เข้าสู่ระบบปี 3
@มหาวิทยาลัย W
โมอา’s Part
“อร๊ายย คิดถึงแกจะแย่ เปิดเทอมสักที” ไผ่หลิวเดินเข้ามากอดฉันทันทีที่ยัยนี่เดินมาถึงโต๊ะที่พวกเรากำลังนั่งอยู่
“เวอร์ไปป่ะ แกคุยกับฉันทุกวันตลอดปิดเทอม” ฉันตอบกลับหน้าเอือมๆ
“แหม ก็มันไม่ได้เจอตัวเป็นๆ จับเนื้อหนังแบบนี้นี่นา” ไผ่หลิวพูดพร้อมกับเอามือถูแขนฉันไปด้วย ยัยนี่! จะเอาให้เลขขึ้นเลยมั้ยล่ะ
“ฮ่าๆๆๆๆ” และคนที่หัวเราะอย่างสนุกสนานก็คงไม่พ้นเมษา
“ขำอะไรยัยเมษา แกก็ต้องโดนเหมือนกัน นี่แหนะๆๆ” และไผ่หลิวก็หันไปเล่นงานเมษาอีกคน
ถึงไผ่หลิวจะเป็นตัวร้ายสำหรับคนอื่นๆ แต่กลับเพื่อนในกลุ่มไผ่หลิวจะมีนิสัยเด็กๆ และขี้อ้อนแบบนี้แหละ
“แล้วเปิดเรียนวันแรกแบบนี้ ต้องฉลองหน่อยมั้ย?” กั้งถามขึ้นมา
“มันต้องงั้นอยู่แล้วสิ จองร้านเลยๆ วันแรกแบบนี้คนเยอะแน่เดี๋ยวเต็ม” ไผ่หลิวบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ไปร้านเดิมมั้ย?”
“ร้านเดิมนั่นแหละ วันอื่นหลังค่อยไปร้านอื่น” ไผ่หลิวพูดจบ กั้งก็พยักหน้ารับรู้ก่อนจะก้มหน้ากดมือถือ คิดว่าคงกดจองโต๊ะที่ร้านนั่นแหละนะ
“ขึ้นเรียนกันได้แล้ว” และเมษาก็พูดขึ้นเมื่อเธอดูเวลาแล้วพบว่าได้เวลาไปเข้าเรียนกันแล้ว
“ไปๆ วันแรกต้องขยันสักหน่อย” ฉันพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนและเก็บของ
“แปลกๆ ป่ะ แกควรจะขยันทุกวันที่เรียนหรือเปล่ายะ” ไผ่หลิวหรี่ตามองฉัน
“ไปเหอะน่า พูดมาก” ฉันดันหลังไผล่หลิวให้เดินไปก่อนที่พวกเราที่เหลือจะเดินตาม
“ไปกันก่อนเลย เดี๋ยวสูบบุหรี่เสร็จจะตามขึ้นไป” อาร์ตพูดขึ้นมาก่อนจะเดินแยกตัวออกไป ซึ่งพวกฉันก็รับทราบและเดินขึ้นตึกเรียนไป
.
.
@Little Bar
“คนเยอะชิบ”
กั้งบ่นเล็กน้อยเมื่อพวกเราเดินเข้ามาในร้านประจำ ขนาดว่ามากันเร็วแล้วแต่ก็ยังมีคนที่เร็วกว่า ก็เข้าใจได้แหละนะเปิดเทอมวันแรกใครๆ ก็ต้องมาฉลองกันอยู่แล้ว
“พวกแกสองคนก็เดินดีๆ แต่งตัวกันมาขนาดนี้ผู้ชายในร้านมันนั่งมองกันเพลินแล้ว” และกั้งก็หันมาบ่นฉันกับไผ่หลิวต่อ
วันนี้ไผ่หลิวใส่เป็นเกาะอกสีดำกับกางเกงยีนขายาวและรวบผมขึ้นเพื่อโชว์ลำคอระหงและแผ่นหลังสวยๆ ของเธอ
ส่วนฉันใส่เป็นเสื้อแขนยาวสีขาวแนบลำตัวที่โชว์สัดส่วนและเปิดด้านหลังทั้งหมด ส่วนกางเกงวันนี้ฉันใส่ยีนขาสั้นมา (ก็ข้างบนแขนยาวแล้วนี่ ข้างล่างก็ต้องสั้นสิ :P)
ทางด้านเมษาเองใส่แค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนขายาวปกติ ฉันเคยลองจับเมษาแต่งตัวแบบฉันแล้วนะ สวยมากเลยแหละ แต่ยัยนั่นไม่ชอบ ซึ่งฉันก็ไม่ได้บังคับอะไร ยังไงคนเราก็มีสิทธิ์ในเรื่องของตัวเองอยู่แล้ว ฉันเคารพตรงนั้นของเพื่อน ส่วนกั้งกับอาร์ตก็แต่งตัวทั่วๆ ไป แต่พวกนั้นหน้าตาดีไง แค่นี้ก็เด่นมากแล้ว ชิ~
เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ถึงคิวของดนตรีสดขึ้นทุกคนในร้านก็เอ็นจอยกันมากขึ้น รวมถึงตัวฉันด้วย
“เห้ย หน้าแดงแล้วว่ะไม่ได้กินนาน เมาแล้วเหรอ” กั้งถามฉัน
“ไม่เมานะ แต่เออมึนๆ แล้ว” ฉันพูดพร้อมกับนวดขมับไปด้วย สงสัยจะไม่ได้กินนานแบบที่กั้งบอกนั่นแหละ ก็ปิดเทอมตั้งหลายเดือนนี่นา
“เมาไปเลย เมานั่นแหละดี วันนี้ทุกคนต้องเมา ชนนน~” ไผ่หลิวที่ดูเหมือนจะเริ่มเมาแล้วเหมือนกันพูดขึ้นพร้อมกับชูแก้วมาที่กลางโต๊ะ
หลังจากที่พวกเราชนแก้วกัน ฉันก็ดื่มแก้วนั้นจนหมด คราวนี้แหละเมาของแท้แล้ว หัววิ้งไปหมดเลย
“ฮ่าๆๆ เอิ๊ก~ สั่งมาอีกป่าวจะหมดแล้วน้า” ไผ่หลิวที่ตอนนี้ก็คงจะเมาไม่ต่างจากฉันพูดขึ้น
“เอาอีกสิ เอิ๊กก~” ประโยคนั้นฉันพูดเองค่ะ โอ๊ยย! อยากตีปากตัวเองชะมัด เมานะ แต่ก็กำลังได้ที่ไม่อยากให้ขาดตอน
หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งกินกันต่อไปจนถึงเวลาร้านปิด แน่นอนว่าฉันกับไผ่หลิวรับบทคนเมา ส่วนที่เหลืออีกสามคนก็รับบทเป็นคนแบกพวกฉันมาส่งที่หอ
ถึงแม้พวกเราจะอยู่กลุ่มเดียวกัน แต่ว่าพวกเรากลับอยู่กันคนละหอเลยและก็ไม่คิดที่จะย้ายมาอยู่ที่เดียวกันหรือใกล้ๆ กันด้วยนะ เหมือนแต่ละคนก็อยากมีพื้นที่ส่วนตัวนั่นแหละ
“ขึ้นไปเองไหวมั้ยเนี่ย” เมษาพูดขึ้นตอนที่พยุงฉันมาจนถึงประตูเข้าหอแล้ว
“ไหวสิ! ฉันเดินได้น่า ไปละ! กลับกันดีๆ นะ” ฉันพูดก่อนจะแตะคีย์การ์ดเข้าไปข้างใน
“จะล้มก่อนมั้ยเนี่ย!” และได้ยินเสียงเมษาตะโกนเข้ามาอยู่ไกลๆ ล้มอะไรกัน ฉันก็เดินปกติ คิดว่าไม่น่าเมาขนาดนั้น
ฟุบ~
เออล้มจริงด้วย สงสัยจะเซเล็กน้อย เอิ๊กก~
ในที่สุดฉันก็พาตัวเองมาถึงหน้าห้องได้แล้ว เย่!
ฉันกำลังควานหากุญแจห้องจากกระเป๋า แต่.. เห้ยยย!! หายไปไหนเนี่ย ฉันหากุญแจห้องจากกระเป๋าเท่าไรก็หาไม่เจอ
เอาของออกมาเทหน้าห้องก็แล้ว
ไม่มี T^T
แถมแบตมือถือก็หมดไปแล้ว แล้วจะเข้าห้องยังไงเวลานี้ เมาก็เมา ฮรืออออ
ฉันนั่งสิ้นหวังอยู่ที่หน้าห้อง เพราะเมาจนยืนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน สงสัยอาจจะต้องงีบหลับตรงนี้ไปก่อนมั้ง พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากันใหม่
สมเพชตัวเองแต่ก็อดขำไม่ได้เหมือนกัน สภาพตอนนี้คงแย่มากแน่ๆ แต่เวลานี้คงไม่มีใครผ่านมาเห็นหรอกมั้ง
กึก!
“เธอ.. มานั่งทำอะไรตรงนี้” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้น ฉันจึงเงยหน้าไปมอง
โอ้โห O.O หล่อแฮะ ขนาดเมาก็ยังรู้ว่าหล่อ
“ฉันทำกุญแจห้องหายน่ะ T^T” ฉันตอบคนแปลกหน้าไป
“แล้วไม่ไปนอนกับเพื่อนก่อนล่ะ มานั่งตรงนี้ทำไม” คนแปลกหน้ายังคงถามฉันต่อ
“แบตหมดไปแล้ว T^T” ฉันพูดพร้อมกับชูมือถือที่ตอนนี้ดับสนิทให้คนแปลกหน้าดู
“แล้วจะนั่งอยู่ตรงนี้ยันเช้าหรือไง”
“ก็น่าจะต้องเป็นงั้นมั้ย อย่าถามเยอะสิเห็นมั้ยว่าเมา ฉันต้องเค้นสติมาตอบเนี่ย” ฉันพูดก่อนจะก้มหน้าลงอีกครั้ง มึนหัวไม่ไหวแล้ว
“ก็เพราะเห็นว่าเมา แถมเป็นผู้หญิงนี่แหละจะมานั่งตรงนี้ทั้งคืนไม่กลัวโดนหิ้วไปรึไงกัน” ผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นพูดพร้อมกับยอตัวลงให้เท่ากับที่ฉันนั่ง
“แล้วนาย.. จะมาหิ้วฉันไปหรือเปล่าถึงเข้ามา เอิ๊ก~ ^^” ฉันตอบกลับไปทีเล่นทีจริง
“หึ~” ถ้ามองไม่ผิดเหมือนนายคนนี้จะยิ้มมุมปากอยู่นะ
“ยิ้มอะรายยย” ฉันถามออกไปทันที
“เปล่า งั้นเธอไปชาร์ตแบตมือถือที่ห้องฉันก่อนมั้ย และค่อยโทรหาเพื่อน”
“ได้เหรอออ เอิ๊ก~ ไม่ได้หลอกพาฉันเข้าห้องใช่มั้ย” ฉันถามออกไปเพื่อความแน่ใจ แอบกังวลนิดหน่อยเหมือนกันเพราะเราไม่รู้จักกันนี่นา
“ฉันไม่ทำอะไรเธอสภาพนี้หรอก ไปเร็ว ดึกแล้ว” นายคนนี้พูดแล้วก็ลุกขึ้นยืน แถมยังยื่นมือมาให้ฉันจับอีกต่างหาก
หมับ~
ฉันจับมือเขาเพื่อพยุงตัวเองในการยืนขึ้น และก็เดินตามนายคนแปลกหน้าคนนี้ไปที่ห้องของเขา นี่ฉันใจง่ายไปมั้ยเนี่ย...
แต่มันก็ดีกว่านั่งอยู่หน้าห้องแหละน่า ไม่มีอะไรหรอก
แกร๊ก~
“เข้ามาสิ” นายคนแปลกหน้าพูดขึ้น เมื่อเขาเปิดประตูห้องเรียบร้อยแล้ว
ฉันเดินตามเข้าไปอย่างว่าง่าย และเมื่อเข้ามาในห้องฉันก็กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องของเขาไม่ต่างจากฉัน แต่ว่าไม่ได้มีเวลาสำรวจรายละเอียดอะไรหรอก ก็เมานี่นา
“ไหนที่ชาร์ตล่ะ” ฉันแบมือถามคนตรงหน้า
“ใจร้อนนะเนี่ย นั่งรอก่อนเดี๋ยวไปหยิบให้” เขาพูดขึ้นพร้อมกับเดินเข้าไปตรงส่วนของห้องนอน ฉันจึงนั่งรออยู่บนโซฟา
ง่วงจัง~
หลับตารอแล้วกันนะ z z Z
2 เดือนต่อมา“นี่โมอา รู้มั้ยว่าตั้งแต่รันเวย์กลับมาคบกับเธอเนี่ย การทำงานของฉันมันสดใสขึ้นมากกกก” เลิฟหันมาพูดกับโมอาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตั้งแต่ที่รันเวย์กลับมาคบกับโมอา เหมือนมีแสงสว่างออกมาจากตัวของเขา รันเวย์รีแล็กซ์มากขึ้น ยิ้มมากขึ้น แถมเวลาคุยงานกับลูกน้องก็ดูใจเย็นใจดีขึ้นอีกด้วยแรกๆ ทุกคนก็ไม่ชินที่รันเวย์เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือขนาดนี้ แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว เป็นแบบนี้มันก็ดีกับตัวพวกเขาทั้งนั้น ไม่ต้องคอยกังวลเวลาจะเข้าไปคุยงานกัน“โมอา!! โมอาๆๆๆ”เสียงตะโกนเรียกชื่อหญิงสาวดังลั่นแผนก ก่อนจะตามมาด้วยตัวของพี่ปอนด์ที่วิ่งมาด้วยความตื่นตระหนก“พี่ปอนด์ มีอะไรหรือเปล่าคะ? ทำไมวิ่งหน้าตั้งมาขนาดนี้” โมอาถามด้วยความสงสัย อะไรมันจะด่วนจนถึงขนาดต้องวิ่งลงมา โทรมาก็ได้นี่นา“รันเวย์เป็นลม!!” เมื่อตั้งสติได้พี่ปอนด์ก็บอกสาเหตุที่วิ่งมาหาหน้าตื่นนี่“ห๊าาาาาาาาา!”“ไม่ต้องมัวตกใจ รีบไปดูมันกับพี่ก่อนเถอะ” พูดจบพี่ปอนด์ก็ลากโมอาขึ้นไปที่แผนกของวิศวะทันที“รันเวย์เนี่ยนะคะเป็นลม เป็นไปได้ยังไง” โมอาถามออกไปด้วยความสงสัยตอนที่ทั้งคู่กำลังอยู่ในลิฟต์“พี่ก็สงสัย มันไม่เคยป่วยเลยด้วยซ้ำ แ
ช่วงที่หยุดยาวปีใหม่ที่ผ่านมาฉันกับรันเวย์เราอยู่ด้วยกันตลอด เรียกได้ว่าตั้งแต่ตื่นจนนอนไม่แยกจากกันเลย เหมือนกับว่าเราสองคนอยากจะชดเชยช่วงเวลาที่เสียไปให้แก่กันและกัน เขาบังคับให้ฉันย้ายมาอยู่กับเขาที่คอนโดเลย โดยใช้เหตุผลว่าช่วงที่เลิกกันไปเขานอนหลับไม่สนิทเลยสักคืน ฉันต้องรับผิดชอบโดยการมานอนกับเขาเพราะการที่มีฉันอยู่มันทำให้เขาหลับสนิท แล้วฉันจะเถียงอะไรได้ล่ะ! คนมันยังรู้สึกผิดอยู่ เขาว่ายังไงก็ต้องยอมหมดนั่นแหละ ฉันอัพเดทเรื่องที่กลับมาคบกับรันเวย์ให้เพื่อนๆ ในกลุ่มมหาลัยฟังแล้วนะ ทุกคนยินดีกับฉันมากๆ โดยเฉพาะไผ่หลิวที่มีแซะนิดหน่อยว่าถ้าตัดกันไม่ขาดขนาดนั้นไม่รู้จะเลิกกันทำไมให้เสียเวลาไปหลายปี แหะๆ “คนที่บริษัทจะไม่ตกใจแย่ใช่มั้ย ถ้าฉันลงไปจากรถนาย” ฉันพูดขึ้นมา ใช่ค่ะ! ตอนนี้ฉันอยู่บนรถกับรันเวย์ เราก็กำลังเดินทางเพื่อไปทำงานกัน และวันนี้ก็เป็นวันทำงานวันแรกหลังจากที่หยุดยาวช่วงปีใหม่มาด้วย เรียกได้ว่าเปิดตัวแรงเว่อร์!“ไม่เห็นเป็นไร ยังไงสักวันก็ต้องเห็นและฉันก็ไม่คิดจะปิดใครด้วย ไอ้พวกที่มันม่อๆ เธอไว้จะได้เลิกมายุ
บนรถ “รันเวย์เหรอ?”โมอาถามออกมาเสียงเบาทั้งๆ ที่ดวงตายังปิดสนิท เหมือนเธอจำได้ลางๆ ว่ารันเวย์เป็นคนพาเธอออกมาจากงาน แต่ตัวเธอเองก็เมาและง่วงมากจนไม่ได้สนใจอะไรสักเท่าไรแค่พอรู้สึกว่าอ้อมกอดนั้นมันดูคุ้นเคยแบบแปลกๆ เธอก็พร้อมจะทิ้งตัวและให้เขาพาเธอไปไหนก็ได้ตามแต่เขาจะพาไป“เมาแล้วก็เป็นอย่างนี้ทุกที ทำไมไม่ระวังตัว” รันเวย์หันมามองคนตัวเล็กที่นอนหลับตาอยู่เบาะข้างๆ เขาและพูดด้วยน้ำเสียงดุ“ฮะๆ จำได้ด้วยเหรอ… ฉันก็นึกว่านายลืมไปหมดแล้วซะอีก” ประโยคท้ายของโมอาพูดด้วยเสียงเศร้าๆ“เห็นทำเหมือนว่าไม่เคยรู้จักกัน ก็นึกว่าลืมกันไปแล้ว”“เธอเองต่างหากที่ทำเหมือนไม่รู้จักฉัน” คนตัวโตเถียงขึ้นมา ก็เป็นเธอเองไม่ใช่หรือไงที่พูดกับเขาแทบจะนับคำได้ แถมยังคอยหลบหน้าหลบตาอยู่ตลอดถ้ามีโอกาส“นายนั่นแหละ เริ่มก่อน!” คราวนี้คนตัวเล็กลืมตาขึ้นมาแล้วเถียงเสียงดัง แก้มแดงๆ กับดวงตาเยิ้มๆ นั่นดูก็รู้ว่าคงจะเมามากรันเวย์มองภาพนั้นพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อย เพราะมันช่างดูน่ารักเหลือเกินในสายตาเขา ไม่ได้เห็นภาพแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ ไหนจะความรู้สึกเบิกบานในหัวใจนี่อีก“ฉันคิดถึงเธอ” เขาตัดสินใจพูดอ
ฉันทำงานที่บริษัทมาได้หลายอาทิตย์แล้ว และก็ได้ร่วมงานกับรันเวย์หลายครั้งแล้วด้วย เขาก็ยังเหมือนเดิม เย็นชา ทำเหมือนกับว่าเราไม่เคยรู้จักกัน แต่ฉันก็ไม่ได้คิดจะโกรธเขาหรอก ก็ตอนนั้นฉันเป็นคนเลือกที่จะเลิกไปเองนี่นา : ( “โมอา~ เธอเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงปีใหม่หรือยังจ้ะ” เลิฟตรงเข้ามาถามฉันทันทีที่เธอเข้ามาในออฟฟิศ “เตรียมตัวอะไรเหรอ?” ฉันถามด้วยความงุนงง คือก็พอรู้ว่าจะมีงานเลี้ยงปีใหม่ก่อนจะหยุดยาวแหละ แต่ไม่ยักรู้ว่าจะต้องเตรียมตัวอะไรด้วย “ก็การแสดงของแผนกเราไง ปกติแล้วทุกปีแต่ละแผนกจะต้องคิดการแสดงเพื่อไปแสดงในงานน่ะ ถึงบอสจะบอกว่าเอาง่ายๆ ไม่ต้องจริงจังมากแต่ว่าแต่ละแผนกก็เล่นใหญ่กันทุกปีเลย เหมือนเป็นหน้าเป็นตาของแต่ละแผนกนั้น” เลิฟอธิบาย “แล้วปีนี้แผนกเราแสดงอะไรกันเหรอ?” “ยังไม่ได้คิดเลยน่ะสิ แต่ว่าคนที่จะต้องแสดงน่ะมียัยเลม่อน มียู ส้ม และก็พวกเราสองคนนะจ้ะ” “หื้มมม~ ฉันก็ด้วยเหรอ?” ฉันทำหน้าตกใจเล็กน้อย สมัยเรียนก็โดดตอนคัดเลือกดาว พอมาทำงานยังจะต้องมาแสดงอะไรอีกเหรอ T^T “โมอาคือตั
โมอา’s Part 2 ปีผ่านไป หลังจากที่เรียนจบฉันก็ขอที่บ้านไปเวิร์คแอนด์ทราเวลมา เหตุผลก็เพราะอยากไปใช้ชีวิตเจออะไรใหม่ๆ สถานที่ใหม่ๆ ผู้คนใหม่ๆ อีกเหตุผลก็คือหนีไปทำใจด้วย ถ้ายังอยู่ที่เดิมเจออะไรเดิมๆ ฉันคงจะมูฟออนไม่ได้สักทีแน่ๆ T^T ตอนนี้ฉันกลับมาอยู่ที่ไทยแล้วล่ะ และก็กำลังจะเริ่มงานวันแรกวันนี้ ส่วนเพื่อนๆ ในกลุ่มเราก็มีคุยกันในไลน์กรุ๊ปตลอด แต่ว่ายังไม่ได้นัดเจอกันเลย เพราะไผ่หลิวเองไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ส่วนเมษาก็ทำงานไปด้วยพร้อมกับต่อโทไปด้วยทำให้เธอยุ่งจนไม่มีเวลาออกมาเจอใคร กั้งกับอาร์ตตอนนี้ก็เป็นผู้บริหารธุรกิจของที่บ้านไปแล้ว ตอนแรกสองคนนั้นชวนฉันไปทำงานที่บริษัทด้วย แต่ฉันเกรงใจไม่อยากให้ใครมองว่าใช้เส้นสายเพื่อนก็เลยเลือกที่จะหางานเองมากกว่า “สวัสดีค่ะ มัทฑิตา มารายตัวเข้างานวันแรกค่ะ” ฉันพูดขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้อง HR “สวัสดีจ้าโมอามาแต่เช้าเลยน้า งั้นเดี๋ยวเซ็นเอกสารสัญญากันเสร็จพี่จะพาไปที่แผนกของน้องนะจ้ะ”พี่องุ่น HR ประจำบริษัททักทายฉันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เราสองคนเคยเจอกันวันที่ฉันมาสำภาษณ์งานแล้วเหมือนได้ค
หลังจากวันนั้นที่รันเวย์เลิกกับโมอาเขาก็แทบจะไม่เป็นผู้เป็นคน เรียนก็ไปบ้างไม่ไปบ้าง โปรเจกต์ก็แทบจะไม่คืบหน้า “รันเวย์ถ้ามึงยังเป็นแบบนี้ มันจะเรียนไม่จบเอานะเว้ย” คุนพูดขึ้นตอนที่เขาเอาข้าวมาให้เพื่อนที่คอนโด เพราะถ้าไม่เอาข้าวมาให้และนั่งดูเพื่อนกินจนหมด รันเวย์ก็คงแทบจะไม่กินข้าวเลย ช่วงนี้ที่กินก็มีแต่เหล้า “เรียนไม่เท่าไร ข้าวปลาก็ไม่กินแบบนี้จะตายก่อนมั้ยวะ” เคนพูดเสริมขึ้นมา เขาเห็นเพื่อนหมกตัวอยู่แต่ในห้องมาหลายอาทิตย์แล้ว ถ้าไม่ใช่วิชาสำคัญที่จะต้องเข้าจริงๆ รันเวย์ก็ไม่ออกจากห้องเลย แล้วดูสภาพรันเวย์ตอนนี้สิ ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาเป็นที่หมายปองของสาวๆ ตอนนี้กลับทรุดโทรมและแห้งตอบ หนวดเคราก็รกรุงรัง เคนคิดภาพไม่ออกเลยว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้เรื่อยๆ เพื่อนเขาจะแย่ลงอีกแค่ไหน “โปรเจกต์จบของเราตอนนี้เครื่องมีปัญหาอยู่นะเว้ย พวกกูช่วยกันดูแล้วแต่แก้ไม่ได้ว่ะ ไอ้นักรบบอกว่ายังไงก็ต้องเป็นมึงมาแก้ มึงช่วยพาตัวเองเข้าไปที่คณะหน่อยได้มั้ยวะ”คุนยังคงพูดต่อไป ถึงแม้จะไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดจะเข้าหูเพื่อนบ้างหรือเปล่าก็ตาม ก็รันเว







