LOGINบทที่5
Sand:Say
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา
วันนี้เป็นวันที่ผมต้องย้ายไปอยู่กับพี่กู๊ดที่คอนโดตามที่ได้ตกลงกับแม่เอาไว้ ผมรู้สึกโล่งใจมากที่จะได้ไม่ต้องอยู่เป็นตุ๊กตาให้พี่ซีจับแต่งตัวตามใจชอบอีกต่อไปแล้ว แต่อีกความรู้สึกหนึ่งที่ตามมาคือ หนักใจ และกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก ที่ต้องย้ายเข้าไปอยู่กับพี่กู๊ดมัน
เราไม่ได้เจอกันเป็นเวลานานมาก แล้วอยู่ๆ ก็ต้องย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกันผมเลยรู้สึกวางตัวไม่ค่อยถูก ไม่รู้ว่าไอ้พี่กู๊ดตอนนี้มันจะเป็นแบบไหน จะยังดุเหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่าก็ไม่รู้
แต่ก็คงไม่หรอกมั้ง เพราะตอนนี้ผมไม่ใช่เด็กๆ แบบเมื่อก่อนแล้ว และก็มีเหตุผลมากกว่าเมื่อก่อนตั้งเยอะ (รึเปล่า?)
ผมพาตัวเองมายืนเอ๋อ อยู่ที่หน้าคอนโดของไอ้พี่กู๊ดอย่างกับคนหลงทาง จะเอายังไงดีวะ? เบอร์ติดต่อก็ไม่มี มีแต่ที่อยู่กับเบอร์ห้องที่พี่ซีให้ไว้แค่นั้นเอง
รู้อย่างนี้ให้พี่ซีมาส่งดีกว่า ไม่น่าอวดดีอยากมาเองเลย
ผมมองซ้ายมองขวา ก่อนจะเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่อยู่ข้างใน
“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ” พี่ประชาสัมพันธ์คนสวยเอ่ยทักทาย
“คือผมจะมาหาคนที่ชื่อกันตพลน่ะครับ ไม่ทราบว่าเขาอยู่หรือเปล่า”
“มาหาคุณกู๊ดเหรอคะ ยังไม่เห็นลงมาเลยตั้งแต่เช้านะคะ คิดว่าน่าจะอยู่ที่ห้อง ยังไงเดี๋ยวพี่จะโทรติดต่อให้นะคะ ไม่ทราบน้องชื่ออะไรคะพี่จะได้บอกกับคุณกู๊ดถูก”
“แซนด์ครับ ผมชื่อแซนด์” พูดจบพี่ประชาสัมพันธ์คนสวยก็โทรขึ้นไปที่ห้องพี่เขาทันที แล้วเหมือนจะพูดอะไรกับปลายสายสักอย่าง แต่ผมฟังไม่ถนัดก่อนที่จะวางสายไป
“คุณกู๊ดให้น้องขึ้นไปได้เลยค่ะ ชั้น 15 ห้อง 1503 ค่ะ”
“ครับ ขอบคุณมากครับ”
ผมขนกระเป๋าเดินทางสองใบโตๆ เข้ามาในลิฟท์อย่างทุลักทุเล ไม่รู้ว่าพี่ซีจัดอะไรมาให้ผมนักหนา นี่กะจะไล่ออกจากบ้านเลยหรือไงเล่นขนให้มาเยอะขนาดนี้เนี่ย ใบแรกเป็นพวกเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวอันนี้ผมเข้าใจได้เพราะมันจำเป็น แต่อีกใบนี่สิไม่รู้ว่าพี่ซียัดอะไรมาให้ บอกแต่ว่ามีแต่ของจำเป็นทั้งนั้น
ผมก็ว่าของใช้ที่จำเป็นสำหรับผมมันอยู่ในกระเป๋าใบแรกแล้วนะ มันยังมีอะไรที่จำเป็นต้องขนมาด้วยอีกเหรอเนี่ย?
เอาไว้ถึงห้องแล้วค่อยเปิดดูก็แล้วกัน เพราะตอนนี้ผมต้องหาห้องพี่กู๊ดให้เจอก่อน ผมเดินไล่ดูตามเบอร์ห้องนับไล่ไปเรื่อยๆ แล้วก็ถึงห้องเบอร์ 1503 จนได้
ผมยืนลังเลอยู่หน้าห้อง กล้า ๆ กลัวๆ ที่จะกดกริ่งยังไงก็ไม่รู้ นี่ผมจะต้องเจอกับอะไรบ้างวะเนี่ย?
เอาวะ!
มาถึงขนาดนี้แล้วคงไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก ผมตัดสินใจกดกริ่งที่อยู่หน้าห้องไปหนึ่งครั้ง
เงียบ!
ทำไม่ไม่มีคนมาเปิดประตูวะ? หรือพี่กู๊ดมันจะไม่ได้ยิน ผมเลยลองกดกริ่งดูอีกที แต่ประตูห้องก็ยังเงียบสนิท อย่างกับไม่มีใครอยู่ในห้องอย่างนั้นแหละ ทั้งๆ ที่พี่ประชาสัมพันธ์ ก็โทรขึ้นมาบอกแล้วว่าผมมา ผมเลยกดกริ่งอีกครั้ง คราวนี้คงจะออกมาเปิดประตูสักทีนะ
และในขณะที่ผมกำลังจะกดซ้ำอีก ประตูห้องก็เปิดออก พร้อมกับร่างของเจ้าของห้องที่สะลึมสะลือเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน มาเปิดประตูให้ในสภาพที่...
บ็อกเซอร์ตัวเดียว?
ตัวเดียวจริงๆ ไร้เสื้อผ้าอาภรใดๆ ทั้งสิ้น ผมถึงกับชะงักไปสิบวิ
รู้สึกประทับใจกับการต้อนรับของไอ้พี่กู๊ดอย่างบอกไม่ถูก จะมีเจ้าบ้านสักกี่คนที่ออกมาเปิดประตูต้อนรับแขกด้วยสภาพกึ่งโป๊เปลือยแบบนี้
ผมรู้สึกเหมือนได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่นั้นจริงๆ นะครับ
“มาแล้วเหรอ?” เป็นคำแรกที่พี่กู๊ดเอ่ยถามผม
ยังไม่มามั้งครับ
“อื้อ”
“เข้ามาก่อนสิ” น่าจะเชิญตั้งนานแล้วนะ ปล่อยให้ยืนเมื่อยอยู่ได้
ผมเดินตามพี่กู๊ดเข้ามาภายในห้อง ที่บอกได้คำเดียวว่าโคตรจะดูดี สมกับราคาหลายล้านที่พ่อแม่พี่กู๊ดเขาซื้อไว้ให้จริงๆ ทุกอย่างถูกจัดไว้อย่างเป็นสัดเป็นส่วน แบ่งแยกออกเป็นโซนๆ อย่างลงตัว ผมมองดูรอบๆ ห้องอย่างเพลินตาเลย
ปึ้ก!
ห่าเอ้ย! พี่กู๊ดมันหยุดเดินก็ไม่บอก จมูกผมชนเข้ากับแผ่นหลังของพี่มันอย่างจังเลย ดั้งจะหักมั้ยวะเนี่ย? ยิ่งมีกับเขาน้อยๆ อยู่
“ซุ่มซ่าม” พี่กู๊ดมันหันมาว่าผมด้วยหน้าตาที่นิ่งมาก แต่ผมโคตรเจ็บอ่ะ ไม่ได้เจ็บจมูกนะ แต่เจ็บตรงที่มันด่านี่แหละ
และผมก็ได้คำตอบทันทีว่าพี่กู๊ดมันยังดุ และปากร้ายเหมือนเดิม...
บทที่50“แซนด์ครับ เมื่อไหร่จะยอมสักที” เสียงก็อ้อน“ยอมอะไร?”“แซนด์ก็รู้ว่าพี่หมายถึงเรื่องอะไร” ใช่ผมรู้ แต่ก็แกล้งถามไปอย่างนั้นแหละ“เป็นแฟนกันนะ”“รอให้ผ่านช่วงงานละครไปก่อนได้มั้ย เดี๋ยวแซนด์จะให้คำตอบ” ซึ่งอีกอาทิตย์เดียวก็จะถึงงานแล้ว ถึงตอนนั้นผมน่าจะมั่นใจในตัวพี่กู๊ดมากกว่านี้แล้วละตอนนี้ก็ใช่ว่าผมจะปฏิเสธเสียเมื่อไหร่ ที่ยอมให้ทำอะไรๆ แบบที่เป็นอยู่นี่ก็ถือว่าผมให้ใจไปแล้วมากกว่าครึ่งด้วยซ้ำผมแค่อยากจะมั่นใจไงว่าคนที่เคยคบแต่ผู้หญิงมาตลอดแบบพี่กู๊ด จะจริงจังกับผมจริงๆ หรือแค่เล่นๆ เหมือนผู้หญิงพวกนั้นกันแน่พี่กู๊ดเงียบไปเลย หลังจากที่ฟังคำตอบจากผม“แซนด์ไม่มั่นใจในตัวพี่เหรอ” ถามทั้งที่หน้ายังคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอของผมอยู่“แซนด์แค่อยากมั่นใจในตัวพี่กู๊ดแล้วก็ตัวแซนด์เองด้วย พี่กู๊ดรอได้มั้ย?”ไม่ตอบ แต่กลับขโมยหอมแก้มผมไปฟอดใหญ่ เรื่องเนียนไม่มีใครเกินเลยพ่อ“เลิกวอแวแซนด์ได้แล้วพี่กู๊ด อย่าลืมนะว่าตัวเองยังจีบแซนด์ไม่ติด”“ก็เผื่อจะใจอ่อนเร็วๆ ไง”“ฝันอยู่เหรอ? อาทิตย์หน้าค่อยมาว่ากันใหม่” ผมตอบกลับไป คนโดนปฏิเสธถึงกับทำหน้าคว่ำใส่“ตอนนี้ออกไปข้างนอกได้แล้ว ก่อนที่จะ
บทที่49“พี่กู๊ด”“ว่าไง” คนข้างๆ ขานรับ แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะลืมตาขึ้นมาดูเลยแม้แต่น้อย“เอาหัวออกไป แซนด์หนัก” ผมบอกในขณะที่พี่กู๊ดมันไม่แม้แต่จะทำตาม แถมยังขยับหัวหนักๆ เข้ามาใกล้กว่าเดิมเข้าไปอีกตอนนี้เป็นเวลาพัก หลังจากที่เราซ้อมละครกันมาได้สองชั่วโมงแล้ว และผลคือพี่กู๊ดมันก็มานั่งแหมะอยู่ข้างๆ กับผมแถมยังเอนหัวมาพิงไหล่กันอีกนะ สบายมากไหม? ถามหน่อย“พี่กำลังสบายเลย ขออยู่แบบนี่อีกแป๊บนึง”ตอนนี้ผมเข้ามานั่งอยู่ในห้องพักด้านหลังเวที และในห้องก็มีโซฟาตัวยาวตั้งอยู่ ผมก็เลยถือโอกาสมานั่งทำงานที่อาจารย์สั่งในนี้ เพราะไม่มีใครเข้ามาวุ่นวายด้วย เพราะคนอื่นๆ เขาไปอยู่ด้านหน้าเวทีกันหมด แต่ใครมันจะไปคิดว่าพี่กู๊ดมันจะตามเข้ามาในนี้ด้วย“ทำไมไม่ไปนอนให้มันดีๆ ไปนอนที่โซฟาตรงนั้นดีกว่านะ จะได้ไม่เมื่อย” ผมบอก เพราะโซฟาอีกฝั่งหนึ่งก็ว่างอยู่ จำเป็นไหมที่ต้องมานั่งเบียดกันที่โซฟาตัวเดียวกันแบบนี้“นอนก็ได้”พูดปุ้บ นอนปั้บ แต่ก็นอนที่โซฟาตัวเดียวกันนี่แหละ แถมยังเอาหัวหนักๆ มาหนุนที่ตักผมอีก ยอมใจเขาเลย“พี่กู๊ด! แซนด์ทำงานไม่ได้ ไปนอนตรงโน้นเลยไป” ผมไล่ ก็เล่นนอนขวางกันแบบนี้แล้วงานของผมจะเ
บทที่48แล้วทำไมต้องพูดเพราะใส่ด้วยเนี่ยถ้าเดาไม่ผิด ตอนนี้หน้าผมจะต้องแดงมากแน่ๆ เลย“พี่กู๊ดทำไมชอบแกล้งแซนด์”“ก็แซนด์น่าแกล้งอ่ะ”“นิสัยเสีย”“งั้นพี่ขอแกล้งต่ออีกหน่อยแล้วกัน”พูดจบพี่มันก็ก้มลงมาจูบผมโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัวจูบย้ำ ซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นอย่างเอาแต่ใจ ถึงจะไม่ได้มีการรุกล้ำใดๆ ก็ตาม แต่มันก็ทำให้ผมเหมือนจะละลายตายอยู่ในอ้อมกอดของพี่กู๊ดอย่างไงอย่างงั้นเลยให้ตายเถอะ ทำไมถึงยอมให้เขาแกล้งได้ขนาดนี้กันเนี่ย!วันนี้ผมกับพี่กู๊ดมาเรียนพร้อมกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ แต่ที่มันผิดปกติคือ พี่มันมานั่งเฝ้าผมถึงในห้องเรียนนี่แหละเพราะวันนี้พี่กู๊ดไม่มีเรียนช่วงเช้าไง ก็เลยว่าง การมานั่งดูผมเรียนถือเป็นการฆ่าเวลา พี่มันบอกนะ ทำเอาสาวๆ ในห้องผมไม่เป็นอันเรียนกันเลยคราวนี้ก็มีหนุ่มฮอตแห่งวิศวะ มานั่งเด่นเป็นหัวหลักหัวต่ออยู่ทั้งคนนี่ครับ เอ่อ... นั่งเด่นเป็นสง่าเนอะ“ไปได้แล้ว” ผมไล่ ซึ่งเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ผมไม่ชอบที่ตัวเองเป็นจุดสนใจแบบนี้เลยจริงๆ“ไม่ จะอยู่จนกว่าจะเลิกคลาส” พี่กู๊ดมันบอก ทั้งที่ตายังจ้องอยู่ที่หน้าจอมือถือโชคดีนะที่ผมเลือกที่นั่งหลังห้อง อาจารย์
บทที่47Sand:Say “พี่กู๊ด! ลุกออกจากตัวแซนด์ได้แล้ว” ผมบอกอย่างหัวเสีย หลังจากที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าไอ้พี่กู๊ดมันขึ้นมานอนเกยอยู่บนตัวผมนึกว่าโดนผีอำเสียอีก“มีไรครับ” พี่กู๊ดมันเอ่ยออกมาอย่างงัวเงียยังจะมีหน้ามาถาม กรุณาลืมตาขึ้นมาดูสักนิดเถอะ แล้วการหันมาพูดเพราะๆ ด้วย คืออะไร? เมื่อก่อนเคยเหรอ?ขอร้องอย่ามาแสดง“ก็พี่กู๊ดนอนทับแซนด์อยู่เนี่ย ลุกไปได้แล้ว มันหนัก”นี่คือพฤติกรรมของคนที่แค่กำลังจีบผมอยู่ใช่ไหม?แต่การกระทำนี่เหมือนคนที่คบกันแล้วเลย เนียนไปอีกพี่กู๊ดมันขยับตัวลุกออกไปจากตัวผม ก่อนที่จะไปฟุบหลับที่หมอนของตัวเองต่อนี่ไปอดหลับอดนอนมาจากไหนถามจริง“แล้วนี่จะไม่ยอมลุกใช่ป่าว?”“ขอนอนต่ออีกแป๊บนึง” มีต่อรอง“แต่แซนด์หิวจะออกไปหาอะไรกินข้างนอก”“ทำอะไรง่ายๆ กินก็ได้” หลับตาพูดอยู่นั่นแหละคนเราแล้วไอ้ที่ว่าอะไรง่ายๆ น่ะ อะไรล่ะ?ผมเข้าไปดูในครัวว่าพอจะมีอะไรที่ใช้ทำอาหารเช้าได้บ้าง แล้วก็มาสรุปที่โจ๊กซองนี่แหละแสนง่าย และเร็วด้วย เพราะในครัวแทบไม่มีอะไรที่จะเอาไว้ทำอาหารเลยสักอย่างเดียวสงสัยผมคงต้องซื้อพวกของสดมาตุนเอาไว้บ้างแล้ว จะได้ไม่ต้องเปลืองเงินกินอาหารนอกบ้านบ่
บทที่46เรามากินข้าวที่ร้านอาหารใกล้ๆ มหาลัยนี่แหละครับ เพราะพี่กู๊ดมีเวลาพักแค่ครึ่งชั่วโมง แต่อยากหาเรื่องมากินข้าวข้างนอก สรุปคือต้องรีบกินแล้วก็ต้องรีบกลับ เพื่อที่จะไปซ้อมละครต่อการซ้อมละครกินเวลามาจนถึงสามทุ่ม ก่อนที่พี่จีนจะสั่งเลิกกอง ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน เพราะวันนี้ถือว่าซ้อมกันหนักมาก เพราะเวลาก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไหนจะต้องเสียเวลามาซ้อมฉากใหม่ที่พี่กู๊ดขอเปลี่ยนกันอีกนี่ผมก็ไม่รู้ว่าถ้าเป็นนักแสดงคนอื่นขอเปลี่ยนบทแบบพี่กู๊ดบ้าง พี่จีนจะยอมหรือเปล่าแต่เพราะนี่เป็นพี่กู๊ดไง เป็นคนที่มีอิทธิพลที่สุดของละครเรื่องนี้ไง ถึงไม่มีใครกล้าขัดที่ผมบอกว่ามีอิทธิพลน่ะ ก็พี่มันสามารถถอนตัวเองออกจากการเป็นพระเอกเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้ามีอะไรไม่ถูกใจพี่มันยังไงล่ะแล้วคราวนี้ก็จะเดือดร้อนกันทั้งกองละครเลย เพราะยังไงก็หาพระเอกมาแทนไม่ทันแน่ๆทุกคนเลยต้องทำใจยอมทำตามความต้องการของพี่กู๊ดทุกอย่าง โดยเฉพาะพี่จีน ตามใจพี่กู๊ดทุกอย่างจริงๆบางทีผมก็แอบเห็นใจพี่จีนนะ ที่ต้องมีเพื่อนอย่างไอ้พี่กู๊ดเนี่ย โคตรจะเอาแต่ใจเลย“เดี๋ยวเราแวะหาอะไรกินก่อนกลับเลยแล้วกัน อยากกินอะไรมั้ย?” พี่กู๊ดเอ
บทที่45Sand:Sayวันนี้ก็ไม่ต่างกับหลายๆ วันที่ผ่านมา คือผมต้องมานั่งดูพี่กู๊ดซ้อมละคร และนี่ก็เกือบสองชั่วโมงแล้วตั้งแต่เริ่มซ้อม แถมยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกกองกันง่ายๆ ด้วยที่สำคัญคือตอนนี้ผมหิวมากถึงมากที่สุดอ่ะบอกเลยแต่จะให้ออกไปหาอะไรกินคนเดียวก็จะยังไงอยู่ แต่น้ำย่อยในกระเพาะมันก็ร้องกันระงมเชียว“เป็นอะไรหรือเปล่าน้องแซนด์ ทำหน้าแปลกๆ” เป็นพี่มีนที่เอ่ยถาม เพราะนั่งอยู่ไม่ไกลกับผมมาก“ไม่มีอะไรครับ” ใครจะกล้าบอกว่าหิวจนแสบท้องไปหมดแล้ววะ“วันนี้เลิกกองช้าจังนะครับพี่มีน”“ก็วันนี้ต้องซ้อมบทใหม่ที่โฟร์ทเพิ่งจะเพิ่มเสร็จเมื่อคืน”“บทใหม่เหรอ ครับ?”“จ้ะ พอดีกู๊ดโทรไปขอเปลี่ยนบทกับจีน ก็เลยต้องปรับเปลี่ยนบางฉากที่ต่อเนื่องกันไปด้วย วันนี้ก็เลยเหมือนต้องมาเริ่มซ้อมฉากนั้นกันใหม่ทั้งหมด” พี่มีนอธิบายยาวเหยียด“ถึงว่า ทำไมแซนด์ไม่คุ้นกับฉากนี้เลย แล้วตัดฉากไหนออกไปเหรอครับ”“ก็ฉากที่กู๊ดซ้อมกับแซนด์เมื่อวันหยุดที่แล้วไง” พี่มีนบอก แถมยังส่งสายตาล้อเลียนมาให้กันอีกก็ฉากที่ว่า คือฉากที่พี่กู๊ดมันจูบผมบทเวทีไงครับ“แล้วทำไมพี่กู๊ดถึงขอเปลี่ยนล่ะครับ”“กู๊ดบอกทำใจเล่นฉากนั่นกับแคลีนไม่ไ







![เกือบหอบลูกหนีเพราะสามีไม่รัก[PWP]-Omegaverse](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)