เมื่อณิชชาเดินเข้าไปในห้องทำงานใหญ่โต รามิลนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ดวงตาคมกริบจ้องมองมาที่เธออย่างอ่านไม่ออก
"เชิญนั่ง" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น
ณิชชาทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามอย่างระมัดระวัง "ท่านประธานมีอะไรจะคุยกับฉันหรือคะ"
“เลิกเรียกฉันว่าท่านประธานเถอะ ผมไม่ใช่เจ้านายของคุณแล้ว”
หญิงสาวเม้มปากแน่น ก่อนจะตอบกลับ “ค่ะ คุณรามิลจะคุยอะไรคะ”
"เรื่องลูก ๆ พวกเขาต้องได้รับการดูแลที่ดีที่สุด"
"ฉันก็ดูแลลูก ๆ ของฉันอย่างดีที่สุดมาตลอดห้าปี" ณิชชาตอบโต้ด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
"ผมจะ..." เขาพูดไม่ทันจบ เธอก็พูดสวน
“ฉันพาลูกๆ มาอยู่ที่นี่ก็ถือว่าฉันยอมคุณมากแล้วนะคะ อย่าคิดทำอะไรให้มากนักเลย”
“คุณรู้เหรอว่าผมจะพูดอะไร” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงข้างหนึ่ง
“ฉันเคยทำงานกับคุณ รู้จักคุณดี พูดง่ายๆ ก็คือรู้ไส้คุณค่ะ คุณคงคิดว่าฉันคือภาระ ส่วนเด็กๆ น่ะ คุณอยากจะให้เขาเป็นคุณชายคุณหนู ของเล่นกองเท่าภูเขา ขนมของกินมากมาย กินทิ้งกินขว้างยังไงก็ไม่มีวันหมด พอเขาโตอีกหน่อย คุณคงซื้อรถหรูให้เขาขับไปเรียนเอง พร้อมเงินไปโรงเรียนเดือนละแสน”
เขาอึ้ง ก่อนยิ้มมุมปาก “คุณดูจะรู้จักผมดีจริงๆ ด้วย แล้วผิดเหรอไงที่ผมจะเลี้ยงลูกตามแบบวิถีคนรวย เมื่อลูกโตขึ้น ผมควรจะให้ลูกปั่นจักรยานเก่าๆ ไปเรียน พกเงินไปวันละ 20 บาทหรือไง ทั้งๆ ที่มีพ่อเป็นเศรษฐีพันล้าน”
“มีเงินมันดีมากนะ เป็นสิ่งที่มนุษย์ขาดไม่ได้ อันนี้ฉันยอมรับ เพราะถ้าไม่มีเงิน มันจะขาดโอกาสหลายอย่าง แถมยังลำบากอีก แต่ว่าการมีเงินก็เหมือนดาบสองคมค่ะ มีทั้งด้านดีและด้านสนิมเกรอะ เงินมอบความสุขสบายให้ได้ แต่ในขณะเดียวกัน เงินก็ทำให้คนเสียนิสัยได้เช่นเดียวกันค่ะ” เธอมองเขาเขม็ง ราวจะบอกเป็นนัยๆ ว่าเธอหมายถึงใครที่ ‘นิสัยเสีย’
รามิลขบกรามกรอด "ผมแค่ต้องการชดเชย"
"ด้วยเงินของคุณน่ะหรือ" ณิชชายังไม่หยุดเยาะเย้ย "คุณคิดว่าเงินของคุณมันจะสามารถลบล้างทุกสิ่งทุกอย่างได้?"
"ผมไม่ได้คิดเช่นนั้น" ชายหนุ่มตอบเสียงต่ำ "แต่ผมต้องการให้โอกาสลูก ๆ ของผม"
"โอกาสที่จะมีพ่อที่เพิ่งปรากฏตัว?"
"พอพูดไปพูดมาก็วกเข้าเรื่องนี้ พูดถึงแต่ความผิดของผมซ้ำๆ ซากๆ"
“ฉันเจ็บปวดเสียใจตั้งเท่าไหร่ ต้องซมซานออกจากงาน เงินก็ไม่มี ท้องอีก ตั้งท้องแฝดสาม ไม่ง่ายนะคุณ ฉันก็เหนื่อยเหมือนกันนะ เหนื่อยจนสายตัวแทบขาดเลยล่ะ ส่วนคุณก็ใช้ชีวิตสุขสบาย ลันล้าไปวันๆ พอมาเจอฉันกับลูกได้แค่ไม่ถึงเดือน คิดว่าฉันจะลืมความลำบากที่ตัวเคยได้รับมาตลอดห้าปีได้ง่ายๆ งั้นเหรอ”
“เอาเถอะ” เขายกมือทำท่ายอมแพ้ “คุณแค่อยู่ในฐานะแม่ของลูก คอยดูแลเด็กๆ ให้ดีเป็นพอ ดูแลพวกเขาเหมือนที่คุณเคยทำ”
"และต้องทนอยู่ในบ้านที่คุณ..." ณิชชาเว้นคำพูด
"ที่นี่คือบ้านของลูก ๆ ของคุณด้วย" รามิลพูดขัด
"แต่ไม่ใช่บ้านของฉัน" หญิงสาวเม้มปาก... เธอรู้ดีว่าแม้เขาจะบอกว่าเธอเป็นแม่ของลูก แต่อนาคตน่าจะลำบากแน่ เขาคงค่อยๆ บีบให้เธอกลายเป็นคนนอกไปทีละน้อย จนในที่สุดก็อาจจะกลายเป็นคนที่ไร้ตัวตน
เธอเชื่อว่าเขาทำได้ เพราะเธอรู้ดีว่าเขาเป็นคนใจโหดเหี้ยมมากแค่ไหน
ทันใดนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ก่อนที่ คนรับใช้ชื่อมานัตจะโผล่หน้าเข้ามารายงาน
“พอดีผมได้ยินเสียงเด็กๆ งอแงน่ะขอรับ พอเข้าไปดูก็เห็นว่าคุณหนูตื่นมาแล้วไม่เจอแม่ ผมเลยพามาที่นี่”
มานัตผลุบหน้ากลับออกไป สักพักร่างเล็กจ้อยทั้งสามก็เดินเรียงแถวกันเข้ามาด้วยท่าทางงัวเงีย โดยเฉพาะเมฆาที่ขยี้หูขยี้ตาจนแดงก่ำ
“แม่ฮับ เมฆตกใจหมดเลยที่ตื่นมาแล้วไม่เจอแม่”
“เมฆร้องไห้เสียงดังมากเลยครับ ทำให้ภูกับวาตื่นไปด้วย” ภูผาขยายความด้วยท่าทีสุขุม
“น้ำกำลังฝันว่ากินไอศกรีม เมฆไม่ได้เรื่องเลยนะ” วารินกอดอก สีหน้าบูดบึ้ง ก่อนจะเหล่ตามองผู้เป็นพ่อ “ทำไมพ่อกับแม่ถึงมาคุยกันตอนมืดๆ แบบนี้ล่ะ ฟ้ายังไม่สว่างเลยนะคะ”
“นั่นสิ พ่อไม่มีความเกรงใจแม่เลย แม่ก็ง่วงนะ” ภูผาเดินมาจับมือแม่ไว้อย่างหวงแหน “แม่คับ คราวหน้าถ้าพ่อเรียกอีก ต้องปลุกภูนะคับ ภูจะไปเป็นเพื่อนแม่เอง”
ชายหนุ่มหน้าตึงเปรี๊ยะ เด็กพวกนี้ทำเหมือนเขาเป็นยักษ์เป็นมารที่น่ากลัวอย่างนั้นแหละ
"กลับไปนอนเถอะจ้ะ" ณิชชาตัดบท
"ไม่เอาฮับ...พวกเราอยากอยู่กับแม่" เมฆาเดินเข้าไปกอดขาณิชชา “แม่กลับไปนอนกับพวกเราเถอะนะ นะๆ นะคับ”
รามิลมองภาพเหล่านั้นแล้วคิ้วก็กระตุก รู้สึกตัวว่าไม่ได้สำคัญสำหรับเด็กๆ เขาจึงต้องใช้วิธีพิชิตใจเด็กในแบบที่ตัวเองถนัดที่สุด
"พรุ่งนี้โรงเรียนปิด พ่อจะพาพวกหนูไปเที่ยว" รามิลเอ่ยขึ้น
เด็ก ๆ มองหน้าเขาทันที แววตาเต็มไปด้วยความสนใจ
"จริงเหรอครับ"
“จริงหรือคะ”
"จริงสิ" รามิลยิ้มบางๆ ในขณะที่ณิชชามองรามิลด้วยความสงสัย…เขาต้องการอะไรกันแน่?
เขาหันมาสบตาเธอแว่บหนึ่ง แล้วก็เมินฉับไปมองหน้าลูกๆ และนั่นก็ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย ได้แต่ท่องไว้ให้ใจเย็น
เมื่อณิชชาเดินเข้าไปในห้องทำงานใหญ่โต รามิลนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ดวงตาคมกริบจ้องมองมาที่เธออย่างอ่านไม่ออก"เชิญนั่ง" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้นณิชชาทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามอย่างระมัดระวัง "ท่านประธานมีอะไรจะคุยกับฉันหรือคะ"“เลิกเรียกฉันว่าท่านประธานเถอะ ผมไม่ใช่เจ้านายของคุณแล้ว”หญิงสาวเม้มปากแน่น ก่อนจะตอบกลับ “ค่ะ คุณรามิลจะคุยอะไรคะ”"เรื่องลูก ๆ พวกเขาต้องได้รับการดูแลที่ดีที่สุด""ฉันก็ดูแลลูก ๆ ของฉันอย่างดีที่สุดมาตลอดห้าปี" ณิชชาตอบโต้ด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง"ผมจะ..." เขาพูดไม่ทันจบ เธอก็พูดสวน“ฉันพาลูกๆ มาอยู่ที่นี่ก็ถือว่าฉันยอมคุณมากแล้วนะคะ อย่าคิดทำอะไรให้มากนักเลย”“คุณรู้เหรอว่าผมจะพูดอะไร” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงข้างหนึ่ง“ฉันเคยทำงานกับคุณ รู้จักคุณดี พูดง่ายๆ ก็คือรู้ไส้คุณค่ะ คุณคงคิดว่าฉันคือภาระ ส่วนเด็กๆ น่ะ คุณอยากจะให้เขาเป็นคุณชายคุณหนู ของเล่นกองเท่าภูเขา ขนมของกินมากมาย กินทิ้งกินขว้างยังไงก็ไม่มีวันหมด
ณิชชานั่งกุมมือตัวเองแน่น ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความสับสนและความกังวล เธอไม่รู้ว่าควรจะเชื่อใจคำพูดของรามิลได้มากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่ทนายพูดถึงเรื่องกฎหมายก็ทำให้เธออดหวั่นใจไม่ได้"คุณณิชชาครับ คุณรามิลต้องการที่จะให้โอกาสเด็ก ๆ ได้เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุด ท่านสามารถมอบทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการได้ ทั้งการศึกษาที่ดี สังคมที่ดี และชีวิตที่สุขสบาย ดังนั้นพาลูกๆ ไปอยู่ที่บ้านพ่อของพวกเขาเถอะนะครับ" ทนายวรุตม์โน้มน้าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลหญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตากับรามิล แววตาของเขาในตอนนี้ไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนเช่นเคย กลับฉายแววของความจริงจังและความปรารถนาบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก"แล้วฉันล่ะคะ?" ณิชชาถามเสียงเบา "ฉันต้องอยู่ที่นั่นในฐานะอะไร?""คุณก็คือแม่ของลูก ๆ ของผม" รามิลตอบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ "คุณจะได้รับการเคารพและดูแลอย่างดีที่สุด ผมจะไม่ก้าวก่ายเรื่องการเลี้ยงดูเด็ก ๆ ของคุณ""คำพูดของคุณ ฉันจะเชื่อได้แค่ไหน" ณิชชาถามด้วยความไม่ไว้วางใจ"ผมรู้ว่าผมเคยทำลายความเชื่อใจของคุณ" รามิลตอบอย่างตรงไปตรงมา "แต่ผมหวังว่าเวลาและการกระทำของผมจะสามารถทำให้คุณเห็นความจริงใจของผมได้"ณิ
"ลูก ๆ ของฉันมีความสุขดีอยู่แล้ว พวกเขาไม่ต้องการพ่อที่ไม่เคยมีตัวตนในชีวิตของพวกเขามาตลอดห้าปี" ณิชชาตอบโต้ทันที"แต่พวกเขาควรจะมีพ่อ และผมต้องการที่จะเป็นพ่อคนนั้น ผมอยากจะชดเชยเวลาที่ผมเสียไป ผมอยากที่จะ...""มันสายเกินไปแล้วค่ะ ท่านประธาน มันสายเกินไปมากแล้ว" ณิชชาตอบเสียงเด็ดขาด"ไม่สายเกินไปหรอก ถ้าคุณเปิดใจให้ผม ถ้าคุณให้โอกาสผมได้พิสูจน์ตัวเอง" รามิลยังคงยืนกราน"ฉันไม่เชื่อใจคุณ" หญิงสาวตอบตรง ๆ"ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็น ผมสัญญา"ทนายวรุตม์ก้าวเข้ามาพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่แฝงไปด้วยความกดดัน "คุณณิชชาครับ คุณรามิลต้องการที่จะพูดคุยถึงเรื่องการดูแลบุตรอย่างเป็นทางการ ท่านหวังว่าจะสามารถตกลงกันด้วยดีโดยไม่ต้องถึงศาล ท่านต้องการที่จะให้เด็ก ๆ ได้รับการเลี้ยงดูที่ดีที่สุด และท่านก็ยินดีที่จะให้คุณเป็นผู้ดูแลหลัก โดยที่คุณจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากคุณรามิล""คุณหมายความว่ายังไง" ณิชชาถามด้วยความสับสนระคนสงสัย"คุณรามิลต้องการที่จะสนับสนุนทางการเงินและการศึกษาของเด็ก ๆ อย่างเต็มที่ และท่านก็เคารพการตัดสินใจของคุณในการเลี้ยงดูพวกเขา ท่านเพียงแต่ต้องการที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิ
บทที่ 5เช้าวันรุ่งขึ้น รามิลเดินทางไปยังร้าน ‘บ้านขนม ณิชชา’ อีกครั้ง ข้างกายเขามีทนายวรุตม์ยืนอยู่ด้วยท่าทีสุภาพ ราวกับเป็นเงาที่คอยสนับสนุนความต้องการของเจ้านายเมื่อรามิลก้าวเข้าไปในร้าน กลิ่นหอมหวานของขนมอบไม่ได้ทำให้บรรยากาศตึงเครียดลดลง ณิชชาก็ชะงักมือจากการจัดขนม ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความระแวงและไม่พอใจที่เห็นใบหน้าของผู้ชายที่เธอพยายามลืมเลือน ภูผามองหน้าชายแปลกหน้าด้วยความระมัดระวัง วารินจ้องมองด้วยความขี้สงสัย ส่วนเมฆาเกาะขาแม่แน่นด้วยท่าทีงอแง"ท่านประธาน คุณมาทำไมอีก หรือว่ายังอยากจะทำลายชีวิตของฉันอีกค " ณิชชาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา พยายามรักษาระยะห่างจากเขารามิลรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าด้วยคำพูดนั้น "ผมมาที่นี่เพื่อคุยกับคุณ...เรื่องลูกของเรา""ลูกของฉันค่ะ! พวกเขาเป็นชีวิตของฉัน เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมี คุณไม่มีสิทธิ์มาเรียกพวกเขาว่า ลูกของเรา" ณิชชาตอบโต้ทันที น้ำเสียงของเธอแข็งกร้าว"ณิชชา...ผมรู้ความจริงแล้ว" รามิลกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ต่ำลง "ผลตรวจ DNA ยืนยันแล้ว ผมคือพ่อของภูผา วาริน และเมฆา" ในเวลาที่พูด เขาได้หลุบตาลงมองเด็กๆ ทั้งสามคน...ไม่ใช่แค่เพียงภูผาที่หน้าตา
บทที่ 4ผลตรวจดีเอ็นเอ หลังจากรามิลเดินออกจากร้านไป ความเงียบก็ปกคลุม ‘บ้านขนม ณิชชา’ อีกครั้ง มือของเธอสั่นเทาเล็กน้อย หัวใจเต้นระรัวด้วยความกังวล ความกลัวที่เธอพยายามกดเอาไว้ตลอดห้าปีที่ผ่านมาเริ่มปะทุขึ้นอีกครั้งเขาต้องการอะไรกันแน่? ทำไมถึงเพิ่งมาสนใจเรื่องลูกในตอนนี้? คำถามมากมายวนเวียนอยู่ในความคิดของณิชชา เธอไม่เข้าใจเจตนาที่แท้จริงของรามิล การปรากฏตัวของเขาอย่างกะทันหันและการพูดถึงเรื่องลูกทำให้เธอรู้สึกหวาดระแวง"คุณแม่ฮับ คุณลุงคนนั้นเป็นใครเหรอฮับ? ทำไมหน้าตาดูไม่ค่อยพอใจเลย แล้วทำไมต้องมาที่ร้านของเราด้วย?" น้องเมฆาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตจับจ้องมองใบหน้าของณิชชาอย่างเป็นห่วง“หืม ? หนูเห็นคุณลุงด้วยเหรอจ๊ะ” เธอถาม“เห็นคับ พวกเราแอบดูตรงหน้าต่าง ไม่เห็นซื้อขนมเลย แต่ทำหน้าเหมือนจะกินแม่เลยฮับ หรือว่าเขาเป็นยักษ์แปลงตัวมา”ณิชชาฝืนยิ้มให้ลูกชายคนเล็ก ลูบศีรษะเขาเบา ๆ "ไม่มีอะไรหรอกจ้ะเมฆา คุณลุงเขาอาจจะมีเรื่องไม่สบายใจน่ะ""แต่หนูกลัวเขาจังเลยค่ะ เขาดูดุ ๆ หนูไม่อยากให้เขามาที่นี่อีก" น้องวารินเอ่ยเสียงเบา เกาะแขนณิชชาแน่น น้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อย"ไ
บทที่ 3ปริศนาในสายเลือดความสงสัยกัดกินใจรามิลราวกับหนอนไช แม้จะพยายามสะบัดความคิดเกี่ยวกับเด็กชายที่ชื่อภูผาทิ้งไป แต่ภาพดวงตาคมกริบคู่นั้นกลับตามหลอกหลอนไม่เลิก‘ทำไมถึงเหมือนฉันขนาดนั้น? มันเป็นไปไม่ได้ แต่ก็อดคิดไม่ได้’ เขาเดินวนไปวนมาในห้องทำงานอย่างกระวนกระวาย"ท่านประธานครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ" เลขาคนสนิทชื่อวิน ได้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เขาสังเกตเห็นความผิดปกติของเจ้านายมาตั้งแต่กลับมาจากสวนสาธารณะวันนั้นรามิลหยุดเดิน หันมามองหน้าวินด้วยแววตาครุ่นคิด "วิน...คุณว่าคนเราจะหน้าเหมือนกันได้มากแค่ไหน"วินขมวดคิ้วเล็กน้อยกับคำถามที่ดูเหมือนจะไม่มีปี่มีขลุ่ย "ก็...อาจจะมีบ้างครับท่านประธาน แล้วแต่ลักษณะทางพันธุกรรมน่ะครับ ทำไมเหรอครับ""เมื่อวานผมเจอเด็กคนหนึ่ง หน้าตาคล้ายผมมาก...มากจนน่าตกใจ" รามิลยอมเล่าออกมาในที่สุด"จริงเหรอครับ บังเอิญหรือเปล่าครับ" วินถามด้วยความสงสัย"ผมก็อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่..." รามิลเงียบไปครู่หนึ่ง "เด็กคนนั้นอยู่กับผู้หญิงที่ชื่อณิชชา"วินเบิกตากว้างเล็กน้อย "คุณณิชชา...คนที่เคยทำงานที่บริษัทเราเมื่อห้าปีก่อนน่ะเหรอครับ"รามิลพยักหน้า สีหน้าของเ
บทที่ 2 ลูกฝาแฝด 3 คนหลายวันผ่านไป ณิชชาเดินทางไปยังเมืองเล็ก ๆ ที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง เธอใช้เงินเก็บที่มีอยู่เพียงน้อยนิดเช่าห้องพักราคาถูก เริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างโดดเดี่ยวและสิ้นหวัง ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางและความเครียดทำให้ร่างกายของเธออ่อนแอลง แต่สิ่งที่ทรมานเธอมากที่สุดคือความรู้สึกผิดหวังในความรักและความเชื่อใจที่เธอเคยมอบให้กับรามิลและแล้ว...สัญญาณแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของณิชชาก็ปรากฏขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปหลายสัปดาห์ เธอก็เริ่มมีอาการคลื่นไส้ วิงเวียน และอ่อนเพลียอย่างหนัก ทำให้เธอเริ่มสงสัยในความผิดปกติของร่างกาย และเมื่อไปพบแพทย์ เธอก็ได้รับข่าวที่ทำให้เธอทั้งตกใจจนแทบเป็นลม...เธอตั้งครรภ์ และเป็นลูกแฝด 3 คน !!ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามาในจิตใจของณิชชา เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวในสภาพที่เธอเป็นอยู่มันยากลำบากเพียงใด และยิ่งไปกว่านั้น เด็กในท้องของเธอคือผลผลิตจากค่ำคืนอันแสนเลวร้ายกับผู้ชายที่ทำร้ายเธออย่างแสนสาหัสแต่ในที่สุด สัญชาตญาณความเป็นแม่ก็เริ่มทำงาน ณิชชาตัดสินใจที่จะเก็บเด็กไว้ เธอจะเลี้ยงดูพวกเขาด้วยความรักและความเข้มแข
บทที่ 1คืนที่ร้าวราน แสงไฟสีทองสาดส่องต้องร่างสูงสง่าของรามิล เดชาบดินทร์ ที่ยืนอยู่บนเวทีในงานเลี้ยงบริษัท ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองผู้คนเบื้องล่างด้วยความเบื่อหน่ายระคนหงุดหงิด แก้ววิสกี้ในมือถูกยกขึ้นจิบอย่างไม่ใส่ใจนัก หญิงสาวมากมายต่างจับจ้องมาที่เขาด้วยสายตาชื่นชมและปรารถนา แต่ในใจของเขากลับว่างเปล่าณิชชาในชุดเดรสสีน้ำเงินเข้มพยายามหลบเลี่ยงสายตาของผู้คน เธอรู้สึกเหมือนเป็นเพียงอากาศธาตุในงานเลี้ยงอันหรูหรานี้ หัวใจของเธอเต้นระรัวเมื่อแอบมองไปยังร่างสูงสง่าบนเวที ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามา ทั้งความรัก ความเสน่หา และความเจ็บปวดที่ฝังลึกค่ำคืนนั้น ในงานเลี้ยงปิดกล้องโปรเจกต์ใหญ่ เธอถูกเรียกตัวให้ไปช่วยงานในส่วนเครื่องดื่ม ด้วยความเกรงใจและอยากช่วยเหลือ เธอจึงอาสาชงเครื่องดื่มพิเศษตามสูตรที่เธอเคยทำให้รามิลดื่มอยู่บ่อยครั้ง แต่แล้วทุกอย่างก็พลิกผันรามิลในสภาพมึนเมา ดวงตาแดงก่ำ เดินโซซัดเซมาหาเธอที่เคาน์เตอร์ ดวงตาของเขาจับจ้องมาที่เธอด้วยความขุ่นเคืองและกล่าวหาอย่างไม่ยุติธรรม"เธอ...เธอวางยาฉันใช่ไหม!" เสียงทุ้มต่ำของเขากระแทกกระทั้น ราวกับกำลังกล่าวหาอาชญากร"ท่านประธานคะ