วันนี้เว่ยจื้อโหยวตื่นขึ้นมาด้วยความสดใส นับตั้งแต่นางแต่งให้อวิ๋นเซียวเขาดูแลนางอย่างดีจนถึงตอนนี้อาการป่วยของนางหายสนิทแล้ว นางจึงมีความคิดว่าจะสำรวจพื้นที่รอบ ๆ บ้านของสามีและพรุ่งนี้จะกลับไปเยี่ยมบ้านเดิม
แต่งงานมาได้ระยะหนึ่งแล้วแต่นางยังบริสุทธิ์ผุดผ่องถึงแม้ว่านางจะร่วมห้องกับสามีแต่หาได้มีการร่วมหอไม่ จนนางสงสัยว่าเจ้าสามีหน้าเดียวของนางเป็นตอไม้หรือไม่หรือนางไม่มีเสน่ห์พอ
เว่ยจื้อโหยวไม่มีทางรู้เลยว่าตลอดเวลาอวิ๋นเซียวนั้นต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้เพียงใด เพราะภรรยาของเขาป่วยและร่างกายของนางบาดเจ็บเขาสู้อดทนอดกลั้นแต่ถ้าหากเขารู้ว่าภรรยาคนงามของเขากล่าวหาว่าเขาเป็นตอไม้แล้วล่ะก็เขาคงได้แต่เสียใจที่ปล่อยนางเอาไว้จนถึงวันนี้
“ยังเช้าอยู่เลยเจ้านอนอีกหน่อยเถอะ ร่างกายเจ้าไม่ค่อยแข็งแรงเดี๋ยวจะเจ็บป่วยขึ้นมาอีก” อวิ๋นเซียว
“ข้าหายดีแล้วเจ้าค่ะท่านพี่ ท่านอย่าทำเหมือนข้าอ่อนแอเจ็บป่วยง่ายสิเจ้าคะ ครั้งนี้ที่ข้าล้มป่วยมีสาเหตุมาจากอะไรไม่ใช่ท่านไม่รู้นี่เจ้าคะ” เว่ยจื้อโหยวมองค้อนให้สามี
“ได้ ๆ ข้าตามใจเจ้า แต่อย่าทำอะไรให้ตัวเองต้องเหนื่อย หากข้าไม่อยู่ฝากเจ้าดูแลน้องชายน้องสาวด้วยนะ สงครามยืดเยื้อเช่นนี้บ้านเราเองไม่มีเงินถึง 10 ตำลึงทองมาจ่าย ข้าเองก็คงต้องไปร่วมรบ” อวิ๋นเซียว
“สัญญากับข้าได้หรือไม่ ว่าท่านจะกลับมาอย่างปลอดภัย ข้ากับน้องชายน้องสาวยังรอท่านอยู่ที่นี่ หากภายใน 1 ปี ท่านไม่กลับมาข้าจะออกไปตามหาท่านเอง”
“ข้าสัญญาและจะกลับมาหาเจ้าอย่างปลอดภัย ขอเพียงเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ ที่บ้านของเรา”
“เจ้าค่ะ เช่นนั้นวันนี้ท่านช่วยตัดไม้มาซ่อมและล้อมรั้วที่ดินของบ้านเราทั้งหมดได้หรือไม่ ข้าจะกลับไปขอให้ท่านพ่อและท่านลุงมาช่วยด้วย หากท่านไม่อยู่แล้วข้าไม่วางใจ”
“ได้ เช่นนั้นข้าจะกลับไปบ้านเดิมกับเจ้าด้วย”
“เจ้าค่ะ”
เว่ยจื้อโหยวลุกออกมาล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วนางตั้งใจว่าวันนี้จะทำอาหารให้กับคนในบ้านได้กิน เป็นครั้งแรกที่นางได้เดินเฉียดเข้ามาในห้องครัว เพราะจากวันแรกจนเมื่อวานทุกคนในบ้านไม่ยอมให้นางช่วยงานหรือหยิบจับอะไรนอกจากกินแล้วก็นอน
อาหารการกินนับว่ามีไม่มากนัก ข้าวต้มที่เกือบหาเม็ดข้าวไม่เจอ ผัดผักป่า ยังดีหน่อยที่ยังมีเนื้อให้กินบ้าง สามีของนางยังคงเข้าป่าล่าสัตว์ทุกวัน และนำไปขายในเมืองเพื่อซื้อเสบียงอาหารมากักตุนเอาไว้ แต่บางวันก็ไม่มีสัตว์หลงมาติดกับดักเลย
ป่าในบริเวณนี้ไม่ค่อยมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่เท่าไหร่ อีกทั้งยังมีชาวบ้านเข้าป่าไปล่าสัตว์เป็นจำนวนมาก ทำให้สัตว์ป่าหนีเข้าป่าลึกไปเสียหมด
“มีอะไรให้ช่วยหรือไม่อาเฟย”
“ไม่มีเจ้าค่ะพี่สะใภ้ ท่านตื่นมาทำไมเจ้าคะไม่นอนพักอีกหน่อย งานครัวข้าทำเสร็จแล้ว” อวิ๋นเฟย
“ข้าหายดีแล้วล่ะ นอนมาหลายวันแล้ว เช่นนั้นข้าขอออกไปเดินดูรอบ ๆ บ้านก่อน”
“เจ้าค่ะ เดินระวังด้วยนะเจ้าคะ”
เว่ยจื้อโหยวเดินสำรวจที่ดิน 3 หมู่ของบ้านสามี หลังบ้านติดกับลำธารสายเล็ก ๆ ที่ไหลลงมาจากภูเขา นับว่าอุดมสมบูรณ์ไม่น้อย ในลำธารนางเห็นปลาแหวกว่ายอยู่จำนวนมาก นางเดินไปเรื่อย ๆ พบว่านอกจากปลาแล้วยังมีกุ้งและปูตัวใหญ่อยู่เป็นจำนวนมาก
นางได้แต่คิดในใจว่าเหตุใดพวกเขาถึงไม่นำสัตว์น้ำพวกนี้ไปทำอาหาร หรือว่าไม่รู้จักวิธีปรุงหรือคิดว่ามันกินไม่ได้ เอาไว้นางจะกลับไปถามสามีของนางดูก็แล้วกัน
จะว่าไปแล้วร่างนี้อายุเพิ่งจะได้ 17 เพียงเท่านั้น ส่วนสามีของนาง 19 นับว่ายังเด็กกันทั้งคู่ หากเป็นโลกที่นางจากมา 17 เพิ่งจะเรียนมัธยมปลายเท่านั้น ยังไม่ถึงวัยที่จะแต่งงานด้วยซ้ำ
นางเดินเลยมาจากที่ดินของบ้านสามีมาไกลจนเกือบถึงเชิงเขา นางก็พบเข้ากับกอเตยหอมที่ขึ้นอยู่ริมลำธาร นางจึงเด็ดใบเตยหอมติดมือกลับมาด้วย นางจะนำไปต้มเป็นน้ำใบเตยหอม ๆ เอาไว้ดื่มคลายร้อน
ที่ดิน 3 หมู่นี้นางตั้งใจว่าจะแผ้วถางและปลูกผักเอาไว้กิน และจะหาผลไม้มาปลูกด้วย อย่างน้อย ๆ มีผักกิน เหลือกินสามารถนำไปขายได้ นางคงต้องเร่งหาเงิน หากอวิ๋นเซียวไปเป็นทหารแล้ว นางมีหน้าที่ดูแลบ้านและน้องชายน้องสาวแทนเขาด้วย
ตอนนี้นางวางแผนเอาไว้แล้วนางจะต้องทำให้ครอบครัวอยู่ดีกินดี รวมถึงครอบครัวท่านตาท่านยายและท่านพ่อท่านแม่ด้วยเช่นเดียวกัน
“ไม่ต้องห่วงนะเว่ยจื้อโหยว ข้าจะทำทุกอย่างแทนเจ้าเอง ขอให้เจ้าไปสู่ภพภูมิที่ดีนะ” หลังจากนางพูดจบก็มีสายลมพัดผ่านหน้านางไปพร้อมกับแว่วเสียงขอบคุณนางดังขึ้นแผ่วเบา
“ขอบคุณนะเจ้าคะพี่สาว ข้าเองก็ขอให้ท่านมีความสุข ฝากทุกคนด้วยเจ้าค่ะ”
เว่ยจื้อโหยวกลับมาถึงก็เป็นเวลาอาหารเช้าแล้ว หลังจากที่กินมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางและสามีพาน้องชายน้องสาวกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมทันที หากจะทิ้งเด็กสองคนเอาไว้ก็กลัวว่าป้าสะใภ้มหาภัยจะมาหาเรื่องรังแกจึงได้พาไปด้วยกัน
ใช้เวลาเดินมาไม่นานก็มาถึงบ้านเหลียน ตอนนี้ท่านพ่อท่านแม่คงอยู่ที่แปลงนาช่วยท่านลุงและป้าสะใภ้ทำงานในแปลงนา ส่วนท่านตาท่านยายคงจะอยู่ที่แปลงผักหลังบ้านกับพวกน้อง ๆ ของนาง
“ท่านตา ท่านยาย ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ากลับมาเยี่ยมพวกท่านแล้ว” เว่ยจื้อโหยวตะโกนเรียกพร้อมทั้งเดินเข้าไปในบ้าน
“อาโหยวมาแล้วหรือ เจ้าหายดีแล้วหรือ เป็นอย่างไรบ้าง” แม่เฒ่าเหลียน
“คารวะท่านยายขอรับ” อวิ๋นเซียว
“คารวะท่านยายขอรับ ” อวิ๋นซวน
“คารวะท่านยายเจ้าค่ะ” อวิ๋นเฟย
"ตามสบายเถอะ พวกเจ้านั่งลงก่อน เดี๋ยวยายจะให้หย่งหมิงไปตามพ่อแม่เจ้าที่แปลงนา"
“เจ้าค่ะท่านยาย ท่านพ่อท่านแม่ ท่านตาท่านยายและทุกคนสบายดีหรือไม่เจ้าคะ”
“สบายดีลูกไม่ต้องห่วงยายหรอก เจ้าเองต่อไปนี้ใช้ชีวิตให้ดีเข้าใจหรือไม่ ต่อไปนี้จะไม่มีใครมารังแกเจ้าได้อีกแล้ว หมดเคราะห์เสียที” แม่เฒ่าเหลียน
“ต่อไปนี้ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายข้าอีกแล้วเจ้าค่ะ ข้ายอมมามากแล้ว”
“ดีแล้ว ดีแล้ว อาหย่งหมิงเอ้ย พี่สาวเจ้ากลับมาเยี่ยมบ้าน ไปเรียกพ่อกับแม่ของเจ้ากลับมาที”
“ขอรับท่านยาย ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ขอรับ”
หย่งหมิงวิ่งไปที่แปลงนาเพื่อบอกกับท่านพ่อและท่านแม่ว่าพี่สาวกลับมาเยี่ยม พอเจี้ยนป๋อและภรรยาได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็ทิ้งงานในแปลงนาเอาไว้ก่อน ทั้งสองคนรีบสาวเท้ากลับบ้านทันที
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ามาเยี่ยมเจ้าค่ะ น้องรองน้องเล็กสบายดีนะ”
“สบายดีขอรับพี่ใหญ่”
“คารวะท่านพ่อตาท่านแม่ยายขอรับ”
“ไม่ต้องมากพิธี อาโหยวลูกสบายดีหรือไม่” นางเหมยชิง
“สบายดีเจ้าค่ะท่านพ่อท่านแม่ ไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ อาการเจ็บป่วยของข้าหายดีแล้ว ข้ามาวันนี้นอกจากจะมาเยี่ยมพวกท่านแล้ว ข้ามีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากท่านพ่อด้วยเจ้าค่ะ”
“เรื่องอันใดหรือ เจ้าบอกพ่อมาได้เลย พ่อพร้อมจะช่วยเหลือเจ้าทุกเมื่อ”
“ข้าอยากให้ท่านพ่อและท่านลุงไปช่วยท่านพี่ล้อมรั้วรอบ ๆ ที่ดิน 3 หมู่ทั้งหมดเจ้าค่ะ หากท่านพี่ไม่อยู่ข้าไม่วางใจเจ้าค่ะ”
“ได้ งานในแปลงนาก็ไม่มีอะไรมากแล้ว วันนี้น่าจะถอนหญ้าในนาเสร็จ พ่อจะไปตัดไม้มาล้อมรั้วให้เจ้า ” เจี้ยนป๋อบอกกับลูกสาวด้วยรอยยิ้ม
“เช่นนั้นตากับลุงใหญ่ของเจ้าจะไปช่วยด้วย ช่วยกันหลายคนจะได้เสร็จเร็ว ๆ อาเซียวระหว่างนี้เจ้าไปตัดไม้ไผ่เอามาไว้ก่อน อีกสองวันพ่อกับลุงของเจ้าพร้อมด้วยท่านตาจะไปช่วยล้อมรั้ว”
“ขอรับท่านพ่อตา”
“เอาล่ะไหน ๆ พวกเจ้าก็มากันแล้วอยู่กินมื้อกลางวันกันก่อนก็แล้วกันอย่าเพิ่งกลับ” นางเหมยชิง
“ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านพี่จะขึ้นเขาไปตัดไม้ไผ่ ข้าเองจะพาน้องชายน้องสาวขึ้นเขาไปกับท่านพี่ด้วยเผื่อจะได้อะไรติดไม้ติดมือมาด้วย เอาไว้วันที่ไปช่วยล้อมรั้วเราค่อยกินข้าวด้วยกันทั้งครอบครัวนะเจ้าคะท่านแม่”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ลูก ยังไงเสียพวกเราก็ไปช่วยลูกอยู่แล้ว”
“เจ้าค่ะท่านแม่ เช่นนั้นลูกกลับก่อนนะเจ้าคะ ท่านพ่อท่านแม่ ท่านตาท่านยาย รักษาสุขภาพด้วย น้องรองน้องเล็กดูแลตัวเองด้วย”
“ขอรับพี่ใหญ่”
หลังจากลูกเขยและลูกสาวกลับไปแล้ว สองสามีภรรยาก็กลับลงไปทำงานที่แปลงนาเช่นเดิม และนางเหมยชิงได้บอกพี่ชายกับพี่สะใภ้ถึงเรื่องที่ลูกสาวมาขอความช่วยเหลือ ซึ่งทั้งสองคนก็เต็มใจไปช่วยหลานสาวกับหลานเขย
อวิ๋นเซียวเดินเคียงข้างภรรยาและน้องชายน้องสาวกลับมาถึงบ้าน พวกเขาก็เตรียมของขึ้นเขาทันที โดยอวิ๋นเซียวจะไปตัดไม้ไผ่ที่ป่าไผ่ ส่วนจื้อโหยวและเด็กทั้งสองจะไปหาของป่า นางมั่นใจว่าจะต้องได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง
นางตั้งใจว่าจะเก็บทุกอย่างที่กินได้กลับมาให้หมด นางถือคติที่ว่ามีกินดีกว่าไม่มีเป็นไหน ๆ เหลือดีกว่าขาด นางไม่ได้ตะกละเพียงแต่โลกใบนี้นางไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย คงต้องใช้เวลาปรับตัวเพื่อความอยู่รอด นางจะไม่ยอมตายรอบสองเป็นอันขาด
หลังจากเหลียนอี้หลุนแต่งภรรยาเข้าบ้านได้ไม่นาน หยวนจิ้งเองก็พบรักเข้ากับหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่งในหมู่บ้านแถบชานเมือง นางเป็นบุตรสาวพรานป่าที่มีนิสัยใจคอกล้าหาญไม่ต่างไปจากน้องสะใภ้อย่างเว่ยจื้อโหยว ที่สำคัญนางเป็นคนจิตใจดี หยวนจิ้งแต่งภรรยาได้ไม่นาน ภรรยาของเขาก็ตั้งครรภ์ทันที ต่างจากอี้หลุนที่ไม่ว่าจะทำยังไง ภรรยาก็ยังไม่ตั้งครรภ์เสียที ส่วนภรรยาของกู้ตงและสหายทั้งสองตอนนี้ตั้งครรภ์แล้วเช่นเดียวกัน เว่ยจื้อโหยวเองก็กำลังจะคลอดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ด้วยความพยายามของอี้หลุนในที่สุดภรรยาก็ตั้งครรภ์เสียที เซี่ยเหิงเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าคนอื่น อ้ายหลินเองก็ท้องโตและกำลังใกล้คลอดตามเว่ยจื้อโหยวมาติด ๆ หมู่บ้านต้าลี่เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ เว่ยเจี้ยนป๋อได้เป็นบิดาของจอหงวนฝ่ายบุ๋น อวิ๋นเซียวนั้นมีน้องชายเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ อวิ๋นเฟยกับหย่งคังก็มีลูกชายหญิงให้บิดามารดาได้เลี้ยงหลานไม่เหงา ทำเอาลุงใหญ่อย่างเหลียนอี้ปิงอิจฉาตาร้อนไปหมดเจ้าแฝดต้าเป่ากับเสี่ยวเป่า หลังจากมารดาคลอดน้อง ๆ แล้วทั้งสองคนจะเข้าไปศึกษาที่เมืองหลวงตามที่รับปากกับท่านลุงเฟยหลงเอาไว้ เว่ยจื้อโหยวมีความสุขที่ได้อยู่กับลู
เหลียนอี้หลุนตอนนี้กำลังชั่งใจตัวเองอยู่ว่าจะทำตามใจตัวเองหรือจะยอมเดินออกมาอย่างเช่นที่เคยทำ ไม่ใช่ว่าเขาไม่พึงใจในตัวม่านหลิน เพียงแต่เขาคิดว่าตัวเองมีชาติกำเนิดต่ำต้อย บิดามารดาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น เจ้าเมืองเตี้ยนถงเองไม่เคยคิดดูถูกชาติกำเนิดของเหลียนอี้หลุนอย่างที่ตัวอี้หลุนเข้าใจ ที่ฮูหยินท่านเจ้าเมืองกุเรื่องว่าจะให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายของสหายของนางนั้นเพื่อกระตุ้นให้อี้หลุนรู้ใจตัวเองเพียงเท่านั้น เหลียนอี้หลุนทำหน้าที่คุ้มกันขบวนสินค้ามานานแล้วและนางเองก็รู้ดีว่าเขาพึงใจในตัวบุตรสาวคนเล็กของนาง ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้แสดงออกโจ่งแจ้ง แต่คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานเช่นนางกับสามีนั้นมีหรือจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มคิดเช่นไรกับบุตรสาวของตัวเอง ม่านหลินนั้นตกหลุมรักเหลียนอี้หลุนตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเขาเมื่อ 2 ปีก่อน ถึงในสายตาคนอื่นนางเป็นคุณหนูจวนขุนนางที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร นอกจากวิ่งออกไปเที่ยวตรงนั้นทีตรงนี้ที แต่ความจริงแล้วฝีมือการทำอาหาร งานเย็บปักและการต่อสู้ไม่ได้ด้อยเลย ม่านหลินเองก็เริ่มถอดใจแล้วเช่นเดียวกัน นางคิดว่าความพยายามของตัวเองไม่เป็นผลสำเร็จ ขนาดที่นาง
หมู่บ้านหนานซานตอนนี้ข่าวการกลับมาของสามสหายปากร้ายแห่งหมู่บ้านหนานซานที่กลับมาจากเมืองหลวงพร้อมทั้งนำภรรยากลับมาด้วยเป็นที่เลื่องลือไปสี่หมู่บ้านยี่สิบลี้เลยก็ว่าได้ชาวบ้านหลายคนต่างไม่อยากจะเชื่อว่าบุรุษปากคมเช่นสามคนนั้นจะสามารถแต่งภรรยาจากเมืองหลวงกลับมาได้ อีกทั้งเหล่าภรรยายังเป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่ที่มาพร้อมกับสินเดิมมากมายและเช้าวันนี้หลังจากที่ส่งสามีออกไปทำงานแล้วเหล่าสะใภ้ทั้งสามก็นัดแนะกันเข้าป่าล่าสัตว์หาของป่าดังเช่นชาวบ้านทั่วไป ทั้งสามคนคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกแล้วที่แต่งงานมาอยู่หมู่บ้านหนานซานแห่งนี้“ท่านแม่ ท่านพ่อ พี่สะใภ้ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ ป่านี้เสวี่ยเหลียนกับซินเหมยคงมารอแล้ว” ม่อจื่อ“จื่อเอ๋อร์ระวังตัวด้วยนะ อย่าเข้าป่าลึกมากนัก บ้านเราไม่ได้ขาดแคลนสิ่งใดอย่าทำอะไรให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย เข้าใจหรือไม่” แม่สามีบอกลูกสะใภ้ชาวเมืองอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ ข้าจะดูแลตัวเองให้ดี”ผิงม่อจื่อหลังจากบอกลาแม่สามีแล้วก็มุ่งหน้ามาที่จุดนัดหมายที่มีสหายสองคนรออยู่ที่ทางขึ้นเขาท้ายหมู่บ้าน เส้นทางนี้ชาวบ้านในหมู่บ้า
หลังจากผ่านพ้นการแต่งงานแบบที่แปลกประหลาดไปแล้ว สี่หนุ่มแห่งหมู่บ้านต้าลี่ต่างได้ภรรยากลับไปฝากคนที่บ้านด้วยนอกเหนือจากของฝากที่พวกเขาซื้อเอาไว้มากมายเพราะทั้งสี่คนแต่งงานแล้วและภรรยายังตามสามีกลับไปด้วย ขากลับทำให้มีขบวนรถม้าเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เว่ยจื้อโหยวเองถึงแม้จะดีใจที่เจ้าพวกลิงทโมนทั้งสี่ในที่สุดก็รู้จักแต่งภรรยามีครอบครัวเสียทีจะได้ไม่ต้องรวมหัวกันไปทำเรื่องอะไรพิเรน ๆ อีก แต่ดูท่าทีภรรยาของแต่ละคนแล้ว เว่ยจื้อโหยวคิดว่าคงมีเรื่องปวดหัวตามมาอีกไม่น้อย “เดินทางปลอดภัยนะ อาเซียวน้องสะใภ้” เฟยหลง“ขอบคุณขอรับพี่รอง ท่านกลับไปดูแลพี่สะใภ้กับหลานชายเถอะไม่ต้องเป็นห่วง” อวิ๋นเซียว“เจ้าแฝดไม่อยู่กับลุงที่เมืองหลวงหรือ” เฟยหลงถามหลานชาย“ไม่ขอรับ ข้าจะไปช่วยท่านพ่อทำงาน เอาไว้ถึงเวลาเข้าสำนักศึกษาแล้วค่อยมาอยู่กับท่านลุงที่เมืองหลวงขอรับ แต่ต้องรอให้ท่านแม่มีน้องก่อนนะขอรับ เพราะหากพวกเราสองคนมาอยู่ที่เมืองหลวงข้ากลัวท่านแม่จะเหงา” ต้าเป่า“ได้ เช่นนั้นลุงรองจะสร้างเรือนเอาไว้ให้พวกเจ้าสองคนนะ เอาติดกับเรือนของน้องชายเลยดีหรือไม่”“ดีขอรับ ท่านลุงรักษาตัวด้วยนะขอรับ เอาไว้ต้าเ
เวลาผ่านไปอีกสองวันก็มีข่าวออกมาว่าชุยต้าหวังพร้อมนางจินซื่อถูกจับข้อหาร่วมมือกันทำให้อดีตภรรยาเอกถึงแก่ความตาย และยึดเอาสินเดิมภรรยาพร้อมทั้งใส่ความบุตรที่เกิดกับภรรยาเอกให้มีความผิดและส่งขายไปเป็นทาสหลวงหลังจากเจ้าหน้าที่ทางการสอบสวนแล้วนางจินซื่อสารภาพว่าเป็นคนวางยาอดีตภรรยาเอกเพื่อต้องการขึ้นมาเป็นภรรยาเอกแทน ส่วนชุยต้าหวังมีความผิดฐานยึดเอาสินเดิมภรรยาและขายลูกชายทั้งสี่ไปเป็นทาส ด้วยเหตุนี้นางจินซื่อมีโทษประหารข้อหาฆ่าคนตาย ชุยต้าหวังมีโทษจำคุก 30 ปี ส่วนลูกชายอย่างชุยตงหลางนั้นไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่บิดามารดาได้กระทำลงไปจึงไม่มีความผิด ลูกสาวอย่างชุยรุ่ยเอ๋อร์นั้นมีส่วนรู้เห็นและร่วมมือกับมารดาทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมีโทษจำคุกตลอดชีวิตเช่นเดียวกันทางการได้คืนสินเดิมของมารดาชุยต้าทั้งหมดให้กับพวกเขาสี่พี่น้อง ชุยต้าเองย่อมรู้ว่าเป็นฝีมือของฮูหยิน แต่พวกเขาไม่ยินดีที่จะอยู่เมืองหลวงอีกต่อไป เพราะต่างก็ตั้งใจลงหลักปักฐานที่หมู่บ้านต้าลี่แล้ว ชุยต้ากลับไปคงต้องคุยกับพี่น้องของตัวเองเรื่องสินเดิมมารดาที่เหลือไม่มากแล้วเพราะตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ชุยต้าหวังและนางจินซื่
หย่งซีและชุยต้ากลับมาถึงจวนแม่ทัพพร้อมกับที่เว่ยจื้อโหยวกลับมาจากวังหลวงเช่นเดียวกัน หย่งซีใบหน้าบูดบึ้งเดินกระแทกเท้าตึง ๆ เข้าไปหาพี่สาวเพื่อบอกกับนางว่าเขาและชุยต้าถูกคนรังแกอย่างไรบ้าง“เป็นอะไรเสี่ยวซีทำไมหน้าตาบูดบึ้งเช่นนั้น ใครทำอะไรให้โมโหมาหรือ” เว่ยจื้อโหยวถามน้องชาย“ก็วันนี้ข้าไปเดินเที่ยวตลาดในเมืองมาแล้วไปเจอยายป้าปากแดงอยู่ ๆ ก็เข้ามาด่าว่าพี่ชายชุยต้ากับข้า แถมยังบอกว่าพี่ชายชุยต้าเป็นอดีตพี่ชายของนาง เท่านั้นยังไม่พอนางยังด่าว่าเป็นทาสด้วย เป็นทาสอะไรกันไม่ได้เป็นทาสเสียหน่อย”“ใครกันน่ะ เหตุใดถึงได้กล้าด่าคนอื่นกลางตลาดขนาดนั้น ไม่กลัวคนอื่นจะมองไม่ดีแล้วไม่มีใครมาสู่ขอหรือ แถมเป็นสตรีด้วย”“ข้าไม่รู้หรอกพี่ใหญ่ รู้แค่ว่านางไม่สวย ทาหน้าขาวโพลนแถมยังปากแดงอีกด้วย ใครจะไปสนใจกันว่านางเป็นใคร ไม่ได้รู้จักแต่เข้ามาด่า นางบอกว่าพี่ชุยต้าเป็นอดีตพี่ชาย”“สรุปที่เจ้าโมโหขนาดนี้ แม่นางผู้นั้นด่าเจ้าหรือด่าชุยต้า” “ด่าข้าด้วย ด่าพี่ชายชุยต้าด้วย นางด่าข้าว่าไอ้เด็กเหลือขอ พ่อแม่ไม่สั่งสอน” หย่งซีหน้างอตอบพี่สาว“ตกลง ตกลง ข้าเข้าใจแล้ว เดี๋ยวจะไปถามชุยต้าเดี๋ยวพี่สาวจะจัดก