เป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็นที่รถเก๋งคันกลางของพลพลแล่นเข้ามาจอดข้างศูนย์อาหารที่เดิมที่เขามารับน้ำหวาน ตอนนี้ภายในศูนย์อาหารมีลูกค้าสัญจรที่แวะจอดพักอยู่มาก พลพล จึงเลือกหาที่จอดชั่วคราวเพื่อส่งน้ำหวาน พลางปลดล็อกรถให้ แล้วกอดร่ำลากัน เป็นจังหวะที่กลกันต์กำลังเดินมาเห็นพอดี
“คนเยอะมากเลยแก เดี๋ยวส่งแกแล้วฉันกลับเลยนะ”
ยังไม่ทันก้าวลงจากรถด้วยซ้ำ ร่างสูงใหญ่ที่มองเห็นรถคันนี้มาแต่ไกลเดินมุ่งหน้าเข้ามากระชากประตูหน้าข้างคนขับ
“ลงมา”
เสียงทุ้มต่ำของกลกันต์ ที่พยายามจะใช้เสียงที่ดูไม่ดุมากแล้วเอ่ยขึ้น ฝ่ามือใหญ่จับเข้าที่ต้นแขนของน้ำหวานแล้วกระชากร่างเล็กออกมา แม้จะไม่รุนแรงแต่ก็ทำให้มึนได้เหมือนกัน
“ขอบคุณมากนะพล ไว้วันหลังจะเลี้ยงชาไข่มุกนะ”
ฝ่ายพลพลที่รับรู้รังสีจากผู้ปกครองเพื่อนจึงรีบขับรถจากไป ดีๆนะ แก หวังว่าจะไม่โดนดุ
ทางฝั่งน้ำหวานที่แม้จะรู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่แผ่มาแต่ทำใจดีสู้เสือไว้ก่อน
“คือ อ อ........”
“ไปคุยกันที่บ้าน”
เพราะตอนนี้จุดที่ยืนอยู่ผู้คนพลุ้งพล่านและมีเหล่าพนักงานในไร่ที่รู้จักเขาอยู่เยอะ กลกันต์จึงเลือกที่จะสะกดอารมณ์แล้วพาน้ำหวานกลับบ้านก่อน
ตลอดเส้นทางกลับบ้านแม้ระยะทางจะสั้นๆใช้เวลาไม่มากแต่ในความรู้สึกของทั้งสองกลับยาวนาน ภายในใจของกลกันต์ร้อนรุ่มดั่งไฟ
กลกันต์กลับมาที่สำนักงานที่ส่งน้ำหวานเมื่อเช้าในเวลาเกือบสี่โมงครึ่ง ซึ่งช้ากว่าที่คิดไว้ว่าจะมารับเธอไปเกือบครึ่งชั่วโมง แต่เพราะงานในไร่มีปัญหา และไม่มีสายเรียกเข้าจากน้ำหวานจึงคิดเอาเองว่าเธอคงอยู่กับพี่นิดเพลินจนลืมเวลากลับบ้าน
เมื่อมาถึงพบเพียงพี่นิดและพนักงานคนอื่นอีกสองสามคนในออฟฟิศ จึงถามหาน้ำหวานได้ใจความว่าแยกกับพี่นิดตั้งแต่บ่ายโมงแล้ว
สามชั่วโมงครึ่งที่ไม่รู้น้ำหวานหายไปไหน ใจของเขาวูบโหวง สั่น กลัว กลัวจะต้องสูญเสีย เธอจะอยู่ที่ไหน จะมีอุบัติเหตุอะไรไหม หรือถูกใครทำร้าย สารพัดสิ่งที่เข้ามาในหัว ถ้าน้ำหวานเป็นอะไรเขาจะไม่ให้อภัยตัวเอง
ยังดีที่พี่นิดพึ่งนึกบางอย่างได้และตามมาบอกว่าน้ำหวานน่าจะเข้ามาทานข้าวที่ศูนย์อาหารหลังแยกจากกัน
กลกันต์ไม่รอช้า รีบติดต่อขอดูกล้องบันทึกภาพในช่วงเวลาดังกล่าว ภาพที่เห็นคือเธอก้าวขึ้นรถคันหนึ่ง ซึ่งเป็นคันเดียวกับที่มาส่ง และท่าทางคือยินยอมไปแต่โดยดีไม่มีท่าทีของการถูกบังคับ
ยิ่งภาพที่เห็นตอนที่เจ้าของรถกลับมาส่งน้ำหวานเป็นชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาดี ใจของเขาร้อนรุ่มราวกับมีดปลายแหลมกำลังกระหน่ำแทงลงมา เขาอยากจะอ้อมตัวไปอีกฝั่งแล้วกระชากฝากฝ่ายชายตะบั้นหน้าหนักๆ หากไม่ติดว่าคนอยู่เยอะ
“น้ำหวานขอโทษค่ะคุณกันต์ แบตมือถือน้ำหวานหมดก็เลยไม่ได้โทรมาบอกก่อน น้ำหวานไม่ได้จะกลับมาช้านะคะ แต่รถติดมากมีอุบัติเหตุระหว่างทาง ทางสัญจรเลยกลายเป็นคอขวด รถติดยาวเลยค่ะ”
เสียงหวานเอ่ยอธิบาย สองมือพนมอย่างขอโทษเพราะเห็นหน้าบูดบึ้งของกลกันต์และเข้าใจว่าเขาหงุดหงิดที่ต้องรอเธอ
“ไปไหนทำไมไม่บอก ถ้าไม่บอกฉันก็บอกพี่นิด ไม่ใช่หนีหายแบบนี้ รู้ไหมว่าสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น อายุยี่สิบแล้วทำไมเรื่องแค่นี้ยังคิดไม่ได้ แล้วออกไปใช้ชีวิตคนเดียวมันจะรอดไหม อีกเรื่องคือแบตมือถือ ทำไมไม่รู้จักวางแผน เครื่องสำรองแบตไม่มีหรือไง คราวหลังก็หัดคิดให้รอบคอบกว่านี้ ไม่ใช่แรดไปกับผู้ชายจนไม่สนว่าจะสร้างความวุ่นวายให้ใคร”
ร่างสูงร่ายยาว แม้จะไม่ยาวเท่าที่ใจอยากพูดแต่หวังว่าเธอจะสำนึกกับความผิดที่หนีเที่ยวครั้งนี้
“ทำไมน้ำหวานจะใช้ชีวิตคนเดียวไม่รอดคะ ตอนนี้ชีวิตน้ำหวานก็ไม่เหลือใคร คุณลุง คุณป้า คุณพ่อ คุณแม่ ทุกคนทิ้งน้ำหวานไปหมดแล้ว แม้แต่คุณกันต์ที่ยังอยู่ตรงนี้เคยสนใจชีวิตของน้ำหวานด้วยเหรอคะ จะเป็นจะตายก็ชีวิตน้ำหวานเอง” ปากเล็กว่าออกมาด้วยความเสียใจกับสิ่งที่กลกันต์ต่อว่าเธอ
“ปากดี หายไปกับผู้ชายนานสองนาน มันดีขนาดที่เธอต้องแอบออกไปเลยหรือไงหะ จัดกันไปกี่ยกล่ะ กลับมาแล้วหน้าศูนย์อาหารยังไม่เว้นอีก หรือพอคุณพ่อตายเลยต้องหาที่เกาะใหม่”
“มันจะมากเกินไปแล้วนะคะ น้ำหวานไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าจะผิดก็เรื่องที่ออกไปข้างนอกโดยไม่ได้บอกใคร น้ำหวานไม่อยากคุยด้วยแล้วขอตัวค่ะ”
ว่าจบคนตัวเล็กรีบเปิดประตูลงแล้วก้าวเท้าเข้าบ้าน ฝั่งน้ำหวานที่เหนื่อยตอนนี้อยากขึ้นไปนอนบิดขี้เกียจบนห้องแล้ว ผิดกับฝั่งของกลกันต์ที่อารมณ์ตอนนี้พร้อมระเบิด
“งั้นก็อธิบายมาสิ มันเป็นใคร ทำไมต้องไปกับมัน”
น้ำเสียงเข้มพร้อมอารมณ์ร้อนๆ เอ่ยมาเขาอยากฟังคำแก้ตัวจากเธอ ไอ้เรื่องที่บอกว่าเธอออกไปเพราะแรดไปหาผู้ชายเขาไม่ได้คิดจริงด้วยซ้ำ แค่พูดออกไปเพราะอยากระบายความอัดอั้นภายในใจ และให้เธออธิบายความจริงออกมา แต่เพราะน้ำเสียงและคำถามที่ดูประชดประชันเธอจึงอยากประชดคืนกลับไป
“ค่ะวันนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรมาก จัดไปไม่กี่ยก ไว้วันหลังจะไปนานกว่านี้นะคะ”
น้ำหวานที่กำลังเดินหนีจึงเอี้ยวตัวกลับมาตอบด้วยอารมณ์ที่กำลังกรุ่นๆเช่นกัน
เท่านั้นแหละสติและอารมณ์ที่กลกันต์พยายามควบคุมอยู่ขาดผึ่งออก เขาไม่อยากไตร่ตรองอะไรแล้วทั้งนั้น ตอนนี้สิ่งที่อยากทำมีเพียงจับตัวน้ำหวานเข้ามาเขย่าและคาดคั้น มันไม่จริงใช่ไหมที่เธอบอกว่าไปมีอะไรกับผู้ชายคนอื่นมา
ฝ่ายน้ำหวานที่ไม่เคยเจอกลกันต์ทำหน้าตาโมโหร้ายเช่นนี้จึงรีบวิ่งหนีขึ้นห้องไป และมีกลกันต์วิ่งตามขึ้นไปอีกที จนตามทันตอนถึงชั้นสามขณะที่น้ำหวานพยายามจะเปิดห้องเข้าไป
ร่างสูงที่ตามหลังมาจนทันจับร่างบางหันหาเข้ามาประจันแล้วดันแผ่นหลังติดกับประตูห้อง
ตึก
ใช้สองฝ่ามือแนบไว้ที่ประตูคร่อมร่างบางไว้ กลายเป็นว่าตอนนี้ทั้งสองหันหน้าเข้าหากันและอยู่ห่างกันแค่หนึ่งช่วงแขน แล้วยิ่งใกล้กันอีกเมื่อกลกันต์โน้มตัวลงมาเพราะความสูงที่ห่างกันถึงยี่สิบเซนติเมตร
“ฉัน จะ ให้ เธอ อธิบาย อีก ที” กลกันต์พูดเน้นย้ำทีละคำ
“น้ำหวานไม่มีอะไรจะบอกแล้วค่ะ พูดไปคุณกันต์ก็ไม่เชื่ออยู่ดี คุณไม่ใช่พ่อ ไม่ใช่แม่ ไม่ใช่คุณป้า ไม่ใช่คุณลุง แม้แต่ความเป็นพี่ชายคุณก็ไม่เคยให้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่น้ำหวานต้องบอกคุณ”
พูดอย่างนี้หมายความว่าไง จะบอกว่าเขาไม่มีสิทธิ์ยุ่งเรื่องของเธอ ถ้าเขาไม่มีสิทธิ์แล้วใครมันจะมีสิทธิ์กันวะ
“ในเมื่อพูดกันไม่รู้เรื่อง ก็ไม่ต้องพูดรอดูสิทธิ์ของฉันแล้วกัน”
พลั๊ก ร่างสูงที่เดินตามเข้ามาจับแขนเรียวทั้งสองข้าง หมุนเมียรักให้หันหน้าเข้าหาเขา ดันร่างบางให้ถอยหลังด้วยความระวังจนแผ่นหลังเนียนแบบติดกำแพง ภายในห้องน้ำมีเพียงเทียนหอมให้ความสว่าง และกลิ่นอโรมาอบอวลให้ความผ่อนคลาย “พี่กันต์ขา หวานอยากสระผม” พร้อมกับมือเรียวขืนออกจากข้อมือใหญ่ จับตัวหนีผมบีบให้คลายออกจากเส้นผมยาวสวยจนเส้นผมค่อยๆตกลงปิดไหล่เนียน เชิดใบหน้าขึ้น สะบัดหน้าสองสามทีให้เส้นทิ้งตัวลง นิ้วชี้เรียวยกขึ้นเกี่ยวเอาเส้นผม ก่อนใช้นิ้ววนรอบ ปากบอกอยากสระผมแต่สายตาเมียรักที่ส่งมาน่าจะอยากอย่างอื่นมากกว่า จึงโน้มตัวลงเข้าไปสูดดมผมงามที่โดนนิ้วเรียวเกี่ยวเอาไว้ “ผมหอมขนาดนี้ พี่ว่าค่อยสระก็ได้” เอ่ยบอกคนตัวเล็ก แล้วงับนิ้วเธอเบาๆ ใบหน้าคมค่อยเคลื่อนลงดมกลิ่นหอมจากเมียรัก ไล้ไปตามไหปลาร้า ขบเข้าที่คอสวยจนเกิดรอย มือหนาสองข้างเคลื่อนเข้าไปกอบกุมยอดอกงามที่ใหญ่ขยายตัวขึ้นนับตั้งแต่มีลูก “อื้อ พี่กันต์อย่าทำรอยข้างนอกนะคะ” จบคำ มือใหญ่ปล่อยจากยอดปทุมที่กำลังกอบกุมเอาไว้ให้เป็นอิสระ ก้มลงใช้ปากหยักครอบงับเข้าไปแทนที่
และแน่นอนว่าลูกของเธอหนีไม่พ้นชื่อว่าน้องน้ำผึ้ง เป็นลูกสาวสมใจอยาก ที่กลกันต์ประคบประหงมอย่าดี โดยมีทั้งคุณตา คุณย่า และบรรดาคุณอาแวะเวียนมาช่วยเลี้ยง กลกันต์เป็นพ่อสมบูรณ์แบบไม่มีที่ติ และยังเป็นสามีที่ดี ไม่มีเรื่องผู้หญิงมากวนใจ เขาทำให้เธอโตขึ้นและมีเป้าหมายในชีวิตแบบที่ไม่เคยคิดมากก่อน ช่วงนี้เธอยังคงเข้าไปเรียนรู้งานในไร่ ส่วนต่างๆ และยังเป็นเลขาส่วนตัวให้กับกลกันต์ที่ไม่ว่าที่ไหนมีเขา ที่นั่นต้องมีเธอ หลังจากที่คลอดลูกคนแรกกลกันต์เป็นฝ่ายเอ่ยกับเธอว่ามีลูกคนเดียวก็พอ เพราะไม่อยากเห็นเธอเจ็บปวดแบบนั้นอีก ยอมรับว่านับตั้งแต่ตั้งท้องและมีลูก คำว่าส่วนตัว และคำว่าสบายไม่มีอยู่จริง แต่เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขไม่สามารถหาสิ่งอื่นมาทดแทนได้ ท้ายที่สุดจึงเลือกที่จะคุมกำเนิดไว้ก่อนเพื่อรอเวลาที่เหมาะสม และวันนี้ก็เป็นวันที่เธอคิดว่าพร้อมแล้วที่จะมีลูกอีกคน เมื่อตอนนี้น้องน้ำผึ้งมีอายุสิบแปดเดือน น้องน้ำผึ้งเดินได้แล้ว และสามารถทานอาหารเองได้บ้าง ถือเป็นพัฒนาการที่ดี นอกจากนี้แล้วช่วงนี้ลูกสาวของเธอเริ่มจดจำสิ่งต่างๆรอบตัว ทำให้ต้องระมัดระวังคำพูดและกา
“แกแน่ใจนะว่าครบแล้ว” เสียงของพลพลเอ่ยท้วงมาแต่ไกลเมื่อเห็นเพื่อนสาวที่ตอนนี้อายุครรภ์ 37 สัปดาห์เข้าไปแล้ว หน้าท้องที่เคยแบนราบเริ่มโตขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้น “ครบแล้วแก นี่ฉันตรวจเช็คมาสามรอบแล้ว ของพวกนี้พี่กันต์ก็ช่วยเตรียม” หันไปตอบเพื่อนที่ดูจะเห่อกว่าเธอเสียอีก พร้อมหันไปรับแก้วน้ำผึ้งมะนาวจากกลกันต์ที่ทำหน้าที่ดูแลเธอ ตั้งแต่ที่รู้ว่าตั้งครรภ์สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือน้ำผึ้งมะนาว ถ้าไม่ได้กินจะรู้สึกเหมือนขาดบางอย่างไป จนกลกันต์กลัวว่าเธอจะกินมากไปและขอให้ลดลงกินเพียงสัปดาห์ละสองครั้ง ซึ่งเธอก็เข้าใจความห่วงใยของสามีดี ที่บอกว่าเป็นสามีนั้นก็เพราะว่าเธอและกลกันต์ได้จดทะเบียนสมรสกันไปเมื่อเดือนก่อน ดังนั้นทรัพย์สินที่ถูกจัดแบ่งตามพินัยกรรมของคุณลุงเป็นอันสมบูรณ์ และเพราะคำขอของคุณย่าและคุณตาที่อยากให้เธอและกลกันต์เป็นสามีอย่างถูกต้องตามกฎหมายถึงได้จูงมือกันไปจดทะเบียน ส่วนงานแต่งคงต้องเอาไว้ก่อน เธอไม่ได้ให้ความสำคัญกับการจัดการมาก ถึงอย่างไรก็อยู่ด้วยกันแถมยังมีลูกอีกหนึ่ง เพียงแต่กลกันต์ที่อยากจัดงานให้ถูกต้อง โดยให้เหตุผลว่าอยากป่าวประกาศเรื่
สองร่างที่กำลังกอดพูดคุยให้กำลังใจผละออกจากกันเมื่อได้ยินเสียงดังอึกกระทึกครึกโครมดังมาจากอีกด้านซึ่งอยู่หลังเวที ในตอนนี้ผู้คนในงานต่างหันไปมองทิศทางของเสียง ก่อนที่สักพักจะได้ยินเสียงโห่ร้องตามมา เสียงเพลงบนเวลาถูกปิดลงจนรอบตัวมีแต่ความเงียบ นิคที่นั่งอยู่บริเวณหน้าเวทีหันไปมองด้วยความสนใจเมื่อเห็นผู้ที่เดินขึ้นมาไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นโก๋ ย่างก้าวขึ้นบนเวทีขณะที่มือข้างหนึ่งถือไมโครโฟนและมืออีกข้างกุมอยู่ที่ข้อมือของหญิงสาวที่เขาไม่เคยพบ เจ้าของร่างกำยำอาศัยพละกำลังที่มากกว่าใช้มือกุมข้อมือน้อยๆบังคับให้นิดที่พยายามขัดขืนเดินตามแรงของเขา ไม่ว่าจะทั้งข่วนทั้งขู่ก็ไม่มีทีท่าจะโก๋จะหยุด จนสุดท้ายการฉุดกระชากจึงจบลงที่กลางเวที นิดส่ายหน้าขอร้องให้เขาหยุดการกระทำแต่โก๋ไม่สนใจเมื่อสิ่งที่จะทำต่อจากนี้เขาคิดมาแล้ว “ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะความสนุกทุกคนนะครับ” เสียงเข้มว่าออกไปโดยมีทุกคนสายตากำลังจับจ้องมาที่เขา ต่างรอลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ ผู้จัดการศูนย์อาหารที่หายไปตั้งแต่หัวค่ำ ปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมกับนิดนักบัญชีสาวโสดของไร่
พลพลที่กำลังเดินเข้าไปในครัวไม่ลืมที่จะหันกลับมามองนิคเป็นระยะ เมื่อเห็นว่านิคน่าจะอยู่คนเดียวได้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรจึงเดินเข้าห้องครัวไปชีวิตใหม่ของนิคกำลังจะเริ่มขึ้น ในฐานะแฟนแม้ไม่ใช่ความรักชายหญิงเหมือนทั่วไป แต่เขามั่นใจว่าความรักที่มีเป็นรักแท้และไม่เคยคิดที่จะทอดทิ้งตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้นเขาคิดเสมอขอให้นิคกลับมา และสัญญาว่าไม่จะเกิดอะไรขึ้นเขาจะยืนข้างนิคไม่ปล่อยมือพลพลหยุดยืนหน้าห้องครัวที่ส่งกลิ่นหอมลอยโชยออกมาตามลม เมื่อเห็นว่าประตูห้องเปิดอยู่จึงก้าวเข้าไปแต่ภาพที่เห็นทำให้ต้องชะงักเท้าเอาไว้ การมาของเขาจะเป็นก้างขวางคอคนแถวนี้หรือเปล่า เมื่อเห็นคู่รักทำอาหารหวานจนมดแทบจะขนกันลงหม้อแล้วรู้สึกยินดีกับเพื่อนที่ได้เจอรักดีๆ ที่พร้อมจะดูแล แม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดูรวดเร็ว เร็วกับการพัฒนาแต่เชื่อว่าทั้งคู่ปรับตัวเข้าหากันได้ ก็รู้จักกันมาทั้งชีวิตแล้ว และนึกขอบคุณกลกันต์ที่ให้โอกาสเขาและนิค ตลอดเวลาที่นิครักษาตัวเขาให้ความช่วยเหลืออย่างดี ทำทุกอย่างที่เขาสามารถทำได้โดยที่พลพลและนิคไม่เคยได้เอ่ยขอ สงสัยเขาและนิคคงจะต้องอยู่เลี้ยงลูกให้น้ำหวานจริงๆ“ทำแบบนี้กับข้าว
ฝ่ามือหนาของโก๋ยังคงจับยึดที่ข้อเท้าสวย บรรจงจูบซ้ำๆ พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนให้หญิงสาวที่ยังคงส่งสายตาปั้นปึ่งให้ เขาเข้าใจดีกับสิ่งที่เธอต้องการ แต่ในมุมของเขาก็ต้องการเวลาเช่นกัน ไม่ใช่อยากเก็บเป็นความลับ แต่คนใกล้กันยิ่งมีคนรู้มากหากไม่ใช่แล้วต้องแยกจากกันไปเธอจะเสียหาย ตัวเขาเองก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่สนใจคำพูดอยู่แล้ว จนวันนี้ที่ถูกเธอเมินความสนใจ รู้สึกใจจะขาด ไม่พอใจ เหมือนหัวใจถูกบีบ กลัวเธอยอมแพ้แล้วตัดใจจากเขา“จะปล่อยดีๆไหม” ไม่เพียงแต่สายตาเท่านั้นแต่น้ำเสียงที่ส่งมายังเต็มไปด้วยความโมโห“ไม่” ว่าพร้อมกระตุกเรียวขาสวยที่พยายามขืนออกจากการเกาะกุม“ได้ แล้วอย่ามาเสียใจละกัน” ว่าแล้วจึงชักเรียวขาหดเข้าหาลำตัวก่อนออกแรงเหยียดจนสุดหรือจะเรียกว่าถีบสุดกำลังใส่ร่างล่ำหนา หากแต่ผิดคาดเธอประเมินเขาต่ำไปแรงเท่ามดของเธอไม่สามารถทำอะไรกับผู้ชายถึกทึนแบบเขาได้ จึงตลบหลังเธอด้วยการจับยึดเรียวขาออกแรงพลิกร่างเล็กให้คว่ำลง“อร๊ายยย ทำบ้าอะไรเนี่ย”“พี่คิดว่าจะสู้ผมได้จริงเหรอ” ถามอย่างท้ายทาย ตัวเท่านี้จะเอาอะไรมาสู้เขา“ทำแบบนี้ทำไม”“ขี้เกียจอธิบายแล้ว” โก๋ว่าอย่างมึนๆ พร้อมโน้มตัวลงทาบทับร่างเ