LOGINตอนที่สอง หมอหญิง
เมื่อได้พักจนพอทำความเข้าใจกับสถานการณ์ตรงหน้า หลินหยุนซีจึงค้นพบว่าบัดนี้เธออยู่ท่ามกลางสงครามระหว่างแคว้นทั้งหลายซึ่งกำลังรบพุ่งกันอย่างหนัก
อะไรกันเนี่ย จู่ๆ ก็มาโผล่กลางสงคราม
หรือว่าสวรรค์ต้องการให้เธอมาช่วยคน
หญิงสาวถอนหายใจเฮือกเมื่อได้ยินว่ากลุ่มชาวบ้านเหล่านี้กำลังอพยพจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อหาสถานที่สุขสงบพอได้อยู่อาศัย
พวกเขาต่างเดินเท้าอยู่หลายวันด้วยทุกแห่งหนเต็มไปด้วยการต่อสู้จึงได้แต่เคลื่อนย้ายไปเรื่อยๆ
ในกลุ่มนี้มีเพียงสตรีตั้งแต่วัย30กว่าขวบปี วัยกลางคนถึงวัยชรา และเด็กน้อยซึ่งต่างต้องช่วยเหลือกันและกัน
“อุแว๊!” เสียงเด็กทารกที่ร้องอย่างเจ็บปวดดังปลุกให้หญิงสาวตื่นจากภวังค์
ครั้นลองเข้าไปจับตัวเด็กน้อยจึงพบว่ามีไข้สูง ด้วยสัญชาตญาณหลินหยุนซีจึงรีบเสนอความช่วยเหลือด้วยการนำผ้าไปชุบน้ำแล้วนำมาเช็ดตัว
ระหว่างนั้นนางก็เอ่ยสอนผู้เป็นมารดาของเด็กเพื่อให้ได้เรียนรู้วิธีการดูแลลูกน้อย
“เช็ดผ้านี้ที่ใบหน้า ลำคอ หลังหู แขน ขา หลัง และลำตัว โดยเช็ดนานหน่อยอย่าเพียงแค่ลูบผ่าน หรือว่าเจ้าอาจจะพักผ้าไว้ที่หน้าผาก รักแร้ หน้าอก ขาหนีบหรือข้อพับที่เข่าไว้สักครู่หนึ่งเพื่อเป็นการระบายความร้อนออกจากร่างกายผ่านน้ำ
เมื่อผ้าแห้งเกินไปก็ให้ไปชุบมาใหม่ ทำเช่นนี้จนกว่าตัวเด็กจะร้อนน้อยลงแล้วจึงคลุมไว้ แล้วคอยป้อนน้ำให้เขา เข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจแล้ว เจ้าเป็นหมอหรือ?”
“อืม...ใช่ ข้าเป็นหมอ”
เมื่อได้ยินว่าหญิงสาวอายุน้อยที่เก็บได้จากข้างทางเป็นหมอหญิง ชาวบ้านจึงยินดีอย่างยิ่งด้วยอย่างน้อยก็พอมีประโยชน์อยู่บ้าง
พักอีกเพียงสองวัน พวกเขาก็พากันเดินทางต่อกระทั่งถึงเมืองใหญ่เมืองหนึ่ง
ป้าจางเป็นผู้นำเอ่ยคำอ้อนวอนขอเข้าไปพักอาศัย ในเมือง ทหารเฝ้าประตูเห็นว่ากลุ่มชาวบ้านมีเพียงสตรีไร้ฝีมือจึงยอมเปิดประตูให้
ระหว่างนั้นป้าจางจึงรีบอวดอ้างด้วยความหวังดีเพราะคิดว่าพวกเขาจะเมตตาให้ที่พักพิงแก่หลินหยุนซีดีสักหน่อย
“นางเป็นหมอหญิง ให้นางพักตรงไหนดีเจ้าคะ?”
หลินหยุนซีเองย่อมคาดหวังว่าจะได้รับที่พักที่ดีซึ่งเป็นส่วนตัวแยกต่างหากจากคนอื่นเช่นกัน
แต่นางกลับถูกขังไว้ในคุกไม้ขนาดเล็กซึ่งต้องนั่งคุดคู้เท่านั้นจึงจะทรงตัวอยู่ได้ แม้จะเป็นส่วนตัวแต่ช่างอเนจอนาถ หญิงสาวจึงลืมตัวตะโกนโวยวายเสียงดัง
“เหตุใดจับข้ามาขังไว้เช่นนี้ หากไม่คิดว่าข้ามีประโยชน์ก็ควรปล่อยไปนอนรวมกับพวกป้าจาง มิใช่ทำราวกับข้าเป็นนักโทษ”
“ขออภัยด้วย พวกเราจำเป็นต้องคุมขังเจ้าเอาไว้ชั่วคราวจนกว่าจะพิสูจน์ตัวตนได้ว่าเป็นหมอจริงๆ
แนวหน้ากำลังส่งทหารที่บาดเจ็บกลับมาแล้ว หากหมอทหารของเราตึงมือ จึงจะปล่อยเจ้าออกไปช่วยและถึงตอนนั้นจึงจะเป็นโอกาสให้เจ้าได้พิสูจน์ฝีมือ”
“เช่นนั้นข้าไม่รักษาผู้ใดแล้ว ปล่อยข้าไปอยู่รวมกับชาวบ้านเถิด”
“คงไม่ได้ด้วยนี่เป็นคำสั่ง” จบประโยคนี้ ทหารเหล่านั้นก็ไม่สนทนาอีก
พวกเขาเดินหันหลังจากไปทิ้งให้หญิงสาวโมโหเกรี้ยวกราดทุบพื้นจนเจ็บมืออยู่คนเดียว
ไม่น่าเลย อุตส่าห์มาช่วยทั้งที กลับโดนจับขังคุกไม้อย่างกับสุ่มไก่แบบนี้
แล้วที่นี่มันที่ไหนกันแน่? มีแต่การสู้รบจนได้แต่กลิ่นเลือด
โอ๊ย! ตื่นๆๆๆ ตื่นได้แล้ว ฉันอยากกลับบ้านแล้ว
ไม่เอาแบบนี้สิ ชวนฉันมาแล้วทิ้งไว้ในที่แบบนี้ได้อย่างไรกัน พาฉันกลับไปนะ
หลินหยุนซีบ่นพึมพำทั้งหยิกตัวเองเพื่อให้ตื่นแล้วยังออกอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
ตอนที่สี่ เรียกออกมาได้จริงด้วยยามนี้หลินหยุนซีอยากจะกลับไปหยิบเครื่องมือเย็บแผลทั้งเข็มและด้ายไหมมาจากห้องผ่าตัดนักแต่เงื่อนไขที่เสียงนั้นบอกก็คือนางต้องมีความสุขจึงจะเรียกของพวกนั้นออกมา แล้วกลางกระโจมที่มีแต่คนบาดเจ็บแบบนี้ นางจะไปหาความสุขบ้าบอเช่นนั้นได้อย่างไร?“นางเองหรือคือหมอหญิงที่ทหารข้างนอกกล่าวถึง”“ขอรับ ท่านรองแม่ทัพเหอ”“เช่นนั้นเจ้า...ตามข้ามา” หลินหยุนซียังไม่ทันลงมือทำสิ่งใดก็โดนคุมตัวมายังกระโจมแห่งหนึ่งซึ่งมีเสียงน่าเกรงขามโวยวายอยู่ข้างใน“หมอหญิงหรือ? อ้อนแอ้นเพียงนี้จะทำสิ่งใดได้ พานางออกไป”“แต่หมอใหญ่เมิ่งกำลังยุ่งมากขอรับ ท่านแม่ทัพมู่ ให้นางช่วยล้างแผลก่อนเถิดขอรับ อีกอย่างจะได้พิสูจน์ว่านางเป็นหมอจริงๆ ไม่ใช่ไส้ศึกปลอมตัวเข้ามา”เอาเข้าไป เป็นหมอก็ยังโดนกล่าวหาว่าเป็นไส้ศึกอีก นี่สวรรค์ตั้งใจกลั่นแกล้งฉันใช่ไหม?หลินหยุนซีมีสีหน้ายับย่นไม่พอใจ เมื่อเห็นชายซึ่งน่าจะเป็นแม่ทัพหนุ่มยังมีท่าทางลังเลจึงขอตัวกลับไปหยิบของใช้ยังที่พักของผ
ตอนที่สาม ความสุขที่ว่าคือเรื่องไหนกัน“แล้วความสุขที่ว่าคือเรื่องไหนกันคะ?” หญิงสาวยังไม่เข้าใจเพราะการรักษาคนท่ามกลางสงครามที่มีแต่กลิ่นคาวเลือดจะมีความสุขได้อย่างไร(ก็คือเรื่องที่เจ้าตะโกนร้องขออ้อนวอนก่อนหน้านี้อย่างไรเล่า) ร้องขอ!... หา!...ไม่นะ! เมื่อคิดทบทวนถึงเรื่องที่เธอตะโกนโวยวายไปในคืนที่กำลังมึนเมาและเสียใจ ถ้อยคำเหล่านั้นจึงค่อยๆ ผุดขึ้นมาและกังวานก้องในหัว“สวรรค์ไม่ยุติธรรม ทำไมให้พวกเขาที่นิสัยไม่ดีมีความสุขกัน แล้วฉันล่ะ ฮือๆๆๆ ฉันผิดอะไร ฉันทั้งซื่อสัตย์และยอมเสียครั้งแรกให้เขา แต่กลับถูกมองว่าไร้ค่า ฮือๆๆๆ แค่ไม่ได้เอากันบ่อยๆ แค่นั้น ทำไมล่ะ คนเรามันต้องเอากันบ่อยแค่ไหนเชียว ถ้าสวรรค์มีจริง ท่านต้องให้พรฉันสิ ฉันขอผู้ชายที่รักฉันจากใจจริง และเขาต้องเป็นคนแข็งแรง อึดทน มีส่วนนั้นใหญ่ๆ เอากันได้ทั้งคืน อ้อ...ขอหลายๆ คนก็ดีนะ ฉันจะได้มีความสุขมากๆ ไม่ต้องรออยู่แค่คนคนเดียวแห้งเหี่ยวจิตใจ”เมื่อนึกขึ้นได้ถึงคำขอในช่วงหลังๆ ที่เมามากแล้ว หลินหยุนซีถึงกับหน้าถอดสีไม่นะ! คืนนั้นเธอแค่โมโหแล้วก็เมามากก็เลยตะโกนบ้าๆ ไปแบบนั้น อย่าได้คิดเป็นจริงเป็นจังได้ไหม?(คงไม
ตอนที่สาม ความสุขที่ว่าคือเรื่องไหนกันตื่นได้แล้ว ฉันอยากกลับบ้านแล้วไม่เอาแบบนี้สิ ชวนฉันมาแล้วทิ้งไว้ในที่แบบนี้ได้อย่างไรกัน พาฉันกลับไปนะ หลินหยุนซีบ่นพึมพำทั้งหยิกตัวเองเพื่อให้ตื่นแล้วยังออกอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ไม่นาน ทหารคนเดิมก็วิ่งมาเปิดประตูแล้วเชื้อเชิญอย่างนอบน้อมแต่เร่งรีบ“หมอหญิงรีบตามข้ามาเถิด ครั้งนี้พี่น้องเราบาดเจ็บสาหัสนัก หมอใหญ่เมิ่งรับมือไม่ไหวแล้ว”เชอะ...ทีอย่างนี้ทำเป็นก้มหัว ในใจของหญิงสาวยังอยากจะเล่นตัวอีกสักเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นสีหน้ากระวนกระวายของทหารที่ยืนรอส่งสายตาเร่ง จึงถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วตัดสินใจเดินตามโดยดีเมื่อถึงกระโจมซึ่งเต็มไปด้วยทหารที่ทั้งนั่งทั้งนอนกองรวมกันระเกะระกะหลินหยุนซีซึ่งไม่เคยอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องรักษาอย่างรีบเร่ง ไร้พิธีรีตอง ไร้ระเบียบแบบแผน ทั้งไม่มีเครื่องมือเครื่องใช้จึงได้แต่ยืนตกตะลึงนี่มันยุคสมัยไหนกัน อะไรก็ไม่มี ต้องใช้สองมือกับผ้าเน่าๆ แล้วก็ผงสมุนไพรที่ไม่รู้จักพวกนี้เนี่ยนะแล้วจะรักษาอย่างไร?สายตาสั่นไหวมองไปยังชายวัยประมาณ30ปีคนหนึ่งซึ่งกำลังเย็บแผลสดอยู่กลางกระโจม ขณะชายรุ่นเด็กกว่
ตอนที่สอง หมอหญิงเมื่อได้พักจนพอทำความเข้าใจกับสถานการณ์ตรงหน้า หลินหยุนซีจึงค้นพบว่าบัดนี้เธออยู่ท่ามกลางสงครามระหว่างแคว้นทั้งหลายซึ่งกำลังรบพุ่งกันอย่างหนักอะไรกันเนี่ย จู่ๆ ก็มาโผล่กลางสงครามหรือว่าสวรรค์ต้องการให้เธอมาช่วยคนหญิงสาวถอนหายใจเฮือกเมื่อได้ยินว่ากลุ่มชาวบ้านเหล่านี้กำลังอพยพจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อหาสถานที่สุขสงบพอได้อยู่อาศัยพวกเขาต่างเดินเท้าอยู่หลายวันด้วยทุกแห่งหนเต็มไปด้วยการต่อสู้จึงได้แต่เคลื่อนย้ายไปเรื่อยๆในกลุ่มนี้มีเพียงสตรีตั้งแต่วัย30กว่าขวบปี วัยกลางคนถึงวัยชรา และเด็กน้อยซึ่งต่างต้องช่วยเหลือกันและกัน“อุแว๊!” เสียงเด็กทารกที่ร้องอย่างเจ็บปวดดังปลุกให้หญิงสาวตื่นจากภวังค์ครั้นลองเข้าไปจับตัวเด็กน้อยจึงพบว่ามีไข้สูง ด้วยสัญชาตญาณหลินหยุนซีจึงรีบเสนอความช่วยเหลือด้วยการนำผ้าไปชุบน้ำแล้วนำมาเช็ดตัวระหว่างนั้นนางก็เอ่ยสอนผู้เป็นมารดาของเด็กเพื่อให้ได้เรียนรู้วิธีการดูแลลูกน้อย“เช็ดผ้านี้ที่ใบหน้า ลำคอ หลังหู แขน ขา หลัง และลำตัว โดยเช็ดนานหน่อยอย่าเพียงแค่ลูบผ่าน หรือว่าเจ้าอาจจะพักผ้าไว้ที่หน้าผาก รักแร้ หน้าอก ขาหนีบหรือข้อพับที่เข่าไว้ส
ตอนที่สอง หมอหญิงหลินหยุนซีจบค่ำคืนแห่งความมึนเมาด้วยการหลับพับไปกับน้ำตาที่นองหน้าครั้นตื่นขึ้นด้วยกลิ่นเหล้าที่หึ่งไปทั่วห้อง หญิงสาวจึงได้รับการติดต่อจากอาจารย์หมอเพื่อขอให้ไปออกค่ายรักษาที่ชนบทด้วยกันค่ายชนบทหรือ? อืม...ก็ดีเหมือนกัน ช่วงนี้ยังมีเวลา ดีกว่านอนจมน้ำตากับเหล้าอยู่แบบนี้ “ในเมื่อมีวิชาความรู้ที่สามารถช่วยเหลือคน ก็ควรใช้ให้เป็นประโยชน์”คำพูดของอาจารย์ดังขึ้นมาในหัวทำให้หลินหยุนซีตัดสินใจตอบตกลงและระหว่างการเดินทางนั่นเอง หลินหยุนซีซึ่งนอนหลับตาจมอยู่ในความเศร้าโศกกลับต้องสะดุ้งตื่นเมื่อรถหยุดกะทันหันเมื่อลืมตาขึ้นพบดวงไฟสว่างจ้าจนแสบตาจึงต้องรีบตะเกียกตะกายลงจากรถมายืนงงอยู่ข้างถนน“อยากพบความสุขกับคนที่หล่อกว่า แข็งแรงกว่า อย่างที่ร้องขอ แล้วยังได้ทำตัวเองให้เป็นประโยชน์แก่ผู้คนหรือไม่ หลินหยุนซี” เสียงที่ดังมาจากทางไหนก็มองไม่เห็นทำให้หญิงสาวได้แต่สอดส่ายสายตามองหา“ใคร? ใครน่ะ?”“เจ้าไม่ต้องรู้หรอก ขอเพียงตอบว่าอยากหรือไม่เท่านั้น”แม้ไม่อาจรู้ที่มา แต่หญิงสาวก็ตัดสินใจพยักหน้าด้วยตั้งใจมาใช้วิชาความรู้เพื่อช่วยคนอยู่แล้ว“เช่นนั้นก็ตามมาสิ” เสียงนั้นบอกออ
ตอนที่หนึ่ง เกิดอะไรขึ้น“ซีซี กลับมาก่อนนะ พูดแบบนั้นได้ยังไง”“ทำไม? จะให้เธอกลับมาพิสูจน์ความได้เรื่องหรือไง จะเล็กจะใหญ่ก็ทำให้ฉันท้องได้ ไม่เห็นต้องสนใจ” คำพูดของว่าที่เจ้าสาวกลับกลายเป็นคำยืนยัน นั่นยิ่งทำให้อดีตแฟนหนุ่มของหลินหยุนซีโมโหจนควันออกหู“อ้าว!...พูดแบบนี้หมายความว่าของฉันเล็กงั้นหรือ”“ก็ไม่ได้เล็กมาก แต่ก็ไม่ได้ใหญ่ จะให้ตอบว่ายังไงล่ะ” กลายเป็นว่าที่บ่าวสาวซึ่งเพิ่งถ่ายรูปแต่งงานต้องมายืนทะเลาะกันเรื่องความเล็กความใหญ่อยู่ริมถนนจนกลายเป็นที่ขบขันเมื่อต้องกลับมาอยู่ที่หอพักคนเดียวเพียงลำพัง หลินหยุนซีจึงอดเศร้าเสียใจจนร้องไห้คร่ำครวญไม่ได้“ฮือๆๆๆ ไม่ยุติธรรมเลย ฉันก็แค่ตั้งใจเรียนเพื่อหวังจะได้จบออกมาทำงานเร็วๆ แล้วใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ทำไมกลายเป็นว่าฉันผิดไปได้ ฮือๆๆๆตอนตะล่อมอยากได้ตัวฉัน ก็โน้มน้าวสารพัดจนใจอ่อน พอได้สมใจแล้วกลับไปแต่งงานกับคนอื่น ฮือๆๆๆที่น่าเจ็บใจที่สุดคือแต่งกับยัยเพื่อนตัวแสบที่แอบกินกันลับหลัง พวกเธอทำกับฉันอย่างนี้ได้อย่างไร ฮือๆๆๆ”หลินหยุนซีกินน้ำตาต่างข้าวอยู่หลายวัน ยิ่งได้ข่าวจากกลุ่มเพื่อนว่าพวกเขาสองคนกำลังจะแจกการ์ดเชิญงานแต่งงา







