LOGINตอนที่สอง
หมอหญิง
หลินหยุนซีจบค่ำคืนแห่งความมึนเมาด้วยการหลับพับไปกับน้ำตาที่นองหน้า
ครั้นตื่นขึ้นด้วยกลิ่นเหล้าที่หึ่งไปทั่วห้อง หญิงสาวจึงได้รับการติดต่อจากอาจารย์หมอเพื่อขอให้ไปออกค่ายรักษาที่ชนบทด้วยกัน
ค่ายชนบทหรือ? อืม...ก็ดีเหมือนกัน ช่วงนี้ยังมีเวลา ดีกว่านอนจมน้ำตากับเหล้าอยู่แบบนี้
“ในเมื่อมีวิชาความรู้ที่สามารถช่วยเหลือคน ก็ควรใช้ให้เป็นประโยชน์”
คำพูดของอาจารย์ดังขึ้นมาในหัวทำให้หลินหยุนซีตัดสินใจตอบตกลง
และระหว่างการเดินทางนั่นเอง หลินหยุนซีซึ่งนอนหลับตาจมอยู่ในความเศร้าโศกกลับต้องสะดุ้งตื่นเมื่อรถหยุดกะทันหัน
เมื่อลืมตาขึ้นพบดวงไฟสว่างจ้าจนแสบตาจึงต้องรีบตะเกียกตะกายลงจากรถมายืนงงอยู่ข้างถนน
“อยากพบความสุขกับคนที่หล่อกว่า แข็งแรงกว่า อย่างที่ร้องขอ แล้วยังได้ทำตัวเองให้เป็นประโยชน์แก่ผู้คนหรือไม่ หลินหยุนซี” เสียงที่ดังมาจากทางไหนก็มองไม่เห็นทำให้หญิงสาวได้แต่สอดส่ายสายตามองหา
“ใคร? ใครน่ะ?”
“เจ้าไม่ต้องรู้หรอก ขอเพียงตอบว่าอยากหรือไม่เท่านั้น”
แม้ไม่อาจรู้ที่มา แต่หญิงสาวก็ตัดสินใจพยักหน้าด้วยตั้งใจมาใช้วิชาความรู้เพื่อช่วยคนอยู่แล้ว
“เช่นนั้นก็ตามมาสิ” เสียงนั้นบอกออกมาพร้อมแสงไฟนำทาง หญิงสาวเดินตามอยู่นานจนเหนื่อย กระทั่งรู้สึกตัวอีกทีเมื่อครู่ที่ได้ยินเสียงของหญิงสูงวัยสองคนกำลังพูดคุยกันนั่นเอง
“รู้สึกตัวแล้วหรือ? นังหนู”
“ท่าทางยังพอไหว ถ้าอย่างนั้นรีบเดินต่อเถอะ”
แม้ไม่เข้าใจแต่หลินหยุนซีก็ตัดสินใจเดินด้วยเท้าของตัวเองเพื่อตามกลุ่มซึ่งมีแต่เด็ก สตรี และคนชราให้ทัน
กระทั่งทุกคนมาหยุดพักยังริมน้ำแห่งหนึ่ง เมื่อพอมีเวลาหญิงสาวจึงได้โอกาสซักถาม ‘ป้าจาง’ หญิงสูงวัยคนแรกที่ช่วยดูแลจนได้ความว่าพวกเขาพบร่างของเธอนอนอยู่กลางพงหญ้าเพียงลำพัง จึงสันนิษฐานว่าคงพลัดพรากจากครอบครัว
ด้วยความสงสารพวกเขาจึงแบกเธอมาด้วยทั้งๆ ที่กำลังอยู่ระหว่างไฟสงครามและจำต้องอพยพหลบหนีเคลื่อนย้ายไปเรื่อยๆ
“เจ้าพอจำสิ่งใดได้บ้างหรือไม่เล่า นังหนู” คำพูดประหลาดที่ถาม ย่อมสร้างความมึนงงแก่หญิงสาว
แต่เมื่อสามารถฟังได้เข้าใจจึงพยายามตอบออกไปให้คล้ายกันอย่างแนบเนียน
“ข้าเหลือตัวคนเดียวแล้ว” คำตอบและสีหน้าเศร้าหมองย่อมเรียกคำปลอบโยนกลับมา
“ในยามสงครามย่อมเป็นเช่นนี้ ขอเพียงรักษาชีวิตไว้ได้ก็พอแล้ว อย่าได้เศร้าจนเกินไป” ป้าจางปลอบโยนเสร็จจึงเดินไปพูดคุยกับคนอื่นๆ
เมื่อได้พักจนพอทำความเข้าใจกับสถานการณ์ตรงหน้า หลินหยุนซีจึงค้นพบว่าบัดนี้เธออยู่ท่ามกลางสงครามระหว่างแคว้นทั้งหลายซึ่งกำลังรบพุ่งกันอย่างหนัก
อะไรกันเนี่ย จู่ๆ ก็มาโผล่กลางสงคราม
หรือว่าสวรรค์ต้องการให้เธอมาช่วยคน
หญิงสาวถอนหายใจเฮือกเมื่อได้ยินว่ากลุ่มชาวบ้านเหล่านี้กำลังอพยพจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อหาสถานที่สุขสงบพอได้อยู่อาศัย
ตอนที่สิบสี่ อยากรู้ก็ควรต้องให้รู้ในใจคิดเช่นนั้นแต่ใบหน้างามกลับนอนหลับตาพริ้มร่างกายอ่อนตัวไปกับรสสัมผัสอันซ่านกระสันยามเคลิบเคลิ้มคล้อยตามย่อมเป็นจังหวะให้ทวนแท่งใหญ่ได้ทิ่มแทงเข้าไปในร่องช่องทางอย่างคุ้นเคยก่อนจะตอกกระแทกจนกายบางสะท้านสะเทือนเมื่อถูกกดดันจากความหฤหรรษ์จนความกระสันเดือดพล่านถึงขีดสุด ซ่งอี้หนิงจึงปลดปล่อยราคะร้อนไปพร้อมกับร่างกำยำแล้วส่งเสียงกระเส่าเป็นสัญญาณแห่งความสุขสมครั้นก้มลงมองน้ำรักสีขาวของทั้งสองคนที่ไหลปะปนไปกับน้ำในอ่าง เสียงถอนหายใจจึงดังขึ้นอย่างอ่อนอกอ่อนใจเฮ้อ!...ขืนอาบน้ำเช่นนี้ เมื่อใดจะสะอาดสักทีเหตุการณ์กลางตลาดย่อมสร้างคำเล่าลือมากมาย บางข่าวบอกว่าหมิงอ๋องเกรงใจชายาเอกนางนี้มากนัก ทั้งยังไม่กล้าออกนอกลู่นอกทางหรือใช้จ่ายเงินทองฟุ่มเฟือยอีกบางข่าวก็บอกว่าชายาเอกของหมิงอ๋องช่างร่านร้อนยั่วสวาทจนเขาติดใจไม่ย่างกรายไปหาสตรีคนอื่นเรื่องนี้ย่อมมีทั้งแง่ดีและแง่ไม่ดี แต่อย่างน้อยฉายาอ๋องเสเพลย่อมค่อยๆ เลื
ตอนที่สิบสาม จัดการแม้จะพร่ำบ่นแต่ยามสามีเล้าโลมปลุกเร้า ชายาสาวย่อมคล้อยตามอย่างไม่ท้อถอย สองสามีภรรยาสุขสันต์หรรษาพบความหฤหรรษ์ทุกคืนวันจนเป็นที่ริษยาแก่เหล่าสตรีทั่วเมืองหลวงบ่ายวันหนึ่ง ซ่งอี้หนิงชวนสามีออกไปเที่ยวเล่นในตลาดด้วยกันเพื่อหวังให้เขาได้เรียนรู้กิจการค้าของตนเองและผ่อนคลายบรรยากาศบ้างยังเดินไม่ถึงไหนกลับพบหญิงคณิกานางหนึ่งวิ่งมาจับแขนอ๋องหนุ่มอย่างดีใจทั้งพยายามฉุดลากให้เขาไปหอชุนเซียงด้วยกัน“ข้าคิดถึงคุณชายมาก หอชุนเซียงเราเพิ่งได้สุรารสชาติใหม่หอมกรุ่นกำลังดี พวกเราไปลิ้มรสด้วยกันนะเจ้าคะ”ก่อนที่อ๋องหนุ่มจะได้ตอบคำใด ซ่งอี้หนิงซึ่งเดินตามอยู่ข้างๆ กลับยิ้มหวานแล้วฉุดสามีมายืนข้างหลังตนเองก่อนจะหันไปเอ่ยกับคณิกานางนั้น“เจ้าคือแม่นางเหม่ยคนที่ท่านพี่เคยส่งหยกชิ้นงามกับผ้าไหมหลายพับให้แล้วยังรับปากว่าจะส่งค่าเลี้ยงดูให้ทุกเดือนใช่หรือไม่อืม...หลายเดือนที่ผ่านมาเป็นเงินไม่น้อยเลยทีเดียว เอาเป็นว่าที่แล้วไปก็ช่างเถอะ ข้าจะไม่ถือ
ตอนที่สิบสอง กลั่นแกล้งกันไปเล้าโลมกันมาหมิงอ๋องผู้ใช้เงินมือเติบโดยไม่เคยถูกผู้ใดควบคุมย่อมไม่พอใจอย่างมากแม้แต่เสด็จย่าไทเฮายังไม่เคยว่ากล่าวเขาสักคำ นางเป็นเพียงชายาที่เพิ่งแต่งเข้ามากลับหาญกล้าแตะต้องตัดเงินของเขาทำเช่นนี้ มิใช่อยากเห็นเขาขายหน้ากับผู้อื่นหรือ“หากท่านพี่ไม่มีเหตุผลอันควรมาชี้แจงแต่ยังฝืนดื้อดึงใช้จ่ายเงินเพื่อผู้อื่นโดยไม่เห็นค่า ข้าจะถือว่าท่านยังไม่พร้อมจะเป็นบิดา และยังไม่ควรเป็นผู้นำครอบครัว ดังนั้นเรื่องทายาทจึงยังไม่ควรเอ่ยถึง”ได้ยินประโยคถัดมา หมิงอ๋องจึงเริ่มเข้าใจ “หมายความว่าเจ้าจะไม่ให้พี่ร่วมรักกับเจ้าแล้ว เช่นนั้นหรือ?”ในเมื่อนางไม่ยินยอม เช่นนั้นเขาก็ย่อมไม่ฝืนใจชิ...คิดว่าเขาต้องง้อหรือ?ซ่งอี้หนิงเห็นสามีโมโหจนหน้าเขียวจึงเปลี่ยนท่าทีใช้การปลอบประโลม“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น เรื่องบนเตียงย่อมต้องมีอยู่ เพียงแต่ข้าอาจจะลำบากที่ต้องใช้ยาห้ามครรภ์เท่
ตอนที่สิบสอง กลั่นแกล้งกันไปเล้าโลมกันมาอ๋องหนุ่มนอนหงายผึ่งปล่อยกายปล่อยใจให้ชายาสาวได้กระทำย่ำยีตามแต่ใจขณะที่ซ่งอี้หนิงแย้มยิ้มดีใจที่ได้เป็นฝ่ายควบคุมหญิงสาวขยับตัวยกสะโพกขึ้นสูงแล้วทิ้งหย่อนช่องทางรักลงมาให้ตรงพลางกลืนกินแท่งหยกเข้าไปทีละน้อยจนสามารถนั่งลงบนตัวของชายหนุ่มได้“อ้า... แท่งเนี้อของพี่หายไปหมดแล้ว” คำชื่นชมอย่างเสแสร้งเรียกอาการค้อนขวับจากใบหน้างามเชอะ...สมใจล่ะสิไม่ว่า ทำเป็นโดนรังแกไปได้เมื่อรู้สึกได้ถึงความคับแน่นด้านใน ร่องดอกไม้งามจึงไม่ได้ปล่อยดุ้นลำให้แช่ไว้นาน สะโพกบางขยับโยกตัวเด้งขึ้นเด้งลงเพื่อสร้างความสุขหรรษาให้แก่ตนเองโดยหลับหูหลับตาขย่มเรือนกายจนเต้าทรวงกระเพื่อมไหวสามีหนุ่มย่อมไม่อยู่เฉยยกสะโพกขึ้นลงสอดรับเป็นจังหวะเดียวกันทำให้เนื้อแนบเนื้อกระทบกันดังก้องเห็นความอวบหยุ่นที่ลอยหลอกล่ออยู่ตรงหน้า มือใหญ่ย่อมอยู่ไม่สุขเอื้อมมาบีบเคล้นสองเต้าเต่งที่เด้งไปเด้งมาอย่างน่าขย้ำขยี้จนบิดเบี้ยวแทบไม่เหลือรูปทรง“อื้อ
ตอนที่สิบเอ็ด ช่างดียิ่งผ่านค่ำคืนอ่อนระทวยที่สามีเอาแต่โอบกอดซุกซบตักตวงความหอมหวานโดยมีเพียงการลูบคลึงบั้นท้ายงอนงามเป็นการปลอบประโลมสองคืนถัดมาซ่งอี้หนิงจึงแต่งชุดวาบหวามนั่งรออยู่บนเตียงตั้งแต่ได้ยินเสียงบ่าวรับใช้บอกว่าหมิงอ๋องกลับมาแล้วครั้นได้ยินเสียงเปิดประตูห้องนอน นางจึงแสร้งก้มหน้าสนใจการลูบเรือนร่างเกือบเปลือยแสนเย้ายวนของตนเองพลางบีบขย้ำเต้าทรวงอวบอิ่มด้วยท่วงท่ายั่วยวนยามนี้ชุดสีขาวบางเบาหลุดลุ่ยเปิดเผยตั้งแต่ลำคอเรียวระหงผ่านก้อนเนื้ออวบหยุ่นจนถึงเนินโหนกสามเหลี่ยมอันงดงามหญิงสาวทำท่าทางราวกำลังอยู่ในอารมณ์พลุ่งพล่านอ้าขาออกจนกว้างขณะเอื้อมมือไปแหวกกลีบเต่งตึงซึ่งชุ่มฉ่ำเต็มไปด้วยน้ำใสพลางคลึงเคล้าไปทั่วสองร่องกลีบนิ้วมือเล็กบดเค้นเม็ดติ่งของตนเองจนบวมแน่นด้วยอารมณ์หวามไหว ก่อนจะควานไปทั่วโพรงถ้ำอุ่นด้วยความร่านร้อนแล้วระรัวนิ้วเข้าออกทั้งเปล่งเสียงครางดังออกมา“อื้อ...อ้า...”ร่างอรชรที่นั่งแยกขาทั้งสองออกจากกันเผยเนินอวบอูมและช่องทางสีหวานให้เห็น
ตอนที่สิบ ทำเรื่องใดกัน เจ้าของมือที่กำลังจับแท่งหยกซึ่งขยายใหญ่เตรียมพร้อมอยู่แล้วถูไปถูมาทักทายระหว่างร่องดอกไม้ฉ่ำเพื่อชโลมน้ำหวานใสให้ถ้วนทั่วเงยหน้าขึ้นมาหัวเราะขำพลางเอื้อมมือมาขย้ำก้นเนียนนุ่มอย่างมันเขี้ยวพลางเอ่ยเสียงกระเส่า“พี่จะทำสิ่งใดกับชายารักได้เล่า นอกจาก...”ยังไม่ทันจบประโยคท่อนลำซึ่งแสร้งหลอกล่ออยู่ด้านนอกก็กดจ่อยังปากถ้ำอุ่นแล้วดันเข้าไปจนสุดลำท่อนอย่างเชื่องช้าจนจมหายเข้าไปในร่องดอกไม้งามซ่งอี้หนิงซึ่งเพิ่งหายงัวเงียพยายามขยับสะโพกหนีอย่างแตกตื่นขณะกลีบสวยด้านในตอดรัดถี่รัวเมื่อความใหญ่โตซึ่งรุกล้ำเคลื่อนขยับเข้าออกร่างสูงสง่าเด้งหน้าเด้งหลังเพื่อขยับชักพามังกรอวบมุดเข้ามุดออกสำรวจไปทั่วร่องกุหลาบแดงหญิงสาวได้แต่ยืนเอนไปเอนมาด้วยจุกจนพูดไม่ออกเมื่อสัมผัสได้ถึงความใหญ่โตที่ทิ่มแทงเสียดสีอยู่ข้างในช่องทางบุปผาอันมีน้ำหล่อลื่นไม่มากนัก“อู้ว...เดี๋ยว...ช้า...เบา...”คำที่ออกจากปากบางช่างกระท่อนกระแท่นด้วยมังกรใหญ่เลื้อยเข้าเลื







