ログインทางด้านฝั่งอี้ฟู........
อี้ฟูและลูกสมุนยังคงนอนติดเตียงไม่ได้สติอยู่หลายวัน ทุกคนต่างมีบาดแผลฟกช้ำเต็มตัว คล้ายกับถูกรุมประชาทัณฑ์ด้วยคนจำนวนมาก เพราะสภาพร่างกายแต่ละคน กระดูกแขนขาล้วนแตกหัก เนื้อตัวสะบักสะบอมใบหน้าบูดเบี้ยว โดยเฉพาะอี้ฟู ที่มีอาการบาดเจ็บสาหัสรุนแรงกว่าทุกคน หลังจากหมดสติไปหลายชั่วยาม ชาวบ้านที่เข้าไปหาของป่าได้พบพวกเขาเข้าโดยบังเอิญ พวกเขาทุกคนจึงได้ถูกชาวบ้านกลุ่มนั้น พาตัวกลับมารักษาในเวลาต่อมา บิดาอี้ฟู เมื่อได้รู้ว่าบุตรชายของตัวเองถูกทำร้ายจนอาการสาหัสปางตาย ใบหน้าเปลี่ยนสีด้วยความโกรธแค้น เขาบันดาลโทสะกับข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านเป็นจำนวนมาก แล้วยังสั่งลูกน้องให้รีบไปเชิญหมอจ้าวในหมู่บ้าน เพื่อมารักษาอาการบุตรชายเป็นการเร่งด่วน หมอจ้าวเรียกได้ว่าเป็นหมอหน้าเลือดคนหนึ่งในหมู่บ้าน เขาชอบฉวยโอกาสขึ้นราคารักษาตามอำเภอใจ เเต่ชาวบ้านในหมู่บ้านก็ต้องยอมจ่าย เพราะมีหมอจ้าวที่เป็นหมอเพียงคนเดียวในหมู่บ้าน หมอจ้าวแค่รักษาไปตามอาการเบื้องต้น เพราะไม่ได้ร่ำเรียนวิชาแพทย์มาโดยตรง เพียงแค่ครูพักลักจำ รู้เพียงวิธีรักษาขั้นพื้นฐานเท่านั้น ทำตนว่าเป็นคนใจบุญชอบช่วยเหลือผู้อื่น แต่ลับหลังกลับฉกฉวยผลประโยชน์ใส่ตน เขาเริ่มหารายได้จากการโก่งราคาค่ารักษา ส่วนมากจะวินัยฉัยโรคไปในอาการที่คล้ายคลึงกัน คือเป็นไข้หวัดธรรมดา ไม่ก็ป่วยด้วยโรคที่รักษาไม่หาย จ่ายยาไปส่งๆ แต่ถึงอย่างนั้น ชาวบ้านก็ต้องจำยอม เพราะไม่อยากเสียค่ารักษาที่แสนแพงเพื่อเข้าไปรักษาในตัวเมือง ไหนจะค่าเกวียนไปกลับอีกหลายกิโล จึงไม่มีหนทางอื่น "ท่านหมอจ้าว ลูกชายข้าเป็นอย่างไรบ้าง...? มารดาอี้ฟูรีบซักถามอาการอย่างกังวล "กระดูกหักไปหลายส่วน อวัยวะภายในร่างกายบอบช้ำจนเกินเยียวยา.....เอ่อ..แล้วก็..." หมอจ้าวส่ายหัวพูดจาตะกุกตะกัก "แล้วอะไร....ลูกชายข้าเป็นอะไรอีกท่านหมอ...? บิดาอี้ฟูกล่าวเสริมอย่างร้อนใจ "เห็นทีชาตินี้ลูกชายของเจ้า คงไม่สามารถมีทายาทสืบสกุลได้อีกแล้ว ถ้าจะให้ข้ารักษา พวกเจ้าต้องจ่ายเพิ่มอีกหลายเท่า แต่ข้าไม่อาจรับปาก ว่าเขาจะกลับมาเป็นปกติได้เช่นเดิมอีกหรือเปล่านี้สิ.." "ห้ะ...ท่านว่าอย่างไรนะ...? มารดาอี้ฟูแทบจะเป็นลมล้มลงไป หากไม่มีทายาทสืบสกุล ก็เท่ากับว่าบุตรชายของตนกลายเป็นคนที่ไร้ประโยชน์เข้าแล้ว "มันผู้ใด...บังอาจกล้าทำร้ายลูกชายข้าได้ถึงเพียงนี้...? บิดาอี้ฟูกล่าวขึ้นมาด้วยความโมโห "ท่านพี่อย่าได้โมโหไปเลยเจ้าคะ รอเสี่ยวฟูฟื้นขึ้นมาก่อน เราค่อยซักถามเรื่องราวจะดีกว่า ข้าเองก็ร้อนใจพอๆกับท่านพี่" มารดาอี้ฟูพอได้สติขึ้นมา จึงรีบเอ่ยปรามสามีออกไป ก่อนจะหันไปมองดูบุตรชายเพียงคนเดียวที่กำลังนอนไม่ได้สติ "ข้าจะไม่ยอมอยู่เฉยแน่...คอยดูสิ ลูกชายข้าบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ ข้าจะต้องหาคนผิดมารับผิดชอบเรื่องนี้ให้จงได้..." บิดาของอี้ฟูหันไปมองภรรยาด้วยใบหน้าที่ดุดัน พ่อเป็นอย่างไร ลูกก็เป็นอย่างนั้น ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น นิสัยอันธพาลของสองพ่อลูกช่างเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน บิดาอี้ฟูยังคงโวยวายอยู่เช่นนั้น เขาจะต้องตามหาคนผิดมาลงโทษให้จงได้ แววตาที่แสดงออกมา ทำให้คนมองถึงกลับขนหัวลุกขึ้นมา "ข้าก็ไม่ยอมเช่นกันเจ้าคะท่านพี่" มารดาอี้ฟูเอ่ยสมทบด้วยใบหน้าที่โกรธเกรี้ยว ............................... "ฮัดชิ้ว...." หรงหรงจามออกมา ราวกับว่ามีคนกำลังนินทานาง แต่ก็ไม่ได้สนใจ นางเดินขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรต่ออย่างอารมณ์ดี เดินสำรวจไปซ้ายทีขวาที ก็ได้เก็บสมุนไพรมาจำนวนไม่น้อย ในกล่องยามีแต่ยาสมัยใหม่ ไม่มียาสมุนไพรต้มกินเพื่อขับพิษภายในร่างกาย นางได้แต่ต้องขึ้นเขาไปหาสมุนไพรที่สามารถนำมาต้มล้างพิษจากภายในขับออก จึงจะสามาถเริ่มขั้นตอนการรักษาอื่นต่อได้.... โชคดีโลกที่นางจากมา นางได้ร่ำเรียนวิชาการแพทย์เกี่ยวกับยาสมุนไพรจีนโบราณ หรงหรงจึงรู้จักสมุนไพรแทบจะทุกชนิด ตามที่นางได้ศึกษามาในตำรา "นั้นมันกำเช่า...สามารถดูดซับสารพิษ และขับสารพิษออกทางตับ อีกทั้งยังสามารถถอนพิษได้อีกด้วย เหมาะกับอาเฉินและท่านแม่ยิ่งนัก ส่วนนี้ก็สมุนไพรรักษาบาดแผล อืม..ถือว่าวันนี้ข้ามาไม่เสียเที่ยวจริงๆ" เมื่อหรงหรงได้สมุนไพรตามที่ต้องการครบแล้ว ไม่คิดว่าบนหุบเขาแห่งนี้จะมีสมุนไพรล้ำค่าขึ้นเองตามธรรมชาติอีกมากมาย นางจึงรีบกลับเรือนโดยเร็ว ไม่อาจละทิ้งทั้งสองคนไว้ได้นาน เพราะเกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้น.... พอเดินทางกลับมาถึงเรือน หรงหรงก็ไม่รอช้า นางรีบก่อไฟต้มยาสมุนไพรให้นางเมิงกับโม่เฉินในทันที ข้างลานบ้านมีกลิ่นหอมฟุ้งตลบอบอวนไปด้วยกลิ่นยาสมุนไพรทั่วทั้งลานบ้าน ช่วงเวลาที่นางนั่งรอยาต้มสุก หรงหรงก็ทุบสมุนไพร เพื่อไปประคบบาดแผลภายนอกให้โม่เฉิน เพื่อได้สมานหายเร็วยิ่งขึ้น หรงหรงไม่อาจทิ้งเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ นางรีบล้างแผลให้โม่เฉินอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็นำสมุนไพรที่ได้มา ประคบลงไปบนแผลทั้งหมด เพื่อดูดซับความเปียกชื่นให้บาดแผลแห้งเร็วยิ่งขึ้น ไม่นานหรงหรงก็รีบยกยาที่ต้มเสร็จมาให้เขาดื่ม และยกอีกชามไปให้มารดาดื่มในทันที หญิงชราดื่มยาสมุนไพรเข้าไป เพียงเวลาไม่นานนางก็รู้สึกอยากจะอาเจียนออกมา หรงหรงรู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น นางจึงตั้งใจนำชามใบใหญ่เข้ามาด้วย ของเหลวที่อาเจียนออกมาล้วนเป็นสีดำ ส่งกลิ่นเหม็นจนน่าสะอิดสะเอียน พิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกายของหญิงชรา ได้ถูกบุตรสาวกำจัดออกมาจนหมดสิ้น สามวันต่อมา..... หญิงชรารู้สึกดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เป็นครั้งแรกที่นางเมิงรู้สึกว่าร่างกายกระปรี้กระเปร่ามีเรี่ยวแรงขึ้นมาเป็นอย่างมาก หรงหรงรีบประคองมารดาลุกขึ้นยืน นางค่อยๆพยุงมารดาเดินออกมายังประตูเรือนอย่างระมัดระวัง นี้เป็นครั้งแรกที่นางเมิงได้กลับมาเดินเหินสะดวกได้อีกครั้ง หญิงชรายิ้มออกมาด้วยความดีใจเป็นครั้งแรกตั้งแต่นางเจ็บป่วย แต่แล้วความสุขมักอยู่คู่กันได้ไม่นาน ทุกอย่างก็ได้มลายหายสิ้นไปชั่วในพริบตาเดียว เมื่อหางตาหญิงชรามองออกไปที่ลานหน้าบ้าน ปรากฎเห็นร่างชายหนุ่มปริศนากำลังนอนอยู่บนเปล และจ้องมองมาที่สองแม่ลูก นางเมิงถึงกับตกตะลึงอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความโมโหสุดขีด "หรง...เอ๋อร์...!!!" เสียงนางเมิงตะโกนเสียงดังจนแสบแก้วหู บุตรสาวที่กำลังประคองอยู่ข้างๆ ต้องรีบเอามือปิดหูทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว สายตาพิฆาต มองไปที่บุตรสาวเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ บุตรสาวได้แต่ฝืนยิ้มจืนๆ หรงหรงพึ่งจะนึกขึ้นมาได้ ว่าลืมบอกอะไรกับมารดา เธอรับรู้ได้ถึงลางร้ายที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ในทันที "รีบตามแม่เข้ามาในห้องประเดี่ยวนี้ แม่ต้องการคำอธิบาย...? นางเมิงทำหน้าตาขึงขังไม่พอใจเป็นอย่างมาก แววตานางลุกโชนราวกับเปลวไฟที่กำลังร้อนระอุ พร้อมที่จะปะทุได้ทุกเมื่อ "โอ้ยยยย...ท่านแม่ เบาๆ...เจ็บๆๆ ท่านรีบปล่อยมือท่านออกจากใบหูข้าก่อนเถิด โอ้ยยยย...." หรงหรงรู้สึกถึงใบหูที่กำลังถูกอีกฝ่ายลงแรงหยิกจนสุดกำลัง "เจ็บสิดี จะได้รู้จักจำ....." "โอ้ยยย...ท่านแม่ ลูกสำนึกผิดแล้ว ท่านรีบปล่อยมือออกก่อนเถอะ ลูกสาวท่าน...เจ็บจะตายอยู่แล้วเนี้ย..." "ไม่ปล่อย หากคุยไม่รู้เรื่อง แม่จะดึงให้ขาดคามือแม่เลยเชียว ไม่เชื่อเจ้าก็คอยดูสิ...." "โอ้ยยย ท่านแม่ ลูกผิดไปแล้ว ลูกสำนึกผิดแล้วจริงๆ ท่านรีบปล่อยมือท่านออกก่อนเถอะนะ อ่ะๆๆหู..ข้า เจ็บๆๆ.." หรงหรงรีบเอามือลูบใบหูอย่างเจ็บปวด เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยอมปล่อยมือออก โม่เฉินนอนหลับตาฟังเสียงสองแม่ลูก ถกเถียงกันไปมาอย่างขบขัน เมื่อหญิงชราตั้งคำถามขึ้นมา บุตรสาวก็โต้ตอบออกไปอย่างมีเหตุผลไร้ข้อกังขา โม่เฉินราวกับกำลังฟังหัวข้อปราศรัยที่เข้มข้น...." ขอเพียงท่านลุงตกลงปลูกเรือนให้ข้า หากท่านลุงต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม ท่านลุงบอกข้ามาได้เลยเจ้าคะ ข้ายินดีพร้อมใจสุดกำลัง..." "ได้...ช่วงนี้ลุงว่างพอดีเลย ตอนนี้ยังไม่ได้รับงานที่ไหน ถ้าเช่นนั้น...อีกสักสองสามวัน หลังจากที่ลุงทำเก้าอี้ให้เจ้าเสร็จเรียบร้อย ลุงจะพาผู้ช่วยไปตรวจวัดพื้นที่ที่เรือนให้ก่อนก็แล้วกัน..." ช่างไม้ฉู่รีบตกปากรับคำทันที "ได้เจ้าคะ เรื่องอาหารการกิน ข้าจะรับผิดชอบวันละสามเวลาเจ้าคะ ส่วนค่าแรง ข้าจะจ่ายให้ท่านลุงทุกวันหลังจบงาน คนละสิบอิแปะ ท่านลุงคิดเห็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ...? หรงหรงมองไปที่ช่างไม้ฉู่อย่างชั่งใจ สิบอิแปะต่อวัน ถือว่าเป็นค่าแรงที่หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เพราะปกติค่าแรงรายวัน ได้เพียงเเค่ห้าอิแปะต่อวันเท่านั้น มีหรือช่างไม้ฉู่จะไม่รีบตอบตกลง เทียบกับชาวบ้านธรรมดาในหมู่บ้าน ยังได้ค่าแรงวันล่ะ 5 -6 อิแปะต่อวัน สตรีคนนี้ช่างใจปล้ำยิ่งนัก ช่างไม้ฉู่พลันนึกคิดภายในใจ มีลาภลอยมาให้ถึงที่ เหตุใดเขาจะต้องปล่อยให้หลุดมือไปด้วยเล่า "ได้ตกลงตามนี้" "ตกลงตามนี้เจ้าคะท่านลุง" เมื่อตกลงจ้างวานสำเร็จ หรงหรงจึงให้ช่างไม้ฉู่ติดต่อสั่งซื้อกระเบื้อง อิ
ท่านลุงฉู่....ถือเป็นช่างไม้ฝีมือดีอันดับหนึ่งอีกหนึ่งคนของหมู่บ้าน เขาสามารถสร้างผลงานการออกแบบ รวมถึงการต่อเติมเรือนที่แข็งแรงและยังทนทาน ขนาดช่างฝีมือในระแวกใกล้เคียง ยังต้องมาขอเรียนรู้งานเพิ่มเติมจากช่างไม้ฉู่อยู่เป็นประจำ เรียกได้ว่าแถบจะทุกครัวเรือน ล้วนเป็นฝีมือของช่างไม้ฉู่ หากเอ่ยถึงช่างไม้ฝีมือดี คงไม่มีใครที่จะไม่รู้จักช่างไม้ฉู่.... คำเล่าลือถึงความสามารถของช่างไม้ฉู่ ไม่ใช่เฉพาะแต่การสร้างบ้านหรือต่อเติมบ้านเป็นเท่านี้ เขายังสามารถสร้างโต้ะกินข้าว เก้าอี้ โต้ะเครื่องแป้ง และอุปกรณ์ที่ทำจากไม้อีกหลายอย่าง ขึ้นอยู่กับผู้จ้างวาน ขอเพียงมีแบบร่าง ช่างไม้ฉู่ก็สามารถทำออกมาได้ทั้งนั้น "อ้าว...นางหนู ลมอะไรหอบมา วันนี้ถึงได้มาหาลุงตั้งแต่เช้าเช่นนี้.....? ช่างไม้ฉู่กำลังนั่งลงประกอบโต้ะไม้ เขาพลันเหลือบไปเห็นหรงหรงเดินมาแต่ไกล ก่อนจะรีบเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะตั้งแต่มารดานางป่วย เขาก็ไม่ค่อยเห็นหน้าเด็กสาวคนนี้เลยสักครั้ง "สวัสดีตอนเช้าเจ้าคะ.... พอดีว่าข้าจะมาขอจ้างวานท่านลุง พอจะมีเวลาว่างให้ข้าสักประเดี๋ยว ได้หรือไม่เจ้าคะ.....? หรงเอ๋อร์รีบเข้าประเด็นทันที "ได้
"ข้าจะยอมบอกท่านก็ได้ ในอดีต...ข้าเคยมีคนรักและเพื่อนสนิทที่รักมากอยู่คนหนึ่ง แต่ถูกพวกเขาสองคนสวมเขาให้ข้า ข้าจึงยังไม่อยากเปิดใจคบกับใครอีกแล้ว....ท่านเลิกคิดเรื่องนี้ไปได้เลย..." หรงหรงพูดมาถึงตรงนี้ นางพลันมีสีหน้าที่เศร้าหมอง "หากข้าเป็นบุรุษผู้นั้น ข้าจักต้องดีต่อเจ้าอย่างแน่นอน ทุกคำที่ข้าพูดล้วนเป็นความจริง หรงเอ๋อร์...เจ้าจะให้โอกาสกับข้าได้หรือไม่...? สายตาที่โม่เฉินส่งออกไป ดูจริงจังกว่าทุกครั้ง "ไม่เอาหรอก มีท่านเป็นสามี ข้าคงได้อกแตกตายกันพอดี ข้ามิอยากจะไปสู้รบกับสตรีคนอื่นๆ เพียงเพราะใบหน้าที่งดงามของท่านหรอกนะ" "หน้าตาข้า...ดูคล้ายกับบุรุษมักมายพวกนั้นหรือกระไร....? "ไหน....ขอข้ามองดูแววตาท่านให้ชัดๆหน่อยสิ ว่าท่านกำลังพูดความจริง หรือว่าท่านกำลังโกหกข้าอยู่..." หัวคิ้วของหรงหรงขมวดเข้าหากัน นางขยับตัวลงไปนั่งใกล้ๆโม่เฉิน พลันคิดถึงเรื่องการรักษาเกี่ยวกับขาของโม่เฉินขึ้นมาอย่างกระทันหัน จึงทำให้นางหยุดนิ่งอยู่สักพัก "หรงเอ๋อร์ ว่าอย่างไร ดูพอหรือยัง......? โม่เฉินเรียกนางอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับใดๆ ราวกับว่าเขากำลังคุยอยู่คนเดียว "หือ.....? หรงห
"เรื่องนี้รู้ไปถึงหูของท่านตา ทำให้ท่านตาขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก ส่วนท่านยาย พอได้ทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น นางถึงกับเป็นลมหมดสติไปหลายวัน ด้วยเกรงว่าตระกูลถังจะเสื่อมเสียชื่อเสียง ท่านตาจึงรีบปิดข่าว เพื่อไม่ให้คนภายนอกได้ล่วงรู้ และให้พ่อกับแม่แต่งงานกันโดยไม่ต้องจัดพิธีรีตอง แต่ท่านตายังถือว่ามีเมตตา ได้แบ่งทรัพย์สินเพื่อเป็นสินเดิมให้แม่ เอาไว้ใช้ในยามจำป็น แต่คนในตระกูลถังไม่ยินยอมให้แม่ใช้ชื่อแซ่เดิม น้ำเสียงส่วนใหญ่เห็นต่างไปจากท่านตา ท่านตาเองก็ทำอะไรมากไม่ได้ จึงได้ตัดสินใจ คัดชื่อแม่ออกจากรายชื่อวงศ์ตระกลู นับแต่นั้นเป็นต้นมา" "ปัดโธ้....คนในตระกลูช่างไม่ยุติธรรมกับท่านแม่เลยนะเจ้าค่ะ...? หรงหรงเมื่อได้ฟังดังนั้น นางก็เริ่มโมโหขึ้นมา "หรงเอ๋อร์ พ่อเจ้าดีกับแม่เป็นอย่างมาก เขาได้เปลี่ยนชื่อแซ่ให้แม่ในภายหลัง แต่หลังจากแม่ย้ายออกมาอยู่กับพ่อเจ้าได้ไม่นาน แม่เฒ่าอิ๋นก็เริ่มใช้สินเดิมของแม่ไปจนหมดสิ้นอย่างไม่เกรงใจ พ่อเจ้าจึงทนดูไม่ได้ เลยขอแยกเรือนออกมาใช้ชีวิตตามลำพังสองผัวเมีย ท่านปู่เจ้า..เห็นว่าแม่เฒ่าอิ๋นใช้สินเดิมแม่ไปจนหมดสิ้น จึงได้แอบยกเงินส่วนตัวจำนวนก้อนหนึ่ง เ
ยามโหย่ว(17.00-19.00)....... หรงหรงแบกของพะรุงพะรังกลับมาถึงก็เป็นเวลาพลบค่ำ ร่างบางไม่รอช้า รีบนำสมุนไพรที่เก็บได้ออกมาวางอย่างเป็นระเบียบ พร้อมทั้งจัดการแยกโสมภูเขาล้ำค่า และจัดแจงสมุนไพรอื่นอีกมากมาย แยกออกเป็นสัดเป็นส่วน กระต่ายน้อยอ้วนพี ถูกจัดการชำแหละเนื้อออกอย่างรวดเร็ว "กลับมาแล้วรึ รีบไปอาบน้ำเถอะ.." นางเมิงมองเห็นบุตรสาวที่เนื้อตัวม่อมแมม ใบหน้าชุ้มไปด้วยเหงื่อ จึงรีบเอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วง "ลูกจวญจะเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ..." หรงหรงมองไปที่หญิงชรา แล้วจึงส่งยิ้มให้ "วางมือลงเถอะ ให้แม่ทำเอง เนื้อตัวสกปรกเยี่ยงนั้น ต้องรีบไปอาบน้ำจะได้สบายตัวขึ้น.....? "ไหนๆมือลูกก็เปื้อนไปแล้ว ให้ลูกทำให้เสร็จเถอะเจ้าคะ ท่านแม่แค่รอนำเนื้อกระต่ายลงไปผัด และต้มน้ำแกงก็พอ..." หรงหรงจัดแจงบอกมารดาอย่างละเอียด "ได้ๆๆ....ส่วนที่เหลือแม่จักทำเอง .." "เรียบร้อย....ประเดี๋ยวลูกจะรีบกลับมาช่วยท่านแม่อีกแรงนะเจ้าคะ..." "ไม่ต้องแล้ว ลูกแค่เตรียมท้องรอก็พอ..." หลังจากหรงหรงอาบน้ำเสร็จ นางรีบแวะไปหาโม่เฉินก่อน เพื่อตรวจเช็คดูความคืบหน้าของผลงาน "กลับมาแล้วหรือ...? เสียงทุ่มเอ่ยถาม
บรรยากาศยามรุ่งสาง..... หรงหรงตื่นขึ้นมาเป็นคนแรก นางรีบอาบน้ำแต่งตัวออกเดินทางขึ้นเขาไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ในระหว่างการเดินทาง เมื่อนึกถึงคำพูดของโม่เฉินตลอดทั้งคืน ยิ่งทำให้นางนอนไม่หลับ นางนอนพลิกตัวไปมาตลอดทั้งคืน จนเผยให้เห็นรอยคล้ำที่ใต้ตาอย่างเด่ดชัด "ผู้ชายก็เป็นเหมือนกันหมด ยามแรกรักน้ำต้มผักยังว่าหวาน เขาช่างดื้อดึงเสียจริงๆ" จู่จู่หรงหรงก็นึกถึงเรื่องราวในอดีตที่แสนเจ็บปวดขึ้นมาในโสตปราสาท นางเคยมีเพื่อนสนิทที่รักมากอยู่คนหนึ่ง เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจ จึงทำให้ถููกเพื่อนสนิทคนนั้นแอบแทงข้างหลัง และได้ถูกสวมเขามาเป็นเวลานาน หากว่าเรื่องไม่แดงขึ้นมาเสียก่อน หรงหรงคงกลายเป็นคงโง่งมอยู่เช่นนั้น ก่อนจะข้ามภพมา หรงหรงตั้งใจว่าจะไปเซอร์ไพรเพื่อนสนิท โดยไม่บอกล่วงหน้า นางจึงได้แอบไปหาเพื่อนสนิทที่ห้องพักอย่างลับๆ และบังเอิญได้ยินเพื่อนสนิทกำลังคุยโทรศัพท์ว่ากำลังตั้งครรภ์ขึ้นมา และพ่อของเด็ก ก็คือแฟนหนุ่มของหรงหรง หรงหรงเหมือนโดนมีดกรีดลงกลางใจ ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างบาดแผลทางใจให้กับหรงหรงอย่างไม่มีวันลืมเลือน.... เมื่อได้สติขึ้นมา หรงหรงรีบสลัดความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดทิ้งไ







