เมืองโหลว จวนรับรองขององค์ชายห้า หยวนเว่ยตู้ไม่เข้าใจว่า เหตุใดตี้อ๋องถึงได้พาสตรีนางนี้มาพบนาง พอเขาแนะนำว่า ลู่เฟยเป็นอนุคนใหม่ หญิงสาวพลันมือเท้าเย็น แต่ไหนแต่ไรตี้อ๋องไม่เคยเหลวไหล นางกับเขาแต่งงานกันได้หนึ่งปีก็จริง ทว่าก่อนหน้านั้นรู้จักกันมาเป็นระยะเวลาเกือบสิบปี ดังนั้นจึงคิดว่าตนรู้จักเขาดีพอ ทว่าเป็นวันนี้ เมื่อเห็นเขาพาสตรีอื่นมาถึงที่นี่ หัวใจนางก็แหลกสลายไม่มีชิ้นดี และฟ่านฉือตี้กลายเป็นคนแปลกหน้าทันที “พระชายา ที่นี่ย่อมปลอดภัยที่สุด เราฝากอาหรานไว้ด้วย” น้ำเสียงเขาราบเรียบ สีหน้าไร้ความทุกข์ร้อน บุรุษเช่นเขาไฉนถึงกลายเป็นคนเย็นชา ทั้งทำร้ายความรู้สึกนางได้ถึงเพียงนี้ “หากตี้อ๋องต้องการความปลอดภัย ไฉนถึงไม่พานางกลับเมืองหลวง อย่างไรเรือนพักเมือง ก็ใกล้เขตสงคราม” ชายหนุ่มหลับตาลงและกล่าวว่า “เราห่วงความปลอดภัยพระชายา อีกทั้งสถานการณ์เมืองหลวงใช่ว่าจะดี ที่ป้อมเมืองโหลวมีทหารมากฝีมือดี ทั้งยังมีที่หลบภัย อีกอย่างไม่ใช่สถานที่ซึ่งชาวเสอ หรือสิบสองเผ่าต้องการรุกราน เพราะเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์” ฟ่านฉือตี้กล่าว และเขาจับจูงมือ ตั้งใจพาลู่เฟยไป
เสียงหวีดร้องดังไปทั้งเรือนพักของหยวนเว่ยตู้ อาการของนางย่อมไม่ธรรมดาแน่ “ตี้อ๋อง... เรียกตี้อ๋องให้ข้าที โอ้ ท่านพี่... ท่านอยู่ที่ไหน” หยวนเว่ยตู้น่าสงสารเหลือเกิน นางไม่คาดคิดว่าตนจะปวดท้องหนักเพียงนี้ อีกทั้งฟ้าฝนกระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา บรรยากาศชวนให้ขนลุกโดยแท้ นอกจากให้ตามฟ่านฉือตี้ คนท้องแก่ยังอยากพบพี่ชายของตนด้วย เวลาผ่านไปราวๆ หนึ่งชั่วยาม สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่ เนื้อตัวหยวนเว่ยตู้เริ่มมีสีเขียวคล้ำเป็นจ้ำๆ ใบหน้าก็ซีดสลด กระทั่งนางกรี๊ดร้องอย่างคนเสียสติ ทั้งหมอตำแย และแพทย์ต่างผงะตื่นตกใจ เนื่องจากมีเลือดสดๆ ไหลออกจากช่องคลอดนางเป็นจำนวนมาก เลือดดังกล่าวเป็นสีเข้มจัด และมีกลิ่นเหม็นคาวจัด ทุกคนแทบหยุดหายใจ เกิดความโกลาหล ทั้งสร้างความสะพรึงกลัวต่อทุกชีวิตในห้องนั้น “นะ นั่น... ใช่หรือไม่ หัวงู!” “โอ้ คือมันคือสัตว์อสูร เผ่ยหลงเฟย!” เสียงดังกล่าวสร้างความอกสั่นขวัญอแขวนยิ่งกว่าเดิม และอสูรตนนั้น พอออกมาจากร่างกายหยวนเว่ยตู้ได้ ก็แผดเสียงลั่น พอจะมีใครเข้าไปจัดการ มันก็แสยะปากกว้าง อวดฟันซี่แหลมคม เ
เมืองหลวงแคว้นต้าโจว หนึ่งปีผ่านไป ในที่สุดฟ่านฉือตี้ก็ได้เป็นฮ่องเต้สมใจอยาก ทว่าสิ่งที่เขาหวาดกลัวอยู่ลึกๆ คือ เขายังไม่ได้ศีรษะขแม่ทัพหลัว ส่วนหยวนเว่ยตู้กลายเป็นเครื่องสังเวยนับแต่เกิดเรื่องในคืนนั้น และมันทำให้เขาเสียใจอยู่มิน้อย ทว่าเพื่อความยิ่งใหญ่ สิ่งใดที่สละได้เขาก็ไม่รอช้า ถึงอย่างนั้นระยะเวลาที่ผ่านมา ลู่เฟยก็ได้ให้กำเนิดทารกเพศชายกับเขา แน่นอนเด็กคนนี้คือองค์ชายผู้งดงาม ที่ภายหน้าจะก้าวขึ้นผู้ครองแคว้นต้าโจว มิต่างจากเขา ลู่เฟยก้าวมาใกล้ๆ ชายหนุ่ม และส่งจอกสุราให้อีกฝ่าย “สุรานี้รสดี ทั้งยังช่วยให้ผ่อนคลายเพคะ” “อาหราน...เรามีหลายสิ่งแล้ว เพียงแต่...ภัยจากหลัวเจียงเฉินเป็นสิ่งที่ประมาทไม่ได้” “เรื่องนี้ไม่ยาก และไม่ง่ายนัก บิดาหม่อมฉันเป็นอิสระได้เพราะฮ่องเต้ ส่วนพี่น้องคนอื่นอยู่อย่างสงบ ดังนั้นก่อนที่หม่อมฉันจะไปทำหน้าที่สำคัญของตน ย่อมช่วยให้ฝ่าบาทได้สมหวัง” “อาหรานจะตัดหัวแม่ทัพหลัวให้เราสินะ” หญิงสาวอมยิ้ม... “หากสวรรค์กำหนดให้เขาต้องสิ้นลมหายใจ หม่อมฉันย่อมทำสำเร็จแน่” “หมายควา
ด้วยเหล่าองค์ต่างขี้ขลาด กลัวตายองค์หญิงสูงศักดิ์ จึงต้องปลอมตัวเป็นบุรุษและถูกส่งมาเชื่อมไมตรีกับชาวเผ่าดุร้ายอนิจจาเมื่อตกอยู่ในมือคนอำมหิต ทั้งบ้าอำนาจกระดูกนางคงแหลกเป็นผง!ตัวละครในเรื่องหวังรุ่ยเซียง องค์หญิงสี่แห่งแคว้นเสอโชคชะตาพลิกผลันให้เป็นตัวประกันเพื่อเชื่อมไมตรี และขอกำลังทัพเสริมเพื่อ ปกป้องบ้านเมืองจากชาวต้าฉี โดยที่นางต้องปลอมตัวเป็นชาย อีกทั้งนางมีสัญญาใจกับแม่ทัพโจว (โจวหนานตง)หวังเฉินเฟย รัชทายาทองค์ชายรอง ทำสงคราม ปกป้องแคว้นเสอ แต่ไร้ความสามารถจึง ตกอยู่ในกำมือชาวต้าฉีไต้เจิ้งซี เจิ้งซี (เจิ้งซีข่าน) ผู้นำคนใหม่ของอาณาจักร บ้างก็เรียก หม่าอ๋องไล่ซุ่นจิ่ง สหายและเพื่อนสนิทไต้เจิ้งซีลู่โต้ว นางกำนัลของหวังรุ่ยเซียง “เมื่อตกเป็นตัวประกัน ย่อมไม่ต่างจากเชลยของเผ่าหม่าซาง ข้าก็พร้อมทำทุกอย่างตามที่ท่านสั่ง ขอเพียงพี่รองมีชีวิตรอดปลอดภัย” “ดี... เด็ดเดี่ยวเช่นนี้ ช่างน่ายกย่อง” เขากล่าวจบ ความอึดอัดก็จู่โจมหวังรุ่ยเซียงอย่างไม่ทันให้ตั้งตัวร่างกายของหญิงสาวคล
รถม้าเคลื่อนตัวช้าบ้าง เร็วบ้างสลับกันไป จวบจนมีข่าวจากทหารนำขบวนมาแจ้งว่า องค์ชายรอง หรือ หวังเฉินเฟยยกทัพมาปราบกองกำลังกบฏ เรื่องนี้สร้างความดีใจแก่หญิงสาว “หากพี่รองทำสำเร็จ ข้าคงไม่ต้องเล่นละครหลอกลวงผู้อื่น การได้ตายในบ้านเกิด ย่อมเป็นสิ่งที่ข้าปรารถนาอย่างที่สุด” เมื่อรู้สึกมีความหวังนางก็ยิ้มได้ ขณะเดียวกันก็นึกถึงความเก่งกาจของพี่ชาย หวังเฉินเฟยมีความสามารถด้านการรบ อันที่จริงหากเขาเกิดเป็นบุตรชายคนโตของฮ่องเต้ ตำแหน่งรัชทายาทย่อมเป็นของเขา หวังรุ่ยเซียงรู้สึกสงบลงมาก และนางเปิดหน้าต่างมองไปด้านนอก ก่อนพบเรื่องที่น่าสงสัย มีชาวบ้านกำลังร้องห่มร้องไห้ พร้อมขอความช่วยเหลือ พวกนั้นล้วนเป็นสตรี เสื้อผ้าที่สวมก็ไม่เหมือนชาวเผ่า ราวกับว่าเดินทางมาจากเมืองใหญ่ มองอย่างไรก็ผิดสังเกต “องค์หญิงหยุดรดไม้ได้เพคะ มันไม่ปลอดภัย... ก่อนหน้านี้ท่านได้มอบสิ่งของไปมาก อาหารแห้งก็เช่นกัน บ่าวคิดว่า คนพวกนี้อาจสวมรอยมา และตั้งใจสร้างสถานการณ์บางอย่าง” “เจ้ามั่นใจหรืออาโต้ว” หวังรุ่ยเซียงถาม ใจก็ประหวั่นขึ้นมา “บริเวณนี้เป็นพื้นที่สูง อีกทั
หวังรุ่ยเซียงเดินทางไปกับคนตัวโต และนางยังคงเป็นชินอ๋องตัวตลก ซึ่งต้องอยู่เคียงข้างไต้เจิ้งซีไม่ห่าง หญิงสาวไม่ได้อยากรู้สิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับเขา ยามนี้นึกห่วงลู่โต้ว กับหวังฉินเฟย “นางกำนัลเจ้าฝีมือใช้ได้ แต่คงต้องซ่อนตัวสักพัก ข้าให้คนติดตามแล้ว หากรอดคงได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีก” หวังรุ่ยเซียงไม่แสดงความยินดียินร้ายให้เขาเห็น หากในใจนางมีความหวังขึ้น “รักษาตัวอยู่ที่นี่สักพัก เมื่อหายดี ข้าจะเรียกให้ไปนั่ง ๆ นอนๆ ในกระโจม หวังว่าเจ้าจะระบำเอวอ่อนและนวดตัวบุรุษให้คลายความเมื่อยล้าเป็น” ไต้เจิ้งซีต้องการปั่นหัวนาง “หน้าที่พวกนั้นเกรงว่าจะเป็นของสาวใช้ ข้าเป็นถึงชินอ๋อง... โปรดให้เกียรติ” “ฮ่าๆ ๆ ชินอ๋องแคว้นเสอช่างสูงศักดิ์ แต่ข้าอยากให้บุรุษเช่นเจ้ารับผิดชอบ หรือถ้าดูแคลนไม่อยากทำ ข้าก็มีทางเลือกให้” เขาว่าและมองมาที่นางซึ่งพักฟื้นอยู่บนเตียง เพราะฟกช้ำหลายแห่ง “ภายในห้าวันนี้ เจ้าต้องหาย... หากยังสำออยนอนซมอยู่ในตำหนักแห่งนี้ต่อไป ข้าจะปิดตายมันเสีย แล้วให้ที่นี่กลายเป็นตำหนักเย็นสมใจเจ้าดีหรือไม่ โอ้ และ
อึดใจต่อมา หวังรุ่ยเซียงถูกเขาจับให้ลุกขึ้น และสั่งให้นอนราบบนฟูกกว้าง และอีกฝ่ายโดยขึ้นคร่อมอยู่เหนือร่างบอบบาง สองขานางแยกกว้าง เผยให้เห็นส่วนอวมอูม และมันมีน้ำใสๆ เกาะพราวชวนให้เขาอุ่นเตียงกับนาง “เจ้ามีของดี และทั้งหอมไปทั้งตัว ทั้งหมดนี้ข้าจะเล่นสนุกกับมันอย่างไม่รู้เบื่อเลยล่ะ อีกอย่างเมื่ออยู่ในกระโจมข้า เจ้าจะแหกปากร้องเท่าใดก็ได้ เพราะอย่างไรทุกคนก็รู้แล้วว่า ชินอ๋องกำลังรับใช้หม่าอ๋องผู้เกรียงไกร หึๆ ๆ” และชายหนุ่มชอบที่นี่ มากกว่าตำหนักด้านในประตูเมือง เนื่องจากเขามักขี่ม้าลาดตระเวนพื้นที่รอบๆ อันเป็นชีวิตของคนทุ่งหญ้า ซึ่งผูกพันนับแต่เขาลืมตาขึ้นมาดูโลก “ชินอ๋อง...” คราวนี้เขาเรียกนางอย่างยั่วล้อ ตำแหน่งดังกล่าว นางหรือจะอาจเอือม แต่ทั้งเหล่าน้องชายนาง แม้แต่บิดา หรือขุนนางแต่งตั้งขึ้นเพื่อให้นางเป็นเสมือนคนที่เกียรติและมีความสำคัญของแคว้นเสอ หากความจริง มันไร้ค่า นี่คือสิ่งที่หวังรุ่ยเซียงกำลังตระหนักถึง“หากเรียกข้าเช่นนั้น ท่านก็สมควร ปล่อยข้าไปได้แล้ว” “ฮ่าๆ ๆ เจ้าล้อข้าเล่นหรือไม่ ยามนี้ข้าต้องการเชื่อมความสัมพันธ์กับแคว
ตำหนักรับรอง ด้วยหวังรุ่ยเซียงเดินทางมาอาณาจักรหม่าซางด้วยฐานะชินอ๋อง และผู้อื่นก็ล่วงรู้เช่นนั้น ผิดแต่คนอำมหิตไต้เจิ้งซี ซึ่งแน่นอนเขาย่อมกระจ่างแจ้งว่านางคือสตรีโฉมงาม และเขาจัดการนางจนบอบช้ำ โดยทุกอย่างเป็นไปตามเงื่อนไข ที่เขาเสนอ ฝ่ายนางก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ “ดี หากเสร็จข้างในตัวเจ้า เฉิงเฟยอ๋อง ผู้น่าสงสาร จะมีร่างที่ครบสามสิบสอง พร้อมวิญญาณคืนกลับบ้านเกิด” “ข้าหวังว่าท่านจะรักษาคำพูด” นางไม่ได้ท้าทาย แต่ยามนี้มีทางใดให้เลือกได้อีก “หึๆ ๆ คนเถื่อนเช่นข้ามิได้ไร้มโนธรรม กล่าวคำไหน แล้วย่อมเป็นคำนั้น” “ข้าเชื่อท่าน” หญิงสาวตอบอย่างรวดเร็ว “แต่น้องสาวเจ้า ช่างแน่น และอ่อนไหวง่ายนัก แค่นิ้วของข้า เจ้าก็ตอดรัดอย่างเร่าร้อน ดูสิ... ฉ่ำเยิ้มเพียงนี้ หรือว่าจะเสร็จก่อนข้า” “ไต้เจิ้งซี... เงียบปากของท่านเสีย แล้วจัดการข้าอย่างที่ต้องการ เพียงเท่านี้ ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามข้อตกลง” ด้วยนางฝีปากกล้าเช่นนั้น จึงทำให้ค่ำคืนที่ผ่านมา เป็นความทรงจำที่ทั้งชีวิตนี้คงไม่อาจลบภาพเหล่านั้นไปได้
สามปีต่อมา โจวฟางจื่อรู้สึกว่าวันนี้เธอทำงานหนัก ลูกค้าแวะมาซื้อของไม่ขาดสาย กระนั้นกว่าจะได้พักก็เกือบสามทุ่มกว่าๆ ร่างกายอ่อนแรง และปวดขาไปหมด ใจคิดว่าอยากอาบน้ำแล้วงีบพักสักหน่อย ช่วงเช้ามืดต้องไปจ่ายตลาด แต่รู้ว่าน้องชายสามี กำลังอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบ จากจุดนี้เธอมองเห็นไฟในห้องเขา ซึ่งรอดออกมาจากช่องหน้าต่าง ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของบ้านเปิดเอาไว้ เธอจึงรีบล้างเนื้อล้างตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ หยิบถ้วยข้าวผัดไข่ที่ทำไว้ พร้อมน้ำแกงไก่ตุ๋นที่เหลือในชามใหญ่ เธอต้องการเอาไปให้อีกฝ่ายได้กินเพิ่มพลัง เด็กหนุ่มๆ ใช้พลังงานเยอะ ร่างกายหวังเสี่ยวเกอสูงใหญ่วัยเกินวัย เมื่อยืนแล้วเธอสูงเลยหัวไหล่เขาไปเล็กน้อย แน่นอนโจวฟางจื่อไม่ใช่สตรีร่างเล็ก เธอไม่ผอมแห้ง แต่ไม่ถึงกับอวบอัด ทรวดทรงจัดว่าดี ส่วนเว้าส่วนโค้งยั่วยวนบุรุษได้ไม่ยาก แต่พักหลังเธอระมัดระวังการกิน เนื่องจากชอบของหวาน และของมันๆ เป็นพิเศษ เธอไม่อยากปล่อยเนื้อปล่อยตัว การเป็นคนสวย ย่อมสร้างความน่าสนใจให้ผู้พบเห็น และเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้เธอได้เสมอ สวยมีสมองที่ดี เช่นนี้เธอจึงอยู่รอดในโลกที่ท
โจวฟางจื่อเชื่อฟังโดยง่าย เธอลงไปในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ ย่อตัวลงแล้วเริ่มใช้ลิ้นเลียปลายหัวหยักของชายหนุ่ม ปลายลิ้นเล็กๆ สีชมพู แหย่เข้าไปที่ปลายหัวหยักตรงรูที่มีน้ำใสๆ ซึมเออ เธอเคอะเขินก็จริง แต่ดูเหมือนจะชอบที่ได้บริการเขาด้วย พอไล้เลียจนชอบใจ เขาก็ให้เธออ้าปากกว้างๆ แล้วครอบริมฝีปากลงไปจมมิดลำ จากนั้นมือใหญ่จับศีรษะหญิงสาวโยกเข้าโยกออก ด้วยความเสียวซ่านจับใจ “อาจื่อ เธอมันยอดเยี่ยมสมราคาที่อั๊วซื้อมาจริงๆ” เขาว่าและครางอย่างมีความสุข ส่วนโจงฟางจื่อได้แต่ทำตามที่ใจเขาต้องการ ขณะเดียวกันคนที่แอบดูอยู่ใจเตลิดไปไกล ร่างกายร้อนรุ่ม พี่ชายเขาเป็นพวกมากตัณหา ส่วนพี่สะใภ้คือคนที่ต้องรองรับอารมณ์หื่นโหดอย่างไม่อาจต่อต้าน ถึงอย่างนั้นหวังเสี่ยวเกอก็ชอบใจ เขาเห็นว่าเธอไม่ขัดขืน ทั้งตัวสั่นนิดๆ ผิวเนื้อขาวๆ เป็นรอยแดงระเรื่อ เขาก็อยากมีโอกาสปลดปล่อยความสุขเช่นนั้นกับโจวฟางจื่อบ้าง และจากห้องน้ำใหญ่ ทั้งคู่ล้างเนื้อล้างตัว แล้วกลับเข้าห้อง แต่แทนที่จะเตรียมตัวไปทำงาน หวังต้าเซียนซี ที่ยังมีอารมณ์อยู่ก็กระชากเสื้อผ้าโจวฟางจื่อออก แล้วจับเธอให้คว่ำห
แอคเค่อสาวฮอตปรอทแตกชื่อดัง ทะลุมิติมาอยู่ในนิยายเรื่อง ‘ตำนานรักหม้ายสาวหัวใจแกร่ง’ ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยรับบท โจวฟางจื่อ ซึ่งสามีหายสาบสูญ ทิ้งให้เธอดูแลแม่ของเขาซึ่งป่วยเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น เขามีน้องรองที่เอาแต่ใจใช้ชีวิตเหลวแหลก และช็อคยิ่งกว่าก็คือ อาตี๋เล็กสุดหล่อล่ำคลั่งรักเธอ และวันนี้ เธอพอแล้วสำหรับความเฮงซวย ที่ต้องเล่นบทนางเอกเจ้าน้ำตา จากนี้เธอจะเปลี่ยนบทและชีวิตอย่างคุ้มค่า พร้อมบริหารความสวยหมวยเอ็กซ์ให้ซู่ซ่า แบบที่โลกนี้ต้องจำ ฮึ ก็แค่ขึ้นควบขี่มังกรสองลำ ถ้าเพิ่มเป็นสามสี่ห้าลำอวบๆ เมื่อไหร่ ค่อยกล่าวหาเธอร่านสวาท แบบนั้นถึงจะยอมรับแต่โดยดี ตัวละครในเรื่องสะใภ้ใหญ่บ้านหวัง โจวฟางจื่อ อายุ 25 ตัวเอกของเรื่อง (ชื่อเดิมลู่หราน แอคเค่อสาวพราวเสน่ห์)หวังต้าเซียนซี (ต้าเกอ) สามีที่หายตัวไปอย่างเงียบๆหวังเจ๋อหยวน นักแสดงสมบท น้องรองบ้านหวังหวังเสี่ยวเกอ ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับใครในบ้านซ่งถิง แม่สามีป่วยความจำหลงๆ ลืมๆไป๋อี้ถง เด็กสาวข้างบ้าน ถงถง (ชื่อเล่น)เมิ่งเหยา มารดาถงถง*************************ทั้งที
“แต่ข้าไม่ได้ทำสิ่งที่ฮองเฮาพูดแม้แต่น้อย” อวิ๋นตวน ไม่อาจทนให้หลิวลั่วอี้ขึ้นเสียงและต่อว่าตน นางปรี่เข้ามา หมายตบใบหน้างามหยาดเยิ้ม แต่เป็นยามนั้นที่หลิวลั่วอี้ปัดมืออีกฝ่ายออกได้ทัน “บัดซบ เหตุใดถึงกล้าขัดขืนข้า” “ข้ามิใช่เพียงหวงกุ้ยเฟย หากยังเป็นลูกสาวของแม่ทัพ และพี่ชายข้าดูแลเมืองใหญ่หลายเมืองให้แคว้นนี้” “จริงอย่างที่เจ้ากล่าว เช่นนี้เจ้าถึงกล้าคิดการณ์ใหญ่ หวังให้ฝ่าบาทยกเจ้าขึ้นมานั่งบัลลัก์แทนข้าเยี่ยงไรเล่า” หลิวลั่วอี้ยิ้ม พลางคิดแผนต่างๆ ในใจ และเอ่ยว่า “ฮองเฮาต้องการให้ข้าตาย และสารภาพในหนังสือยอมรับความผิด แล้วท่านจะมอบยาแก้พิษให้แก่ฝ่าบาท” “นั่นคือเจตนาของข้า เจ้าทำได้หรือไม่ และความผิดนี้ จะไม่สืบถึงสกุลหลิว หรือบ่าวรับใช้ที่ติดตามเจ้า” “ก่อนที่จะตัดสินใจทำสิ่งใด ขอให้ฮองเฮายืนยันเสียก่อนว่า ท่านคือผู้ตั้งใจวางยาหม่อมฉัน และเป็นเหตุให้ ฝ่าบาทรับพิษแทน” “ฮึ... ในวังหลังใครจะเกลียดเจ้าเท่าข้าได้อีกเล่า!” “ขอบพระทัยฮองเฮาที่แจ้งเจตนาตน เช่นนั้น ขอให้ท่านวางใจได้ ว่าแต่เดิมหม่อมฉันย่อ
หลังจากดื่มด่ำความสุขไปสามรอบๆ ติดกัน ท้องอู๋เหยากวนรู้สึกว่าหิว ยามนี้เขาอยากกินของหวานกับเครื่องดื่มดีๆ คงทำให้เป็นสุขยิ่งขึ้น ยามนั้นดวงตาคมกริบหันไปเห็นถังหูลู่ที่ห่างออกไป และมันช่างยั่วเย้าความยาก น้ำตาลเคลือบผลไม้คล้ายจะเย้ายั่วให้เขาต้องการเพิ่มความหวานเข้าสู่ร่างกาย “เสี่ยวอี้ เจ้าคิดจะเก็บของหวานไว้กินคนเดียวสินะ” เมื่อเขาเอ่ยจบจึงหยิบถังหูลู่ไม้หนึ่งขึ้นมา จากนั้นก็กัดส่วนที่เป็นพุทราไปหนึ่งคำโตๆ สิ่งที่เขารู้สึกได้ คือความกรอบ หวาน และมีกลิ่นมึนเมาเล็กน้อย แต่นอกจากถังหูลู่พุทรา ยังมีฉาวเหมยสีสดที่มาจากภาคเหนือ และเขาเลือกหยิบขึ้นมา คราวนี้กัดไปหลายคำ ซึ่งหลังจากนั้น ราวๆ ชั่วเวลาน้ำชาพองตัว เขาปวดหัวอย่างรุนแรง ดวงตากลมโตลืมขึ้นช้า ๆ หลิวลั่วอี้ ใช้แรงรับศึกหนักจากอู๋เหยากวนไปหลายกระบวนท่า นางจึงผล็อยหลับ แต่เมื่อลืมตาตื่น ก็เห็นชายหนุ่มนอนนิ่งๆ อยู่บนตั่งไม้กว้าง “ฝ่าบาท... เกิดสิ่งใดขึ้น” หญิงสาวร้องเสียงสั่น และเข้ามาจับเนื้อตัวเขา ก่อนพบว่าแม้ยังอุ่นอยู่ แต่การหายใจเบาจนน่าวิตก “ใครอยู่ที่นี่ ไปเรียกหมอหลวงที” หล
เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน การอยู่ที่ตำหนักจันทร์ฉายที่อู๋เหยากวนมอบให้ เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย ทว่าเมื่อหลิวลั่วอี้โดดเด่นขึ้นเหนือสตรีคนอื่น ย่อมมีผู้คิดร้าย ซึ่งแน่นอนฝ่ายที่ขวัญกล้าเทียมฟ้าทำเรื่องชั่วช้า ย่อมไม่พ้นนางแมงป่องพิษอวิ๋นตวน สิ่งที่เกิดขึ้นช่วงนี้ หลิวลั่วอี้ประเมินแล้วเข้าใจได้ว่า ไม่ปลอดภัยต่อชีวิตตน กระนั้นนางอยู่ที่นี่ ในโลกซึ่งต้องสะสมคะแนน เพื่อให้ตนทำภารกิจต่างๆ สำเร็จ สุดท้ายนางจะได้กลับคืนโลกที่จากมา แม้เสี่ยงภัย แต่เมื่อชีวิตในโลกคู่ขนานนานวันเข้า หญิงสาวรู้สึกชอบ อีกทั้งได้โบนัสมากมาย ฝ่ายอู๋เหยากวนหลังจากฟังรายงานน่าเบื่อหน่ายจากเหล่าขุนนางเรียบร้อย เขามักมาขลุกอยู่กับหลิวลั่วอี้ “เสี่ยวอี้ของข้า มีสิ่งใดให้ขบคิดเยี่ยงนั้นหรือ” อู๋เหยากวนถาม และดึงมือเรียวสลวยไปจูบหลังมือ แม้ไม่ได้มากด้วยแรงปรารถนา กระนั้นก็ทำให้นางหลับตาพริ้ม ยามนี้หัวใจหลิวลั่วอี้ไหวโอน และยอมรับอย่างลึกๆ ว่า ห่วงหาห่วงใยบุรุษผู้นี้ เขามีอำนาจล้นเหลือ หล่อเหลา และทรงพลังในยามอุ่นเตียง ผิดกับผู้ชายทุกคนที่นางเคยรู้จัก หลิวลั่วอี้มองอู๋เหยากวน พลางคิดถึง
เกือบหนึ่งเดือนแล้วที่หลิวลั่วอี้ ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นพระสนมคนโปรด (ในที่นี่กำหนดให้เป็น หวงกุ้ยเฟย) ซึ่งมีฐานะเป็นรองก็แค่ฮองเฮาหนึ่งขึ้น เรื่องที่เกิดขึ้นเหนือความคาดหมายของผู้คนยิ่งนัก แต่สำหรับหลิวลั่วอี้ ย่อมทราบดีว่า ทุกอย่างก็แค่ฉากหนึ่งในระบบที่นางโผล่เข้ามา เหนืออื่นใด ยามนี้นอกจากจะต้องทำให้ตนกุมหัวใจอู๋เหยากวนให้ได้ โดยที่เขายกนางขึ้งเป็นสตรีที่ควบคุมวังหลัง นอกจากมีตราหงส์ในมือ นางยังต้อง ทำให้ตนเป็นผู้กุมอำนาจอย่างแท้จริง จากนั้นระบบจะส่งตัวนางกลับโลกปัจจุบัน ทุกอย่างดูเหมือนจะง่าย และยามนี้ผู้อื่นที่อยู่รอบกายนาง ก็เป็นเพียงตัวละครที่สติปัญญาตื้นเขิน บางครานางต้องแปลกใจ เพราะพวกเขาโผล่ไปโผล่มา บ้างก็หายไปเสียดื้อๆ ส่วนคนที่นางพบหน้ามากที่สุด ย่อมเป็นอู๋เหยากวน และยามนี้ เขามีความเครียด นั่นเป็นเพราะขุนนางฝั่งหนึ่ง ยื่นฎีกาให้ถอดหลิวลั่วอี้จากตำแหน่งหวงกุ้ยเฟย “หากสิ่งที่พระองค์ไม่สบายใจเกี่ยวกับหม่อมฉัน เรื่องนี้นับว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง” “เฮ้อ ทุกอย่างล้วนเป็นเราที่ไม่เด็ดขาดกับคนพวกนั้น ทั้งที่เจ้าก็คือคนโปรด เป็นสตรีที่มีจิตใจเมตตา
ยามนั้นหลิวลั่วอี้ จงใจทำให้ซย่าพ่านเอ๋อร์ขึ้นสวรรค์ให้เร็วที่สุด หากอีกฝ่ายเสร็จสมจากการเล้าโลมครั้งนี้ คงยากเหลือเกินที่จะมีแรงลงเหลือให้อู๋เหยากวนร่วมรักอย่างโลดโผน กัวซาหัวเห็ดที่ใหญ่กว่าในโรงฝึกบุปผาทองคำ ถูกนำออกมา จากนั้นหลิวลั่วอี้ จึงใช้มันแตะวนไปมาเหนือแอ่งเนื้อนูนของซย่าพ่านเอ๋อร์ “อี้ เอามันออกไป” ปากนางบอกเช่นนั้น แต่ซย่าพ่านเอ๋อร์ดูดนิ้วมือหลิวลั่วอี้แรงขึ้น ส่วนมือนางบีบยอดถันของตนอย่างกระสัน ราวกับปรารถนาที่จะเสร็จสมให้เร็วที่สุด หลิวลั่วอี้เลยไม่รอช้า นางส่งกัวซาหัวเห็ดแทรกลึกเข้าไปในเนื้อสาว ยามนั้นซย่าพ่านเอ๋อร์บิดกายไปมา ก่อนสั่งให้หญิงสาวทิ่มแทงตนเองแรงๆ ขณะเดียวกันหลิวลั่วอี้ ใช้สายตาเชิญชวนปั๋วอ๋อง และเขาลุกขึ้นจากบ่อน้ำพุ ค่อยๆ ก้าวมายังพื้นที่ซึ่งเป็นส่วนรับรองนี้ “อื้อ... ฝ่าบาท ชอบเข้าข้างหลังเช่นนี้หรือเพคะ” “แล้วเจ้าเล่าคุณหนูหลิว ถูกฝึกให้รับรองข้า ทุกส่วนหรือไม่” หลิวลั่วอี้ครางเสียงหวานๆ และไม่ได้ตอบเขา หากยกบั้นท้ายของตนขึ้นเล็กน้อย ตั้งใจให้มันสัมผัสกับแก่นกายของชายหนุ่มที่ยามนี้ผงกหัวไปมาอย่างกร
เมื่อซย่าพ่านเอ๋อร์กล่าวจบ ภาพจึงตัดมายังบ่อน้ำพุร้อนในทันที ดวงตากลมโตมองไปยังร่างงามสง่า ที่มีกล้ามเนื้อแต่พอดี ทั้งใบหน้าหล่อเหลาอย่างหาใครเทียบได้ หากจอนห์ดาราหนุ่มที่กระแทกหลิวลั่วอี้จนนางทะลุมิติเข้ามาในโลกคู่ขนานนี้ คือเทพบุตรแห่งชาติ ฮ่องเต้ก็คือเทพเซียนที่สวรรค์ประทานลงมาให้ ทุกชีวิตสยบแทบเท้าเขา และจอภาพปรากฏขึ้นตรงหน้าหลิวลั่วอี้ ‘500 คะแนน หากทำให้ปั๋วอ๋อง เลือกร่วมรักกับเจ้าเป็นคนแรก!’ แต่เพื่อดูเชิงซย่าพ่านเอ๋อร์ ยามนั้นหลิวลั่วอี้ จึงให้นางเริ่มก่อน และไม่ได้มีสิ่งใดน่าตื่นเต้นสำหรับหลิวลั่วอี้สักนิด สิ่งที่ซย่าพ่านเอ๋อร์กระทำ เรียกว่าตื้นเขิน และแน่นอน บุรุษที่เย็นชา ทั้งยังเมินเฉยต่อสตรีที่เขาไม่อยากสนใจ ยังหลับตาพริ้ม ปล่อยใจไปกลับน้ำพุ ทั้งเสียงนักร้องอย่างเป็นธรรมชาติ ซย่าพ่านเอ๋อร์ ใจกล้าอยู่สักหน่อย นางเปลื้องผ้าทั้งหมด และก้าวไปหาอู๋เหยากวน หรือก็คือปั๋วอ๋อง ซึ่งฝ่ายนั้นก็ไร้อาภรณ์ในปกปิดกายแกร่ง “หากฝ่าบาท ไม่พอใจ เจ้าระวังหัวจะหลุดจากบ่า” เสียงกงกงชราเอ่ยขึ้น และดวงตากลมโตของหลิวลั่วอี้สอดส่ายมองหา กระทั่