LOGINหรงหรงรีบหยดหาสาเหตุทันที เลือดสีแดงกายเป็นสีดำในชั่วพริบตาเดียว นางจึงหยิบเข็มเงิน เพื่อพิสูจน์หาพิษให้แน่ชัดอีกครั้ง
ผลที่ได้...ปลายเข็มเงินกลายเป็นสีดำสนิท "พิษ ท่านแม่....ท่านถูกพิษได้เช่นไรเจ้าคะ...? หรงหรงรีบหันไปถามหญิงชราตรงหน้าอย่างสงสัย "จะถูกพิษได้เยี่ยงไร แม่ก็กินยาตามที่ท่านย่าของเจ้าให้มาตลอด นอกจากนั้น...แม่ก็ไม่ได้กินยาที่ไหนอีกเลย...? นางเมิงตอบไปตามความจริง "ท่านย่า นี้ท่านย่าเป็นคนนำยาพวกนี้มาให้ท่านตลอด เลยหรือเจ้าคะ...? "ใช่...ทำไมหรือ....? "อ่อ...เปล่าเจ้าคะ..." "ก็ลำพังบ้านเรา ไม่มีตำลึงซื้อยาที่แพงเช่นนั้นหรอก ท่านย่าเจ้าเป็นคนจิตใจดีมีเมตตา นางช่วยส่งยามาให้แม่ต้มกินในทุกๆเดือน" "ท่านแม่...ขอข้าดูห่อยาที่ท่านย่าส่งมาได้ไหมเจ้าคะ...? "ได้....นั้นไง วางข้างตระกร้าผ้าตรงนั้น แต่ยาน่าจะใกล้หมดแล้วแหละ ประเดี๋ยวอีกไม่นาน ย่าเจ้าน่าจะให้คนนำมาส่งให้เพิ่ม" หรงหรงที่ได้ฟังกัดฟันกรอดขึ้นมาอย่างโกรธเคือง นางรีบลุกขึ้นเดินไปหยิบห่อยาขึ้นมาดู เพียงเปิดห่อยาออก นางก็ได้กลิ่นฉุนขึ้นจมูกอย่างรุนแรง ดูก็รู้ว่ามิใช่ยาดี "นี้ถึงกับคิดจะฆ่ากันให้ตายเชียวรึ เห็นทีข้าคงปล่อยนางเอาไว้ไม่ได้เสียแล้ว.." หรงหรงบ่นพึมพำเสียงเบาอย่างฉุนเฉียว ก่อนจะปรับสีหน้าหันกลับมาทางหญิงชราอย่างปกติที่สุด "เป็นอย่างไรบ้างหรงเอ๋อร์ แค่ก...แค่ก...? "ยาพวกนี้มีปัญหา" "มีปัญหาอย่างนั้นรึ....? "ต่อไปนี้ข้าจะดูแลเรื่องยาให้ท่านเอง หากท่านย่านำยามาให้ท่านอีก ให้ท่านแม่เก็บยาพวกนั่นเอาไว้ให้ข้าตรวจสอบดูก่อนนะเจ้าคะ....? "เพราะเหตุใด...? นางเมิงถามออกไปอย่างสงสัย "ท่านแม่ลองคิดดูสิ ท่านกินยาพวกนี้อย่างต่อเนื่อง แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเลย อาการมีแต่ทรุดหนักลงไปเรื่อยๆ ท่านแม่ไม่เคยสงสัยบ้างเลยรึเจ้าคะ....? "ที่เจ้าพูดมา ก็มีส่วนถูก...." "ท่านแม่เพียงกินยาที่ข้าต้มก็พอ อีกไม่นานท่านแม่จะกลับมาเดินเหินได้ปกติอีกครั้ง ส่วนยาพวกนี้ ข้าจะเอาไปกำจัดทิ้งเสีย ส่วนเรื่องยาพวกนี้...ท่านแม่จะต้องเก็บไว้เป็นความลับ ห้ามแพร่งพรายให้คนอื่นรู้แม้แต่คนเดียวนะเจ้าคะ.." หรงหรงรีบกำชับมารดา "ได้แม่รับปาก.." นางเมิงมองดูบุตรสาวอย่างไม่เชื่อสายตา นี้ใช่บุตรสาวนางจริงๆใช่ไหม เหตุใดนิสัยใจคอบุตรสาว จึงได้เปลี่ยนไปราวกับคนละคน "ตอนนี้เพียงแค่ให้น้ำเกลือบำรุงร่างกายไปก่อน หลังจากนั้นค่อยทยอยขับพิษที่ตกค้างออกไปให้หมด..." หรงหรงหยิบขวดน้ำเกลือออกมา ยิ่งทำให้นางเมิงสงสัยมากยิ่งขึ้น "ขวดน้ำสีขาวๆนั้นรึ ที่เจ้าเรียกว่าน้ำเกลือ...? "อันนี้คือน้ำเกลือใช้ในการรักษา เวลาหาเส้นเลือดอาจจะเจ็บเหมือนมดกัด ท่านแม่จะรู้สึกอึดอัดชั่วครู่ แต่หลังจากนั้น...ท่านแม่จะรู้สึกดี และมีเรี่ยวแรงมากขึ้นเจ้าคะ.." "วิเศษปานนั้นเชียว...? "ของที่ท่านเซียนให้มาเองกับมือ เหตุใดจะไม่วิเศษละเจ้าคะ" "แล้ว...ท่านเซียนตนนั้นหนุ่มหรือแก่...? หรงหรงแทบจะสำลักน้ำลายตัวเองออกมาในคำถามของมารดา "ท่านแม่...!!!" หรงหรงรู้ว่ามารดากำลังจะสื่อถึงอะไร "เอาเถอะ เอาเถอะ แม่ก็แค่ถามดู ช่างเถอะตอนนี้แม่ไม่อยากรู้แล้ว..." หลังจากให้น้ำเกลือเริ่มซึมซับเข้าสู่ร่างกาย นางเมิงใบหน้ากลับมามีเลือดฝาดอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นานนางเมิงก็ลุกขึ้นนั่งได้เอง โดยที่ไม่ต้องมีบุตรสาวคอยพยุง "หรงเอ๋อร์...ยาของท่านเซียนช่างวิเศษเสียจริง แม่รู้สึกดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อน ท่านเซียนอยู่ที่ใด..ถ้าแม่เดินได้คล่อง แม่จะไปขอบคุณท่านเซียนด้วยตัวแม่เอง" "เป็นถึงท่านเซียน เรามิอาจพบเจอได้ง่ายๆ หรอกเจ้าคะ ตอนนี้พิษอาจจะยังมีหลงเหลืออยู่บ้าง ยังขจัดออกไม่หมด ข้าจะรีบขึ้นเขาไปหาสมุนไพร เพื่อกำจัดพิษที่ตกค้างให้หมด ท่านแม่จะได้หายขาดจากโรคนี้เสียทีน่ะเจ้าคะ.." "จริงของเจ้า แม่คิดน้อยไป หรงเอ๋อร์...ถ้าเจ้าพบท่านเซียนอีกครั้ง เจ้าต้องรีบขอบคุณท่านเซียนแทนแม่ เจ้าอย่าลืมเชียว....? "ได้ๆๆๆ ท่านเเม่...นี้ท่านฟังข้าพูดเมื่อครู่อยู่หรือเปล่าเจ้าคะ....? "อือ...เจ้าบอกจะขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร ตอนนี้แม่รู้สึกดีขึ้นกว่าแต่ก่อน เจ้ามิต้องห่วงแม่ แต่ยังไงก็อย่าลืมรีบไปขอบคุณท่านเซียนให้แม่อีกครั้งเชียวนะ ได้ยินหรือไม่....? "เจ้าคะ เจ้าคะ .." หรงหรงเพียงคิดในใจ นางนี้แหละเทพเซียน จะให้นางไปขอบคุณใครได้อีก คิก....คิก หรงหรงลืมเรื่องโม่เฉินไปอย่างสิ้นเชิง แต่รออีกสักพักค่อยบอกมารดาเรื่องเขาก็ยังไม่สาย หากบอกตอนนี้ เกรงว่านางเมิงจะเป็นลมล้มพับไป เนื่องด้วยร่างกายที่ยังไม่ฟื้นตัวดี รอให้ร่างกายนางเมิงฟื้นตัวแข็งแรงดีขึ้นอีกหน่อย หรงหรงค่อยบอกหญิงชราในภายหลังก็ยังไม่สาย แต่โชคดีที่นางแอบฉีดยาถอนพิษให้โม่เฉินไปแล้ว อาการเขาจึงไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่ก็ต้องพึ่งสมุนไพรล้างพิษด้วย นางจึงข้ออ้างเรื่องนี้บอกมารดา "ท่านแม่ ตอนนี้ท่านนอนพักผ่อนก่อนเถิด ข้าว่าจะออกไปเก็บสมุนไพรบนเขามาเพิ่มอีกสักหน่อย..." "ได้ ระวังตัวด้วยละ.....? "เจ้าคะ..." หรงหรงเดินออกมาพร้อมกับข้าวต้มหนึ่งถ้วย นางเดินมาหาโม่เฉินที่ลานข้างบ้าน อย่างรู้หน้าที่ "อาเฉิน...เลยเวลากินข้าวกินยาแล้ว ท่านคงจะหิวแย่แล้วกระมัง....? "ไม่เป็นไรข้าทนได้ ตอนนี้ข้ากำลังมองดูลูกนกตัวน้อย เหมือนมันกำลังจะหลอกล่อให้แม่นกกินเหยื่อ ลูกนกตัวนี้ช่างซุกซนยิ่งนัก..." หรงหรงรู้ได้ในทันที ว่าโม่เฉินกำลังต่อว่านางอยู่อย่างแน่นอน นางแหงนหน้ามองขึ้นไปบนต้นไม้ ก็ไม่เห็นมีนกอยู่แม้แต่ตัวเดียว ชิ...บุรุษผู้นี้ช่างร้ายกาจยิ่งนัก กล้าต่อว่านางอย่างนั้นหรือ....? "อาเฉิน นี่ท่านแอบฟังเรื่องที่ข้าคุยกันกับท่านแม่ของข้า....? หรงหรงมองไปที่โม่เฉินเป็นเชิงตำหนิ "จะแอบฟังได้อย่างไร เรือนเจ้ามิได้เก็บเสียง ข้าก็แค่ได้ยิน...มิได้ตั้งใจแอบฟังเสียหน่อย คิดไม่ถึงว่าหรงเอ๋อร์ไม่ใช่แค่เก่งเรื่องการแพทย์เพียงอย่างเดียว เจ้ายังมีความสามารถในการพูดจาเกลี้ยกล่อมคนป่วยได้อีกด้วย หากเพียงเเค่มองผิวเผิน เจ้าก็เป็นเพียงแค่หญิงสาวชาวบ้านธรรมดาทั่วไป หาไม่...ข้าคงคิดว่าหรงเอ๋อร์เป็นสตรีสูงศักดิ์แอบปลอมตัวมา เพื่อมาสืบดูความเป็นอยู่ของราษฎร....? "อาเฉินช่างมองข้าสูงส่งเกินไปแล้ว ข้ามิกล้ารับไว้ มิกล้า มิกล้า นี้มันเป็นความสามารถส่วนตัวของข้าโดยเฉพาะ ผู้อื่นไม่สามารถลอกเลียนแบบได้..." "อืม...นับถือ นับถือ" "แน่นอน คิก...คิก..." หรงหรงยิ้มกริ่มอย่างผู้ชนะ "อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย รีบกินข้าวได้แล้ว จะได้กินยาตาม วันนี้ข้ายังมีธุระต้องไปทำ จะต้องรีบล้างแผลให้ท่านก่อน.." "พักผ่อนไม่เต็มที่ ยังต้องไปที่ใดอีก...? "ข้าจะขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร ไปไม่นานหรอก จะรีบกลับมาให้ทันมื้อเย็น ท่านอย่าได้ห่วงไปเลย.." "ข้ารู้ว่าหรงเอ๋อร์เก่ง ดูแลตัวเองได้ แต่ก็ต้องระวังตัวทุกฝีก้าวด้วยเช่นกัน เข้าใจหรือไม่...? โม่เฉินสัมผัสได้ว่าสตรีตรงหน้ามีวรยุทธ เขาถึงกลับตกตะลึงไม่น้อย ได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจเงียบๆ "ข้าเข้าใจแล้ว ฝากท่านดูแลเรือนและท่านแม่ข้าด้วย....." หรงหรงเดินมาจับที่แก้มของโม่เฉินเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป พร้อมมุ่งหน้าตรงไปบนเขา โม่เฉินได้แต่มองตามหลังสตรีร่างบางที่กำลังเดินจากไปอย่างช้าๆ สายตาเขายังคงจดจ่อมองนางจนสุดสายตา" ขอเพียงท่านลุงตกลงปลูกเรือนให้ข้า หากท่านลุงต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม ท่านลุงบอกข้ามาได้เลยเจ้าคะ ข้ายินดีพร้อมใจสุดกำลัง..." "ได้...ช่วงนี้ลุงว่างพอดีเลย ตอนนี้ยังไม่ได้รับงานที่ไหน ถ้าเช่นนั้น...อีกสักสองสามวัน หลังจากที่ลุงทำเก้าอี้ให้เจ้าเสร็จเรียบร้อย ลุงจะพาผู้ช่วยไปตรวจวัดพื้นที่ที่เรือนให้ก่อนก็แล้วกัน..." ช่างไม้ฉู่รีบตกปากรับคำทันที "ได้เจ้าคะ เรื่องอาหารการกิน ข้าจะรับผิดชอบวันละสามเวลาเจ้าคะ ส่วนค่าแรง ข้าจะจ่ายให้ท่านลุงทุกวันหลังจบงาน คนละสิบอิแปะ ท่านลุงคิดเห็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ...? หรงหรงมองไปที่ช่างไม้ฉู่อย่างชั่งใจ สิบอิแปะต่อวัน ถือว่าเป็นค่าแรงที่หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เพราะปกติค่าแรงรายวัน ได้เพียงเเค่ห้าอิแปะต่อวันเท่านั้น มีหรือช่างไม้ฉู่จะไม่รีบตอบตกลง เทียบกับชาวบ้านธรรมดาในหมู่บ้าน ยังได้ค่าแรงวันล่ะ 5 -6 อิแปะต่อวัน สตรีคนนี้ช่างใจปล้ำยิ่งนัก ช่างไม้ฉู่พลันนึกคิดภายในใจ มีลาภลอยมาให้ถึงที่ เหตุใดเขาจะต้องปล่อยให้หลุดมือไปด้วยเล่า "ได้ตกลงตามนี้" "ตกลงตามนี้เจ้าคะท่านลุง" เมื่อตกลงจ้างวานสำเร็จ หรงหรงจึงให้ช่างไม้ฉู่ติดต่อสั่งซื้อกระเบื้อง อิ
ท่านลุงฉู่....ถือเป็นช่างไม้ฝีมือดีอันดับหนึ่งอีกหนึ่งคนของหมู่บ้าน เขาสามารถสร้างผลงานการออกแบบ รวมถึงการต่อเติมเรือนที่แข็งแรงและยังทนทาน ขนาดช่างฝีมือในระแวกใกล้เคียง ยังต้องมาขอเรียนรู้งานเพิ่มเติมจากช่างไม้ฉู่อยู่เป็นประจำ เรียกได้ว่าแถบจะทุกครัวเรือน ล้วนเป็นฝีมือของช่างไม้ฉู่ หากเอ่ยถึงช่างไม้ฝีมือดี คงไม่มีใครที่จะไม่รู้จักช่างไม้ฉู่.... คำเล่าลือถึงความสามารถของช่างไม้ฉู่ ไม่ใช่เฉพาะแต่การสร้างบ้านหรือต่อเติมบ้านเป็นเท่านี้ เขายังสามารถสร้างโต้ะกินข้าว เก้าอี้ โต้ะเครื่องแป้ง และอุปกรณ์ที่ทำจากไม้อีกหลายอย่าง ขึ้นอยู่กับผู้จ้างวาน ขอเพียงมีแบบร่าง ช่างไม้ฉู่ก็สามารถทำออกมาได้ทั้งนั้น "อ้าว...นางหนู ลมอะไรหอบมา วันนี้ถึงได้มาหาลุงตั้งแต่เช้าเช่นนี้.....? ช่างไม้ฉู่กำลังนั่งลงประกอบโต้ะไม้ เขาพลันเหลือบไปเห็นหรงหรงเดินมาแต่ไกล ก่อนจะรีบเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะตั้งแต่มารดานางป่วย เขาก็ไม่ค่อยเห็นหน้าเด็กสาวคนนี้เลยสักครั้ง "สวัสดีตอนเช้าเจ้าคะ.... พอดีว่าข้าจะมาขอจ้างวานท่านลุง พอจะมีเวลาว่างให้ข้าสักประเดี๋ยว ได้หรือไม่เจ้าคะ.....? หรงเอ๋อร์รีบเข้าประเด็นทันที "ได้
"ข้าจะยอมบอกท่านก็ได้ ในอดีต...ข้าเคยมีคนรักและเพื่อนสนิทที่รักมากอยู่คนหนึ่ง แต่ถูกพวกเขาสองคนสวมเขาให้ข้า ข้าจึงยังไม่อยากเปิดใจคบกับใครอีกแล้ว....ท่านเลิกคิดเรื่องนี้ไปได้เลย..." หรงหรงพูดมาถึงตรงนี้ นางพลันมีสีหน้าที่เศร้าหมอง "หากข้าเป็นบุรุษผู้นั้น ข้าจักต้องดีต่อเจ้าอย่างแน่นอน ทุกคำที่ข้าพูดล้วนเป็นความจริง หรงเอ๋อร์...เจ้าจะให้โอกาสกับข้าได้หรือไม่...? สายตาที่โม่เฉินส่งออกไป ดูจริงจังกว่าทุกครั้ง "ไม่เอาหรอก มีท่านเป็นสามี ข้าคงได้อกแตกตายกันพอดี ข้ามิอยากจะไปสู้รบกับสตรีคนอื่นๆ เพียงเพราะใบหน้าที่งดงามของท่านหรอกนะ" "หน้าตาข้า...ดูคล้ายกับบุรุษมักมายพวกนั้นหรือกระไร....? "ไหน....ขอข้ามองดูแววตาท่านให้ชัดๆหน่อยสิ ว่าท่านกำลังพูดความจริง หรือว่าท่านกำลังโกหกข้าอยู่..." หัวคิ้วของหรงหรงขมวดเข้าหากัน นางขยับตัวลงไปนั่งใกล้ๆโม่เฉิน พลันคิดถึงเรื่องการรักษาเกี่ยวกับขาของโม่เฉินขึ้นมาอย่างกระทันหัน จึงทำให้นางหยุดนิ่งอยู่สักพัก "หรงเอ๋อร์ ว่าอย่างไร ดูพอหรือยัง......? โม่เฉินเรียกนางอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับใดๆ ราวกับว่าเขากำลังคุยอยู่คนเดียว "หือ.....? หรงห
"เรื่องนี้รู้ไปถึงหูของท่านตา ทำให้ท่านตาขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก ส่วนท่านยาย พอได้ทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น นางถึงกับเป็นลมหมดสติไปหลายวัน ด้วยเกรงว่าตระกูลถังจะเสื่อมเสียชื่อเสียง ท่านตาจึงรีบปิดข่าว เพื่อไม่ให้คนภายนอกได้ล่วงรู้ และให้พ่อกับแม่แต่งงานกันโดยไม่ต้องจัดพิธีรีตอง แต่ท่านตายังถือว่ามีเมตตา ได้แบ่งทรัพย์สินเพื่อเป็นสินเดิมให้แม่ เอาไว้ใช้ในยามจำป็น แต่คนในตระกูลถังไม่ยินยอมให้แม่ใช้ชื่อแซ่เดิม น้ำเสียงส่วนใหญ่เห็นต่างไปจากท่านตา ท่านตาเองก็ทำอะไรมากไม่ได้ จึงได้ตัดสินใจ คัดชื่อแม่ออกจากรายชื่อวงศ์ตระกลู นับแต่นั้นเป็นต้นมา" "ปัดโธ้....คนในตระกลูช่างไม่ยุติธรรมกับท่านแม่เลยนะเจ้าค่ะ...? หรงหรงเมื่อได้ฟังดังนั้น นางก็เริ่มโมโหขึ้นมา "หรงเอ๋อร์ พ่อเจ้าดีกับแม่เป็นอย่างมาก เขาได้เปลี่ยนชื่อแซ่ให้แม่ในภายหลัง แต่หลังจากแม่ย้ายออกมาอยู่กับพ่อเจ้าได้ไม่นาน แม่เฒ่าอิ๋นก็เริ่มใช้สินเดิมของแม่ไปจนหมดสิ้นอย่างไม่เกรงใจ พ่อเจ้าจึงทนดูไม่ได้ เลยขอแยกเรือนออกมาใช้ชีวิตตามลำพังสองผัวเมีย ท่านปู่เจ้า..เห็นว่าแม่เฒ่าอิ๋นใช้สินเดิมแม่ไปจนหมดสิ้น จึงได้แอบยกเงินส่วนตัวจำนวนก้อนหนึ่ง เ
ยามโหย่ว(17.00-19.00)....... หรงหรงแบกของพะรุงพะรังกลับมาถึงก็เป็นเวลาพลบค่ำ ร่างบางไม่รอช้า รีบนำสมุนไพรที่เก็บได้ออกมาวางอย่างเป็นระเบียบ พร้อมทั้งจัดการแยกโสมภูเขาล้ำค่า และจัดแจงสมุนไพรอื่นอีกมากมาย แยกออกเป็นสัดเป็นส่วน กระต่ายน้อยอ้วนพี ถูกจัดการชำแหละเนื้อออกอย่างรวดเร็ว "กลับมาแล้วรึ รีบไปอาบน้ำเถอะ.." นางเมิงมองเห็นบุตรสาวที่เนื้อตัวม่อมแมม ใบหน้าชุ้มไปด้วยเหงื่อ จึงรีบเอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วง "ลูกจวญจะเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ..." หรงหรงมองไปที่หญิงชรา แล้วจึงส่งยิ้มให้ "วางมือลงเถอะ ให้แม่ทำเอง เนื้อตัวสกปรกเยี่ยงนั้น ต้องรีบไปอาบน้ำจะได้สบายตัวขึ้น.....? "ไหนๆมือลูกก็เปื้อนไปแล้ว ให้ลูกทำให้เสร็จเถอะเจ้าคะ ท่านแม่แค่รอนำเนื้อกระต่ายลงไปผัด และต้มน้ำแกงก็พอ..." หรงหรงจัดแจงบอกมารดาอย่างละเอียด "ได้ๆๆ....ส่วนที่เหลือแม่จักทำเอง .." "เรียบร้อย....ประเดี๋ยวลูกจะรีบกลับมาช่วยท่านแม่อีกแรงนะเจ้าคะ..." "ไม่ต้องแล้ว ลูกแค่เตรียมท้องรอก็พอ..." หลังจากหรงหรงอาบน้ำเสร็จ นางรีบแวะไปหาโม่เฉินก่อน เพื่อตรวจเช็คดูความคืบหน้าของผลงาน "กลับมาแล้วหรือ...? เสียงทุ่มเอ่ยถาม
บรรยากาศยามรุ่งสาง..... หรงหรงตื่นขึ้นมาเป็นคนแรก นางรีบอาบน้ำแต่งตัวออกเดินทางขึ้นเขาไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ในระหว่างการเดินทาง เมื่อนึกถึงคำพูดของโม่เฉินตลอดทั้งคืน ยิ่งทำให้นางนอนไม่หลับ นางนอนพลิกตัวไปมาตลอดทั้งคืน จนเผยให้เห็นรอยคล้ำที่ใต้ตาอย่างเด่ดชัด "ผู้ชายก็เป็นเหมือนกันหมด ยามแรกรักน้ำต้มผักยังว่าหวาน เขาช่างดื้อดึงเสียจริงๆ" จู่จู่หรงหรงก็นึกถึงเรื่องราวในอดีตที่แสนเจ็บปวดขึ้นมาในโสตปราสาท นางเคยมีเพื่อนสนิทที่รักมากอยู่คนหนึ่ง เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจ จึงทำให้ถููกเพื่อนสนิทคนนั้นแอบแทงข้างหลัง และได้ถูกสวมเขามาเป็นเวลานาน หากว่าเรื่องไม่แดงขึ้นมาเสียก่อน หรงหรงคงกลายเป็นคงโง่งมอยู่เช่นนั้น ก่อนจะข้ามภพมา หรงหรงตั้งใจว่าจะไปเซอร์ไพรเพื่อนสนิท โดยไม่บอกล่วงหน้า นางจึงได้แอบไปหาเพื่อนสนิทที่ห้องพักอย่างลับๆ และบังเอิญได้ยินเพื่อนสนิทกำลังคุยโทรศัพท์ว่ากำลังตั้งครรภ์ขึ้นมา และพ่อของเด็ก ก็คือแฟนหนุ่มของหรงหรง หรงหรงเหมือนโดนมีดกรีดลงกลางใจ ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างบาดแผลทางใจให้กับหรงหรงอย่างไม่มีวันลืมเลือน.... เมื่อได้สติขึ้นมา หรงหรงรีบสลัดความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดทิ้งไ







