สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เสียงห่าฝนเม็ดใหญ่ดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า ลมพายุพัดแรงจนต้นไม้โอนเอนไปมาเหมือนจะหักโค่นลงมาให้ได้ มองไปไกลๆ จะเห็นฟ้าแลบแปล๊บๆสร้างแสงวูบวาบให้น่าขนลุก มันผ่าลงมาเป็นระยะสร้างเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขนาดอยู่ไกลๆ ยังได้ยินอย่างชัดเจน
“แน่ใจนะว่าจะกลับตอนนี้ มันตกแรงมากเลยนะ”
เพื่อนสาวคนสนิทเอ่ยถามคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างกันด้วยความเป็นห่วง ฝนที่กระหน่ำลงมาเม็ดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีท่าทางทีที่จะเบาบางลงแม้แต่น้อยแต่ถ้าจะให้รอมีหวังเธอคงกลับไม่ถึงบ้านเสียที.......เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว
“อือ! ไปได้อยู่...น่าจะทันรถเที่ยวสุดท้ายไม่งั้นก็รอแท็กซี่ ไปก่อนนะแล้วเจอกันพรุ่งนี้”
เธอส่งยิ้มให้จินดาเพื่อนสาวคนสนิทเพียงคนเดียว ทั้งสองโบกมือลากันอย่างที่ทำทุกครั้งก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านไปพักผ่อนหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งคืน วันศุกร์ที่แสนวิเศษของนักท่องเที่ยวแต่ไม่ใช่กับพนักงานเสิร์ฟอย่างพวกเธอที่เดินจนขาลาก
เธอชื่อว่า ลูซี่ รุจิรา แอลเบอร์ หญิงสาววัย 20 ปี ลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ผู้มีใบหน้างดงาม ดวงตากลมโตสีดำ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ ผิวกายขาวเนียนดุจดังหยกขาว
คุณหนูผู้อาภัพต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวในโลกมนุษย์เพราะอุบัติเหตุเครื่องบินตกทำให้พ่อและแม่ของเธอที่กำลังบินกลับมาจากงานศพของปู่ย่าต้องจากไปอย่างตลอดกาลแถมญาติฝั่งแม่ก็ไม่เหลือแล้วสักคน
‘ตกหนักกว่าเดิมอีก เฮ้อ~ ’
ลูซี่พึมพำบ่นกับตัวเองแผ่วเบา เสียงถอนหายใจยืดยาวบ่งบอกได้ถึงความเบื่อหน่าย เธอยืนรอรถประจำทางอยู่ที่ป้ายรถเมล์มาพักใหญ่แล้วแต่สายที่จะนั่งยังไม่มาเสียทีแถมฝนยังกระหน่ำลงมาอีกรอบแล้วด้วย เธอเลยตัดสินใจวิ่งฝ่าสายฝนไปหาที่หลบที่ใหญ่กว่านี้ดีกว่าถ้าโชคดีอาจจะมีรถแท็กซี่วิ่งผ่านมา
ทุกครั้งที่ลมกรรโชกพัดมา ความหนาวเย็นก็แทรกซึมเข้าไปในกระดูกเยือกเย็นจนเธอไม่สามารถวิ่งฝ่าไปได้อีก ดวงตาคู่สวยมองไปรอบๆ เพื่อหาที่หลบและมองหารถแท็กซี่ไปด้วยแต่ทันใดนั้นสายตาของเธอก็ไปสะดุดเข้ากับ
‘บาร์เหรอ ยังไม่ปิดด้วย ดีเลยขอหลบฝนหน่อยนะ’
ลูซี่ยกกระเป๋าสะพายใบเล็กขึ้นบังศีรษะตัดสินใจวิ่งฝ่าสายฝนไปตามถนนที่เปียกแฉะ มุ่งตรงไปยังบาร์แห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากป้ายรถเมล์ที่เธอยืนอยู่ ทว่าในหัวก็เกิดความสงสัยบาร์แห่งนี้มาเปิดตั้งแต่เมื่อไร เธอนั่งรถผ่านทุกวันทุกคืนไม่เคยเห็นสักทีแต่ก็ช่างเถอะ....หนาวจะแย่
บาร์แห่งนี้จะว่าใหญ่ก็ใหญ่อยู่นะ ประตูไม้บานใหญ่หนาสีดำที่ดูแข็งแรงและโดดเด่นผิวประตูมีลายไม้ละเอียดที่ให้ความรู้สึกคลาสสิกและดูลึกลับเป็นอย่างมาก มองไล่ขึ้นไปด้านบนเหนือประตูมีป้ายไฟนีออนเป็นรูปปีกนกขนาดใหญ่แผ่กางออกอย่างสง่างาม ใต้ปีกนั้นมีตัวอักษรที่เขียนด้วยฟอนต์โบราณอ่านได้ว่า " Gates of Midnight "
‘ ชื่อร้านแปลกจัง ’
เธอพึมพำกับตัวเองก่อนจะตัดสินใจผลักประตูไม้บานใหญ่เข้าไปด้านใน เพียงแค่ก้าวเข้ามาความรู้สึกเย็นยะเยือกจากสายฝนด้านนอกก็หายลับไป กลิ่นอายของบาร์แห่งนี้แตกต่างจากบาร์ที่เธอทำงานเสริมเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่มาก แสงไฟสีแดงสลัวลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ มองไปรอบๆ ก็รู้สึกแปลกอย่างไรก็บอกไม่ถูก ทำให้เธอไม่กล้าเสี่ยงเดินลึกเข้าไปมากกว่านี้
‘ร้านจัดงานคอสเพลย์เหรอ?? แต่มันเลยวันฮาโลวีนมาแล้วนะ ’
จะคิดอย่างนั้นก็ไม่แปลกเพราะสิ่งที่เธอเห็น เงาของคนในบาร์ดูคล้ายมนุษย์แต่ก็มีบางคนที่ดูแปลกประหลาด ชายที่มีเขาเล็ก ๆ โผล่ออกมาจากหัว ผู้หญิงที่มีดวงตาเรืองแสงสีทองแถมยังมีเด็กชายที่นั่งเล่นอะไรบางอย่างที่เหมือนลูกไฟอยู่ที่มือของเขาด้วย
"หลงทางงั้นเหรอ? " น้ำเสียงทุ้มต่ำเย็นยะเยือกและแฝงไปด้วยพลังงานบางอย่างดังขึ้นจากทางด้านหลังของเธอ
ลูซี่สะดุ้งโหยงหันขวับตามเสียงทันทีก่อนจะพบกับชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนขึ้นถึงข้อศอกยืนพิงเคาน์เตอร์บาร์อยู่ เขามีดวงตาสีแดงเรืองรองเหมือนเปลวไฟในความมืด ใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปปั้นแกะสลัก
" อ่ะ คือ...หนูแค่จะมาหลบฝนแป๊บนึงค่ะ " ลูซี่ตอบเสียงสั่นเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยไม่อาจ ละจากใบหน้าของเขาได้เลย มันดูมีเสน่ห์ลึกลับจนยากจะอธิบาย
" หลบฝนหรือหลบโชคชะตากันแน่? " ชายหนุ่มยิ้มมุมปากพลางก้าวเข้ามาใกล้ๆ ส่งผลให้ลูซี่ต้องก้าวถอยหลังอย่างอัตโนมัติ เธอกำชับกระเป๋าสะพายในมือเอาไว้แน่นเพราะรู้สึกประหม่าไม่ใช่เพียงแค่หน้าตาอันหล่อเหลา
แต่เป็นกลิ่นอายความดุดันที่แผ่กระจายพุ่งออกมาจากกายของเขานั้น..........
"เอ่อ...หนูไม่เข้าใจที่คุณพูด " ลูซี่ตอบอีกฝ่ายอย่างระมัดระวังพลางขยับถอยหลังอีกนิด
เขายังคงยิ้มมุมปากและมองเธอด้วยแววตาที่พิศวง จากนั้นก็เดินผ่านตัวของเธอไปทิ้งกลิ่นกายที่แสนยั่วยวนและดูลึกลับเอาไว้
" ฟรีสำหรับคนหลงทาง " ลูซี่เหมือนโดนสะกดจิตให้เดินตามชายหนุ่ม เธอหย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้ตรงหน้าเคาน์เตอร์พลางยื่นมือไปรับแก้วไวน์จากเขา
" ขอบคุณค่ะ " น้ำเสียงสดใสตอบกลับชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้ม
แม้ในใจของเธอจะยังรู้สึกแปลกประหลาดเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ ไม่รู้ว่าทำไม.....แต่รู้สึกได้ว่าเหมือนมีสายตาหลายคู่กำลังจับจ้องมาที่เธอจากมุมมืดของบาร์นั้น มันเป็นแววตาที่ไม่อาจจะอธิบายเป็นคำพูดได้เลย
"ชื่ออะไร?" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นขณะที่เขาหมุนแก้วในมือไปมาทำให้น้ำแข็งที่อยู่ในแก้วกระทบขอบแก้วเป็นจังหวะชวนให้รู้สึกไม่สบายใจ
" ลูซี่... แล้วคุณ? " เธอถามกลับไปอย่างลังเล
" ออสติน " เขาตอบสั้น ๆ ก่อนจะยกแก้วขึ้นจิบ ดวงตาสีแดงเรืองรองของเขายังคงจับจ้องมาที่เธออย่างไม่วางตาก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นๆ
" ชื่อของเธอ...เหมือนกับแสงสว่างที่ไม่ควรอยู่ในที่มืดแบบนี้ "
ลมหนาวพัดพาหิมะโปรยปรายทั่วท้องฟ้าแห่งอังกฤษ คืนนี้คือคืนที่ทุกอย่างดูเงียบสงบ ลูซี่จับจูงมือออสตินข้ามสะพานหินเล็กๆ ไปยังคฤหาสน์แอลเบอร์ บ้านหลังใหญ่ที่เคยเป็นของพ่อเธอ สถานที่ที่บรรจุความทรงจำในวัยเด็ก แม้ว่าตอนนี้มันจะดูว่างเปล่าและเย็นเยือก" ที่นี่คือบ้านของพ่อหนู " ลูซี่เอ่ยเสียงเบา ใบหน้าซ่อนรอยยิ้มเศร้าหลังจากสำรวจคฤหาสน์อยู่พักใหญ่ พวกเขาเดินออกมาที่สวนด้านหลัง ซึ่งเป็นที่ตั้งของหลุมศพพ่อแม่ลูซี่ หิมะที่ตกหนักปกคลุมทุกสิ่งเหมือนผ้าห่มสีขาวสะอาดตา" คุณพ่อ คุณแม่ค่ะ หนูพาคนหล่อมาแนะนำให้รู้จัก ตอนนี้หนูแต่งงานกับเขาแล้วนะ " ลูซี่นั่งลงข้างหลุมศพ มือของเธอเอื้อมไปลูบแผ่นหินจารึกชื่อของพ่อแม่เธอด้วยความอ่อนโยน พลางชูมือข้างซ้ายโชว์แหวนเพชรสวยๆที่นิ้วนาง" คุณนายและคุณแอลเบอร์ ผมไม่อาจขอพรใดจากท่าน นอกจากขอให้ท่านรับรู้ว่าผมจะอยู่เคียงข้างลูซี่ ดูแลเธอด้วยทุกสิ่งที่ผมมี ทั้งชีวิตและจิตวิญญาณของผม " ออสตินย่อตัวลงข้างเธอ ใบหน้าหล่อฉีกยิ้มอย่างชอบใจก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นสายลมหนาวพัดผ่าน เสมือนเสียงตอบรับเงียบๆ จากธรรมชาติ ลูซี่ยิ้มทั้งน้ำตาขณะที่เธอเอนหัวลงบนไ
ค่ำคืนนี้ท้องฟ้ามืดมิดไร้เงาจันทร์ สายลมเย็นพัดผ่านสวนหลังของคฤหาสน์หลังใหญ่ อากาศเย็นจับใจจนเธอต้องห่อตัวในเสื้อคลุมหนา ส่วนทางด้านของออสติน เขายืนอยู่ที่ระเบียง มือทั้งสองของเขาเท้าราวเหล็ก มองท้องฟ้าสีดำสนิทด้วยสายตาที่ลูซี่ไม่เคยเห็นมาก่อนสายตาแห่งความคิดถึงและความเจ็บปวด“ ออสติน คุณคิดอะไรอยู่เหรอ? ” ลูซี่เอ่ยถามในขณะที่เดินเข้าไปหาและโอบกอดเขาจากทางด้านหลัง“ อดีต…” เขาตอบเสียงเบา แต่คำ คำนั้นกลับหนักหน่วงราวกับบรรทุกเรื่องราวนับพันไว้ในใจลูซี่เลิกคิ้วด้วยความสงสัย เธอไม่ค่อยได้ยินเขาพูดถึงอดีตก่อนที่เขาจะกลายเป็นลูซิเฟอร์เลย เธอคลายอ้อมกอดแล้วเดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆกับเขา พร้อมเอียงคอมองดูอีกฝ่ายด้วยแววตาที่อยากรู้“ เล่าให้หนูฟังหน่อยได้ไหม? ” เธอถามอย่างอ่อนโยน“ ถ้าเธออยากฟัง ฉันจะเล่า…” เขาว่าพลางจูงมือของเธอไปนั่งที่โซฟา ที่อยู่ไม่ไกลในยุคเริ่มต้นของทุกสิ่ง ออสตินเคยเป็นเทวทูตผู้สูงส่งที่สุดในสวรรค์ เขาเป็นผู้คุมแสงสว่าง ผู้ที่เหล่าเทวทูตน้อยใหญ่ต่างเคารพนับถือ“ ฉันเคยรักสวรรค์… มันคือบ้านของฉัน ” ออสตินกล่าว น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความคิดถึง“ แต่ความรักนั้นกลับกลายเป
ออสตินนั่งอยู่บนบัลลังก์สีดำอันสง่างาม เปลวเพลิงแห่งนรกลุกโชนรอบตัวเขา สายตาเต็มไปด้วยอำนาจและความหนักแน่น ปีศาจน้อยใหญ่ต่างมองเขาด้วยสายตาเคารพยำเกรง แต่เมื่อสายตาเขาหันไปสบกับลูซี่ที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ความดุดันในแววตานั้นก็อ่อนลงลูซี่ก้าวเข้ามาใกล้ ร่างของเธอสง่างามราวกับเทพธิดา แต่ในสายตาของปีศาจทุกตน เธอคือราชินีผู้สงบอำนาจแห่งความมืด........" หนูตัดสินใจได้แล้ว! ถ้าคุณจะเป็นราชาของที่นี่ หนูจะอยู่ข้างคุณ...ในฐานะราชินีเช่นกัน " ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบระยับด้วยความสุข น้ำเสียงอ่อนหวานแต่นุ่มลึกคำพูดนั้นทำให้ออสตินเบิกตากว้าง ยันกายลุกขึ้นจากบัลลังก์ทันที ก้าวลงไปรับราชินีของเขาด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความดีใจ รอยยิ้มกว้างฉายอย่างชัดเจนบนใบหน้าหล่อ" เธอตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม? " น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความหวัง“ค่ะ!! แต่ทุกอย่างต้องเป็นไรตามกติกาของหนูนะ”" กติกาของเธอ? ช่างกล้าต่อรองจังเลยนะ " ออสตินหัวเราะเบา ๆ อย่างพึงพอใจ" หนูจะอยู่ข้างคุณ แต่คุณต้องเคารพการตัดสินใจของหนู ให้อิสระที่จะเลือกเส้นทางของตัวเองและหนูจะอยู่กับคุณในฐานะคู่ชีวิต ไม่ใช่ในฐานะผู
หลังจากจัดการกับมาร์คัสในนรก ออสตินและอาคินเดินทางกลับขึ้นมายังโลกมนุษย์แต่พวกเขาไม่ได้มีเวลาให้พักผ่อน ทันทีที่ปรากฏตัวบนพื้นโลก ทั้งสองพบว่าปีศาจจำนวนมากหลุดออกมาจากรอยแยกที่เชื่อมระหว่างโลกมนุษย์และขุมนรกเสียงกรีดร้องของผู้คนดังระงม ปีศาจตัวใหญ่และตัวเล็กเพ่นพ่านไปทั่วเมือง สร้างความเสียหายและความโกลาหล" เราต้องรีบกำจัดพวกมันให้หมดก่อนที่ทุกอย่างจะพังมากกว่านี้! " ออสตินกล่าวขณะเรียกอาวุธคู่ใจของเขาออกมาส่วนทางด้านอาคินก็ใช้พลังแห่งการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว จัดการกับปีศาจตัวเล็กที่วิ่งพล่านไปทั่ว เขากระโจนไปมาระหว่างอาคาร ใช้ดาบเงินแทงและฟันปีศาจจนหายวับไปทีละตัวออสตินเผชิญหน้ากับปีศาจระดับสูงที่มีพลังแข็งแกร่งกว่า เขาใช้เปลวเพลิงจากพลังลูซิเฟอร์เผาผลาญปีศาจเหล่านั้น บ้างก็ใช้เวทมนตร์ปิดกั้นทางหลบหนี บังคับให้พวกมันต่อสู้กับเขาจนถึงที่สุดปีศาจบางตัวพยายามจะหลบหนีไปยังเขตที่มีผู้คน แต่ทั้งออสตินและอาคินทำงานเป็นทีมอย่างยอดเยี่ยม คอยสกัดพวกมันไม่ให้หนีออกไปสร้างความเสียหายเพิ่มเติมในกลุ่มปีศาจที่หลุดออกมา มีหนึ่งตัวที่โดดเด่นและทรงพลังที่สุด มันคือ " เมธัส " ปีศาจยักษ์ที่มีร่างกา
@Gates of Midnightสถานที่ลึกลับนี้ดูแตกต่างจากที่เขาจำได้ รอยร้าวขนาดมหึมาปรากฏขึ้นตรงกลางห้องโถง เหล่าปีศาจกำลังหลั่งไหลออกมาจากรอยแยกนั้น เสียงคำรามกึกก้องสะท้อนไปทั่วทั้งสถานที่" แกยังกล้ามาที่นี่อีกเหรอ ออสติน? " เจ้าของเสียงทุ้มคือราเฟลคนเดิมเพื่อนเก่า หัวหน้าผู้นำกลุ่มกบฏ เขาปรากฏตัวยืนอยู่ตรงหน้าประตูด้วยท่าทีเคร่งขรึม" ข้ามาที่นี่เพื่อปิดมัน " ออสตินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ดวงตาคมดั่งไฟจ้องมองปีศาจที่กำลังหลั่งไหลออกมา“ถ้าคิดว่าทำได้!! ก็เข้ามาสิ” ราเฟลยิ้มเยาะพลางตั้งการ์ดให้พร้อมสำหรับการปะทะกันในครั้งนี้ออสตินแสยะยิ้มออกมาอย่างชอบใจก่อนจะเปิดใช้อำนาจของลูซิเฟอร์เต็มรูปแบบ พื้นดินสั่นสะเทือนและเปลวเพลิงจากนรกก็เริ่มโหมกระหน่ำขึ้นเกมพลังแห่งความมืดครั้งใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น การต่อสู้ที่ไม่ได้เดิมพันแค่ชีวิตของออสตินแต่รวมถึงชะตากรรมของทั้งโลกมนุษย์และขุมนรกด้านของลูซี่ เธอยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางพายุที่บ้าคลั่ง พลังที่มาร์คัสปลดปล่อยออกมา เธอพยายามรวบรวมสมาธิเพื่อใช้พลังมหาศาลของตัวเองขัดขวางเขา ท่ามกลางความสับสนของพลังที่ปะทะกัน เสียงตะโกนของจินดาก็ดังแทรกขึ้น" ลูซี่!"เธอหั
ช่วงเช้าของวันใหม่ แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างในห้องนอน เธอลุกขึ้นจากเตียงและตรงเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาแต่ในระหว่างที่น้ำอุ่นกำลังไหลผ่านผิว เธอรู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ ภาพแปลก ๆ เริ่มปรากฏขึ้นในหัวของเธอมันเป็นภาพเงามืดของปีศาจและเสียงกระซิบที่ทำให้เธอขนลุกด้วยความตื่นตระหนก เธอคว้าผ้าขนหนูมาพันตัวไว้และรีบวิ่งออกจากห้องน้ำโดยลืมตัวไปว่าเธออยู่ในสภาพไม่เหมาะสม“ ออสติน! หนูเห็นแปลกๆ ภาพอีกแล้ว!.....เอ้ย! ภาพแปลกๆ ”เธอตะโกนพลางวิ่งไปที่ห้องนั่งเล่นแต่ก็ต้องชะงักทันที เพราะนอกจากออสตินที่นั่งอยู่บนตรงโซฟาแล้วยังมีอาคินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันด้วย เขาส่งยิ้มให้กับเธอก่อนจะลากสายตาลงมาเรื่อยๆ“ ลูซี่!”ออสตินเบิกตากว้างเมื่อเห็นเธอในสภาพพันผ้าขนหนูผืนเดียว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวงทันที รีบลุกขึ้นจากโซฟาตรงไปหาลูซี่ก่อนจะลากกลับเข้าไปในห้องขณะที่อาคินเลิกคิ้วขึ้นด้วยความตกใจปนขำ“คุณฟังหนูก่อน! หนูภาพบางอย่าง.....มันน่ากลัวมากด้วย”“แต่งตัวก่อนแล้วค่อยว่ากัน” เขากระซิบเสียงต่ำแต่เต็มไปด้วยความจริงจัง ก่อนจะปิดประตูห้องนอนลงเขาปล่อยให้ลูซี่แต่งตัวส่วนตัวเองก็กลับมา