุรุษไม่เลือกหน้า องค์หญิงสามเที่ยวเล่นไม่เว้นวัน ฮองเฮาเลี้ยงลูกได้ดียิ่ง” ฝ่าบาทยังคงกริ้วไม่หาย

                    “ลี่อิน หากเจ้าว่างมากลองเข้าเรียนกับเหล่าพี่สาวน้องสาว ศึกษาคุณธรรมหญิงบ้าง เป็นถึงพระธิดาฮองเฮาแต่กิริยากลับสู้ท่านหญิงที่เกิดจากตาอิ้นไม่ได้” ฮ่องเต้มักเปรียบเทียบนางกับธิดาคนโปรดเสมอ

                    “เสวี่ยหนิงธิดาชั้นต่ำนั่นมีสิ่งใดเทียบลี่อินได้ เก่งแต่ออดอ้อนบิดา ลี่อิน...”

                    “พอเถอะเสด็จพี่” เหมยหนิงคิดออกตัวปกป้องน้องสาวแค่ถูกนางขัดเสียก่อน

                    “ทูลเสด็จพ่อ หม่อมฉันจะตั้งใจศึกษากับเหล่าพระอาจารย์ให้มากเพคะ”

ลี่อินกราบทูลผู้เป็นบิดา หากเขาใส่ใจนางเพียงนิดจะรู้ว่านางเล่าเรียนหลักสี่คุณธรรม สามคล้อยตามของสตรีจบสิ้นเร็วกว่าองค์หญิงคนอื่น ๆ นานแล้ว และเรื่องนี้เหล่าอาจารย์ได้ทูลต่อฝ่าบาทไปตั้งแต่ปีที่แล้ว หากแต่เรื่องนี้นางคร้านที่จะอธิบาย

                    “ยังดีที่เชื่อฟังข้าอยู่บ้าง”

                    “ส่วนเจ้าตั้งแต่วันนี้ห้ามออกจากวัง รอสาส์นสู่ขอจากแคว้นเว่ย หากคิดขัดขืนตำแหน่งองค์หญิงใหญ่ของเจ้าคงต้องยกให้ผู้อื่น” ฮ่องเต้หันมาคาดโทษเหมยหลิง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อมังกรออกจากตำหนักไป

                    “ทูลฝ่าบาท องค์หญิงสามศึกษากรอบคุณธรรมหญิงจนกระจ่างตั้งแต่หนึ่งปีก่อนพ่ะย่ะค่ะ เหล่าอาจารย์เคยเสนอต่อพระองค์ไปนานแล้ว”  

ฮั่วกงกงเสี่ยงตายกราบทูล เขาสงสารองค์หญิงสามที่มักถูกเปรียบเทียบกับท่านหญิงเสวี่ยหนิงอยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่องค์หญิงสามโดดเด่นกว่า กลับดูไร้ค่าเมื่ออยู่หน้าพระพักตร์ฮ่องเต้

หย่งเฮ่าหยุดชะงักเหมือนคิดสิ่งใดได้ พลางหันกลับไปมองลี่อินที่ยังคงอยู่ในตำหนักหนิงอัน หากแต่ไม่ตรัสสิ่งใดก่อนจะเสด็จกับห้องอักษรไป

เมื่อฮ่องเต้ออกจากตำหนักไป ฮองเฮาจึงหันพระพักตร์มามองพระธิดาคนเล็กของตนด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจ

                    “เหตุใดถึงไม่บอกฝ่าบาทว่าเจ้าเรียนกรอบคุณธรรมจบนานแล้ว” เสวี่ยฉีบ่นองค์หญิงสาม

“หม่อมฉันคร้านจะโต้แย้งน่ะเพคะ” ลี่อินยิ้มกว้างแววตาใสซื่อตอบพระมารดา พลางวางถ้วยขนมที่นางอุตส่าห์เรียนทำกับท่านยายบนโต๊ะ ก่อนจะประคองร่างมารดานั่งลง

                    “เลิกพูดถึงผู้อื่นเถิดเพคะ มาลองชิมบัวลอยน้ำขิงฝีมือลูกดีกว่า” ลี่อินตักขนมป้อนมารดา

          เสวี่ยฉีได้แต่ส่ายหน้าให้กับนิสัยยอมคนของลี่อิน ก่อนจะยอมกินขนมที่นางทำมาอย่างเชื่อฟัง

                    “เสด็จพี่ท่านก็ลองชิมด้วยเถิด ทำหน้าบึ้งตึงเช่นนั้นก็ไม่อาจทำให้เสด็จพ่อเปลี่ยนพระทัยได้หรอก” ลี่อินหันไปกล่าวกับพี่สาวตนที่ยังโมโหหน้าดำหน้าแดงไม่ยอมรับคำสั่งของฮ่องเต้

                    “เจ้าก็รู้ว่าข้าขาดบุรุษรูปงามได้ที่ไหน” เหมยหลิงนั่งลงก่อนจะบ่นกับน้องสาว

                    “ได้ยินว่าชินอ๋องผู้นี้อารมณ์ร้อน หากโมโหมาก็บ้าเลือดมิใช่น้อย เสด็จพี่ควรระวังตัวด้วย” ลี่อินไม่ชอบการกระทำของพี่สาว หากแต่เตือนนางหลายครั้งกลับมิยอมฟัง รังแต่จะทะเลาะกันเปล่า ๆ จึงได้แต่ปล่อยวาง ขอเพียงนางไม่ไปทำร้ายครอบครัวผู้ใดเป็นพอ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   ตอนพิเศษ ชีวิตเรียบง่าย

    สายลมฤดูใบไม้ผลิพัดปลิวไหว ม่านรถม้าสะบัดไปมาตามแรงลม เด็กชายวัยสองขวบเล่นซนบนรถม้าโดยไม่เหน็ดเหนื่อย “ถานจุนเฟิง หยุดเล่นได้แล้วตอนนี้จะถึงจวนแล้ว” ลี่อินที่กำลังอ่านบัญชีร้านกล่าวกับโอรสของตน “จุนเฟิงมาหาพ่อ ท่านแม่กำลังคร่ำเคร่ง” หยางหมิงเรียกลูกชายมาหา บัดนี้เขาสิ้นคราบชิงอ๋องผู้บ้าคลั่ง กลายเป็นพ่อค้าธรรมดาเท่านั้น “จื้อหาวบอกว่า ดินแดนทางตอนเหนือของแคว้นหานมีดอกไม้กลิ่นหอมมากมาย แลไข่มุกก็ราคาถูกฮูหยินสนใจหรือไม่” หยางหมิงเอ่ยถึงสหายเก่าที่หลังจากสำนึกตนมาสองปี จึงติดต่อหาเขาอีกครั้ง “สนใจสิเพคะ ท่านพี่แจ้งโหวน้อยด้วยว่าหลังจากงานเฉลิมฉลองการก่อตั้งแคว้นเว่ย เราจะเดินทางไปเจรจาราคาอีกครั้ง” ลี่อินยิ้มกว้างนางดีใจทุกครั้งหากสามารถหาวัตถุดิบราคาถูกและดีได้ “ของขวัญอี้หนิงครบสี่ปีจะให้สิ่งใดนางดีเพคะ” ลี่อินขอความเห็นกับหยางหมิง “เช่นนั้นมอบร้านขายอัญมณีในเมืองเถียนชิง พร้อมกับเงินอีกหมื่นตำลึงให้นางดีหรือไม่ โตขึ้นมานางจะได้เป็นสตรีที่ร่ำรวยที่สุดในแค้นฉี ไม่มีผู

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   ตอนพิเศษ อวดชายา

    ใกล้พิธีอภิเษกสมรสของฉินตงหยาง หยางหมิงพาลี่อิงเข้าวังหลวงเพื่อขอพระราชทานอนุญาตร่วมพิธีอภิเษกสมรส “ทูลเสด็จพ่อ เสด็จแม่ กระหม่อมและพระชายามาขอให้ทั้งสองพระองค์พระราชทานอนุญาตเข้าร่วมงานอภิเษกสมรสของรัชทายาทแคว้นหานพ่ะย่ะค่ะ” “กำลังตั้งครรภ์จะเดินทางไกลได้อย่างไร ให้เพียงหยางหมิงไปก็พอ ส่วนลี่อินพักอยู่ที่จวนเถอะ” ฮองเฮากล่าวแย้งทั้งที่ยังปักผ้าอยู่ “ทูลฮองเฮา รัชทายาทแคว้นหานเป็นสหายของหม่อมฉันจึงจำเป็นต้องไปร่วมยินดีเพคะ” ลี่อินไม่ยินยอมทำตาม “เจ้าไปรังแต่จะเป็นภาระ เดินเหินลำบากอยู่จวนดีแล้ว” “หม่อมฉันยังคล่องแคล่ว ครรภ์ยังอ่อนไม่ได้เป็นภาระแต่อย่างใด” นางโต้แย้งทุกคำห้ามของมารดาสวามี หยางหมิงกับฮ่องเต้ทำได้เพียงนั่งดื่มน้ำชาอย่างเงียบเชียบ ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดกระหว่างที่สตรีทั้งสองกำลังโต้แย้งกัน “นี่ เหตุใดถึงมิยอมเชื่อฟังเอาซะเลยเจ้าเป็นลูกสะใภ้สมควรเชื่อฟังแม่สามีมิใช่หรือ” อวิ๋นซินจ้องมองลี่อินด้วยสายตาตำหนิ หากแต่ลูกสะใภ้ผู้นี้กลับ

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 52 รักแรก

    ม้าศึกคู่กายชินอ๋องหยุดนิ่งหน้าจวนอ๋อง บุรุษบนหลังม้าไม่รีรอมุ่งหน้าไปตำหนักตะวันออกด้วยความร้อนใจ ทว่าภายในตำหนักกลับไม่มีผู้ใดอยู่ทำให้แน่ใจแล้วว่าลี่อินหนีเขาไปจริง ร่างทั้งร่างของหยางหมิงหนักอึ้งจนมิอาจย่างก้าวได้ หัวใจทั้งดวงเต้นช้าลงเรื่อย ๆ น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาที่เจ้าของร่างไม่รู้ตัว ภพของลี่อินในเวลาโกรธ เวลาร้องไห้ หัวเราะ แข็งกร้าว ผุดขึ้นในหัวเขาซ้ำไปซ้ำมา “ไปแค้วนฉี!” คำสั่งเดียวของหยางหมิง ทำทั้งกองทัพต้องเดินทางอีกครั้ง ประชาชนต่างงุนงง กองทัพที่กลับเข้าเมืองเพียงหนึ่งชั่วยาม บัดนี้กลับเดินทัพอีกครั้งมีเหตุใดสำคัญจนมิหยุดพัก การเดินทางโดยไม่หยุดพักทำเหล่าทหารอ่อนล้าไม่น้อย หากแต่มิมีใครกล้าปริปากบ่น กองกำลังเรือนหมื่นเหยียบเข้าใกล้เมืองเถียนชิง “ท่านอ๋อง สายสืบแคว้นหานแจ้งข่าวว่ารัชทายาทตงหยางจะเข้าพิธีอภิเษกสมรสอีกสิบห้าวันข้างหน้าพ่ะย่ะค่ะ” เย่จินรายงาน ม้าศึกของหยางหมิงหยุดชะงักทันที เขาหวาดกลัวว่าสิ่งที่ตนคาดเดาจะเป็นจริง “ข่าวนี้แคว้นฉีรู้เรื่องหรือไม่” มือหนากำบังเหียนแน่นจนเ

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 51 ผิดสัญญา

    หิมะในเมืองเหออันสงบลง คนเจ็บป่วยเพราะภัยหนาวไม่มีแล้ว หน้าที่ของลี่อินในเมืองเหออันจึงสิ้นสุดลง นางไม่มีความจำเป็นที่จะรั้งอยู่ที่เหออันอีก จึงคิดขอกลับเมืองหลวงเพราะเป็นห่วงร้านประทินโฉมอีกทั้งเรื่องในจวนไม่มีผู้ใดคอยจัดการ “ท่านอ๋อง ข้าจะกลับซู่โจวก่อนได้หรือไม่” ลี่อินยืนอยู่หน้าโต๊ะทรงอักษร สีหน้าจริงจังจ้องบุรุษที่ยังอ่านสาน์สของทัพอยู่ “รอกลับพร้อมข้า” เสียงเอาแต่ใจดังขึ้น “กว่าท่านอ๋องจะเสด็จกลับ ก็อีกครึ่งเดือน หม่อมฉันเป็นกังวลเรื่องร้านหมื่นบุปผา อีกทั้งกิจการของจวนอ๋องก็ไม่ได้ตรวจบัญชีมาแรมเดือน” “แต่หากเจ้าแอบหนีหลับแคว้นฉีเล่า” ครานี้หยางหมิงยอมเงยหน้าจากสาน์สกองทัพ มองมายังนางด้วยแววตาเศร้าสร้อย “หม่อมฉันจะหนีไปทำไมกัน” ลี่อินท้อใจที่จะอธิบาย “ก็เจ้าไม่มีใจให้ข้า หากครบสองเดือนสัญญาระหว่างข้ากับฮ่องเต้แคว้นฉีก็ถือว่าเป็นโมฆะ” น้ำเสียงเศร้าหมองนั้นลี่อินไม่ได้ตอบกลับ ยิ่งทำให้หยางหมิงรู้สึกหวาดหวั่น หากแต่นางกลับเดินไปหยุดเบื้องหน้าเขาพลางยอบก

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 50 เหน็บหนาว

    ตงหยางมิอาจรั้งอยู่ในแคว้นอื่นได้นาน ยิ่งเป็นชายแดนแล้วความอึดอัดยิ่งเพิ่มมากขึ้น ก่อนหิมะจะตกหนักอีกครั้งจึงจำต้องบอกลาลี่อิน “ข้ายังยืนกรานคำเดิม หากเจ้ามิอยากอยู่กับชินอ๋องแล้ว ไปหาข้าที่แคว้นหาน แม้ไม่อาจห่วงใยในฐานะคนรักแต่ข้ายังห่วงใยเจ้าในฐานะสหายเสมอ” ตงหยางยื่นหยกประจำตัวกลับให้นางเช่นเดิม “ขอบพระทัยรัชทายาท” ลี่อินยอบกายกล่าวลา ก่อนรถม้าจะเคลื่อนตัวออกจากประตูเมืองไป หยางหมิงยิ้มพอใจเมื่อเห็นบุรุษอื่นที่นางห่วงใยจากไปเสียที แม้เป็นเพียงสหายแต่เขาก็ยอมรับไม่ได้เช่นเดิม “รัชทายาทยังคงตัดใจจากเจ้าไม่ได้” หยางหมิงมองหยกในมือลี่อิน “สักวันเขาจะเจอสตรีที่ตนรักเพคะ” ลี่อินกล่าวพลางหันกายเข้าเมืองไป “เหมือนข้าที่เจอแล้ว” หยางหมิงเดินตามนาง “ใครกันหรือเพคะ” “เจ้าไง อาอิน” ลี่อินหน้าแดงเมื่อเขาบอกชื่อสตรีในดวงใจ ก่อนก้มหน้ารีบเดินหนีเข้าโรงหมอไป ทำให้ชินอ๋องยิ้มอย่างมีหวังว่าภายในสองเดือนนางต้องยินยอมอยู่ข้างกายเขาเป็นแน่

  • ลิขิตรัก ตำหนักอ๋อง   บทที่ 49 เดินทางขึ้นเหนือ

    “เราต้องกลับแคว้นเว่ยพรุ่งนี้” น้ำเสียงเคร่งเครียดเอ่ยขึ้น “มีอะไรหรือไม่เพคะ” “เมืองอันเหอมีพายุหิมะถล่ม ราษฎรขาดแคลนเสบียง กองทัพที่นั่นมิอาจรับมือได้ข้าต้องรีบไปจัดการ “แล้วเหตุใดหม่อมฉันต้องไปด้วย ท่านอ๋องเดินทางลำพังจะไม่เร็วกว่าหรือ หม่อมฉันจะไปรอพระองค์ที่จวนพร้อมอี้หนิง” “ข้าจะไม่ไปไหนหากไม่มีเจ้า” หยางหมิงแววตาจริงจังจ้องนางอยู่เช่นนั้น “หากแต่อี้หนิงยังเด็กหากเผชิญหิมะ...” “นางจะอยู่ที่แคว้นฉี” หยางหมิงกล่าวขัด “ท่านอ๋องตรัสว่าอย่างไรนะเพคะ?”ลี่อินไม่อยากเชื่อว่าหยางหมิงจะยินยอมให้อี้หนิงที่มีสายเลือดของตระกูลถานอยู่ที่แคว้นฉี “นางอยู่ที่นี่จะมีความสุขกว่า ไม่ต้องถูกสายตาดูแคลนของผู้อื่นจ้องมองเช่นที่อยู่ในแคว้นเว่ย ที่นั่นไม่สามารถให้ความรักกับนางได้ต่างจากไทเฮาเสวี่ยฉีที่มอบความรักให้กับเด็กคนนั้นได้ไม่สิ้นสุด”คำพูดของหยางหมิง ทำให้นางรู้ว่าบุรุษผู้นี้ห่วงใยผู้อื่นมากกว่าที่เขาแสดงออก คลื่นความสุขจึงก่อตัวขึ้นภายในใจของนางอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status