LOGINอีกด้านหนึ่ง...
“เหมือนจะไม่รู้ว่าถูกคนอื่นหมั่นไส้นะครับ ไม่รู้ด้วยว่าโดนแขวะ” คาริบพูดกับเจ้านายขณะยืนกอดอกมองหน้าจอขนาดใหญ่ที่กำลังฉายภาพโซนหนึ่งของออฟฟิศ
“ก็นายบอกเองนี่ ว่าเด็กคนนี้เหมือนโตมาในทุ่งลาเวนเดอร์ มองอะไรก็คงเห็นเป็นดอกไม้นั่นแหละ” ชีคหนุ่มกระตุกยิ้มเบา ๆ ขณะมองภาพสาวน้อยบนหน้าจอ “หรือไม่ก็อาจจะรู้แต่แสร้งไม่รู้แล้วหาทางตลบหลังอยู่ก็ได้” เสียงทุ้มเอ่ยต่อขณะดวงตาคมจับจ้องไปที่ต้นขาขาวเนียนของคนที่นั่งไขว่ห้างกระดิกเท้าเล่น
“งั้นก็หายห่วงนะครับ เพราะต่อไปคุณสโรชาคงมีข่าวลือแปลก ๆ กับท่านอาซิซ” แค่หญิงสาวที่เข้ามาดูแลเจ้านายเขาแบบชั่วครั้งชั่วคราวยังโดนมองด้วยสายตาแปลก ๆ และถูกพูดถึงด้วยเรื่องเสื่อมเสียมากมาย แล้วสโรชาที่เป็นเด็กฝึกงานในบริษัทฯ ล่ะจะเหลืออะไร
“ว่าแต่ท่านอาซิซให้คนเตรียมโต๊ะทำงานในนี้ทำไมครับ” องครักษ์หนุ่มหันไปมองมุมหนึ่งของห้องแล้วก็สงสัย ทันทีที่เดินทางกลับถึงเมืองไทย นายเหนือหัวของเขาก็ให้จัดโต๊ะทำงานในห้องเพิ่มอีกตัว
“เอาไว้ให้เด็กฝึกงาน”
“ห๊ะ เด็กฝึกงานจะมาทำอะไรในห้องนี้ครับ”
“ก็ฝึกงานน่ะสิ หนุ่มพรหมจรรย์อย่างนายจะไปรู้อะไร”
“…” คิ้วเข้มขององครักษ์หนุ่มเลิกขึ้นเมื่อเริ่มนึกอะไรออก “เรื่องสิบแปดบวกเหรอพะยะค่ะ”
“อย่าใช้ราชาศัทพ์ได้ไหม มันคันหู”
“ถ้างั้นผมไปทำงานต่อนะครับ ท่านอาซิซก็อย่าออกไปไหนโดยไม่แจ้งผมล่ะ”
“วันนี้เราไม่ออกไปไหนหรอก แล้วก็อย่าให้ใครเข้ามาด้วย” มุมปากหนากระตุกยิ้มร้ายเบา ๆ ขณะดวงตาคมยังจับจ้องไปที่ร่างน้อยบนหน้าจอ “ออกไปแล้วให้คนไปตามเด็กฝึกงานมาหาเราด้วยนะ ต่อไปนี้ที่ประจำของเธอคนนั้นคือตรงนี้ ฝากบอกด้วย”
“ครับ”
“น้องพรีมคะ” พี่หญิงคนดีคนเดิมเดินเข้ามาพร้อมกับสะกิดแขนเรียวเบา ๆ ก่อนจะมองซ้ายมองขวาแล้วโน้มลงมากระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน “ท่านประธานให้มาแจ้งว่าต่อไปนี้น้องพรีมต้องขึ้นไปทำงานที่ชั้นนั้นค่ะ”
“คะ? คุณคาริบน่ะเหรอคะ” สาวน้อยหันไปขมวดคิ้วใส่รุ่นพี่ขณะจัดชุดเอกสารไปด้วย
“ใช่ค่ะ แต่คนที่สั่งจริง ๆ น่าจะเป็นคนที่อยู่ชั้นนั้นมากกว่า”
“หมายความว่าให้พรีมขึ้นไปทำงานที่ชั้นนั้นเหรอคะ” คนอายุน้อยกระซิบกลับ ชั้นนั้น ไม่ต้องเอ่ยตรง ๆ ก็คงรู้ว่าชั้นไหน พี่หญิงเองก็คงรู้อะไรมาบ้างเลยไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ
“ใช่ค่ะ ตั้งแต่ตอนนี้เลยค่ะ”
“เดี๋ยวพรีมถ่ายเอกสารกองนี้เสร็จแล้วค่อยขึ้นไปได้ไหมคะ”
“เดี๋ยวพี่หญิงจัดการที่เหลือเองค่ะ น้องพรีมรีบขึ้นไปเถอะ” รุ่นพี่รีบแย่งเอกสารในมือสาวน้อยไปจัดแจงเองก่อนจะเอ่ยถามบางอย่างเมื่อนึกขึ้นได้ “ว่าแต่วันนั้นน้องพรีมไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ พี่หญิงลืมบอกว่าชั้นนั้นห้ามคนที่ไม่ได้รับอนุญาตขึ้นไป พี่ขอโทษนะคะ พี่ลืมจริง ๆ”
“อ๋อ ไม่มีอะไรค่ะ พี่หญิงไม่ต้องกังวลนะคะ” คนตาแป๋วไม่ได้ตอบความจริง ขืนบอกว่าเธอเกือบโดนยิง พี่หญิงคงหัวใจวายพอดี “แล้วปกติชั้นนั้นเคยมีเด็กฝึกงานขึ้นไปทำงานไหมคะ”
“นี่ครั้งแรกเลยค่ะที่มีเด็กฝึกงานขึ้นไป แล้วก็เป็นครั้งแรกที่มีผู้หญิงคนอื่นนอกจากพี่หญิงขึ้นไปด้วย ไม่นับผู้หญิงที่ถูกเรียกมาแบบส่วนตัวนะคะ” ประโยคสุดท้ายไม่ต้องอธิบายมากก็เข้าใจ
“น้องพรีมรีบไปได้แล้วค่ะ” คนอายุมากกว่าดันแผ่นหลังรุ่นน้องให้รีบไป แม้ในใจจะอยากถามหลายอย่างแต่ก็อุบไว้ การที่เธอได้ตำแหน่งผู้ช่วยเลขาและรักษาตำแหน่งไว้ได้นานเกือบสิบปี แถมยังเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ได้ทำงานใกล้ชิดประธานและเจ้านายตัวจริง ทำให้รู้ว่าควรรู้ในสิ่งที่นายอยากให้รู้ ควรเห็นในสิ่งที่นายอยากให้เห็น และควรพูดในสิ่งที่นายอยากฟัง
“ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงหรอกมั้ง โปรไฟล์น้องพรีมก็ไม่ธรรมดา แถมยังถือหุ้นโรงแรมร่วมกัน น้องมันคงปลอดภัยแหละ” ว่าแล้วก็ทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
ติ๊ง!บานประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมกับร่างอรชรในชุดนักศึกษารัดรูปเดินสะพายกระเป๋าออกมา สิ่งหนึ่งที่สโรชาสัมผัสได้คือบรรยากาศในชั้นยังเงียบสงบเหมือนเดิม ส่วนสิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือวันนี้ไม่มีใครเอาปืนมาจ่อหัวเธอเสียงรองเท้าส้นเข็มสีดำดังกระทบพื้นมันวาวตามจังหวะเยื้องย่าง ร่างน้อยเดินผ่านหน้าบอดี้การ์ดหนวดเฟิ้มนับสิบที่ยืนนิ่งไม่กระดิก และไม่สนใจเธอนับตั้งแต่ก้าวขาออกจากลิฟต์ เหลือบมองแต่ละคนที่เดินผ่านหากบอกว่าเป็นหุ่นขี้ผึ้งเอามาตั้งไว้ก็คงเชื่อ“ก็นะ เจ้าชายลำดับที่สองแห่งราชวงศ์บ่อน้ำมันที่รั้งตำแหน่งเจ้าผู้ครองรัฐ คงไม่จ้างคนธรรมดามาเป็นบอดี้การ์ดหรอก” เสียงแผ่วพึมพำก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องที่เคยเข้าไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังไม่ทันจะยกมือเคาะ บานประตูที่ปิดอยู่ก็เปิดออกราวกับรู้ว่าเธอมาถึงแล้ว“ท่านอาซิซบอกให้รีบเข้าไปครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มที่เปิดประตูออกเอ่ยขึ้นพร้อมผายมือเข้าไปด้านใน ขณะที่สโรชาเดินเข้าไป เขาและเพื่อนอีกคนที่เคยยืนประจำอยู่ก็ออกมาและปิดประตูลง“สวัสดีค่ะ กลับมาเร็วจังเลยนะคะ” เรียวปากสวยเอ่ยทักทายร่างกำยำที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวสีขาวพันรอบเอวไว้ เจ้าของห้องนั่งอ้าขาโ
อีกด้านหนึ่ง...“เหมือนจะไม่รู้ว่าถูกคนอื่นหมั่นไส้นะครับ ไม่รู้ด้วยว่าโดนแขวะ” คาริบพูดกับเจ้านายขณะยืนกอดอกมองหน้าจอขนาดใหญ่ที่กำลังฉายภาพโซนหนึ่งของออฟฟิศ “ก็นายบอกเองนี่ ว่าเด็กคนนี้เหมือนโตมาในทุ่งลาเวนเดอร์ มองอะไรก็คงเห็นเป็นดอกไม้นั่นแหละ” ชีคหนุ่มกระตุกยิ้มเบา ๆ ขณะมองภาพสาวน้อยบนหน้าจอ “หรือไม่ก็อาจจะรู้แต่แสร้งไม่รู้แล้วหาทางตลบหลังอยู่ก็ได้” เสียงทุ้มเอ่ยต่อขณะดวงตาคมจับจ้องไปที่ต้นขาขาวเนียนของคนที่นั่งไขว่ห้างกระดิกเท้าเล่น“งั้นก็หายห่วงนะครับ เพราะต่อไปคุณสโรชาคงมีข่าวลือแปลก ๆ กับท่านอาซิซ” แค่หญิงสาวที่เข้ามาดูแลเจ้านายเขาแบบชั่วครั้งชั่วคราวยังโดนมองด้วยสายตาแปลก ๆ และถูกพูดถึงด้วยเรื่องเสื่อมเสียมากมาย แล้วสโรชาที่เป็นเด็กฝึกงานในบริษัทฯ ล่ะจะเหลืออะไร “ว่าแต่ท่านอาซิซให้คนเตรียมโต๊ะทำงานในนี้ทำไมครับ” องครักษ์หนุ่มหันไปมองมุมหนึ่งของห้องแล้วก็สงสัย ทันทีที่เดินทางกลับถึงเมืองไทย นายเหนือหัวของเขาก็ให้จัดโต๊ะทำงานในห้องเพิ่มอีกตัว“เอาไว้ให้เด็กฝึกงาน”“ห๊ะ เด็กฝึกงานจะมาทำอะไรในห้องนี้ครับ”“ก็ฝึกงานน่ะสิ หนุ่มพรหมจรรย์อย่างนายจะไปรู้อะไร”“…” คิ้วเข้มขององครักษ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา…“พรีมไปแล้วนะคะ ต่อไปแม่กับพ่อไม่ต้องรอกินมื้อเย็นแล้วนะ ช่วงนี้ที่ออฟฟิศเตรียมเปิดตัวซูเปอร์คาร์ใหม่ พรีมอาจกลับช้าเพราะต้องอยู่ช่วยเตรียมงาน” เสียงหวานเอ่ยกับแม่ที่ออกมายืนส่งหน้าบ้าน ส่วนพ่อออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว“จ้ะ ต่อไปพ่อกับแม่เองก็จะยุ่งมากขึ้นเหมือนกัน น่าจะไม่มีเวลาให้พรีมด้วยเพราะบริษัทฯ อยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลง พรีมต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก”“รับทราบค่ะ แม่กับพ่อไม่ต้องห่วงพรีมนะ แล้วก็ต่อไปไม่ต้องให้คนขับรถไปรับไปส่งแล้วนะคะ พรีมอยากลองใช้ชีวิตแบบพนักงานออฟฟิศดูค่ะ ว่าจะเริ่มตั้งแต่เย็นนี้เลย” สาวน้อยส่งยิ้มให้แม่ก่อนจะเดินขึ้นรถที่คนขับเปิดประตูรออยู่ “ลองใช้ชีวิตพนักงานอะไรล่ะ ลุงอูฐคนนั้นให้บอดี้การ์ดมาคอยตามประกบต่างหาก” ร่างน้อยเอนตัวลงเบาะอย่างคนหมดแรง ดีหน่อยที่ลีมูซีนคันงามมีกระจกกั้นระหว่างคนขับกับผู้โดยสาร คนขับรถเลยไม่เห็นท่าทางของคุณหนูในตอนนี้“ชีวิตพนักงานออฟฟิศมันมีอะไรให้น่าทดลองกัน แม่ก็ไม่เอะใจเลย สงสัยคงจินตนาการว่าลูกสาวกำลังโตแล้วแน่เลย ฮือ” สองขาเรียวชูขึ้นเหนืออากาศแล้วถีบทึ้งไปมาราวกับเด็กน้อยเมื่อนึกถึงข้อความที่ได้รับจากเบอร์ป
“มีอะไร? ทำหน้าเหมือนตัวเองเสียผลประโยชน์” เจ้าของใบหน้าคมเข้มเอ่ยถามคนที่นั่งขมวดคิ้วมองกระดาษสีขาวในมือ ตอนนี้บนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาที่ทั้งคู่นั่งอยู่มีเอกสารหลายแผ่นวางไว้ ซึ่งแต่ละแผ่นสโรชาอ่านมาแล้วทุกตัวอักษร“เรื่องเทคโอเวอร์กับรายละเอียดการจัดการบริษัทฉันเข้าใจค่ะ ไม่มีอะไรโต้แย้ง เรื่องที่คุณให้คนนัดวันเจรจาใหม่กับพ่อก็ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมฉันต้องมีคนติดตามหรือบอดี้การ์ดด้วย” คิ้วเรียวย่นชนกันพร้อมเงยหน้าไปสบตาเขาอย่างไม่เข้าใจ “หรือคุณกลัวว่าฉันจะหนี”“ทำไมต้องกลัว” ริมฝีปากหนามีเคราอ่อน ๆ ปกคลุมเอ่ยพร้อมช้อนตามองสาวน้อยตรงหน้า “ยังไงเธอก็หนีฉันไม่พ้นอยู่ดี” ความมั่นใจในตัวเองของเขาทำสโรชาหมั่นไส้ แต่ก็ต้องทนไว้เพราะข้อตกลงของเขามันเป็นผลดีต่อกิจการของครอบครัว“ตอบให้ตรงคำถามสิคะ จู่ ๆ ก็มีใครไม่รู้มาติดตามทุกฝีก้าว คุณไม่คิดว่าพ่อแม่ฉันจะสงสัย หรือคนอื่นจะมองแปลก ๆ เหรอคะ”“งั้นจะให้ตามห่าง ๆ ก็แล้วกัน” “เหตุผลที่ฉันต้องมีบอดี้การ์ดส่วนตัวคืออะไรคะ”“คิดว่าเป็นผู้หญิงของฉันแล้วชีวิตเธอจะปลอดภัยหรือไง เธอไม่ได้เข้ามาคืนเดียวแล้วแยกย้ายเหมือนผู้หญิงคนอื่นนะ เราต้
“อึก” เสียงหอบหายใจดังขึ้นทันทีที่เรียวปากอิ่มได้รับอิสระ รสจูบเมื่อครู่ทั้งหนักหน่วงและรุนแรงราวกับจะกระชากวิญญาณของเธอให้ออกจากร่าง สโรชานั่งก้มหน้ากุมอกข้างซ้ายที่ก้อนเนื้อด้านในเต้นโครมครามไม่หยุด จูบแรกของเธอใช้แลกโรงแรมไปแล้ว“เซ็นเอกสารแผ่นแรกไปแล้ว ต่อไปให้เซ็นแผ่นไหนดี” ดวงตาคมไล่มองนกตัวน้อยนั่งสั่นระริกด้วยความชอบใจ ความรู้สึกตื่นเต้น แปลกใหม่ ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนทำให้อูฐแก่อย่างเขาติดใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ลิ้มลอง แม้จะเคยโอบกอดหญิงสาวมามากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนตัวสั่นในอ้อมแขนเขา แถมยังมีท่าทีเงอะงะราวกับนกน้อยเพิ่งหัดบิน ไม่ใช่เงอะงะเพราะเสแสร้งแกล้งทำให้เขาพอใจเหมือนหญิงสาวที่เคยเจอมา“ถะ ถ้ามีคนเข้ามาล่ะคะ” เสียงสั่นเอ่ยถาม แม้มองไม่เห็นบานประตูเพราะร่างกำยำยืนบังอยู่ แต่ก็ไม่สบายใจ “ไม่มีใครเข้ามาหรอก แต่ถ้าเข้ามาแล้วจะทำไม?” มือใหญ่ลูบไล้หน้าขาขาวเนียนช้า ๆ ก่อนจะเคลื่อนเข้าไปด้านในกระโปรงทรงเอจนร่างเล็กสะดุ้ง“อ๊ะ! ดะ เดี๋ยวสิคะ ที่คุณพูด หมายความว่ายังไง”“ลูกน้องฉันไม่ใช่พวกปากพล่อย”“แต่เขาก็เห็นนี่คะ”“ถึงเห็นก็จะบอกว่าไม่เห็น ถึงได้ยินก็จะบอกว่าไม่ได
“ฉันจะยกเลิกการเทคโอเวอร์โรงแรม แล้วมาเทคโอเวอร์เธอแทน โอเคไหม”“…คะ?”สโรชาหน้าแดงก่ำ สองมือเล็กกำกันแน่นเมื่อได้ยินข้อเสนอของเขา ในใจสับสน ไม่รู้ว่าควรโกรธหรือต้องรู้สึกยังไง“ถ้าไม่สนใจก็กลับไปทำงานซะ วันนี้ฉันต้องเตรียมตัวออกไปข้างนอก” เสียงทุ้มเอ่ยด้วยภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ ร่างใหญ่เดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้โซฟาตัวสีน้ำตาลเข้มตามเดิม สองตาคมจ้องมองมายังร่างน้อยที่ยืนนิ่งราวกับถูกแช่แข็งก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงประตูดังขึ้นเรียกสติร่างน้อยให้กลับคืนมา สโรชาสบตากับเจ้าของร่างใหญ่อีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไร เสียงคนที่เปิดประตูเข้ามาก็ดังขึ้น“ท่านอาซิซ เหมือนว่าเราต้องส่งตัวแทนไปแล้วล่ะ…” ภาษาอาหรับดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของคนมาใหม่ ร่างใหญ่เงียบลงแค่นั้นเมื่อเห็นคนแปลกหน้ายืนอยู่ในห้อง เขาจำได้ว่าเมื่อเช้าหญิงสาวที่เข้ามาดูแลเจ้านายไม่ใช่คนนี้ สองตาสีเข้มหันไปสบตากับเจ้านายราวกับต้องการคำตอบ “มีเรื่องอะไร” คนถูกถามด้วยสายตาไม่ยอมตอบแต่เอ่ยถามเรื่องอื่นแทนสโรชายืนมองสองหนุ่มด้วยความประหม่า เธอไม่รู้ว่าควรออกไปหรือต้องอยู่รอคุยกับเขาก่อนดี แต่ที่รู้ตอนนี้คือผู้ชายที่เข้ามาใหม่ม







